คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 4: หลักธรรมและพิธีการเบื้องต้น แห่งพระกิตติคุณ


บทที่ 4

หลักธรรมและพิธีการเบื้องต้น แห่งพระกิตติคุณ

เราจะดำเนินชีวิตอย่างชื่อสัตย่ในการเชื่อฟังหลักรรรม และพิธีการเบื้องต้นแห่งพระกิตติคุณและอดทนจนถึงที่สุดได้อย่างไร?

บทนำ

ความบริสุทธึ้และความศักดี้สิทธี้ในชีวิตและอุปนิสัยเป็นความปรารถนาของสิทธิซน ยุคสุดท้ายที่ซื่อสัตย์ทุกคน ประธานฮาโรลต์ บี. ลี สอนว่า หนทางสู่ความบริสุทธี้และ ความศักดี้สิทธี้ คือ การยอมรับหลักธรรมและพิธีการที่ข้อแรกของพระกิตติคุณ ได้แก่ ศรัทธาในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ การกลับใจ บัพติศมา และรับของประทานแห่งพระ วิญญาณบริสุทธี้ จากนั้นก็อดทนจนถึงที่สุดในการรักษาพระบัญญัติทุกข้อของพระผู้ เป็นเจ้า ท่านกล่าวว่า

“กฎที่พระผู้เป็นเจำประทานแก่มบุษย์ปรากฏอยู่ในแผนพระกิตติคุณ และศาสนา จักรของพระเยซูคริสต์มีความรับผิดชอบในการสอนกฎเหล่านี้ต่อโลก พระบีตาบน สวรรค์ประทานกฎเหล่านี้เพราะทรงมีจุดประสงค์แต่เพียงอย่างเดียว นั้นคือท่านที่กฎ ปกครอง ย่อมได้รับการคุ้มครองโดยกฎ ถูกทำให้ดีพร้อม และ’ชำระให้บริสุทธี้ หรือ ทำให้ศักดี้สิทธ[ดยกฎเดียวกันนี้ (ดู ค.พ. 88:34) ของประทานยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระ ผู้เป็นเจ้าประทานแก่เรา คือ ของประทานแห่งความรอดในอาณาจักรของพระองค์”1

ท่านสอนด้วยว่า “ความรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้าและพระเยซู พระบุตรของพระองค์ จำเป็นต่อชีวิตนิร้นดร้ แต่ต้องรักษาบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าก่อนจึงจะได้ความรู้ หรือความรู้แจ้งนั้น”2

บทนี้จะบอกว่าหลักธรรมและพิธีการที่ข้อแรกแห่งพระกิตติคุณและการอดทน จนถึงที่สุดในความชอบธรรมนำเราไปสู่ชีวิตนิรันดรอย่างไร

คำสอนของฮาโรลด์ บี. ลี

ศรัทธาคืออะไร และศรัทธาจะเป็นแนวทางให้กับความพากเพียร เพื่อเราจะรับชีวิตนิรันดรโต้อย่างไร?

ศรัทธาที่ใช้กับศาสนาเป็นหลักธรรมพื้นฐานของศาสนาและแน่นอนว่าเป็นที่มาของ ความชอบธรรมทั้งมวลที่ซี้แนวทางให้มนุษย์มีความพากเพียรเพื่อให้ได้มาซึ่งชีวิต นิรันดรในโลกที่จะมาถึง อีกทั้งมีศูนย์รวมอยู่ในพระผู้เป็นเจ้าซึ่งผู้ที่มีศรัทธาถือว่าพระ องค์ทรงเป็นที่มาของพลังอำนาจและปัญญาทั้งสินในจักรวาลและทรงเป็นดวงความรู้ แจ้งที่บัญชา “สิงทั้งปวงที่มองเห็นหรือมองไม่เห็นอันแสดงถึงพระปรีชาญาณของ พระองค์” โดยศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า ท่านจะ…สามารถประสานสอดคล้องกับพระ ผู่ไม่มีที่สุดได้ โดยอำนาจและปัญญาที่ได้จากพระบิดาบนสวรรค์ ท่านจะสามารถ ควบคุมพลังของจักรวาลและท่าให้อำนาจนี้รับใช้ท่านในยามต้องการเพื่อแก่ไขปัญหา ที่ใหญ่หลวงเกินกว่ากำลังหรือสติปัญญาของมนุษย์อย่างท่านจะท่าได้

