คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 21: การเสด็จมาครั้งที่สองและ มิลเลเนียม


บทที่ 21

การเสด็จมาครั้งที่สองและ มิลเลเนียม

“ทางที่ดีเราควร… มองเครื่องหมายของกาลเวลา ให้ออกขฌะที่เราปีชีวิตอยู่ เพื่อวันของพระเจ้าจะไม่ ‘จู่โจมเราเหมือนขโมยในเวลากลางคืน’ ”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

ในเดือนกันยายนคริสต์ศักราช 1832 โจเซฟกับเอ็มมา สมิธและจูเลียบุตรสาว วัยสิบหกเดือนย้ายจากฟาร์มจอห์นสันในเมืองไฮรัม รัฐโอไฮโอกลับไปที่เมือง เคิร์ทแลนด์ พวกท่านย้ายเข้าไปอยู่ในร้านสรรพสินค้าของนิวเวล เค. วิทนีย์ และจะอยู่ที่นั่นปีกว่า ครอบครัวสมิธอยู่บนชั้นสองของร้านและส่วนหนึ่งของ ชั้นแรกที่ไม่ไต้ใข้ทำธุรกิจ โจเซฟ สมิธที่สาม บุตรชายของโจเซฟและเอ็มมา เกิดตอนที่ครอบครัวอยู่ในร้านนี้ ศาสดาไค้รับการเปีดเผยมากมายที่นั่นค้วย

การเปิดเผยเรื่องหนึ่งมาถึงในวันคริสต์มาสปี ค.ศ. 1832 ศาสดาใข้เวสาส่วน หนึ่งของวันนี้อยู่ที่บ้านและตรึกตรองปัญหาร้ายแรงที่ประชาชาติต่างๆ ของโลก กำลังเผชิญอยู่เวลานั้น “ความเดือดร้อนในบรรดาประชาชาติปรากฎใบ้เห็นใน เวลานี้มากกว่าที่เคยเป็นมาตั้งแต่ศาสนาจักรเริ่มเดินทางออกจากถิ่นทุรกันดาร” ศาสดากล่าว1 เหตุการณ์ในสหรัฐนําไปสู่สงครามกลางเมือง และการระบาดของ โรคร้ายลุกลามไปทั่วโลก ขณะ “สวดค้อนวอนค้วยความตั้งใจจริงเกี่ยวกับเรื่อง นี้”2 ศาสดาไค้รับการเปิดเผยที่ปัจจุบันพบในคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 87 พระเจ้าทรงเปิดเผยต่อโจเซฟว่าก่อนการเสด็จมาครั้งที่สอง สงครามจะทะลัก เข้าไปในประชาชาติทั้งหลายและภัยธรรมชาติจะลงโทษผู้คน

“ค้วยดาบและโดยการนองเลือดผู้อาศัยของแผ่นดินโลกจะเป็นทุกข์ และ ค้วยความอดอยาก และโรคระบาด และแผ่นดินไหว และฟ้าร้องแห่งสวรรค์ และฟ้าแลบที่น่ากลัวและแปลบปลาบค้วยจะทำใบ้ผู้อาศัยของแผ่นดินโลกรู้สึก ถึงพระพิโรธและความเคืองแค้นและพระหัตถ์ที่ดืสอนของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรง ฤทธานุภาพ จนกว่าการทำลายล้างที่ประกาศิตไว้จะทำให้ที่สุดของประชาชาติทั้ง หลายสมบูรณ์ … ดังนั้น เจ้าจงยืนในที่ศักดิ์สิทธี์ และไม่หวั่นไหว จนวันของ พระเจ้ามาถึง เพราะดูเถิดมันมาโดยเร็ว พระเจ้าตรัส” (ค.พ. 87:6, 8)

สองวันต่อมา วันที่ 27 ธันวาคม ศาสดาได้รับการเปิดเผยอีกครั้งซึ่งมีข้อมูล มากมายเกี่ยวกับการเสด็จมาครั้งที่สอง วันนั้น การประชุมใหญ่ของมหาปุโรหิต จัดใน “ห้องแปล” ของศาสดาในร้านวิทมีย์ที่โจเซฟทำงานแปลส่วนใหญ่ของ พระคัมภีร์ไบเบิล (Joseph Smith Translation of the Bible) มันทึกการ ประชุมมีดังนี้ “บราเดอร์โจเซฟลุกขึ้นพูดว่า เพื่อให้ได้รับการเปีดเผยและพร ของสวรรค์ เราจำเป็นด้องใจจดใจจ่ออยู่กับพระผู้เปีนเจ้า ใช้ศรัทธา มีใจเดียว และความคิดเดียว ดังนั้นท่านจึงแนะนําทุกคนที่นั่นให้สวดอ้อนวอนพระเจ้าเป็น ส่วนตัวและสวดออกเสียงเพื่อ [พระองค์] จะทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์ต่อเราเกี่ยวกับการเสริมสร้างไซอันและเพื่อประโยชน์ของสิทธิชน”

มหาปุโรหิตแต่ละคน “ห้อมคำนับพระเจ้า” และจากนั้นก็พูดถึงความรู้สึก และความตั้งใจของพวกเขาที่จะรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า3 ไม่นาน หลังจากนั้นศาสดาเริ่มได้รับการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้าซึ่งต่อมาคือคำสอนและ พันธสัญญาภาคที่ 88 การเปิดเผยนี้มีคำพยากรณ์ละเอียดที่สุดของพระคัมภีร์ บางข้อเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเจ้าและการสถาปนาสันติในช่วงหนึ่งพันปี (ดู ค.พ. 88:86–116)

