สถาบันมีไว้เพื่อ เรา
สถาบันศาสนาของศาสนจักรจะเป็นพรแก่ชีวิต ของท่าน ได้อย่างไร
เรามีหลายอย่างต้องทำ พวกเราบางคนเป็นนักเรียน บางคนทำงานหลายชั่วโมง พวกเราบางคนอยู่ห่างเพื่อนๆ และครอบครัว หรือมีความรับผิดชอบอันหนักหน่วง พวกเราบางคนกำลังพยายามปรับตัวหลังกลับจากงานเผยแผ่ หรือเพิ่งเรียนจบมัธยมปลายและไม่แน่ใจว่าจะทำอะไรต่อ
การให้สถาบันสำคัญกว่าสิ่งอื่นทั้งหมดอาจจะดูเหมือนขัดกับสามัญสำนึกทั่วไป แต่พวกเราหลายคนคงเคยสงสัยมาบ้างว่าสถาบันจะช่วยฉันจริงหรือ
คำตอบคือ จริง
คนหนุ่มสาวหลายพันคนทั่วโลก หลายคนในสถานการณ์เหมือนท่าน พบความเข้มแข็ง ความช่วยเหลือ มิตรภาพ และการเพิ่มพูนทางวิญญาณที่สถาบัน นี่เป็นเพียงตัวอย่างสองเรื่องของคนหนุ่มสาวที่น่ามหัศจรรย์ผู้รู้ว่าสถาบันมีไว้เพื่อพวกเขา ทั้งที่พวกเขามีความท้าทายสารพัด
สถาบันดีต่อใจ
เรื่องราวของเอริค จากโทรอนโต ออนแทรีโอ
เอริค (ภาพขวาด้านบนสุด) เป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยแห่งโทรอนโต เขาทำงานกับเนื้อเยื่อหัวใจและเวชศาสตร์ฟื้นฟู
เขาอธิบายว่าในงานวิจัยของเขา “สเต็มเซลล์บางชนิดสามารถกลายเป็นอะไรก็ได้ในร่างกายคุณ เราสามารถวางสเต็มเซลล์ไว้ในจานเพาะและเลี้ยงจนเป็นเซลล์หัวใจได้ หลังจากนั้นสองสัปดาห์ สเต็มเซลล์จะเริ่มเต้น แล้วเราก็ใช้เซล์เหล่านี้จำลองโรคต่างๆ และทดสอบยาหลายชนิด เป้าหมายของผมคือสักวันหนึ่งผมจะเพาะหัวใจในห้องทดลองแบบนี้”
เอริคเกิดการเปลี่ยนแปลงในใจตนเองระหว่างที่เขาทำงานเผยแผ่ในเบโลโอรีซอนตี บราซิล “เมื่อผมรับใช้งานเผยแผ่ ผมเรียนรู้วิธีฟังและทำตามพระวิญญาณ สิ่งนั้นช่วยให้ผมเรียนรู้วิธีศึกษา เรียนรู้วิธีประยุกต์ใช้กับตัวผมเอง” เขาเปลี่ยนไปมากจนเขากังวลเมื่อต้องกลับบ้าน “ผมไม่รู้เลยว่าจะวางตัวอย่างไรหรือทำอะไร” เขายอมรับ “ผมต้องเรียนรู้ใหม่ว่าจะวางตัวอย่างไรในสถานการณ์ นั้นๆ การไปสถาบันช่วยผม”
เครือข่ายสังคมที่สถาบันมีความสำคัญต่อเอริค “ผมสามารถเป็นเพื่อนกับคนที่ต้องการเพื่อน ผมสามารถปลอบคนอื่นได้เมื่อพวกเขาต้องการให้ปลอบ นั่นสำคัญต่อผม ช่วยคนอื่น แต่สำคัญเช่นกันที่ผมจะรู้สึกเช่นนั้นจากคนอื่น”
เขาพูดติดตลกว่าเขาไปเรียนสถาบันมานาน แต่ก็ยังเรียนอยู่ “ทุกครั้งที่ไปผมรู้สึกว่าพระวิญญาณอยู่ที่นั่น และนั่นช่วยให้ผมเป็นคนดีขึ้น อยู่ในสถานที่ดีๆ และประสบความสำเร็จในงานของผม”
เอริคเปรียบเทียบระหว่างงานของเขากับสถาบัน “ถ้าเราวางเซลล์ไว้ในสภาพแวดล้อมที่ดี จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายในเซลล์ที่ทำให้เซลล์รับการเปลี่ยนแปลงทางบวกเหล่านั้นหรือสัญญาณทางบวกเหล่านั้นที่เราต้องการให้เซลล์ได้มากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป เซลล์เปลี่ยน—กลายเป็นบางอย่างที่ดีกว่า บางอย่างที่ใหญ่กว่าตัวมันเอง สำหรับผม บางอย่างนั้นพิเศษมากๆ ถ้าผมนำตัวผมเองเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เมื่อนั้นผมจะรับแง่มุมทางวิญญาณเหล่านี้ของชีวิตได้มากขึ้นและรับอิทธิพลลบที่เกิดขึ้นในโลกได้น้อยลง”
เขาสรุปว่า “พระผู้เป็นเจ้ามีอยู่จริง บางอย่างที่ผมรู้สึกลึกๆ ในตัวผม ผมไม่ได้รู้สึกถึงความรักของพระองค์ในชีวิตผมตลอดเวลา แต่ผมเริ่มตระหนักว่าเป็นเพราะการตัดสินใจที่ผมทำ ผมตระหนักว่าพระองค์ทรงอยู่ที่นั่นเพื่อช่วยผม พระองค์ทรงต้องการให้ผมเป็นตัวของตัวเองให้ดีที่สุด”
