2020
ความจริง 4 ประการที่ดิฉันเรียนรู้จากการศึกษาโจเซฟ สมิธในฐานะผู้เขียนประวัติศาสนจักร
กุมภาพันธ์ 2020


ดิจิทัลเท่านั้น: คนหนุ่มสาวและการฟื้นฟูต่อเนื่อง

ความจริง 4 ประการที่ดิฉันเรียนรู้จากการศึกษาโจเซฟ สมิธในฐานะผู้เขียนประวัติศาสนจักร

คนหนุ่มสาวไม่ต้องกลัวประวัติศาสนจักร อันที่จริง ท่านควรขวนขวายเรียนรู้เรื่องนี้

เมื่อดิฉันยังเด็ก ดิฉันชอบฟังเรื่องต่างๆ ที่คุณแม่เล่าให้ฟังเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธและประวัติศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ดิฉันเติบใหญ่ทางภาคตะวันตกของรัฐออริกอน สหรัฐอเมริกาแวดล้อมไปด้วยสวนผลไม้เปลือกแข็งและเกษตรกรรม ครอบครัวเราจะมารวมกันตรงระเบียงหลังบ้านในช่วงฤดูร้อนและฟังคุณแม่เล่าเรื่องเหล่านี้ท่ามกลางเสียงกรีดเบาๆ ของบรรดาจิ้งหรีด

อาจจะเป็นเพราะดิฉันอายุยังน้อยด้วยจึงสนใจเรื่องราวในวัยเยาว์ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธเป็นพิเศษ เช่น การผ่าตัดเพื่อนำเอากระดูกติดเชื้อออกจากขาของท่านเมื่อท่านอายุเพียงเจ็ดขวบ หรือตอนที่ครอบครัวสมิธย้ายไปอยู่นิวยอร์กเมื่อโจเซฟยังใช้ไม้เท้าต่อจากนั้นอีกสามปี ดิฉันเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธจนรู้ข้อเท็จจริงบางอย่างทางประวัติศาสตร์ดีกว่าครูโรงเรียนวันอาทิตย์และครูปฐมวัยของดิฉัน!

การเข้าใจหลักธรรมพระกิตติคุณผ่านประวัติศาสตร์

เมื่อดิฉันเรียนสูงขึ้น ดิฉันเริ่มศึกษาประวัติศาสตร์อเมริกาและประวัติศาสนจักรอย่างจริงจัง ดิฉันเรียนรู้มากมายเกี่ยวกับวัฒนธรรมในสมัยของโจเซฟ สมิธและสภาวะแวดล้อมเมื่อครั้งก่อตั้งศาสนจักร ข้อมูลนี้ยกระดับความหมายของเรื่องราวที่ดิฉันเรียนรู้แต่เยาว์วัย การศึกษาช่วยให้ดิฉันเห็นว่าการศึกษาประวัติของพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูจะทำให้เข้าใจหลักธรรมสำคัญๆ ของพระกิตติคุณลึกซึ้งขึ้น ดิฉันเรียนรู้ว่าเราควรยอมรับขั้นตอนนี้แทนที่จะกลัว

ในเดือนกรกฎาคม ปี 2018 ดิฉันสามารถผสมผสานความหลงใหลในประวัติศาสนจักรเข้ากับการอบรมทางประวัติศาสตร์เมื่อดิฉันเข้าร่วมโครงการ Joseph Smith Papers ในแผนกประวัติศาสนจักรในฐานะบรรณาธิการหนังสือ งานตำแหน่งนี้คือตรวจสอบต้นฉบับเอกสารประวัติศาสตร์และจัดเตรียมข้อมูลให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น

กล่าวอีกนัยหนึ่งคืองานนี้ทำให้ดิฉันนึกถึงชีวิตของโจเซฟ สมิธทุกวัน

การศึกษาประวัติด้วยดวงตาแห่งศรัทธา

โจเซฟ สมิธผู้ที่ดิฉันคุ้นเคยมากที่สุดในฐานะผู้เขียนประวัติเป็นคนอเมริกันที่โดดเด่นและซับซ้อนผู้พยายามสร้างชุมชนไซอันในที่ซึ่งเคยเป็นชายแดนตะวันตกของสหรัฐ มีบางด้านของชีวิตโจเซฟ สมิธที่ผู้เขียนประวัติเข้าใจไม่มากเพราะท่านไม่ได้ทำบันทึกจากประสบการณ์หรือปาฐกถาของท่านเอง

แต่ไม่ว่าเราจะรู้หรือไม่รู้อะไรก็ตาม ศรัทธาต้องมีบทบาทในการสำรวจประวัติในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้าย การเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าและในหลักธรรมของการเปิดเผยต่อเนื่อง—ว่าพระผู้เป็นเจ้าจะไม่หยุดตรัสและนำผู้คนของพระองค์—ยังคงเป็นรากฐานแห่งศรัทธาของดิฉันและทำให้ดิฉันตั้งมั่นอยู่ในพระกิตติคุณที่ดิฉันรักมาก

ประสบการณ์ประจำวันในเชิงลึกที่ดิฉันมีกับการศึกษาชีวิตของโจเซฟ สมิธและประวัติศาสนจักรโดยทั่วไปสอนดิฉันหลายเรื่อง อาทิ

  1. ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระเจ้าอย่างแท้จริง เพื่อฟื้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์บนแผ่นดินโลกอีกครั้ง และเรามีหน้าที่ทำให้การฟื้นฟูนั้นดำเนินต่อไป

  2. พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้คนไม่ดีพร้อม—อย่างเช่นโจเซฟ สมิธ—ทำงานสำคัญยิ่งให้สำเร็จ เราแต่ละคนจะทำผิดพลาด และความจริงของเรื่องคือเราไม่โดดเดี่ยว แม้แต่ศาสดาพยากรณ์ก็ยังใช้การชดใช้ของพระเยซูคริสต์เพื่อกลับใจ เราเองก็เช่นกัน

  3. พระบิดาบนสวรรค์ทรงรู้จักเราแต่ละคนเป็นส่วนตัว—กับความอ่อนแอและคำถามที่เราทุกคนมี หลักคำสอนที่ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงฟื้นฟูผ่านโจเซฟ สมิธสอนเราว่าแต่ละคนที่เคยเกิดมามีค่ามหาศาลและมีศักยภาพนิรันดร์ไม่สิ้นสุดที่จะเป็นเหมือนพระบิดาพระมารดาบนสวรรค์ของพวกเขา

  4. การเติบโตส่วนตัวและการเปิดเผยสามารถพัฒนาได้ชั่วชีวิต โจเซฟ สมิธน่าจะเข้าใจนิมิตแรกของท่านดีขึ้นตามอายุที่มากขึ้นเนื่องด้วยประสบการณ์อันเป็นการเปิดเผยที่ท่านมีตลอดชีวิตที่เหลือ ในทำนองเดียวกัน เราสามารถมองดูประสบการณ์ที่เรามีในชีวิตโดยรู้ว่าเราแสวงหาการเปิดเผยต่อไปได้ขณะสร้างบนความจริงที่เราเรียนรู้แล้ว

คนหนุ่มสาวทั้งหลาย การหาคำตอบให้กับคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสนจักรดูน่าหวาดกลัวในบางครั้ง แต่เป็นขั้นตอนที่ควรทำ ศรัทธาของท่านจะแรงกล้าขึ้นเมื่อท่านเรียนรู้เรื่องราวของคนที่เคยช่วยให้ศาสนจักรเติบโตทั่วโลก ดิฉันรู้ว่าศรัทธาของดิฉันเป็นเช่นนั้น