เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 7: พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิล


บทที่ 7

พระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิล

คำนำ

พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานร่วมกับพระคัมภีร์ไบเบิลถึงความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์และบทบาทของพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของโลก พระคัมภีร์มอรมอนฟื้นฟูความจริงที่แจังชัดและมีค่าซึ่งสูญหายไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์มอรมอน ความเข้าใจของเราเกี่ยวกับหลักคำสอนในพระคัมภีร์ไบเบิลจะกระจ่างชัดเจน

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

  • รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน, “พยานแห่งพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2007, 52-56

  • แทด อาร์. คอลลิสเตอร์, “พระคัมภีร์มอรมอน—พระคัมภีร์จากพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 94–97

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

เอเสเคียล 37:15–19; 2 นีไฟ 3:11–12; 29:3–10

พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานร่วมกันถึงพระเยซูคริสต์

ถามนักเรียนว่าพวกเขาจะพูดอะไรกับคนที่แสดงความสงสัยเกี่ยวกับพระคัมภีร์มอรมอนเพราะพระผู้เป็นเจ้าประทานพระคัมภีร์ไบเบิลแก่เราแล้ว

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน 2 นีไฟ 29:3–10 ในใจ และทำเครื่องหมายข้อความที่บอกเหตุผลของพระเจ้าสำหรับการให้พระคัมภีร์มากกว่าหนึ่งเล่ม

  • พระเจ้าตรัสอะไรเกี่ยวกับคนที่ตอบสนองด้วยความสงสัยพระคัมภีร์ที่นอกเหนือจากพระคัมภีร์ไบเบิล

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 8 พระเจ้าตรัสว่าอะไรคือจุดประสงค์ที่พระองค์ทรงเปิดเผยพระคัมภีร์นอกเหนือจากพระคัมภีร์ไบเบิล (นักเรียนอาจให้คำตอบต่างกัน แต่พวกเขาควรค้นพบความจริงต่อไปนี้: พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยานร่วมกันถึงพระเยซูคริสต์)

  • ท่านเรียนรู้อะไรจากข้อนี้ที่ช่วยให้ท่านเข้าใจความสำคัญของการมีพยานพระคัมภีร์เพิ่มเติม

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจลึกซึ้งขึ้นว่าพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนร่วมกันเป็นพยานถึงพระเยซูคริสต์อย่างไร ให้พวกเขาดูคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง

ประธานรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน

“พยานพระคัมภีร์ยืนยันให้กันว่าเป็นความจริง แนวคิดนี้มีการอธิบายมานานแล้วเมื่อศาสดาพยากรณ์คนหนึ่งเขียนว่าพระคัมภีร์มอรมอนเขียนไว้ “ด้วยเจตนาว่าท่านจะเชื่อ [พระคัมภีร์ไบเบิล]; และหากท่านเชื่อ [พระคัมภีร์ไบเบิล] ท่านจะเชื่อบันทึกนี้ [พระคัมภีร์มอรมอน] ด้วย’ [มอรมอน 7:9] พระคัมภีร์ทุกเล่มอ้างถึงกัน พระคัมภีร์ทุกเล่มยืนเป็นพยานว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์และตรัสกับบุตรธิดาของพระองค์โดยการเปิดเผยต่อศาสดาพยากรณ์ของพระองค์

“ความรักของคนคนหนึ่งที่มีต่อพระคัมภีร์มอรมอนจะเพิ่มความรักของเขาที่มีต่อพระคัมภีร์ไบเบิล และในทางกลับกันด้วย พระคัมภีร์แห่งการฟื้นฟูไม่ได้มาแข่งขันกับพระคัมภีร์ไบเบิล พระคัมภีร์เหล่านั้นสนับสนุนพระคัมภีร์ไบเบิล” (“พยานแห่งพระคัมภีร์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2007, 53)

  • อะไรโดดเด่นสำหรับท่านในคำอธิบายของประธานเนลสันเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพระคัมภีร์สองเล่มนี้ และเพราะเหตุใด

