เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 20: การเสริมสร้างศรัทธาและประจักษ์พยานของเรา


บทที่ 20

การเสริมสร้างศรัทธาและประจักษ์พยานของเรา

คำนำ

ศรัทธาในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์นำความเข้มแข็งและความคุ้มครองทางวิญญาณมาให้บุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า พระคัมภีร์มอรมอนยกตัวอย่างเจตคติและพฤติกรรมที่สามารถชักนำแต่ละบุคคลให้เสื่อมโทรมในความไม่เชื่อ ศาสดาพยากรณ์ในพระคัมภีร์มอรมอนเตือนเรื่องพฤติกรรมและเจตคติเหล่านี้ อีกทั้งสอนหลักธรรมพระกิตติคุณที่จะส่งเสริมและเสริมสร้างศรัทธาตลอดจนประจักษ์พยานของเรา

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

  • นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น, “ลมหมุนทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2014, 18-21

  • แอล. วิทนีย์ เคลย์ตัน, “เลือกที่จะเชื่อ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 36-39

  • แลร์รีย์ เอส. เคเชอร์, “อย่าล้อเล่นกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 104-106

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

2 นีไฟ 1:10–11; 9:28; โมไซยาห์ 2:36–37; 26:1–4; แอลมา 12:9–11; 31:8–11; 46:7–8; ฮีลามัน 4:11–13; 13:24–26; มอรมอน 9:7–8

เจตคติและพฤติกรรมที่สามารถบ่อนทำลายศรัทธาและประจักษ์พยาน

ให้ดูคำถามต่อไปนี้และเชื้อเชิญนักเรียนให้ตอบสั้นๆ

  • เป็นไปได้อย่างไรที่คนเคยประสบพรของพระกิตติคุณจะสูญเสียศรัทธาและประจักษ์พยานของพวกเขา

เตือนนักเรียนว่าศาสดาพยากรณ์ลีไฮเตือนว่าสักวันลูกหลานของเขาจะสูญเสียศรัทธาในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 2 นีไฟ 1:10-11 ขอให้นักเรียนมองหาผลของความไม่เชื่อที่มีต่อลูกหลานของลีไฮในท้ายที่สุด (อาจจะเป็นประโยชน์ถ้าอธิบายว่าวลี “เสื่อมโทรมในความไม่เชื่อ” หมายถึงเสื่อมถอยทางวิญญาณเพราะความไม่เชื่อ)

  • ในที่สุดแล้วความไม่เชื่อจะมีผลอะไรต่อผู้สืบตระกูลของลีไฮ

ชี้ให้เห็นว่าแม้มีองค์ประกอบหลายอย่างที่นำไปสู่ความพินาศของอารยธรรมชาวนีไฟ แต่สาเหตุหลักของความเสื่อมในบรรดาชาวนีไฟคือการสูญสิ้นศรัทธาในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ ผู้เขียนพระคัมภีร์มอรมอนจึงเตือนซ้ำหลายครั้งเรื่องพฤติกรรมและเจตคติที่บั่นทอนศรัทธาในพระเจ้าและสอนอยู่เนืองๆ เรื่องการสร้างและเสริมสร้างประจักษ์พยาน

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง โมไซยาห์ 26:1-4 กระตุ้นให้ชั้นเรียนมองหาเจตคติและพฤติกรรมที่ทำลายศรัทธาของบางคนระหว่างการปกครองของกษัตริย์โมไซยาห์

เชื้อเชิญให้นักเรียนระบุหลักธรรมที่สอนในข้อเหล่านี้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่เลือกไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติตามความจริง หลักธรรมที่นักเรียนอาจระบุได้แก่ เมื่อผู้คนเลือกไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติตามความจริงที่ได้รับการสอน ใจพวกเขาแข็งกระด้างและจะไม่ได้รับพรแห่งศรัทธาและประจักษ์พยาน

  • เมื่อผู้คนเลือกไม่เชื่อและไม่ปฏิบัติตามความจริงที่ได้รับการสอน ท่านคิดว่าเหตุใดใจพวกเขาจึงแข็งกระด้างต่อพระวิญญาณ