สถาบันช่วยให้ดิฉันระลึกถึงพระคริสต์
เรื่องราวของเวโรนิกา มาดริด สเปน
เมื่อเวโรนิกา (ภาพด้านล่าง) อายุ 17 ปี น้องสาวฝาแฝดของเธอสิ้นใจในอ้อมแขนของเธอ สามปีหลังจากน้องสาวสิ้นชีวิต เวโรนิกาเริ่มออกไปเดินเล่นเพื่อคลายความรู้สึกเศร้าให้ตัวเธอเองและเพื่อผ่านชีวิตช่วงนี้ไปให้ได้ เธอเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าเสมอ ด้วยเหตุนี้วันหนึ่งขณะเดินอยู่นั้น เธอจึงสวดอ้อนวอน “พระเจ้า เหตุใดพระองค์ทรงทำให้ทั้งหมดนี้เกิดกับข้าพระองค์”
ทันใดนั้น เธอเงยหน้ามองอาคารศาสนจักรแอลดีเอสที่เธอเดินผ่านเป็นประจำ นั่นเป็นครั้งแรกที่เธอมองอย่างจริงจัง เธออยากรู้ เธอจึงเดินเข้าไปแนะนำตัวกับซิสเตอร์ผู้สอนศาสนาสองคนผู้สอนเธอปลายสัปดาห์นั้น
เวโรนิกาบอกว่าหลังจากเรียนบทแรก “ดิฉันลุกขึ้นยืนและบอกพวกเธอว่า ‘พวกคุณมันบ้า’ แล้วก็เดินออกไป” เธอไม่อยากเรียนอีก แต่สุดท้ายก็เริ่มคิดทบทวน
“ดิฉันคิดว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ดิฉันสวดอ้อนวอนมาก ดิฉันรู้สึกเหมือนพระผู้เป็นเจ้ากำลังบอกดิฉันว่า ‘เราส่งโอกาสนี้มาให้เจ้าก็เพื่อให้เจ้าได้รู้จักเรามากขึ้น เจ้าไม่ต้องการหรือ’”
เธอตัดสินใจว่าเธอ ต้องการ แม้จะเสียบ้านและงานเพราะกิตติคุณ แต่เธอรับบัพติศมา ทั้งที่ชีวิตเธอยังลำบากบ้างบางครั้ง แต่เธอวางใจพระเจ้า “ก่อนรู้จักศาสนจักร ดิฉันจะร้องไห้หรือไม่ก็โมโหถ้าไม่รู้จะจ่ายค่าเช่าได้อย่างไร แต่ตอนนี้ดิฉันรู้ว่าพระเจ้าจะทรงจัดหา”
ปิตุพรของเวโรนิกาบอกว่าเธอจะรับใช้งานเผยแผ่ แต่เธอไม่มีกระโปรงหรือไม่มีทางซื้อกระโปรงได้ สมาชิกสาวกเจ็ดสิบคนหนึ่งกับภรรยาเดินทางผ่านเขตนั้นและทราบความต้องการของเธอ ภรรยารู้สึกได้รับการดลใจให้จัดกระโปรงเพิ่มเป็นพิเศษสำหรับการเดินทางเที่ยวนั้น และเธอยกกระโปรงให้เวโรนิกาหลายตัว เธอกระตุ้นให้เวโรนิกาเข้าเรียนสถาบันเช่นกัน เมื่ออธิการของเวโรนิกาเริ่มโปรแกรมสถาบันในเขตนั้น เธอเริ่มเข้าเรียนเป็นประจำ
สถาบันทำให้เธอรู้สึกสงบและมีความสุข “ดิฉันคิดว่าสิ่งที่ดิฉันชอบมากที่สุดเกี่ยวกับสถาบันคือ ระหว่างสัปดาห์ เรามีภารกิจสารพัดให้ทำ เรามีวันอาทิตย์ให้ต่อพันธสัญญากับพระบิดาบนสวรรค์ แต่ในวันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ เรามีอะไร ดิฉันสำนึกคุณที่เรามีสถาบันอย่างน้อยหนึ่งครั้งระหว่างสัปดาห์เพราะนั่นเป็นวิธีระลึกถึงพระเยซูคริสต์ สถาบันเป็นวิธีหนึ่งที่พระองค์ทรงช่วยให้ดิฉันก้าวหน้า”
เวโรนิการับใช้งานเผยแผ่ ในเดือนตุลาคม ปี 2016 เธอออกไปรับใช้ในคณะเผยแผ่โอซอร์โน ชิลี
เธอกล่าวว่า “ดิฉันรู้ว่าดิฉันอยู่ที่นี่วันนี้เพราะพระองค์ ดิฉันรู้ว่าพระองค์ทรงเตรียมแผนซึ่งเหมาะกับเราแต่ละคน พระองค์จะทรงเปิดโอกาสให้เราตลอดชีวิต ดิฉันรู้สึกถึงความรักของพระองค์ทุกวันถึงแม้บางครั้งดิฉันจะทูลว่า ‘พระบิดา เหตุใดจึงเกิดเรื่องนี้กับข้าพระองค์’ แต่ก่อนดิฉันเข้านอน พระองค์ตรัสตอบว่า ‘เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเหตุนี้ ไปนอนเถิด’ ดิฉันรักพระองค์เช่นกัน ดิฉันอาจจะต้องเผชิญทุกอย่างที่ประสบมาจึงจะรู้สึกรักพระองค์ได้มากขนาดนั้น”