[เรา] จะพัฒนาศรัทธานึ๋ได้อย่างไร? คำตอบคือ โดยการคืกษา การปฏิบัติ และ สวดอ้อนวอน อัครสาวกเปาโลถามว่า “ผู้ที่ยังไม่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์ อย่างไรได้ และเมื่อไม่มีผู่ใดประกาศให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้” (โรม 10:14) เราต้องตอบคำถามนี้ เพราะพวกเขาตอบไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ศรัทธาจึง เกิดขึ๋นได้[ดยการได้ยินพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าจากผู้ประกาศความจริง การประ กาศความจริงเรื่องพระผู้เป็นเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์เปรียบได้กับการ หว่านเมล็ดพืช ซึ่งหากเมล็ดดี ย่อมงอกและเติบโตในใจท่านตามสภาพต่อไปนี้ หนึ่ง ต้องหว่านเมล็ดพืชในดีนที่อุดมสมบูรณ์ของความจริงใจและความปรารถนาที่แห้จริง สอง ต้องเพาะด้วยการดีกษาและการด้นคว้าอย่างพากเพียร และสาม ต้องรดนี้าด้วย “หยาดนี้าด้าง” ทางวิญญาณที่เหมาะสม และได้รับความอบอุ่นจากลำแสงแห่งการ ดลใจที่มาจากการสวดอ้อนวอนที่ถ่อมใจ การเก็บเกี่ยวจากการหว่านเช่นนั้นจะมาถึง เฉพาะบุคคลที่ปฏิบัติตามความจริงที่ได้เรียนรู้และขจัดบาปออกจากชีวิต และท่าให้วัน เวลาของเขาเต็มไปด้วยความประพฤติที่มุ่งในการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ที่เฃามีศรัทธาในพระองค์ และในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ของเขา3

โดยศรัทธา บัญญัติสิบประการจากเขาซีนายถูกเปลี่ยนจากคำพูดซํ้าซากของนัก ปรัชญามาเป็นสุรเสียงกังวานของผู้มีอำนาจจากเบื้องบน และคำสอนของศาสดากลาย เป็นพระวจนะที่ได้รับการเป็ดเผยของพระผู้เป็นเจ้าที่นำเราไปสู่บ้านแห่งอาณาจักรชั้น สูง…โดยศรัทธา เราจะเช้าใจว่าสิงใดส่งผลให่ชีวิตเป็นไปตามมาตรฐานของพระเยซูที่ ว่า “เหตุฉะนี้ ท่านที่งหลายจงเป็นคนดีรอบคอบเหมีอนอย่างพระบิดาของท่าน ผู้ทรง สถิตในสวรรค์ทรงเป็นผู้ดีรอบคอบ” [ม’ทธิว 5:48] สิงนั้นเป็นไปเพื่อความดีและ เพื่อประโยชน์นิรันดร์ฃองเรา แม้ว่ากระบวนการขัดเกลานั้นอาจทำให้เราต้องได้รับ การดีสอนอย่างรุนแรงจากพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงปรีชาญาณในทุกเรื่องก็ตาม “เพราะ องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดีสอนผู้ที่พระองค์ทรงรัก และเมื่อพระองค์ทรงรับผู้ใดเป็น บุตรพระองค์ก็ทรงดีสอนผู้นั้น” [ฮีบรู 12:6]4

ลูกทุกคนต้องเรียนรู้ว่า การเสียสละเท่านั้นที่สามารถทำให้ศรัทธาที่เพียงพอต่อ ความดีพร้อมเติบโต และหากเขาไม่เรียนรู้ที่จะเสียสละความอยากและความปรารถนา [ทางกายภาพ] เพื่อเชื่อฟังกฎชองพระกิตติคุณ เขาจะไต้รับการชำระให้บรีสุทธ์ หรือ ถูกทำให้ศักดสิทธ์ต่อพระพักตร์พระเจ้าไม’ไต้5

ทำไมต้องกลับใจทุกวัน?

เพื่อให้เมล็ดพืชผลิดอกออกผล เราต้องหมั่นรดนั้าพรวนดินอยู่เสมอ และ เพื่อให้ เป็นคนชอบธรรมอย่างแห้จริง จะต้องมีการลิดกิ่งก้านของความชั่วร้ายที่งอกงามอยู่ ในนิสัยของเราออกไปโดยการกลับใจจากบาปทุกวัน…

แล้วมีฃั้นตอนอะไรบ้างที่จะพาไปสู่เส้นทางชองการกสับใจนี้เพื่อให้มีค่าควรต่อการ ให้อภัยของพระผู้เป็นเจ้าโดยทางการไถ่แห่งการเสียสละทางการซดใช้ของพระอาจารย์ และไต้รับสิทธิพิเศษของชีวิตนิรันดรในโลกที่จะมาถึง? พระบิดาผู้ทรงปรีชาญาณใน ทุกเรื่อง โดยที่ทรงเห็นล่วงหน้าว่า บางคนจะถลำเข้าไปในบาปและทุกคนจำเป็นต้อง กลับใจจึงทรงจัดเตรียมแผนแห่งความรอดที่กำหนดเส้นทางอันขัดเจนสู่การกสับใจไว้ ในคำสอนของพระกิตติคุณ และโดยผ่านศาสนาจักรของพระองค์