เพื่อช่วยให้นักเรียนค้นพบเจตคติและพฤติกรรมเพิ่มเติมที่สามารถนำไปสู่การสูญเสียศรัทธาและประจักษ์พยาน ให้เขียนข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้บนกระดาน มอบหมายให้นักเรียนแต่ละคนอ่านหนึ่งหรือสองข้อ และพึงแน่ใจว่าได้มอบหมายครบทุกข้อ ขอให้นักเรียนค้นคว้าข้อที่มอบหมายเพื่อหาเจตคติและพฤติกรรมที่สามารถชักนำผู้คนให้สูญเสียศรัทธาและประจักษ์พยาน

2 นีไฟ 9:28

โมไซยาห์ 2:36-37

แอลมา 12:9-11

แอลมา 31:8-11

แอลมา 46:7-8

ฮีลามัน 4:11-13

ฮีลามัน 13:24-26

มอรมอน 9:7-8

หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว ขอให้นักเรียนแบ่งปันเจตคติหรือพฤติกรรมที่พวกเขาค้นพบและอธิบายว่าสิ่งเหล่านี้สามารถบั่นทอนศรัทธาและประจักษ์พยานได้อย่างไร สรุปคำตอบของนักเรียนไว้บนกระดานใกล้กับข้อที่สอดคล้องกัน

  • ท่านคิดว่าเจตคติหรือพฤติกรรมใดในข้อเหล่านี้อันตรายที่สุดสำหรับสมาชิกหนุ่มสาวของศาสนจักรในปัจจุบัน เพราะเหตุใด

ขอให้นักเรียนเลือกเจตคติหรือพฤติกรรมหนึ่งอย่างที่เขียนไว้บนกระดาน และอธิบายว่าพวกเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อระวังเจตคติหรือพฤติกรรมนั้น

ให้เวลานักเรียนไตร่ตรองสักครู่ว่าเจคตคิหรือพฤติกรรมใดคุกคามศรัทธาและประจักษ์พยานของพวกเขาและพวกเขาจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเสริมสร้างตนเองให้เข้มแข็ง

2 นีไฟ 28:21-23; มอรมอน 5:16-18

ผลของการสูญเสียศรัทธาและประจักษ์พยาน

เตือนนักเรียนว่าเมื่อศาสดาพยากรณ์มอรมอนนำกองทัพชาวนีไฟ ในเวลานั้นเองที่ท่านสังเกตเห็นสภาพที่ชั่วร้ายและสิ้นหวังของผู้คน ขอให้นักเรียนศึกษา มอรมอน 5:16-18โดยมองหาคำอธิบายของมอรมอนเกี่ยวกับสภาพทางวิญญาณของผู้คน

  • ท่านคิดว่าการดำเนินชีวิต “โดยปราศจากพระคริสต์และพระผู้เป็นเจ้าในโลก” หมายความว่าอย่างไร

  • เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรได้บ้างจากถ้อยคำของมอรมอนเกี่ยวกับคนที่สูญเสียศรัทธาในพระเจ้าและไม่ยอมกลับใจ (ถึงแม้นักเรียนจะใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรค้นพบหลักธรรมต่อไปนี้: ถ้าเรายอมให้ตัวเราสูญเสียศรัทธาและไม่ยอมกลับใจ พระวิญญาณจะทรงถอนตัวไปจากเราและเราจะสูญเสียการนำทางจากพระเจ้า

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 18 มอรมอนเตือนว่าอะไรจะเป็นผลจากการสูญเสียการนำทางจากพระเจ้า

อธิบายว่านีไฟสอนว่ากระบวนการสูญเสียพระวิญญาณและถูกมารนำไปเป็นเชลยมักเกิดขึ้นช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป เชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก 2 นีไฟ 28:21–23 ขอให้ชั้นเรียนระบุคำและวลีที่พูดถึงความเสื่อมทางวิญญาณทีละน้อย

  • นีไฟบอกว่าเจตคติอะไรสามารถนำไปสู่ความเสื่อมทางวิญญาณของคนๆ หนึ่ง

  • ท่านคิดว่าเหตุใดเจตคติเหล่านี้จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อศรัทธาของเรา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงเรื่องต่อไปนี้โดยประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์แห่งฝ่ายประธานสูงสุด

