จนกว่าเราจะพบกันอีก
พระคัมภีร์มอรมอนทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์
จาก “The Book of Mormon—Keystone of Our Religion,” Ensign, Nov. 1986, 4–7
มีพลังในหนังสือเล่มนี้ซึ่งจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตท่านทันทีที่ท่านเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง
ไม่มีเรื่องลึกซึ้งในใจเราที่ปรารถนาจะดึงเราเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น เป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นในชีวิตประจำวันของเรา และรู้สึกว่าพระสิริของพระองค์อยู่กับเราตลอดเวลาหรือ หากไม่มี พระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยเราในเรื่องนี้มากกว่าหนังสือเล่มอื่น
พระคัมภีร์มอรมอนไม่เพียงสอนความจริงเท่านั้น แม้จะสอนเช่นนั้นจริง พระคัมภีร์มอรมอนไม่เพียงแสดงประจักษ์พยานถึงพระคริสต์เท่านั้น แม้จะแสดงประจักษ์พยานเช่นนั้นจริง แต่มีบางอย่างมากกว่านั้น มีพลังในหนังสือเล่มนี้ซึ่งจะเริ่มหลั่งไหลเข้ามาในชีวิตท่านทันทีที่ท่านเริ่มศึกษาอย่างจริงจัง ท่านจะพบพลังต่อต้านการล่อลวงมากขึ้น ท่านจะพบพลังหลีกเลี่ยงการหลอกลวง ท่านจะพบพลังอยู่บนทางคับแคบและแคบ พระคัมภีร์ได้ชื่อว่าเป็น “ถ้อยคำแห่งชีวิต” (คพ. 84:85) และไม่มีเล่มใดเป็นถ้อยคำแห่งชีวิตมากไปกว่าพระคัมภีร์มอรมอน เมื่อท่านเริ่มหิวกระหายถ้อยคำเหล่านี้ ชีวิตท่านจะอุดมสมบูรณ์ยิ่งขึ้น …
คำสัญญาเหล่านี้—ความรักความสามัคคีที่เพิ่มขึ้นในบ้าน ความเคารพมากขึ้นระหว่างบิดามารดากับบุตรธิดา ความเข้มแข็งทางวิญญาณและความชอบธรรมที่เพิ่มขึ้น—ไม่ใช่คำสัญญาเลื่อนลอยแต่ตรงตามที่ท่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธหมายถึงเมื่อท่านกล่าวว่าพระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยเราเข้าใกล้พระผู้เป็นเจ้ามากขึ้น …
10 กว่าปีที่แล้วข้าพเจ้ากล่าวดังนี้เกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอน
“ผลนิรันดร์ขึ้นอยู่กับการตอบสนองของเราต่อหนังสือเล่มนี้หรือ ใช่ ถ้าไม่เป็นพรของเราก็เป็นการกล่าวโทษเรา
“วิสุทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนควรทำให้การศึกษาพระคัมภีร์เล่มนี้เป็นเป้าหมายชั่วชีวิต มิฉะนั้นแล้วเขาจะทำให้จิตวิญญาณของเขาตกอยู่ในอันตรายและละเลยสิ่งซึ่งจะให้เอกภาพทางวิญญาณและทางปัญญาแก่เขาทั้งชีวิต มีความแตกต่างระหว่างผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่สร้างบนศิลาของพระคริสต์ผ่านพระคัมภีร์มอรมอนและจับราวเหล็ก กับผู้เปลี่ยนใจเลื่อมใสที่ไม่ได้เป็นเช่นนั้น”
… ขอให้เราอย่าอยู่ภายใต้การกล่าวโทษ … โดยปฏิบัติเล่นๆ กับของประทานอันมหัศจรรย์และสำคัญยิ่งนี้ที่พระเจ้าประทานแก่เรา แต่ขอให้เราได้รับสัญญาเกี่ยวกับการสั่งสมของประทานดังกล่าวไว้ในใจเรา