พระเจ้าทรงเปิดเผยคำพยากรณ์มากมายผ่านศาสดาโจเซฟ สบิธเกี่ยวกับการ เสด็จมาครั้งที่สอง บิลเสเนียม และความโกลาหลที่จะเถิดก่อนเหตุการณ์เหล่า นี้ การเปิดเผยที่หลั่งเทมามากมายครั้งนี้เปีนประจักษ์พยานยืนยันว่าโจเซฟ สบิธ คือผู้พยากรณ์ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกจริงๆ ดังที่พระคัมภีร์มอรมอนเป็นพยาน ว่า “ผู้พยากรณ์จะรู้ได้ถึงสิ่งที่ผ่านมา และถึงสิ่งที่จะมาถึงด้วย และโดย [ท่าน] ทุกสิ่งจะถูกเปิดเผย หรือที่จริงแล้ว สิ่งลี้ลับจะถูกแสดงให้ประจักษ์ และสิ่งที่ ซ่อนอยู่ก็จะมาอยู่ในที่แจ้ง และสิ่งที่ยังไม่เป็นที่รู้จัก…ก็จะทำให้เป็นที่รู้จัก กัน” (โมไซยา 8:17)

คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ

เครื่องหมายการเสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอดจะเกิดขึ้นจริง คนชื่อสัตย์จะรู้จักเครื่องหมายเหล่านี้และมีสันติสุขในช่วงกลียุค

“ทางที่ดีเราควร…มองเครื่องหมายของกาลเวลาให้ออกขณะที่เรามีชีวิตอยู่ เพื่อวันของพระเจ้าจะไม่ ‘จู่โจมเราเหมือนขโมยในเวลากลางคืน’ [ดู ค.พ. 106:4–5]”4

“ข้าพเจ้าจะพยากรณ์ว่าเครื่องหมายการเสด็จมาของบุตรมนุษย์เริ่มขึ้นแล้ว โรคระบาดจะทยอยมาไม่ขาดสาย อีกไม่นานเราจะเห็นสงครามและการนอง เลือด ดวงจันทร์จะเปลี่ยนเป็นสีเลือด ข้าพเจ้าเป็นพยานถึงสิ่งเหล่านี้ และการ เสด็จมาของบุตรมนุษย์อยู่ใกล้ แห้ที่ประตู ล้าจิตวิญญาณและร่างกายของเรา ไม่มองหาการเสด็จมาของบุตรมนุษย์และหลังจากเราตาย หากเราไม่มองหา เรา จะอยู่ในหมู่คนที่กำลังร้องขอให้ล้อนหินตกลงมาทับพวกเขา [ดู วิวรณ์ 6:15–17]”5

“พี่ห้องที่รักทั้งหลาย เราเห็นว่ากลียุคมาถึงแล้ว ตามที่เป็นพยานถึง [ดู 2 ทิโมธี 3:1] เมื่อนั้น เราจะมองหาด้วยความมั่นใจที่สุดถึงลัมฤทธิผลของสิ่งทั้ง หมดนั้นที่เขียนไว้ และแหงนหห้ามองดวงความสว่างของกลางวันด้วยความเชื่อ มั่นมากกว่าแต่ก่อน และกล่าวในใจว่า อีกไม่นานเจ้าจะเผยหห้าสว่างจ้าของเจ้า พระองค์ผู้ตรัสว่า ‘จงมีความสว่าง’ และ ความสว่างบังเกิดขึ้น [ดู ปฐมกาล 1:3] ได้ตรัสกำนี้ และอนึ่ง เจ้าดวงจันทร์ เจ้าแสงสลัวดวงนั้น เจ้าดวงความ สว่างของกลางคืน จะเปลี่ยนเป็นสีเลือด

“เราเห็นว่าทุกอย่างกำลังเกิดลัมฤทธิผล และเวลาจะมาถึงในไม่ช้าเมื่อบุตร มนุษย์จะเสด็จลงมาในเมฆแห่งสวรรค์”6

“แผ่นดินโลกจะถูกเก็บเกี่ยวในไมช้า—มั่นคือ อีกไม่นานคนชั่วจะถูกทำลาย สิ้นไปจากพื้นพิภพ เพราะพระเจ้าตรัสดังนั้น และใครเลยจะหยุดยั้งพระหัตถ์ ของพระเจ้าได้ หรือใครเลยจะสามารถต่อสู้กับพระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ได้ เพราะ ทัองฟ้าและแผ่นดินโลกด้องผ่านไปตามพระบัญชาของพระองค์ วันเวลาผ่านไป อย่างรวดเร็วเมื่อการพื้นฟูสารพัดสิ่งจะบังเกิดสัมฤทธิผล ซึ่งศาสดาผู้บริสุทธิ์ทั้ง หลายพยากรณ์ไว้ แห้จนถึงการรวมเชื้อสายอิสราเอล เวลานั้นจะบังเกิดขึ้นเมื่อ สิงโตจะนอนพักกับลูกแกะ เป็นด้น

“แต่ พี่ห้องทั้งหลาย อย่าทัอถอยเมื่อเราบอกท่านถึงกลียุค เพราะด้องมาถึง ในไม่ข้า เพราะดาบ ความอดอยาก และโรคระบาดใกล้เข้ามาแล้ว จะมีความ พินาศใหญ่หลวงบนแผ่นดินนี้ เพราะท่านจำด้องคิดว่ากำพยากรณ์ของศาสดาผู้ บริสุทธิ์ทั้งหลายจะไม่ล้มเหลวแม้แต่ห้อย และมีมากมายที่ยังด้องบังเกิดสัม ฤทธิผล พระเจ้าตรัสว่าพระองค์จะทรงดำเนินการอย่างรวดเร็วฉับไว และคน ชอบธรรมจะรอดแม้จะเป็นไปดังด้วยไฟ [ดู โรม 9:28; 1 นีไฟ 22:17]”7

“พระคัมภีร์จวนจะบังเกิดสัมฤทธิผลอยู่แล้วเมื่อสงครามใหญ่ ความอดอยาก โรคระบาด ภัยพิบัติใหญ่หลวง การพิพากษา เปีนด้น จวนจะหลั่งเทลงมาบนผู้ อาศัยของแผ่นดินโลก”8

“เราเห็นว่ากลียุคเกิดขึ้นแล้วจริงๆ และสิ่งซึ่งเราคาดหวังมานานในที่สุดก็ เริ่มปรากฎให้เห็น แต่เมื่อท่านเห็นด้นมะเดื่อเริ่มแตกใบ ท่านจะรู้ว่าฤดูร้อนใกล้ เข้ามาแล้ว [ดู บัทธิว 24:32–33] จะมีงานสั้นๆ บนแผ่นดินโลก บัดนี้ได้เริ่ม ขึ้นแล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าอีกไม่นานจะเกิดความโกลาหลทั่วแผ่นดินโลก อย่าปล่อย ให้ใจเราสั้นหวังเมื่อสิ่งเหล่านี้เกิดกับเรา เพราะบันด้องเกิดขึ้น หาไม่แล้วพระ คำจะไม่บังเกิดสัมฤทธิผล”9

“ข้าพเจ้าทูลถามพระเจ้าเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระองค์ และขณะทูลถาม พระเจ้า พระองค์ประทานเครื่องหมายอย่างหนึ่งและตรัสว่า ‘ในสมัยของโนอา เราวางสายรู้งไว้ในห้องฟ้าเพื่อเป็นเครื่องหมายและสัญลักษณ์แสดงว่าในปีใดก็ ตามที่เห็นสายรู้ง พระเจ้าจะไม่เสด็จมา แต่ควรจะเป็นเวลาหว่านพืชและเก็บ เกี่ยวระหว่างปีนั้น แต่เมื่อใดก็ตามที่ท่านไม่เห็นสายรู้ง นั่นจะเปีนสัญลักษณ์ แสดงว่าจะเกิดความอดอยาก โรคระบาด และภัยพิบัติใหญ่หลวงในบรรดา ประชาชาติ และการเสด็จมาของพระมาไซยาอยู่ไม่ไกล’ ”10

“ยุดาห์ด้องกลับมา เจรูซาเล็มด้องถูกสร้างขึ้นใหม่ และพระวิหารด้วย และ นั้าออกมาจากใด้พระวิหาร และนํ้าจากเดดซีจะรักษาโรค [ดู เอเสเลียล 47:1–9] จะด้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อสร้างกำแพงเมืองและพระวิหารขึ้นใหม่ เปีนด้น และทุกอย่างด้องเสร็จก่อนบุตรมนุษย์จะทรงปรากฎ จะมีสงครามและข่าว ลือเรื่องสงคราม เครื่องหมายในห้องฟ้าเบื้องบนและบนแผ่นดินโลกเบื้องล่าง ดวงอาทิตย์เปลี่ยนเปีนความมีดและดวงจันทร์เปลี่ยนเป็นสีเลือด แผ่นดินไหว ในที่ต่างๆ คลื่นทะเลถาโถมขึ้นเหนือฝัง เมื่อนั้นจะปรากฎเครื่องหมายใหญ่อย่าง หนึ่งของบุตรมนุษย์ในสวรรค์ แต่ชาวโลกจะทำอะไร พวกเขาจะบอกว่านั่นคือ ดาวเคราะห์ ดาวหาง เป็นต้น แต่บุตรมนุษย์จะเสด็จมาตามเครื่องหมายการเสด็จ มาของบุตรมนุษย์ ซึ่งจะเป็นดังความสว่างของเวลาเช้ามาจากทิศตะวันออก [ดู โจเซฟ สมิธ—บัทธิว 1:26]”11

“[ข้าพเจ้า] อธิบายเกี่ยวกับการเสด็จมาของบุตรมนุษย์ด้วยว่านั่นเป็นความ คิดไม่ถูกด้องที่สิทธิชนจะรอดพ้นจากการพิพากษาทั้งหมด ขณะคนชั่วทนทุกข์ เพราะเนื้อหนังทั้งปวงด้องทนทุกข์ และ ‘คนชอบธรรมจะหนีพ้นอย่างหวุดหวิด’ [ดู ค.พ. 63:34] สิทธิชนจำนวนมากจะยังหนีพ้น เพราะคนเที่ยงธรรมจะ ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา [ดู ฮาบากุก 2:4] แต่คนชอบธรรมจำนวนมากจะตก เป็นเหยื่อโรคภัย โรคระบาด เป็นด้น เพราะความอ่อนแอของเนื้อหนัง แต่จะ รอดในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการไม่สมควรที่จะพูดว่าคน นั้นคนนื้ล่วงละเมิดเพราะพวกเขาเปีนเหยื่อของโรคภัยหรือความตาย เพราะเนื้อ หนังทั้งปวงด้องตาย และพระผู้ช่วยให้รอดตรัสดังนื้ ‘อย่าตัดสินเพื่อเจ้าจะไม่ ถูกตัดสิน’ [ดู นัทธิว 7:1]”12

พระเจ้าจะไม่เสด็จมาจนกว่าทุกสิ่งจะบังเกิดสัมฤทธิผล ในการเตรียมรับการเสด็จมาของพระองค์

“การเสด็จมาของบุตรมนุษย์จะไม่เกิดขึ้น—จะเกิดขึ้นไม่ได้จนกว่าการพิพาก ษาที่พูดไว้สำหรับโมงนื้จะหลั่งไหลมา การพิพากษาซึ่งจะเริ่มขึ้น เปาโลกล่าวว่า ‘ท่านเป็นบุตรของความสว่าง และไม่ใช่ของความมืด วันนั้นจะมาถึงท่านอย่าง ขโมยมาในเวลากลางคืน’ [ดู 1 เธสะโลนิกา 5:4–5] ไม่ใช่แผนของพระผู้ทรง มหิทธิฤทธิ์ที่จะเสด็จมาบนแผ่นดินโลกและบดขยี้แผ่นดินโลกให้เป็นผุยผง แต่พระองค์จะทรงเปิดเผยการเสด็จมาของพระองค์ต่อศาสดาผู้รับใข้ของ พระองค์ [ดู อาโมส 3:7]”13

“พระเยซูคริสต์มิได้ทรงเปิดเผยต่อมนุษย์คนใดถึงเวลาแน่นอนที่พระองค์จะ เสด็จมา [ดู มัทธิว 24:36; ค.พ. 49:7] ไปอ่านพระคัมภีร์เถิด และท่านจะไม่ พบข้อใดที่ระบุโมงอันแน่ชัดที่พระองค์จะเสด็จมา และทุกคนที่กล่าวเช่นนั้น คือผู้สอนเท็จ”14

เกี่ยวกับคนที่อ้างว่าเห็นเครื่องหมายของบุตรมนุษย์ ศาสดาโจเซฟ สมิธกล่าว กังนี้ “เขาไม่เคยเห็นเครื่องหมายของบุตรมนุษย์ ตังที่พระเยซูรับสั่งไว้ ทั้งไม่มี ใครและจะไม่มีใครเห็นจนหลังจากดวงอาทิตย์จะถูกทำให้มืดและดวงจันทร์อาบ สีเลือด เพราะพระเจ้ามิได้ทรงแสดงเครื่องหมายเช่นนั้นให้ข้าพเจ้าเห็น และ ศาสดากล่าวฉันใด มันด้องเป็นฉันนั้น—‘แห้จริงพระเจ้ามิได้ทรงกระทำอะไร เลยโดยมิได้เปิดเผยความลี้ลับให้แก่ผู้รับใข้ของพระองค์ คือผู้เผยพระวจนะ’ (ดู อาโมส 3:7) เพราะฉะนั้นจงฟ้งสิ่งนี้ โอ้แผ่นดินโลก พระเจ้าจะไม่เสด็จ มาปกครองคนชอบธรรมในโลกนี้ในปี ค.ศ. 1843 จนกว่าทุกอย่างจะพร้อมรับ เจ้าบ่าว”15

คนที่ฉลาดและชื่อสัตย์จะพร้อมเมื่อพระเจ้าเสด็จมาอีกครั้ง

“เมื่อข้าพเจ้าใคร่ครวญความรวดเร็วของวันอันยิ่งใหญ่และรุ่งโรจน์แห่งการ เสด็จมาของบุตรมนุษย์ เมื่อพระองค์จะเสด็จมารับสิทธิชนของพระองค์ไปอยู่ ในที่ประทับของพระองค์ และสวมมงกุฎด้วยรัศมีภาพและความเป็นอมตะ เมื่อข้าพเจ้าคิดว่าอีกไม่นานท้องฟ้าจะสั่นสะเทือน แผ่นดินโลกจะซวนเซและ โคลงเคลงไปมา ท้องฟ้าจะคลี่ออกดังท้วนกระดาษหลังจากที่ถูกท้วนไอ้ ภูเขา และเกาะทั้งหลายหมีหายไป ข้าพเจ้าร้องในใจว่า เราควรเป็นคนเช่นไรในชีวิตที่ บริลุทธี้และดีงาม! [ดู 2 เปโดร 3:11]”16

“แผ่นดินโลกกำลังครวญครางด้วยความเสื่อมทราม การกดขี่ ระบบเผด็จการ และการนองเลือด และพระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จออกจากที่ซ่อนของพระองค์ ดังที่ พระองค์ตรัส เพื่อรบกวนประชาชาติของแผ่นดินโลก ดาเมียลเห็นในภาพปรากฎถึงความสับสนอลหม่านระลอกแล้วระลอกเล่า เขา ‘ดูอยู่มีหลายบัลลังก์มา ตั้งไอ้ และผู้หนึ่งผู้เจริญด้วยวัยวุฒิมาประทับ’ และบุคคลหนึ่งถูกนำมาอยู่เบื้อง พระพักตร์พระองค์เหมือนบุตรมนุษย์ และทุกประชาชาติ ตระกูล ภาษา และ ผู้คนต่างรับใข้และเชื่อฟ้งพระองค์ [ดู ดาเมียล 7:9–14] เราต้องเป็นคนชอบธรรมเพื่อเราจะฉลาดและเข้าใจ เพราะคนชั่วจะไม่เข้าใจ แต่คนฉลาดจะเข้าใจ และคนที่เปลี่ยนคนมากมายมาสู่ความชอบธรรมจะส่องสว่างเช่นดวงดาวชั่วนิจนิรันดร์ [ดู ดาเมียล 12:3]”17

“ขอให้คนรํ่ารวยและคนมีการศึกษา คนฉลาดและคนสูงศักดิ์ คนยากจนและ คนขัดสน ทาสและไท ทั้งดำและขาว จงเอาใจใส่วิถีของพวกเขา และแนบ สนิททับความรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้า ดำเนินความยุติธรรมและการพิพากษาบนแผ่น ดินโลกด้วยความชอบธรรม และเตรียมพบผู้วินิจฉัยของคนเป็นและคนตาย เพราะโมงแห่งการเสด็จมาของพระองค์มาใกล้แล้ว”18

“ขอให้เราฉลาดในทุกเรื่อง และรักษาพระบัญญัติทุกข้อของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อความรอดจะเป็นของเรา เมื่อสวมยุทธภัณฑ์พร้อมรับเวลาที่กำหนดและสวม ยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของความความชอบธรรม เราจะสามารถยืนหยัดในวันอันชั่วร้าย นั้นได้ [ดู เอเฟซัส 6:13]”19

ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1830 ศาสดาโจเซฟ สมิธกล่าวในจดหมายถึงสมาชิก ของศาสนาจักรในเมืองโคลสวิสล์ รัฐนิวยอร์กดังนี้ “ขอให้ทุกท่านซื่อสัตย์และ คอยเวลาของพระเจ้าของเรา เพราะการปรากฎของพระองค์มาใกล้แล้ว

“ ‘พี่น้องทั้งหลาย เรื่องวันและเวลาที่ทรงกำหนดไว้นั้น ไม่จำเปีนด้องเขียน บอกให้ท่านรู้ เพราะท่านเองก็รู้ดืแล้วว่า วันขององค์พระผู้เปีนเจ้าจะมาเหมือน อย่างขโมยที่มาในเวลากลางคืน เมื่อเขาพูดว่า สงบสุขและปลอดภัยแล้ว เมื่อ นั้นแหละความพินาศก็จะมาถึงเขาทันที เหมือนกับความเจ็บปวดมาถึงหญิงที่มื ครรภ์ เขาจะหนีก็ไม่พ้น

“ ‘แต่พี่น้องทั้งหลาย ท่านไม่ได้อยู่ในความมืดแล้ว… เหตุฉะนั้นเราอย่า หลับเหมือนอย่างคนอื่น แต่ให้เราเผ่าระวังและไม่เมามาย เพราะว่าคนนอนหลับ ก็ย่อมหลับในเวลากลางคืน และคนเมาก็ย่อมเมาในเวลากลางคืน

“ ‘แต่เมื่อเราเปีนของกลางวันแล้ว ก็อย่าให้เราเมามาย จงสวมความเชื่อกับ ความรักเป็นเกราะป้องกันอก และสวมความหวังมื่จะได้ความรอดเปีนหมวก เหล็ก เพราะว่าพระเจ้ามิได้ทรงกำหนดเราไว้สำหรับพระอาชญา แด,สำหรับให้ เขีาสู่ความรอดโดยพระเยซูคริสตเจ้าของเรา’ [1 เธสะโลนิกา 5:1–4, 6–9]

“ฉะนั้น จงปลอบโยนกัน แน้ฉันนั้นเจ้าจงทำด้วย เพราะกลียุคมาใกล้แล้ว.… สันติสุขถูกเอาไปจากแผ่นดินโลกห้างแล้ว และในไม่ช้าจะถูกเอาไปจน หมด แท้จริงแล้ว ความพินาศอยู่มื่ประตูของเรา และในไม่ช้าจะอยู่ในห้านของ คนชั่ว และคนมื่หารู้จักพระผู้เป็นเจ้าไม่

“แท้จริงแล้ว จงเงยหน้าและชื่นชมยินดี เพราะการไก่ของทำนมาใกล้แล้ว เราคือผู้ได้รับความโปรดปรานมากมื่สุดเท่าที่เคยมืมาตั้งแต่วางรากฐานของโลก หากเรายังคงซื่อสัตย์ในการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เปีนเจ้า แท้จริงแล้ว แท่ อีนิค คนมื่เจ็ดนับจากแอดับ ก็ยังเห็นยุคสมัยของเราและชื่นชมยินดี [ดู โมเสส 7:65–67] และศาสดาตั้งแต่สมัยนั้นได้พยากรณ์ถึงการเสด็จมาครั้งที่สองของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระเยซูคริสต์ และชื่นชมยินดีกับวันแห่ง การพักผ่อนของสิทธิชน แท้จริงแล้ว และอัครสาวกของพระผู้ช่วยให้รอดของ เราชื่นชมยินดีเช่นกันกับการปรากฎพระองค์ในเมฆพร้อมไพร่พลสวรรค์ เพี่อ อยู่กับมนุษย์บนแผ่นดินโลกหนึ่งพันปี [ดู วิวรณ์ 1:7] ด้วยเหตุนี้เราจึงมืเหตุให้ ชื่นชมยินดี

“ดูเถิด คำพยากรณ์ของพระคัมภีร์มอรมอนจะบังเกิดสัมฤทธิผลเร็วที่สุดเท่า ที่เวลาจะทำให้เกิดขึ้นได้ พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ทรงสถิต อยู่กับข้าพเจ้า เพราะเหตุนี้ ใครจะบอกหรือว่าข้าพเจ้าจะไม่พยากรณ์ เวลาจะ มาถึงในไม่ข้าเมื่อเราจะด้องหนีไปหาความปลอดภัยไม่ว่าพระเจ้าจะให้เราไปที่ ใดก็ตาม อย่ากลัวคนที่ทำให้ท่านตกเป็นผู้ด้องหาเพราะคำพูด [ดู อิสยาห้ 29:20–21] แต่จงชื่อสัตย์ในการเป็นพยานต่อคนรุ่นที่คดโกงและวิปริตว่าวันแห่ง การเสด็จมาของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดของเรามาใกล้แล้ว แห้จริงแล้ว จง เตรียมทางของพระเจ้า ทำให้ทางของพระองค์ตรง [ดู บัทธิว 3:3]

“ใครจะหวาดกลัวเพราะความหลงผิด ความหลงผิดด้องเกิดขึ้น แด,วิบัติแก, คนที่หลงผิด เพราะล้อนหินจะหล่นทับเขาและบดเขาเปีนผุยผง [ดู บัทธิว 18:7; 21:43–44] เพราะความบริบูรณ์ของคนต่างชาติเข้ามา และวิบัติจะเกิดแก่ พวกเขาล้าไม่กลับใจและรับบัพติศมาในพระนามของพระเจ้าและพระผู้ช่วยให้ รอดของเรา พระเยซูคริสต์ เพื่อการปลดบาป และเข้าทางประตูแคบและถูกนับ รวมกับวงศ์วานอิสราเอล เพราะพระผู้เปีนเจ้าจะไม่ทรงถูกล้อเลียนร์าไป และ ไม่ทรงหลั่งเทพระพิโรธ,ของพระองค์มาบนคนที่สบประมาทพระนามอันคักดลทธของพระองค์ เพราะดาบ ความอดอยาก และความพินาศจะจู่โจมเขาใน ไม่ข้าในชีวิตที่เต็มไปด้วยบาป เพราะพระผู้เปีนเจ้าจะทรงแล้แล้น และทรงระบายความแล้น และทรงช่วยให้คนที่พระองค์เลือกรอด [ดู วิวรณ์ 16:1]