ขั้นตอนที่หนึ่ง ผู้ทำบาปต้องสารภาพบาป “โดยสิงนี้เจ้าจะรู้หากคนกลับใจจากบาป ชองเขา-ดูเถิด เขาจะสารภาพมันและทิ้งมัน” (ค.พ. 58:43) ต้องสารภาพกับคนที่ ท่านไต้ทำผิดต่อเขาหรือเธอมากที่สุดก่อนการสารภาพที่จริงใจไม่ใช่แค่การยอมรับผิด หลังจากหลักฐานปรากฏให้เห็นอย่างเด่นขัดแล้วเท่านั้น หากท่าน “ทำให้คนเป็นอัน มากขุ่นเคืองโดยเป็ดเผย” ท่านก็ต้องยอมรับอย่างเปิดเผยและต่อหน้าคนที่ท่านได้ ทำให้เขาขุ่นเคือง เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านละอายใจ ถ่อมใจ และยินดีรับคำตำหนิ ตามสมควร หากการกระทำของท่านเป็นความลับและไม่ไต้ทำให้ผูใดเสียหายนอก จากตัวท่านเอง การสารภาพชองท่านควรทำในที่ลี้ลับ เพื่อพระบิดาบนสวรรค์ของ ท่านผู้ทรงไต่ยนในที่ลี้ลับจะประทานบำเหน็จแก่ท่านอย่างเปิดเผย การกระทำที่อาจ จะส่งผลต่อสถานะของท่านในศาสนาจักร หรืออภิสิทธ์ หรือความเจริญก้าวหน้าของ ท่านในศาสนาจักร ต้องสารภาพโดยทันทีต่ออธิการผู้ที่พระเจ้าทรงแต่งตั้งให้เป็นผู้ ดูแลฝูงแกะและไต้รับมอบหมายให้เป็นผู้พิพากษาสามัญในอิสราเอล เขาจะพิงการ สารภาพดังกล่าวในที่ลับจะจัดการอย่างยุติธรรมและด้วยความเมตตา ตามเหตุอัน ควรในแต่ละกรณี…หลังจากสารภาพ ผู้ทำบาปต้องแสดงให้เห็นถึงผลของการกลับใจ โดยทำดีให้เท่ากับหรือมากกว่าความผิดที่ทำลงไป เขาต้องทำการซดใช้ที่เหมาะสม ตามขีดจำกัดแห่งอำนาจของเขา เพื่อคืนสิงที่เขานำไปหรือซดเชยความเสียหายที่ทำ ไว้ คนที่กลับใจจากบาปพร้อมทั้งละทิ้งบาปเหล่านั้น และไม่กลับไปทำซํ้าอีก จะมี สิทธึ้ตามคำสัญญาของการอภัยบาป หากเขาไม่ได้ทำบาปที่ยกไม่ได้ ก็จะเป็นดังที่ ศาสดาอิสยาห้ประกาศไว้ “ถึงบาปของเจ้าเหมือนสีแดงเข้ม ก็จะขาวอย่างหิมะ ถึง มันจะแดงอย่างผ้าแดงก็จะกลายเป็นอย่างขนแกะ” (อิสยาห้ 1:18)6

ขอให้เรายอมรับความจริงช้อนี้ เราล้วนแต่ทำในสิงที่ไม่ควรทำ หรือไม่ก็ละเลยสิง ที่เราควรทำ ด้วยเหตุนี้เราจึงทำความผิด และเราทุกคนจำเป็นต้องกลับใจ มารซึ่ง ดำรงอยู่ทั้งแต่โบราณกาลจะทำให้ท่านเชื่อว่าถ้าท่านทำความผิดอย่างหนึ่งไปแล้ว ทำ ไมท่านไม่ทำความผิดต่อไปเล่า? ซาตานกำลังพยายามบอกท่านว่า ไม่มีโอกาสหวน กลับ แต่ท่านต้องหันหน้าเช้าหาสิงถูกต้อง กลับใจจากสิงผิดที่ทำลงไปและไม่กลับไป ทำเช่นนั้นอีก พระเจ้าตรัสว่า “จงไปตามทางของเจ้าและอย่าทำบาปอีก แต่กับคนที่ ทำบาป บาปเก่าๆ จะกลับคืนมา พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าตรัส” (ค.พ. 82:7)7

ถ้าท่านทำความผิด จงเริ่มด้นเปลี่ยนแปลงชีวิตของท่านเสียแต่วันนี้ หันไปจากสิง ผิดที่ท่านทำมา พระบัญญัติข้อสำคัญที่สุดของพระผู้เป็นเจ้าคือพระบัญญัติที่ท่าน รักษาได้ยากที่สุดเวลานี้ หากเป็นเรื่องของความไม่ชื่อสัตย์ หากเป็นเรื่องของความไม่ บริสุทธี้ หากเป็นเรื่องของการพูดเท็จ ไม่พูดความจริง วันนี้คือวันที่ท่านจะแก่ไขใน เรื่องนั้น จนท่านสามารถเอาชนะความอ่อนแอนั้นได้ เอาซนะป้ญหานั้น แล้วเริ่มกับ พระบัญญัติ ข้อต่อไปที่ท่านรักษาได้ยากที่สุด นั้นคือวิธีที่จะชำระท่านให้บรืสุทธี้โดย การรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า8

ทำไมบัพติศมาจึงจำเป็นต่อการเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้า?

เมื่อเราเข้าส่นํ้าแห่งบัพติศมา เราได้เข้าสู่พันธสัญญากับพระเจ้าว่าเราจะทำทุกสิง ภายในอำนาจของเราที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า โดยเข้าใจว่าพระเจ้าจะ ประทานคำสัญญาแก่เราและรัศมีภาพของพระองค์จะเพื่มเติมตลอดกาลและตลอดไป และเราจะดำเนินชีวิตตามพระบัญชา เพื่อเราจะรับใช้ในฐานะพยานของพระผู้เป็น เจ้าในทุกแห่งแม้จนถึงความตาย [ดู โมไชยา 18:8-10] นั้นคือพันฮสัญญาที่เราทำ ไว้เมื่อรับบัพติศมาเป็นสมาชิกของศาสนาจักรนี้9

บัพติศมาโดยการลงไปในนั้าทั้งตัวเพื่อการปลดบาป…มีไว้สำหรับผู้ที่ถึงอายุรับผิด ชอบได้ เป็นการเตรียมที่จำเป็นต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของเรา โดยวิธีนี้ท่านจะกลับ เป็น “บุตรของพระเจ้าร่วมในพระเยซูคริสตํโดยความเชื่อ เพราะเหตุว่าคนที่รับบัพ- ติศมาเข้าร่วมในพระคริสต์แล้ว ก็จะสวมชีวิตพระคริสต์” (กาลาเทีย 3:26-27) หรือ อีกนัยหนึ่ง โดยทางนัพติศมา ท่านได้รับ “อำนาจที่จะกลับเป็นบุตรและธิดาของพระผู้ เป็นเจ้า” [ดู โมไซยา 5:7] โดยวิธีมื่นเองที่ท่านจะทVโห่โลหิตแห่งการซดใช้ยองพระ คริสต์มีผลในตัวท่าน เพื่อท่านจะได้รับการอภัยบาป และใจของท่านได้รับการชำระ ให้บริสุทธี้ [ดู โมไซยา 4:2] เพื่อให้มีค่าควรต่อการอภัยเซ่นนั้นหลังจากรับบัพติศมา แล้ว ท่านต้องถ่อมตัวและเรียกหาพระเจ้าทุกวัน และเดินอย่างมั่นคงในความสว่างแห่ง ค่าสอนของพระกิตติคุณ…

…เฉพาะผู้ที่กลับใจและรับบัพดิศมาเพื่อการปลดบาปเท่านั้นที่มีสิทธโดยสมบูรณ์ ในโลหิตแห่งการไถ่อันเนื่องจากการชดใข้ฃองพระองค์10

พระผู้ช่วยให้รอดทรงรับบัพดิศมาจากยอห์นผู้ถวายบัพดิศมา ดังที่พระองค์ตรัส ว่า “จะกระท่าตามสิงชอบธรรมทุกประการ” (มัทธิว 3:15) หากพระองค์ทรงทำเช่น นั้น แล้วเราเล่า? พระเยซูทรงบอกนิโคเดมัสว่า “ล้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากนั้าและ พระวิญญาณ ผู้นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้” (ยอห์น 3:5) พระอาจารย์ มีทรงสงสัยแด’อย่างใดถึงเหตุผลของบัพดิศมาที่พระองค์ทรงสอน

“และไม่มีสิงที่ไม่สะอาดเข้าในอาณาจักรของพระองค่ได้ ฉะนั้นไม่มีสิงใดเข้าใน ความพักผ่อนของพระองค์ได้ นอกจากคนที่ล้างอาภรณ์ของเขาแล้วในเลือดของเรา เพราะศรัทธาของเขา และการกลับใจจากบาปทั้งหมดของเขา และความชื่อสัตย์ จนถึงที่สุดของเขา” (3 นิไฟ 27:19)

มั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเปโตรจึงเตือนผู้ฟ้งของท่านว่า “จงกลับใจใหม่ และรับบัพ- ดิศมาในพระนามแห่งพระเยซูคริสต์สินทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาป ของท่านเสิย แล้วท่านจะได้รับพระราชทานพระวิญญาณบริสุทธี้” (กิจการ 2:38) การบัพติศมาโดยผู้มีอำนาจ เปรียบเสมือนผู้รับได้ล้างอาภรณ์ของเขาในโลหิตของ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงซดใช้บาปของทุกคนที่รับพระองค์และเข้าไปใน คอกแกะทางประตูโดยบัพติศมา “แต่หากเขาจะไม่กลับใจ” พระผู้ช่วยให้รอดทรง ประกาศไว้อย่างชัดเจน “เขาจะต้องทนทุกข์แม้ดังเรา” (ค.พ. 19:17)11

พระวิญญาณบริสุฑธทรงนำทางเราสู่ที่ประทับของพระเจ้าอย่างไร?

สมาชิกทุกคนที่รับบัพดิศมาจะได้รับการวางมือบนคืรษะ หลังจากยืนยันเขาหรือ เธอเป็นสมาชิกของศาสนาจักรแล้ว เอ็ลเดอร์จะพูดว่า “จงรับพระวิญญาณบริสุทธ” จากนั้นเขาอาจจะกล่าวชํ้!ถ้อยคำที่พระอาจารย์ตรัสกับสานุดิษย์เมื่อพระองค์ทรงบอก เขาเกี่ยวกับพระผู้ปลอบโยนหรือพระวิญญาณบริสุทธี้ ซึ่งจะมาถึง: พระวิญญาณ บรืสุทขึ้จะนำทุกสิงมาสู่ความทรงจำของท่าน จะทรงสอนท่านทุกสิง และจะทรงแสดง สิงที่จะมาถึงแก่ท่าน [ดู ยอหิน 14:26; 16:13] และด้วยเหตุนี้ หากข้าพเจ้ากำลัง ยืนยันท่านเป็นสมาซิกของศาสนาจักร ข้าพเจ้าจะมอบของประทานแห่งพระวิญญาณ บรืสุทขึ้แก่ท่าน ซึ่งจะเป็นโคมสำหรับเท้าของท่าน และนำทางท่านจะสอนท่านทุกสิง และจะนำทุกสิงมาสู่ความทรงจำของท่าน และแสดงสิงที่จะมาถึงแก่ท่าน12

พระเจ้าตรัสว่า “และนี่คือกิตติคุณของเรา-การกลับใจ และบัพติศมาโดยนี้า และ แล้วบัพติศมาด้วยไฟและพระวิญญาณบรืสุฑขึ้จึงมาถึง แม้พระผู้ปลอบโยนซึ่งทรง แสดงทุกสิงและสอนสิงที่รักสงบของอาณาจักร” (ค.พ. 39:6)

เมื่อซายคนหนึ่งมีของประทานแห่งพระวิญญาณบรืสุทธ เขาย่อมมีสิงซึ่งจำเป็นต่อ การเปิดเผยหลักธรรมและพิธีการทั้งหมดของความรอดอันเกี่ยวเนื่องกับมนุษย์บน โลกนี้แก่เขา13

เป็นสิงถูกต้องที่จะพูดว่าเมื่อคน ๆ หนึ่งได้รับบัพติศมาด้วยนี้าและได้รับพรของ พระวิญญาณโดยการวางมือ นึ่คือการเกิดใหม่ เป็นการเกิดใหม่เพราะเขาถูกนำออก จากความตายทางวิญญาณมาสู่การประทับของหนึ่งในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ แม้พระวิญญาณบรืสุฑธ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราจึงกล่าวกับท่านว่า “จงรับพระ วิญญาณบรืสุทขึ้” ตอนที่ท่านได้รับการยืนยัน ของประทานดังกล่าวมอบให้ผู้ที่ซึ่อ สัตย์และดำเนินชีวิตเพื่อเรียกร้องพรนั้น ซึ่งหมายถึงสิทขึ้ที่จะเข้าร่วมกับหนึ่งใน พระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์เพื่อเอาชนะความตายทางวิญญาณ14

บัพติศมาโดยการลงไปในนี้าทั้งดัวเป็นสัญลักษณ์ของความตายและการฝืงธรรม ชาติที่เต็มไปด้วยบาปของมนุษย์ การขึ้นมาจากนี้า คือ การพื่นคืนสู่ชีวิตใหม่ทางวิญ- ญาณ หลังจากบัพติศมาจะมีการวางมือบนคืรษะของผู้เชื่อที่รับบัพติศมาแล้ว และ เขาจะได้รับพรด้วยพระวิญญาณบริสุทขึ้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้รับบัพติศมาได้รับคำ สัญญาหรือของประทานแห่งพระวิญญาณบรืสุทธ หรือสิทธิพิเศษของการลูกนำกลับ ไปสู่การประทับของหนึ่งในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ โดยการเชื่อฟ้งและโดยความ ชื่อสัตย์ ผู้นั่นจะได้รับการนำทางและการขึ้นำจากพระวิญญาณบรืสุทขึ้ในการดำเนิน ชีวิตประจำวัน แม้ดังที่แอดัมเดินและพูดกับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ของเขา ในสวนอีเต็น การได้รับการนำทางและการชี้นำเซ่นนั่นจากพระวิญญาณบรืสุทธคือ การเกิดใหม่ทางวิญญาณ15

ในหลักธรรมเบื้องด้นแห่งพระกิตติคุณ—ศรัทธา การกลับใจ บัพติศมา และการ ได้รับพระวิญญาณบรืสุฑขึ้ ซึ่งโดยอำนาจของพระวิญญาณบรืสุทธ ทุกสิงจะได้รับการ เปิดเผย—เราจะเริ่มเข้าใจสิงที่ศาสดาโจเซฟ สมีธ นำจะหมายถึงเมื่อท่านพูดในโอกาส หนึ่งเมื่อที่มีคนถามท่านว่าทำไมศาสนาจักรนี้จึงแตกต่างจากศาสนาอื่นทั้งหมด—เพราะเรามีพระวิญญาณบริสุทธี้ [ดู History of the Church, 4:42] โดยอำนาจนั้น ทุกสิงจะได้รับการเปิดเผย และความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จะ ได้รับการสถาปนา16

เราจะอดทนจนถึงที่สุดได้อย่างไร?

อะไรคือกฎและหนทางที่เราจะได้รับ [พรแห่งรัศมีภาพชั้นสูง]? เรามีหลักธรรม และพิธีการเบื้องด้นแห่งพระกิตติคุณ นั่นคือ ศรัทธา การกลับใจ บัพติศมา และพระ วิญญาณบริสุทธี้ และในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้ามีกฎที่สอนเราถึงหนทางสู่ความ ดีพร้อม สมาชิกของศาสนาจักรคนใดก็ตามที่กำลังเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตตามกฎ แต่ละข้อของอาณาจักรโดยครบถ้วน เขากำลังเรียนรู้หนทางสู่ความดีพร้อม ไม่มี สมาชิกลักคนเดียวของศาสนาจักรบื้ที่ไม่สามารถดำเนินชีวิตตามกฎทุกข้อของพระ กิตติคุณได้อย่างครบถ้วน เราทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะพูดกับพระผู้เป็นเจ้าในการ สวดอ้อนวอน เราทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะดำเนินชีวิตตามพระวาจาแห่งปัญญาได้ อย่างครบถ้วน เราทุกคนสามารถเรียนรู้ที่จะ รักษาวันแซบัธให้ศักดี้สิทธึได้อย่างครบ ถ้วน ทุกท่านสามารถเรียนรู้ที่จะรักษากฎแห่งการอดอาหารได้อย่างครบถ้วน เรารู้ วิธีที่จะรักษากฎพรหมจรรย์อย่างครบถ้วน เมื่อเราเรียนรู้ที่จะรักษากฎใดกฎหนึ่ง เหล่าบื้อย่างครบถ้วน เราก็อยู่บนถนนสู่ความดีพร้อม17

ท่านอาจจะถามข้าพเจ้าว่า คนๆ หนึ่งจะชำระตัวเขาให้บรีสุทขึ้ และทำให้ตนเอง ศักดี้สิทธี้จนพร้อมจะเดินในที่ประทับของพระเจ้าได้อย่างไร?…พระเจ้าตรัสตังนี้“และ อนึ่ง ตามจริงแล้วเรากล่าวกับเจ้าว่า สิงซึ่งกฎปกครอง ย่อมได้รับการคุ้มครองโดยกฎ ด้วย และถูกทำให้ดีพร้อม และชำระให้บรีสุฑธี้โดยกฎเดียวกันนั้น” (ค.พ. 88:34) กฎ อะไรหรือ? กฎของพระเจ้าตามที่มีอยู่ในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ โดยการ รักษากฎของพระเจ้านี้ กฎและพิธีการเป็นวิธีที่เราจะได้รับการชำระให้บรีสุทธี้และถูก ทำให้ศักดึ้สิทขึ้ การรักษากฎทุกข้อที่พระเจ้าประทานแก่เราเป็นชั้นตอนหนึ่งที่จะ ทำให้เรามีสิทธเข้าสู่ที่ประทับของพระเจ้าสักวันหนึ่ง

พระองค์ประทานสูตรแก่เราในการเปิดเผยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งจะทำให้เราพร้อมตาม วันเวลาที่ผ่านไป “ตามจริงแล้ว พระเจ้าตรัสตังนี้: เหตุการณ์จะบังเกิดขึ้นคือ ทุกคน ที่ทิ้งบาปของเขา และมาหาเรา และเรียกหานามของเรา และเชื่อฟังเสียงของเรา และ รักษาบัญญัติของเรา จะเห็นหน้าของเราและรู้ว่าเราเป็นอยู่” (ค.พ. 93:1) ง่ายๆ ใช่ ไหม? แต่ลองฟังอีกครั้ง ทั้งหมดที่ท่านต้องทำคือ ทิ้งบาป มาหาพระองค์ เรียกหา พระนามของพระองค์ เชื่อฟังเสียงของพระองค์ และรักษาพระบัญญัติของพระองค์ แล้วเมื่อนั้น ทำนจะเห็นพระพักตร์ของพระองค์และจะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นอยู่18

นึ่คืองานของพระเจ้า และเมื่อพระองค์ประทานพระบัญญัติแก่ลูกหลานมนุษย์ พระองค์ทรงเตรียมทางไว้ไห้รักษาพระบัญญัติข้อนั้นได้ หากลูกของพระองค์จะทำทุก สิงที่ทำได้เพื่อช่วยตัวเอง เมื่อนั้นพระเจ้าจะทรงอวยพรความเพียรพยายามของเขา

…พระเจ้าทรงคาดหวังให้เราทำจนสุดความสามารถเพื่อช่วยตัวเองให้รอดและ… หลังจากเราได้ทำทุกอย่างเพื่อช่วยตัวเองให้รอดแล้ว เมื่อนั้น เราจะพึ่งพาพระเมตตา แห่งพระคุณของพระบิดาบนสวรรค์ พระองค์ประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อโดย การปฏิบัติตามกฎและพิธีการแห่งพระกิตติคุณ เราจะได้รับความรอด แต่จะไม่รอดจน หล้งจากที่เราได้’ทำด้วยตัวเองจนสุดความสามารถแล้ว19

พระเจ้าประทานตะเกียงส่องทางแก่เราทุกคน แต่เราจะมีนั้ามันในตะเกียงหรือไม่ นั้นขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน เราจะรักษาพระบัญญัติและเติมนั้ามันเพื่อส่องทางและ นำทางเราหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับเราแต่ละคน เราจะขอยืมนั้ามันจากการเป็นสมาชิกของ เราในศาสนาจักรไม่ได้ เราจะขอยืมนั้ามันจากบรรพบุรุษผู้ประเสริฐไม่ได้ เราจะมีนั้า มันในตะเกียงหรือไม่นั้น ข้าพเจ้าขอยํ้า ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนเท่านั้น ความซื่อสัตย์ ของเราในการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์จะเป็นตัวตัดสิน20

หลักธรรมทั้งหมดของพระกิตติคุณและพิธีการทั้งหมดของพระกิตติคุณ เป็นเพียง การเชื้อเชิญให้เรียนรู้พระกิตติคุณโดยปฏิบัติตามคำสอนในนั้น ทั้งหมดเป็นเพียงแค่ นี้คือ—การเชื้อเชิญให้มาและปฏิบัติเพื่อให้ท่านได้รู้…ดูเหมือนจะเป็นที่ซัดเจนต่อ ข้าพเจ้าว่า เราอาจกล่าวได้ว่า เราจะไม่มืวันรู้จักคำสอนใดๆ ของพระกิตติคุณอย่าง แห้จริงจนกว่าเราจะมืประสบการณ์โดยการดำเนินชีวิตตามคำสอนนั้นทีละอย่าง อีก นัยหนึ่งคือ เราเรียนรู้พระกิตติคุณโดยการดำเนินชีวิตตามนั้น21

ข่าวสารยิ่งใหญ่ที่สุดที่ผู้ดำรงตำแหน่งนี้จะให้แก่สมาซิกของศาสนาจักรได้คือ จง รักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า เพราะความปลอดภัยของศาสนาจักรและความ ปลอดภัยของแต่ละบุคคลขึ้นอยู่กับสิงนี้ จงรักษาพระบัญญัติ ข้าพเจ้าพูดได้ว่า คง ไม่มีข่าวสารใดในปัจจุบันที่ทรงพลังและสำคัญยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว22

ข้อแนะนำสำหรับการสืกษาและการสนทนา

  • เราจะมืศรัทธามากขึ้นในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ได้อย่างไร? ศรัทธาช่วยให้เราดำ เนินชีวิตตามพระบัญญัติแทนที่จะถือเป็นเรื่องไม่จริงจังได้อย่างไร? ศรัทธาของ ท่านในพระผู้เป็นเจ้าทำให้ท่านสามารถรับมือกับ “ปัญหาที่ใหญ่หลวงเกินกว่ากำ ลังหรือสติปัญญาของมนุษย์อย่างท่าน” เมื่อใด?

  • ทำไมการสารภาพจึงเป็นขั้นตอนสำคัญของการกลับใจ? เหตุใดเราจึงต้องเริ่มตั้ง แต่วันนี้ที่จะกลับใจจากบาปและเปลี่ยนแปลงชีวิต แทนที่จะรอไว้วันหน้า?

  • เรา “ล้างอาภรณ์ [ของเรา] ในโลทีตของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าในทางสัญ- ลักษณ์” อย่างไร?

  • จากคำกล่าวของประธานลี การรับของประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธี้ช่วยให้เรา เอาชนะความตายทางวิญญาณอย่างไร? เราจะทำอะไรเพื่อให้พระวิญญาณบริสุทธึ้ ทรงนำทางเราได้อย่างเต็มที่มากขึ้นใน “การดำเนินชีวิตประจำวัน” ของเรา?

  • คำสอนและพันธสัญญา 93:1 สอนอะไรเกี่ยวกับความสำคัญของการอดทนจนถึง ที่สุดในการรักษาพระบัญญัติ?

  • การดำเนินชีวิตตามคำสอนพระกิตติคุณในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะช่วยให้ท่าน รู้ว่าคำสอนนั้นเป็นความจริงอย่างไร?

อ้างอิง

  1. The Teachings of Harold B. Lee, ed. Clyde J. Williams (1996), 19.

  2. ‘“And This Is Life Eternal,’” Relief Society Magazine, Apr. 1950, 225.

  3. Decisions for Successful Living (1973), 75-76.

  4. “‘Put on the Whole Armor of God,”’ Church News, 30 May 1942, 8.

  5. “For Every Child, His Spiritual and Cultural Heritage,” Children’s Friend, Aug. 1943, 373.

  6. Decisions for Successful Living, 94, 98-99.

  7. The Teachings of Harold B. Lee, 115.

  8. The Teachings of Harold B. Lee, 82.

  9. คำปราศรัยต่อสมาคมพัฒนาร่วม (MIA) ปี 1948 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 5

  10. Decisions for Successful Living, 116, 118.

  11. Stand Ye in Holy Places (1974), 316-17.

  12. คำปราศรัยในการประชุมใหญ่เยาวชนที่ บิลลิงต์ มอนตานา วันที่ 10 มิถุนายน 1973 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิซนยุคสุดท้าย หน้า 4

  13. Stand Ye in Holy Places, 51.

  14. คำปราศรัยในการประชุมใหญ่เซมินารีจอร์ แดน วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 1947 เอกสาร สำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ศาสนาจักร ของพระเยซูครีสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย หน้า 5

  15. The Teachings of Harold B. Lee, 95.

  16. คำปราศรัยในการสัมมนาประธานคณะเผย แผ่คนใหม่ วันที่ 29-30 มิถุนายน 1972 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซน ยุคสุดท้าย หน้า 5

  17. คำปราศรัยในการประชุมใหญ่ท้องถินที่ ลิมา เปรู วันที่ 1 พฤศจิกายน 1959 เอกสารสำคัญของแผนกประวัติศาสตร์ ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซน ยุคสุดท้าย หน้า 6-7

  18. The Teachings of Harold B. Lee, 166; paragraphing added.

  19. In Conference Report, Munich Germany Area Conference 1973, 7.

  20. In Conference Report, Oct. 1951, 30.

  21. คำปราศรัยเรื่อง “Learning the Gospel by Living it,” ในการประชุมใหญ่ปฐมวยประ จำปีครงที่ 52 วันที่ 3 เมษายน 1958 เอก สารสำคัญซองแผนกประวัติศาสตร์ศาสนา จักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซนยุคสุด ท้าย หน้า 3

  22. Ensign, Aug. 1972, back cover.