เตือนนักเรียนว่าเอเสเคียลศาสดาพยากรณ์ในพันธสัญญาเดิมพยากรณ์ว่าไม้ของยูดาห์กับไม้ของโยเซฟจะรวมเป็นอันเดียว อธิบายว่า “ไม้” สามารถหมายถึงแผ่นไม้หรือแผ่นหนังที่ม้วนรอบแกนไม้ (ดู บอยด์ เค. แพคเกอร์, Scriptures, Ensign, Nov. 1982, 51) ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง เอเสเคียล 37:15–19

  • ไม้เหล่านี้แทนสิ่งใด (หากจำเป็นให้อธิบายว่า “ไม้ของยูดาห์” หมายถึงพระคัมภีร์ไบเบิล และ “ไม้ของเอฟราอิม” หมายถึงพระคัมภีร์มอรมอน)

  • ท่านคิดว่าไม้สองอันนี้หรือพระคัมภีร์สองเล่มนี้จะกลาย “เป็นไม้อันเดียวกันในมือของเจ้า” หมายความว่าอย่างไร (ข้อ 17, 19)

เพื่อช่วยตอบคำถามนี้ ให้แบ่งปันข้อความต่อไปนี้จากประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์ (1924–2015) แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง อธิบายว่าก่อนประธานแพคเกอร์กล่าวถ้อยแถลงนี้ไม่นาน ศาสนจักรได้จัดพิมพ์พระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่ แต่ละเล่มมีเชิงอรรถและความช่วยเหลืออื่นในการศึกษาพระคัมภีร์ที่อ้างหนังสืออื่น ด้วยเหตุนี้จึงรวมทั้งสองเล่มให้เป็นหนึ่งเดียวในวิธีใหม่ เชื้อเชิญให้นักเรียนฟังพรที่มีให้คนเหล่านั้นผู้ศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนด้วยกัน

ประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์

“ไม้หรือบันทึกของยูดาห์ … และไม้หรือบันทึกของเอฟราอิม … บัดนี้ถูกนำมาถักทอเข้าด้วยกันในวิธีที่เมื่อท่านตั้งใจศึกษาเล่มหนึ่งท่านจะถูกดึงไปหาอีกเล่มหนึ่ง เมื่อท่านเรียนรู้จากเล่มหนึ่งท่านจะได้รับความกระจ่างจากอีกเล่มหนึ่ง พระคัมภีร์เหล่านี้เป็นหนึ่งเดียวกันในมือเราอย่างแท้จริง เวลานี้คำพยากรณ์ของเอเสเคียลเกิดสัมฤทธิผลชัดเจน

“หลายปีผ่านไป พระคัมภีร์เหล่านี้จะผลิตชาวคริสต์ที่ซื่อสัตย์หลายรุ่นติดต่อกันผู้รู้จักพระเจ้าพระเยซูคริสต์และมีแนวโน้มจะเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์ …

“… การเปิดเผยจะมีให้ [คนรุ่นใหม่] อย่างที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนในประวัติศาสตร์ของโลก เวลานี้ไม้ของโยเซฟและไม้ของยูดาห์วางอยู่ในมือพวกเขา พวกเขาจะพัฒนาความรอบรู้ในพระกิตติคุณเกินกว่าบรรพชนของพวกเขาจะทำได้ พวกเขาจะมีประจักษ์พยานว่าพระเยซูคือพระคริสต์และมีความสามารถในการประกาศพระองค์และแก้ต่างให้พระองค์” (Scriptures, Ensign, Nov. 1982, 53).

  • พรใดมีให้เราเมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ไบเบิลรวมกัน (นักเรียนควรค้นพบหลักธรรมต่อไปนี้: เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนรวมกัน เราได้รับพยานมากขึ้นว่าพระเยซูคือพระคริสต์)

  • การศึกษาพระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ไบเบิลรวมกันทำให้ความรู้และประจักษ์พยานของเราในพระเยซูคริสต์ลึกซึ้งขึ้นอย่างไร