“และทุกคนที่จะเชื่อพิงพระบัญญัติของพระองค์คือผู้ที่พระองค์เลือก และ อีกไม่นานพระองค์จะทรงรวมพวกเขาจากสี่ทิศของพิาสวรรค์ จากซีกหนึ่งของ แผ่นดินโลกจนถึงอีกซีกหนึ่ง [ดู บัทธิว 24:31] ถึงสถานที่ซื่งพระองค์จะเสด็จ ไป ด้วยเหตุนี้ จิตวิญญาณของท่านจะรอดเพราะความอดทนของท่าน [ดู ลูกา 21:19]”20

มิลเลเนียมจะเปีนเวลาแฟงสันติสุขเมื่อพระผู้ช่วยให้รอด จะทรงครองแผ่นดินโลก

หลักแห่งควานเชื่อข้อ 10: “เราเชื่อ…ว่าพระคริสต์จะทรงครองแผ่นดินโลก เอง และว่าแผ่นดินโลกจะถูกท่าใหม่และได้รับรัศมีภาพแห่งรมดีของบัน”21

“แผนของพระผู้เปีนเจ้า… สร้างสันติสุขและความปรารถนาดีในบรรดา มนุษย์ ส่งเสริมหลักธรรมแห่งความจริงนิรันดร์ ทำให้เกิดสภาวการณ์ที่มนุษย์จะ เป็นหนึ่งเดียวกับเพื่อนมนุษย์ของเขา ทำให้ชาวโลก ‘ดีดาบของเขาให้เป็นผาล ไถนา และหอกของเขาให้เปีนขอลิด’ [อิสยาห์ 2:4] ำให้ประชาชาติต่างๆ ของแผ่นดินโลกอยู่กันอย่างสงบ และทำให้รัศมีภาพบิลเสเนียมเกิดขึ้น เมื่อ ‘พิภพจะบังเกิดผลประโยชน์ ได้รับรัศมีภาพ [รมดี] ของบัน และเปีนเหมือน สวนของพระเจ้า’ …

“แผนของพระเยโฮวาห์บับแต่การเริ่มด้นของโลก และพระประสงค์ของ พระองค์เวลานี้คือปรับเรื่องราวของโลกตามเวลาของพระองค์ ทรงเปีนประมุข ของจักรวาล และกุมบังเหียนการปกครองไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ เมื่อสำเร็จแห้ว จะทรงดำเนินการพิพากษาในความชอบธรรม จะทรงทำลายอนารอธรรมและความสับสนวุ่นวาย และ ‘ประชาชาติจะไม่ศึกษายุทธศาสตร์อีกต่อไป’ [ดู อิสยาห์ 2:4] …

“…โมเสสได้รับพระคำของพระเจ้าจากพระผู้เปีนเจ้าพระองค์เอง ทำนคือ พระโอษฐ์ของพระเแป็นเจ้าที่พูดกับอาโรน และอาโรนสอนผู้คน ทั้งในเรื่องบัาน เมืองและศาสนา ทั้งสองเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีการแบ่งแยก จะเป็นเช่นนั้นด้วย เป็อจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าจะบรรลุผล เมื่อ ‘พระเจ้าจะทรงเป็นกษัตริย์ เหนือพิภพทั้งสิ้น’ และ ‘กรุงเยรูซาเล็มเปีนพระที่นั่งของพระเจ้า’ ‘พระธรรมจะ ออกมาจากศิโยน และพระวจนะของพระเจ้าจะ ออกมาจากเยรูซาเล็ม’ [ดู เศ-การิยาห์ 14:9; เยเรมีย์ 3:17; มีคาห์ 4:2]

“… ‘พระองค์จะทรงครอบครองอาณาจักรตามสิทธี้ของพระองค์ และจะ ทรงครองจนกว่าพระองค์จะทรงน่าทุกสิ่งมาไว้ใต้พระบาทของพระองค์’ [ดู เอเสเคียล 21:27; 1 โครินธ์ 15:27] ความชั่วร้ายจะซ่อนศีรษะขาวโพลนของมัน ซาตานจะถูกมัด และงานแห่งความมีดจะถูกทำลาย ความชอบธรรมและการพิ- พากษาจะกลายเป็นมาตรฐาน และ ‘คนที่เกรงกลัวพระเจ้าจะถูกยกให้สูงขึ้นแด, ผู้เดียวในวันนั้น’ [ดู อิสยาห้ 2:11; 28:17]”22

“ใช่ว่าพระเยซูองค์นั้นจะทรงเป็นผู้อาศัยบนแผ่นดินโลกหนึ่งพัน [ปี] กับ สิทธิชน แต่พระองค์จะทรงปกครองสิทธิชน เสด็จลงมาสั่งสอนแนะน่าเช่นที่ พระองค์ทรงสอนพี่ห้องห้าร้อยคน [ดู 1 โครินธ์ 15:6] และคนของการฟันคืน ชีวิตแรกจะปกครองสิทธิชนร่วมกับพระองค์”23

หลังจากมิณลเนียม แผ่นดินโลกจะถูกเปลี่ยนเชน สภาพชั้นสูงที่ถูกทำให้บริลุ

“ระหว่างรับประทานอาหารเย็น ข้าพเจ้าพูดกับครอบครัวและเพี่อนๆ ที่นั่น ว่าเมื่อแผ่นดินโลกถูกทำให้บริสูทธิ์และกลายเป็นเหมือนทะเลแห้ว มันจะเป็นยูรับกับธัมมัมอันยิ่งใหญ่ และสิทธิชนจะมองเข้าไปในนั้นและเห็นดังที่เขาถูกเห็น”24

“โลกนี้จะห้วนกลับเข้าไปในที่ประทับของพระผู้เปีนเจ้าและไต้รับรัศมีภาพ ชั้นสูง”25

“หลังจากหมดวาระสั้นๆ ของ [การกบฎครั้งสูดทัายของซาตาน] และแผ่น ดินโลกผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งสูดห้าย และไต้รับรัศมีภาพ เมื่อนั้นคนอ่อนโยน ทุกคนจะไต้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก ที่ซึ่งคนชอบธรรมจะอยู่”26

ศาสดาใจเซฟสอนเมื่อวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 1843 ซึ่งต่อมาบันทึกไวัในคำ สอนและพันธสัญญา 130:9 ดังนี้ “แผ่นดินโลกนี้ในสภาพที่ถูกทำให้บริสูทธ และเป็นอมตะนั้น จะถูกทำให้เหมือนกับแห้วผลึก และจะเป็นยูรัมและธัมมัม แก,ผู้อาศัยที่อยู่บนนั้น ซึ่งโดยการนั้นทุกสิ่งเกี่ยวกับอาณาจักรที่ต้อยกว่า หรือ อาณาจักรทั้งหมดของระเบียบตากว่าจะปรากฎต่อผู้ที่อยู่บนนั้นและแผ่นดินโลก นี้จะเปีนของพระคริสต์”27

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • อ่านสองย่อหน้าแรกในหน้า 269 และสังเกตการเตรียมของมหาปุโรหิตเพื่อ รับการเปีดเผยที่ปัจจุบันคือคำสอนและพันธสัญญาภาคที่ 88 พิจารณาว่าเรื่อง นี้ประยุกตัใช้กับท่านได้อย่างไรในความพยายามเข้าใจคำพยากรณ์เกี่ยวกับการ เสด็จมาครั้งที่สอง

  • อ่านคำพยากรณ์ของศาสดาใจเซฟ สมิธเกี่ยวกับกลียุคก่อนการเสด็จมาของ พระเจ้า (หน้า 269-272) เราจะอยู่อย่างสงบได้อย่างไรแบในยามลำบาก เช่นนั้น ท่านคิดว่าเหตุใดเราจึงด้องรู้และเข้าใจเครื่องหมายการเสด็จมาครั้ง ที่สอง เครื่องหมายการเสด็จมาครั้งที่สองอะไรน้างที่บังเกิดสัมฤทธิผลแล้ว หรือจะบังเกิดสัมฤทธิผล

  • อ่านย่อหน้าที่สองในหน้า 272 และย่อหน้าที่สองในหน้า 274 วลี “เหมือน ขโมยในเวลากลางคืน” บอกอะไรเกี่ยวกับการเสด็จมาของพระเจ้า ท่านคิด ว่าเหตุใดวันของพระเจ้าจะไม่ลู่โจมบุตรของความสว่างเหมือนขโมยในเวลา กลางคืน

  • เราจะเตรียมรับการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอดได้อย่างไร (ดูตัว อย่างหน้า 273-275) พิจารณาว่าท่านจะรู้สึกอย่างไรเมื่อได้เห็นพระผู้ช่วยให้ รอดล้าท่านพร้อมรับการเสด็จมาของพระองค์ ขณะเตรียมรับการเสด็จมาครั้ง ที่สอง เราจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้รู้สึกกลัวหรือตกใจ

  • อ่านทวนคำพยากรณ์ของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับบิลเสเนียม (หน้า 275-277) ทำนมืความคิดและความรู้สึกอย่างไรห้างขณะใคร่ครวญช่วงเวลานี้

ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: มีคาห้ 4:1–7; ค.พ. 29:9–25; 45:36–71; 88:95–98, 110–15; โจเซฟ สบิธ—บัทธิว 1:21–55

อ้างอิง

  1. History of the Church, 1:301; จาก “History of the Church” (ต้นฉบับ), book A-1, p. 244 หอจดหมายเหตุของศาสนาจักร ศาสนาจักร ของพระเยซูคริสตแห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท้เลคซิตี้ ยูทาห์

  2. คำสอนและพันธสัญญา 130:13; คำ แนะนำของโจเซฟ สมีธเมื่อ 2 เม.ย. 1843 ในเรบัส อิลลินอยส์

  3. Kirtland High Council, Minutes, Dec. 1832-Nov. 1837 ข้อมูลสำหรับ 27 ธ.ค. 1832 หนำ 3-4 รายงานโดย เฟรเดอริค จี. วิลเลียมส์ หอจดหมาย เหตุของศาสนาจักร

  4. History of the Church, 3:331; จาก “Extract, from the Private Journal of Joseph Smith Jr.,” Times and Seasons, Nov. 1839, p. 9.