ประธานเฮนรีย์ บี. อายริงก์

“เราได้รับความจริงเป็นบรรทัดมาเติมบรรทัดและแสงสว่างจ้าขึ้นทีละน้อยเมื่อเราเชื่อฟังฉันใด ประจักษ์พยานของเราเกี่ยวกับความจริงลดลงทีละนิดจนแทบมองไม่ออกฉันนั้น และความมืดเพิ่มขึ้นทีละน้อยจนคนจองหองอาจยอมรับได้ยากว่าบางอย่างกำลังเปลี่ยนแปลง

“ข้าพเจ้าเคยได้ยินคำพูดคุยโวของคนที่เดินออกห่างจากศาสนจักรอย่างช้าๆ ตอนแรกเขาแค่หยุดสอนชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ จากนั้นก็ออกห่างจากศาสนจักร แล้วก็ลืมจ่ายส่วนสิบบางครั้ง … เขาอาจไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง แต่ข้าพเจ้ารู้สึกได้ แสงสว่างในดวงตาของเขาและแม้กระทั่งแสงสว่างในสีหน้าของเขามัวลง เขาอาจบอกไม่ได้ เนื่องจากผลกระทบประการหนึ่งของการไม่เชื่อฟังพระผู้เป็นเจ้าดูเหมือนจะทำให้เกิดความรู้สึกด้านชาทางวิญญาณมากพอจะระงับความรู้สึกใดก็ตามที่เชื่อมโยงเขาพระผู้เป็นเจ้า ไม่เพียงประจักษ์พยานเกี่ยวกับความจริงถูกกัดกร่อนทีละน้อยเท่านั้น แม้ความทรงจำในเรื่องที่เหมือนจะอยู่ในแสงสว่างก็เริ่มเลือนรางสำหรับเขาเช่นกัน” (“A Life Founded in Light and Truth” [Brigham Young University devotional, Aug. 15, 2000], 3, speeches.byu.edu)

  • ท่านคิดว่ามีตัวบ่งชี้อะไรบ้างที่แสดงว่าคนๆ นั้นเริ่มสูญเสียศรัทธาและประจักษ์พยานของเขา

1 นีไฟ 15:7–11; 2 นีไฟ 25:28–29; โมไซยาห์ 4:11–12; 15:11; ฮีลามัน 15:7–8

การเสริมสร้างศรัทธาและประจักษ์พยาน

ให้ดูและเชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง

เอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็น

“ตามธรรมชาติ ต้นไม้ที่โตในสภาพลมแรงจะแข็งแรงขึ้น เมื่อลมแรงพัดต้นอ่อน พลังภายในต้นทำสองอย่าง หนึ่ง กระตุ้นรากให้โตเร็วขึ้นและขยายรากออกไปอีก สอง พลังภายในต้นเริ่มสร้างองค์ประกอบของเซลล์ซึ่งทำให้ลำต้นและกิ่งหนาขึ้น โอนเอนไปตามแรงลมง่ายขึ้น รากและกิ่งก้านสาขาที่แข็งแรงขึ้นเหล่านี้จะปกป้องต้นไม้จากลมที่จะพัดย้อนมาแน่นอน

“ท่านมีค่าอย่างหาที่สุดมิได้ต่อพระผู้เป็นเจ้ามากกว่าต้นไม้ ท่านเป็นบุตรหรือธิดาของพระองค์ พระองค์ทรงทำให้วิญญาณท่านแข็งแกร่งและสามารถหยุ่นตัวพอจะต้านลมหมุนของชีวิต ลมหมุนในวัยเยาว์ของท่าน เหมือนลมปะทะต้นอ่อน สามารถเพิ่มพูนความเข้มแข็งทางวิญญาณของท่านได้ เพื่อเตรียมท่านให้พร้อมรับวันเวลาข้างหน้า” (“ลมหมุนทางวิญญาณ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2014, 18)

  • เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่อให้มีความเข้มแข็งทางวิญญาณและต้านสิ่งที่ท้าทายศรัทธาและประจักษ์พยานของเรา