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่าน 2 นีไฟ 3:11–12 (อาจจะเป็นประโยชน์ถ้าชี้แจงว่าข้อเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของคำพยากรณ์โดยโยเซฟแห่งอียิปต์ ในข้อเหล่านี้โยเซฟกล่าวถึงหนังสือสองเล่ม—เล่มหนึ่งเขียนโดยผู้สืบตระกูลของโยเซฟคือพระคัมภีร์มอรมอน และอีกเล่มเขียนโดยผู้สืบตระกูลของยูดาห์คือพระคัมภีร์ไบเบิล)

  • พระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ไบเบิลมีผลอะไรต่อโลกเมื่อหนังสือสองเล่มนี้ “เข้ามารวมกัน” (นักเรียนควรค้นพบแนวคิดเหล่านี้: พระคัมภีร์ทั้งสองจะหักล้างหลักคำสอนเท็จ ยุติการโต้แย้ง และสถาปนาสันติภาพ)

ขอให้นักเรียนไตร่ตรองว่าพวกเขาจะใช้พระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ไบเบิลเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ประจักษ์พยานและศรัทธาของพวกเขาในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์อย่างไร เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันความคิดและความประทับใจ เชื้อเชิญให้พวกเขาทำตามการกระตุ้นเตือนที่ได้รับ

1 นีไฟ 13:23–29, 35–36, 38–41

ความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าได้รับการฟื้นฟู

เตือนนักเรียนว่าศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับพระบัญชาจากพระเจ้าให้แก้ไขพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับคิงเจมส์ด้วยการดลใจ การแก้ไขครั้งนี้เรียกว่างานแปลของโจเซฟ สมิธ ให้ดูและอ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ (1805–1844)

ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

“ข้าพเจ้าเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิลตามที่อ่านเมื่อมาจากปลายปากกาของผู้เขียนคนแรกสุด นักแปลที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ คนคัดลอกที่สะเพร่า หรือปุโรหิตที่มีแผนร้ายและทุจริตทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนหลายจุด” (คำสอนของประธานศาสนจักร: โจเซฟ สมิธ [2007], 221)

  • เหตุใดจึงต้องมีการแก้ไขพระคัมภีร์ไบเบิลด้วยการดลใจ

เตือนนักเรียนว่านีไฟเห็นนิมิตเกี่ยวกับการออกมาของพระคัมภีร์ไบเบิล เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 13:23–25 ขอให้ชั้นเรียนมองหาคำอธิบายของนีไฟเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลเมื่อเขียนครั้งแรก

  • เทพสอนอะไรนีไฟเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลเมื่อเขียนขึ้นครั้งแรก (พระคัมภีร์ไบเบิล “มีพันธสัญญาของพระเจ้า” “มีคุณค่ายิ่ง” และ “มีความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณของพระเจ้า” )

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน 1 นีไฟ 13:26–28 โดยมองหาสิ่งที่นีไฟทราบว่าจะเกิดขึ้นกับพระคัมภีร์ไบเบิลและด้วยเหตุผลอะไรบ้าง

  • ศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังทำอะไรกับพระคัมภีร์ไบเบิล (เน้นว่าศาสนจักรอันเรืองอำนาจและน่าชิงชังไม่ใช่ศาสนจักรหรือองค์กรใดโดยเฉพาะแต่เป็นคำทั่วไปหมายถึงทุกคนที่ต่อสู้กับพระคริสต์ [ดู 1 นีไฟ 13:4-9; 14:10])

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 27 เหตุใดส่วนที่แจ้งชัดและมีค่าเหล่านี้จึงถูกนำออกไป

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง 1 นีไฟ 13:29 ขณะนักเรียนที่เหลือมองหาผลของการนำส่วนที่แจ้งชัดและมีค่าไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล

  • เกิดอะไรขึ้นเนื่องจากคำสอนที่แจ้งชัดและมีค่าของพระเจ้าถูกนำออกไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล

  • ท่านเห็นหลักฐานอะไรในโลกทุกวันนี้ยืนยันว่า “ผู้คนมากมายยิ่งจึงสะดุด”เพราะขาดความจริงที่แจ้งชัดและมีค่า

เชิญนักเรียนสองสามคนผลัดกันอ่านออกเสียงจาก 1 นีไฟ 13:35–36, 38–41 ขณะชั้นเรียนมองหาวิธีที่พระเจ้าทรงแก้ปัญหานี้

  • พระเจ้าจะทรงทำอะไรเพื่อเอาชนะปัญหาอันเกิดจากการนำความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล

  • นอกจากพระคัมภีร์มอรมอนแล้ว พระเจ้าทรงนำ “หนังสือเล่มอื่น” อะไรออกมาอีกบ้างอันเป็นส่วนหนึ่งของการฟื้นฟู (กระตุ้นให้นักเรียนเขียนข้อความในพระคัมภีร์ของพวกเขาว่า “หนังสือเล่มอื่น” ประกอบด้วยหลักคำสอนและพันธสัญญา ไข่มุกอันล้ำค่า และงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลของโจเซฟ สมิธ )

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 40 พระคัมภีร์มอรมอนและ “หนังสือเล่มอื่น” แก้ปัญหาอันเกิดจากการนำส่วนที่แจ้งชัดและมีค่าไปจากพระคัมภีร์ไบเบิลอย่างไร (นักเรียนควรเข้าใจความจริงต่อไปนี้: พระคัมภีร์มอรมอนกับพระคัมภีร์ยุคสุดท้ายช่วยสถาปนาความจริงของพระคัมภีร์ไบเบิล ฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าซึ่งถูกนำไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล)

เพื่ออธิบายว่าพระคัมภีร์มอรมอนยืนยันความเข้าใจของเราเกี่ยวกับหลักคำสอนและหลักธรรมที่พบในพระคัมภีร์ไบเบิล ให้แบ่งปันคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์แทด อาร์. คอลลิสเตอร์ผู้รับใช้ในฝ่ายประธานโควรัมสาวกเจ็ดสิบ

เอ็ลเดอร์แทด อาร์. คอลลิสเตอร์

“พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพยานเล่มหนึ่งของพระเยซูคริสต์ พระคัมภีร์มอรมอนเป็นอีกเล่มหนึ่ง เหตุใดพยานทั้งสองเล่มนี้จึงสำคัญยิ่งนัก ภาพตัวอย่างต่อไปนี้อาจช่วยได้ ท่านสามารถลากเส้นตรงผ่านจุดๆ เดียวบนกระดาษแผ่นหนึ่งได้กี่เส้น คำตอบคือไม่จำกัด สมมติสักครู่ว่าจุดนั้นหมายถึงพระคัมภีร์ไบเบิลและเส้นตรงหลายร้อยเส้นที่ลากผ่านจุดดังกล่าวหมายถึงการตีความพระคัมภีร์ไบเบิลไปต่างๆ นานา ซึ่งการตีความแต่ละอย่างหมายถึงนิกายต่างๆ

“แต่เกิดอะไรขึ้นถ้าบนกระดาษแผ่นนั้นมีจุดที่สองซึ่งเป็นตัวแทนของพระคัมภีร์มอรมอน ท่านสามารถลากเส้นตรงระหว่างจุดสองจุดนี้ นั่นคือ พระคัมภีร์ไบเบิลกับพระคัมภีร์มอรมอน ได้กี่เส้น เส้นเดียว การตีความหลักคำสอนของพระคริสต์เพียงหนึ่งเดียวดำรงอยู่เพราะประจักษ์พยานของพยานทั้งสองเล่มนี้

“ครั้งแล้วครั้งเล่าที่พระคัมภีร์มอรมอนทำหน้าที่เป็นพยานยืนยัน อรรถาธิบาย และรวมหลักคำสอนที่สอนในพระคัมภีร์ไบเบิลให้เป็นหนึ่งเดียวกัน” (“พระคัมภีร์มอรมอน—พระคัมภีร์จากพระผู้เป็นเจ้า,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 95–96)

  • เหตุใดจึงสำคัญที่ต้องมีทั้งพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นพยานยืนยันหลักคำสอนของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์

เชื้อเชิญให้นักเรียนแสดงประจักษ์พยานและยกตัวอย่างว่าพระคัมภีร์มอรมอนช่วยให้พวกเขาเข้าใจพระคัมภีร์ไบเบิลดีขึ้นและใกล้ชิดพระผู้ช่วยให้รอดมากขึ้นอย่างไร

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน