2018
ตัวอย่างของอารมณ์เศร้าในวันสะบาโต
กรกฎาคม 2018


ตัวอย่างของ อารมณ์เศร้าในวันสะบาโต

ผู้เขียนอาศัยอยู่ในรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา

ดิฉันทราบว่าดิฉันควรรักวันสะบาโต แต่ดิฉันไม่ทราบจะทำอย่างไร

ภาพ
hiding under covers

ภาพถ่ายประกอบโดย เดวิด สโตเกอร์

พระคัมภีร์กล่าวว่าวันสะบาโตเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ วันเบิกบานและวันปีติยินดี วันพักผ่อน วันเฉลิมฉลอง1 แต่ไม่กี่ปีก่อน ขณะอยู่ในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย ดิฉันพบว่าวันอาทิตย์เป็นวันเศร้าหมอง แทนที่จะสงบ ดิฉันกลับรู้สึกเครียด แทนที่จะเบิกบาน ดิฉันกลับเศร้าใจ แทนที่จะหวัง ดิฉันกลับรู้สึกผิด ดิฉันมีตัวอย่างของอารมณ์เศร้าในวันสะบาโต

ทุกเช้าวันอาทิตย์ หลังแอบอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยความอึดอัดใจนานพอสมควรแล้ว ดิฉันจะยอมรับในท้ายที่สุดว่าวันนี้เป็นวันอาทิตย์และแต่งตัวไปโบสถ์ ที่โบสถ์ ดิฉันจะทบทวนสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างศีลระลึก ดิฉันจะนับความล้มเหลวของตน จนผู้พูดคนแรกลุกขึ้นดิฉันก็ยังนับไม่เสร็จ เวลาที่เหลือกลายเป็นเวลาของการพยายามกลั้นน้ำตาขณะความรู้สึกผิดรุนแรงขึ้นตามความเสียใจที่เพิ่งเกิดเพราะรู้สึกไม่มีความสุขที่โบสถ์

ตอนบ่ายก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม ดิฉันรู้สึกผิดเกี่ยวกับการเลือกในอดีต เครียดเรื่องการเลือกในอนาคต และเสียใจกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ถ้าไม่ได้ไปเรียนหรือทำกิจกรรมนอกหลักสูตร ดิฉันจะใช้เวลาหมกมุ่นอยู่กับความคิดในด้านลบ

หลังจากฟัง อ่าน และอ่านทวนคำพูดการประชุมใหญ่สามัญเดือนตุลาคม 2015 ของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันว่าวันสะบาโตเป็นวันปีติยินดีอย่างไร ดิฉันสวดอ้อนวอนขอให้มีสันติสุขในวันสะบาโตและรักวันสะบาโตแทนที่จะเศร้าหมองอย่างที่รู้สึกในปัจจุบัน2 และคำตอบมา

จดจ่ออยู่กับพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์

ดิฉันรู้สึกได้รับการกระตุ้นเตือนให้จดจ่ออยู่กับความสัมพันธ์กับพระบิดาบนสวรรค์และพระผู้ช่วยให้รอดไม่ใช่ความเศร้าหมองของตน แทนที่จะไตร่ตรองความล้มเหลวของตน ดิฉันใช้เวลาไตร่ตรองความเกี่ยวข้องของพระองค์ในชีวิตดิฉัน

เมื่อความคิดในด้านลบเกิดขึ้น ดิฉันย้ำเตือนตนเองให้นึกถึงสิ่งที่ดิฉันรู้และเชื่อเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและพระเยซูคริสต์ นั่นคือ ดิฉันเป็นลูกของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงรักดิฉัน พระเยซูคริสต์ทรงเป็นพี่ชายของดิฉัน และทรงชดใช้ให้ดิฉัน ทั้งสองพระองค์ทรงต้องการให้ดิฉันมีความสุขและกลับไปหาพระองค์ วันสะบาโตเป็นของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า

ดิฉันเริ่มใช้ศรัทธาในประจักษ์พยานนี้

ยอมรับศีลระลึกอย่างกระตือรือร้น

การเปลี่ยนสิ่งที่ดิฉันมุ่งให้ความสำคัญทำให้ดิฉันหันมาพิจารณาอีกครั้งว่าดิฉันปฏิบัติต่อศีลระลึกอย่างไร นานทีเดียวที่ดิฉันปฏิบัติต่อศีลระลึกเหมือนเป็นเวลาลงโทษตนเอง แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของศีลระลึก ศีลระลึกเป็นศาสนพิธีศักดิ์สิทธิ์ให้ต่อพันธสัญญาของเรา เป็นโอกาสให้สะอาดอีกครั้งผ่านเดชานุภาพการชดใช้ของพระเยซูคริสต์ ขณะจดจ่ออยู่กับศาสนพิธีและพันธสัญญาด้วยศรัทธาและใจที่กลับใจ ดิฉันตระหนักว่าศีลระลึกให้สันติสุขเมื่อดิฉันยอมรับของประทานแห่งการให้อภัย รักษาพันธสัญญา และรับพระวิญญาณของพระเจ้า (ดู คพ. 20:77, 79)

การนึกถึงการชดใช้ของพระคริสต์ระหว่างศีลระลึกนำของขวัญอีกอย่างหนึ่งมาให้ดิฉัน ดิฉันไม่เพียงได้รับการให้อภัยเท่านั้น แต่สามารถรับการเยียวยาได้เช่นกันเพราะพระผู้ช่วยให้รอดทรงรับเอาความเจ็บปวดและความทุพพลภาพของดิฉันไว้กับพระองค์ (ดู แอลมา 7:11–12) โดยผ่านการชดใช้ของพระองค์และศีลระลึก ดิฉันจะได้พบสันติสุขและความเข้มแข็งในวันสะบาโต—หรือในวันอื่น—ไม่ใช่ความเครียดและความเสียใจ

ดิฉันพบสันติสุขนั้น พระผู้ช่วยให้รอดทรงอยู่ที่นั่นเพื่อดิฉันในวันอาทิตย์และตลอดไป!

ปฏิบัติศรัทธาด้วยความอดทน

นี่ไม่ใช่ปัญหาที่แก้ได้ในหนึ่งสัปดาห์ ต้องพยายาม และใช้เวลา “แต่ถ้าเราหวังว่าจะได้สิ่งที่ยังไม่เห็น เราจึงมีความอดทนคอยสิ่งนั้น” (โรม 8:25) ดิฉันพยายามจดจ่อและสวดอ้อนวอนให้รู้สึกรักวันสะบาโตอยู่เสมอ

ในที่สุดดิฉันก็ได้พบสันติสุขและความปีติยินดีในวันศักดิ์สิทธิ์ แต่ดิฉันจะหยุดอยู่ตรงนั้นไม่ได้หาไม่แล้วดิฉันจะกลับไปซึมเศร้าในวันสะบาโตอีก แต่ละสัปดาห์เรียกร้องให้จดจ่ออยู่กับพระผู้ช่วยให้รอดและจุดประสงค์ของวันสะบาโต แต่ดิฉันรู้ว่าคำสัญญาเรื่องสันติสุขและความเบิกบานเกิดขึ้นจริง

อ้างอิง

  1. ดู อพยพ 20:11; อพยพ 31:15; เลวีนิติ 23:32; อิสยาห์ 58:13; หลักคำสอนและพันธสัญญา 59:13.

  2. ดู รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “สะบาโตคือวันปีติยินดี,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 129–132

พิมพ์