  5. History of the Church, 3:390; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมิธประมาณเดือนกรกฎาคม 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด รัชาร์ดส์

  6. History of the Church, 3:291; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; จากจดหมายที่โจเซฟ สมิธและคนอื่นๆ เขียนถึงเอ็ดเวิร์ด พาร์ทริดจ์และศาสนา จักร 20 มี.ค. 1839 คุกลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี

  7. จดหมายที่โจเซฟ สมีธและจอห์น วิตเมอร์เขียนถึงสิทธิชนในโคลสวิลส์ นิวยอร์ก 20 ส.ค. 1830 ฮาร์โมนี เพนนํซิลเวเปีย ใน Newel Knight, Autobiography and Journal, ca. 1846–47, pp. 133–36, หอจดหมายเหตุของ ศาสนาจักร

  8. History of the Church, 6:364; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อ 12 พ.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย โธบัส บัลล็อค

  9. History of the Church, 3:286; จาก จดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงพรีเซน เดืย ฮันทิงตัน บูเอลส์ 15 มี.ค. 1839 คุกลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี; นามสกุล ของซิสเตอร์บูเอลส์ (Buell) ใน History of the Church สะกดว่า “Bull” ซึ่งไม,ถูกต้อง

  10. History of the Church, 6:254; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อ 10 มี.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ; ดูภาคผนวก หนำ 562 ข้อ 3 ด้าย

  11. History of the Church, 5:337; จาก คำปราศรัยของใจเซฟ สมิธเมื่อ 6 เม.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  12. History of the Church, 4:11; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทันสมัย; จากคำแนะนำของใจเซฟ สมิธเมื่อ 29 ก.ย. 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย เจมส์ มูลฮอลแลนด์

  13. History of the Church, 5:336–37; จากคำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อ 6 เม.ย. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; ราย งานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  14. History of the Church, 6:254; จาก คำปราศรัยของโจเซฟ สมีธเมื่อ 10 มี.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็

  15. History of the Church, 5:291; จาก จดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงบรรณาธิการวารสาร Times and Season 28 ก.พ. 1843 นอวู อิลลินอยส์ จัดพิมพ์ ใน Times and Seasons, Mar. 1, 1843, p. 113.

  16. History of the Church, 1:442; จาก จดหมายที่โจเซฟ สมีธเขียนถึงโมเสส นิกเคอร์สัน 19 พ.ย. 1833 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ

  17. History of the Church, 5:65; จาก “The Government of God” ข้อ ความจัดพิมพ์ไน Times and Seasons, July 15, 1842, p. 857; ใจเซฟ สมีธ เป็นบรรณาธิการวารสาร

  18. History of the Church, 6:93; จาก คำอุทธรณ์ของใจเซฟ สมีธถึงรัฐ!วอรม อนท์ 29 พ.ย. 1843 นอวู อิลลินอยส์ จัดพิมพ์เป็น General Joseph Smith’s Appeal to the Green Mountain Boys (1843), p. 7.

  19. จดหมายที่โจเซฟ สมีธและคนอื่นๆ เขียนถึงเฮเซคียาห์ เพค 31 ส.ค. 1835 เคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ ใน “The Book of John Whitmer,” p. 80 หอจดหมายเหตุชุมชนของพระคริสต์ อินติเพนเดนซ์ มีสซูรี; สำเนา “The Book of John Whitmer” อยู่ในหอจดหมายเหตุของศาสนาจักร

  20. จดหมายที่โจเซฟ สมีธและจอห์น วิตเบอร์เขียนถึงสิทธิชนในโคลสวิลส์ นิวยอร์ก 2 ธ.ค. 1830 เฟเยทท์ นิวยอร์ก; ใน Newel Knight, Autobiography and Journal, ca. 1846-47, pp. 198-206 หอจดหมายเหตุของศาสนาจักร

  21. หลักแห่งความเชื่อข้อ 10.

  22. History of the Church, 5:61, 63–65; เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จาก “The Government of God” บทความจัดพิมพ์ไน Times and Seasons, July 15, 1842, pp.855–57; ใจเซฟ สมีธเป็นบรรณาธิการวารสาร

  23. อ้างโดย วิลเลียม พี. แมคอินไทร์ ขณะ รายงานคำปราศรัยของใจเซฟ สมีธเมื่อ ต้นปี 1841 ในนอวู อิลลินอยส์; William Patterson Mclntire, Notebook 1840-45 หอจดหมายเหตุ ของศาสนาจักร

  24. History of the Church, 5:279; จาก มันทึกส่วนตัวของใจเซฟ สมีธ 18 ก.พ. 1843 นอวู อิลลินอยส์

  25. อ้างโดย วิลเลียม เคลย์ตัน ขณะรายงานคำปราศรัยที่ไม่ระบุวันที่ของใจเซฟ สมีธ ในนอวู อิลลินอยส์; ใน แอล. จอห์น นัททอลส์ “Extracts from William Clayton’s Private Book,” p. 8, Journals of L. John Nuttall, 1857-1904 งานสะสมพิเศษของแอล. ทอม เพอร์รีย์ มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ โพรโว่ห์ ยูทาห์; สำเนาอยู่ในหอจดหมายเหตุของศาสนาจักร

  26. อ้างโดย วิลเลียม พี. แมคอินไทร์ ขณะ รายงานคำปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อ ต้นปี 1841 ในนอวู อิลลินอยส์; William Patterson Mclntire, Notebook 1840-45 หอจดหมายเหตุของ ศาสนาจักร

  27. คำสอนและพันธสัญญา 130:9; คำแนะนำของใจเซฟ สมิธเมื่อ 2 เม.ย. 1843 ในเรมัส อิลลินอยส์

Newel K. Whitney store

ห้องชั้นบนในร้านนิาทฺล เฅ. วิทนีย์ที่บูรฌะใหป ใจเซฟกับเอ็มมาสมิธ อาศัยอยู่ในร้านนี้ปีกว่า และศาสดาไห้รับการเป็ดเผยมากมายที่นี้ รวมถึงการเปีดเผยเกี่ยวกับการเสห้จมาของพระเจ้า

lamb and lion

“วันเวลาฝานไปอย่างรวดเร็วเมื่อการขึ้นฟูสารพัดสิ่งจะบังเกิดสัมฤทธิผล … เวลานั้นจะบังเกิดขึ้นเมื่อสิงโตจะนอนพักกับลูกแกะ”