เตือนนักเรียนว่าพระคัมภีร์มอรมอนมีหลักธรรมพระกิตติคุณที่สามารถนำทางแต่ละคนผู้พยายามทำให้ตนเองมีศรัทธาแรงกล้าขึ้นและประจักษ์พยานมั่นคงขึ้น

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 2 นีไฟ 25:28–29 อธิบายว่าข้อเหล่านี้สรุปโอวาทอันเปี่ยมด้วยพลังที่นีไฟกล่าวแก่ผู้คนเกี่ยวกับวิธีรับการช่วยให้รอด ขอให้สมาชิกชั้นเรียนมองหาสิ่งที่นีไฟสอนว่าเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตเรา

  • นีไฟสอนว่าอะไรเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตเรา (ช่วยให้นักศึกษาค้นพบหลักธรรมต่อไปนี้: ถ้าเราเลือกเชื่อในพระเยซูคริสต์และนมัสการพระองค์ด้วยสุดกำลัง ความคิด และพละกำลัง เมื่อนั้นเราจะยังคงเข้มแข็งทางวิญญาณและไม่ถูกขับออกไป

ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์แอล. วิทนีย์ เคลย์ตันแห่งสาวกเจ็ดสิบ และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

เอ็ลเดอร์แอล. วิทนีย์ เคลย์ตัน

“ศาสดาพยากรณ์ทุกยุคสมัยกระตุ้นเตือนเราและแม้กระทั่งวิงวอนเราให้เชื่อในพระคริสต์ … การตัดสินใจเชื่อเป็นการเลือกครั้งสำคัญที่สุดที่เราเคยทำ การเลือกนี้ส่งผลต่อการตัดสินใจอื่นๆ ทั้งหมดของเรา …

“ความเชื่อ ประจักษ์พยาน และศรัทธาไม่ใช่หลักธรรมแห่งความเฉยเฉื่อย สิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้นกับเราโดยบังเอิญ ความเชื่อคือบางสิ่งที่เราเลือก—เราตั้งความหวังไว้กับสิ่งนั้น เราทำงานและเราเสียสละให้ได้มา เราจะไม่เชื่อในพระผู้ช่วยให้รอดและพระกิตติคุณของพระองค์โดยบังเอิญเช่นเดียวกับที่เราจะไม่บังเอิญสวดอ้อนวอนหรือจ่ายส่วนสิบ เราเลือกที่จะเชื่อด้วยความกระตือรือร้นเหมือนที่เราเลือกรักษาพระบัญญัติข้ออื่นๆ” (“เลือกที่จะเชื่อ,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 38)

  • ท่านคิดว่า “ความเชื่อ ประจักษ์พยาน และศรัทธาไม่ใช่หลักธรรมแห่งความเฉยเฉื่อย“ หมายความว่าอย่างไร

  • ท่านคิดว่าเหตุใดการพยายามดำเนินตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณจึงเป็นวิธีเสริมสร้างศรัทธาและประจักษ์พยานของเราได้ดีที่สุด

เพื่อช่วยให้นักเรียนค้นพบบางวิธีที่เราสามารถพยายามเสริมสร้างศรัทธาและประจักษ์พยานของเรา เขียนข้อพระคัมภีร์ต่อไปนี้ไว้บนกระดานและขอให้นักเรียนอ่านอย่างน้อยคนละหนึ่งข้อในใจ เชื้อเชิญให้พวกเขามองหาหลักธรรมที่สามารถช่วยเราเสริมสร้างศรัทธาในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์

1 นีไฟ 15:7-11

โมไซยาห์ 4:11-12

โมไซยาห์ 15:11

ฮีลามัน 15:7-8

เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันข้อคิดที่พวกเขาพบในข้อพระคัมภีร์เหล่านี้ ท่านอาจเชื้อเชิญให้นักเรียนแสดงประจักษ์พยานว่าพวกเขาเคยประยุกต์ใช้หลักธรรมเหล่านี้หรือหลักธรรมอื่นในชีวิตพวกเขาและได้รับพรด้วยศรัทธาที่เพิ่มขึ้นในพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์อย่างไร กระตุ้นให้นักเรียนพยายามทำสิ่งจำเป็นเพื่อเสริมสร้างศรัทธาของพวกเขาในพระเจ้า

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน