เสียงวิสุทธิชนยุคสุดท้าย
ดิฉันต้องการศีลระลึกไหม
เพียงห้านาทีในการประชุมศีลระลึกเราก็ประสบแล้วกับเสียงงอแง การพักเข้าห้องน้ำสองครั้ง การเปลี่ยนผ้าอ้อม และเสียงร้องหลายครั้งว่า “หนูหิว!”
ดิฉันเป็นมารดาบุตรห้าคนที่ยังไม่มีใครอายุถึงแปดขวบ และงานของสามีทำให้เขาอยู่บ้านได้เฉพาะสุดสัปดาห์ ดิฉันจึงมักจะรู้สึกอ่อนล้าเมื่อถึงวันอาทิตย์ เมื่อครอบครัวเราเดินเข้าไปในห้องนมัสการวันอาทิตย์ ดิฉันกับสามีเตรียมรับหนึ่งชั่วโมงที่เราชอบเรียกว่า “ความทรมานที่ยาวนาน”
สิบห้านาทีในหนึ่งการประชุม ลูกวัยเก้าเดือนของเราเริ่มกรีดร้อง ดิฉันพยายามปลอบให้เธอเงียบ เมื่อไม่สำเร็จสุดท้ายก็ต้องพาเธอออกไปปลอบนอกห้องนมัสการ ขณะนั่งลง ดิฉันเริ่มจดจ่อกับความอ่อนล้าของตนเองและข้อเรียกร้องของสัปดาห์ใหม่ ดิฉันรู้สึกหนักใจ
ทันใดนั้นดิฉันตกใจเมื่อเยาวชนชายคนหนึ่งถือถาดศีลระลึกเดินตรงมา ถามว่า “คุณต้องการรับส่วนไหมครับ” นั่นเป็นคำถามที่เรียบง่าย แต่สัมผัสจิตวิญญาณของดิฉัน พระวิญญาณสถิตกับดิฉันทันที ดิฉันน้ำตาคลอ ดิฉันนึกในใจว่า “ต้องการมากกว่าที่คุณรู้”
ข้อเรียกร้องและความรับผิดชอบประจำวันสามารถดูดพลังงานของเราออกไปได้ตลอดสัปดาห์ แต่ศีลระลึกจะทำให้เรามีเรี่ยวแรงขึ้นมาใหม่ ขณะที่ดิฉันรับส่วนศีลระลึก ดิฉันรู้สึกว่าสันติสุขและการเยียวยาไหลเวียนทั่วร่าง ในขณะนั้นดิฉันตระหนักว่าดิฉันต้องการศีลระลึกมากกว่าสิ่งอื่นทั้งหมดเพราะดิฉันต้องการให้พระวิญญาณสถิตกับดิฉัน
ดิฉันจ้องมองภาพวาดในห้องโถง ภาพที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา ความสำนึกคุณท่วมท้นในใจขณะที่ดิฉันไตร่ตรองว่าพระองค์ทรงพร้อมจะเยียวยาและทำให้เราเข้มแข็งเสมอ ดิฉันนึกถึงสิ่งนี้ทุกวันอาทิตย์ขณะรับส่วนศีลระลึก ดิฉันสำนึกคุณที่พระวิญญาณทรงสอนดิฉันผ่านคำถามที่เรียบง่ายว่าท่ามกลางความท้าทายของชีวิต พระผู้ช่วยให้รอดทรงเป็นแหล่งพลังและสันติสุขของเรา