บทที่ 6
พันธกิจของยอห์น ผู้ถวายบพติศมา
“ยอห์น [ผู้ถวายบัพติศมา] ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งแอรัน เป็นผู้ปฏิบัติโดยชอบธรรม และเป็นผู้มาก่อนพระคริสต์เพื่อเตรียมทางให้พระองค์”
จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ
ในเมืองฮาร์โมนี รัฐเพนซิลเวเนีย ระหว่างฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1828–1829 โจเซฟ สมิธยังคงทำงานแปลพระคัมภีร์มอรมอนเช่นติม แต่งานดำเนินไปอย่าง ช้าๆ โจเซฟไม่เพียงค้องทำงานที่ฟาร์มเพื่อเลี้ยงดูครอบครัวเท่านั้น แต่ท่านไม่มี ผู้จดเต็มเวลาช่วยท่านต้วย ในยามลำบากเช่นนี้ ท่านจำไต้ว่า “บ้าพเจ้าร้องทูล พระเจ้าขอให้พระองค์ทรงเตรียมการให้ช้าพเจ้าทํางานที่พระองค์ทรงบัญชาข้าพเจ้าไค้สำเร็จ”1 พระเจ้าทรงสัญญาว่าจะทรงจัดหาผู้ช่วยตามที่โจเซฟ สมิธต้อง การ เพื่องานแปลจะดำเนินต่อไป (ดู ค.พ. 5:34) วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1829 ครูหนุ่มคนหนึ่งชื่อออลิเวอร์ คาวเดอรีเตินทางมาพบโจเซฟที่ฮาร์โมมี พร้อม แซมิวเอลน้องชายของศาสดา ออลิเวอร์ไค้ยินเรื่องแผ่นจารึกขณะอยู่ในบ้านพ่อ แม่ของศาสดาและหลังจากสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาได้รับการเปีดเผย ส่วนตัวว่าเขาค้องเขียนให้ศาสดา วันที่ 7 เมษายน ชายสองคนเริ่มงานแปล โดยมีออลิเวอร์เปีนผู้จด
ขณะที่โจเซฟและออลิเวอร์แปลจากแผ่นจารึกอยู่นั้น กํานทั้งสองก็ไค้อ่าน กําแนะน่าที่พระผู้ช่วยให้รอดประทานแก่ชาวนีไฟเกี่ยวกับบัพติศมาเพื่อการ ปลดบาป2 วันที่ 15 พฤษภาคม พวกท่านไปยังบริเวณป่าใกอ้ห้านศาสดาเพื่อ ทูลขอให้พระเจ้าประทานความเช้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับพิธีการที่ลำกัญนี้ “เราทุ่ม เทจิตวิญญาณในการสวดอ้อนวอนอย่างสุดกำลัง” ออลิเวอร์ คาวเดอรึจำไต้ “เพื่อให้รู้ว่าเราจะได้รับพรของบัพติศมาและของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อย่างไร ตามระเบียบของพระผู้เปีนเจ้า และเราเพียรแสวงหาสิทธิ์ของบรรพบุรุษ สิทธิ อำนาจของฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์และอำนาจที่จะดำเนินการในฐานะปุโรหิตนั้น”3
โจเซฟ สมิธบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบคำสวดอ้อนวอนของพวก ท่านดังนี้ “ขณะที่เรากำลังปฏิบัติดังนั้นโดยสวดอ้อนวอนและทูลสอบถามพระเจ้า ทูตจากสวรรค์ผู้หนึ่งลงมาในเมฆแห่งความสว่าง และโดยปรกมือของท่าน บนเราแล้ว ท่านแต่งตั้งเราโดยกล่าวว่า: แก่ท่านเพื่อนผู้ร่วมรับใช้ของข้าพเจ้า ไนพระนามของพระมาไซยา ข้าพเจ้าประสาทฐานะปุโรหิตแห่งแอรันให้ ซึ่งถือ กุญแจของการปฏิปัติศาสนกิจของเทพ และของพระกิตติกุฌแห่งการกลับใจ และของบัพติศมาโดยลงไปในนํ้าทั้งตัวเพื่อการปลดบาป และอำนาจนี้จะไม่ถูก เอาไปจากแผ่นดินโลกอีกเลยจนกว่าบุตรของลีไวจะถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้า อีกในความชอบธรรม
“ท่านกล่าวว่าฐานะปุโรหิตแอรันนี้ไม่มือำนาจที่จะปรกมือเพื่อของประทาน แห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ว่าอำนาจนี้จะถูกประสาทให้เราในเวลาต่อมา…
“ในโอกาสนี้ทูตผู้มาเยือนเราและประสาทฐานะปุโรหิตนี้ให้เรากล่าวว่า ชื่อ ของท่านคือจอห์น คนเดียวกับที่ถูกเรียกว่าจอห์นผู้ถวายบัพติศมาในพระคริสตธรรมใหม่ และว่าท่านกระทำภายใต้การนำของปีเตอร์ เจมส์ และจอห์น ผู้ถือ กุญแจฐานะปุโรหิตแท่งเป็ลคิเซเด็ค ซึ่งฐานะปุโรหิตนี้ท่านกล่าวว่าจะประสาท ให้เราในเวลาอันเหมาะสม” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:68–70, 72)
การมาของยอห์นผู้ถวายบัพติศมาเป็นเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของศาสดาใจเซฟ สมิธและในความก้าวหน้าของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก แม้โจเซฟ สมิธจะเคยเห็นพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาและพระเยซูคริสต์ ได้รับการ เยือนจากเหล่าทูตสวรรค์ ได้รับแผ่นจารึกทองกำและความสามารถในการแปล แผ่นจารึกเหล่านั้น แต่ท่านก็ยังไม่ได้รับสิทธิอำนาจและอำนาจของฐานะปุโรหิต บัดนี้อำนาจฐานะปุโรหิตแห่งแอรันกลับคืนลู่บนแผ่นดินโลกแล้ว และอำนาจ ของฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คจะกลับคืนในไม่ช้า โจเซฟ สมิธคือผู้ปฏิบัติ โดยชอบธรรมในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ
ยอห์นผู้ถวายบัพติศมาบรรลุพันธกิจสำคัญของการเตรียมทาง ให้พระผู้ช่วยให้รอดและถวายบัพติศมาพระองค์
“ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุม [หนึ่ง] ที่พระวิหาร [เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1843]… ข้าพเจ้าแจ้งว่ามีคำถามสองข้อซึ่งถามข้าพเจ้าเกี่ยวกับหัวข้อคำ ปราศรัยของข้าพเจ้าเมื่อวันแซบัธที่ผ่านมา ข้าพเจ้าสัญญาว่าจะตอบใหัทุกคน ทราบ และจะขอใช้โอกาสนี้ตอบคำถามสองข้อนั้น
“คำถามมาจากพระดำรัสของพระเยซูที่ว่า ‘ในบรรดาคนที่บังเกิดจากผู้หญิง มานั้น ไม่มีผู้ใดใหญ่กว่ายอหัน แต่ว่าผู้ที่ฅํ่าด้อยที่สุดในแผ่นตินของพระเจ้าก็ ใหญ่กว่ายอหันเสียอีก’ [สูกา 7:28] เหตุใดจึงถือว่ายอห์นเป็นศาสดา ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดคนหนึ่งในบรรดาศาสดาทั้งหลาย ทั้งที่ท่านไม่ได้ทำสิ่งอัศจรรย์กันแสดงให้ เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของท่านเลย [ดู ยอห์น 10:41]
“ประการแรก ท่านได้รับมอบหมายพันธกิจจากเบื้องบนใหัเตรียมมรรคาเบื้อง หน้าพระเจ้า ในบรรดาคนที่อยู่ก่อนท่านหรือหลังจากท่าน มีใครน้างไหมที่ได้รับ ความไว้วางใจเช่นนั้น ไม่มีเลย
“ประการที่สอง ท่านได้รับมอบหมายพันธกิจที่สำคัญคือใหัปัพติศมาบุตร มนุษย์ด้วยมือท่านเอง มีใครบ้างไหมที่ได้รับเกียรติให้ทำเช่นนี้ มีใครบ้างไหม ที่ได้รับเอกสิทธิ์และเกียรติยศยิ่งใหญ่เช่นนั้น มีใครบ้างไหมที่พาพระบุตรของ พระผู้เป็นเจ้าลงไปในนั้าหัพติศมาและได้รับเอกสิทธิ์ใบ้เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ เสด็จมาในรูปนกเขา หรือใน สัญลักษณ์ ของนกเขาเพื่อเปีนพยานถึงการ ประกอบพิธีการนี้ สัญลักษณ์ของนกเขาถูกคำหนดไว้ก่อนการสว้างโลก เป็น พยานสำหรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ และมารมาในสัญลักษณ์ของนกเขาไม่ได้ พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นบุคคล อยู่ในร่างบุคคล มิได้ทรงจำกัดอยู่ในรูป นกเขา แต่ใน สัญลักษณ์ ของนกเขา พระวิญญาณบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นนกเขา ไม่ได้ แต่ประทานสัญลักษณ์ของนกเขาแก่ยอหันเพื่อแสดงถึงความจริงของการ กระทำ ในฐานะที่นกเขาเปีนเครื่องหมายหรือสัญลักษณ์ของความจริงและความ บริสุทธิ์
“ประการที่สาม ตอนนั้นยอหันคือผู้ปฏิบัติโดยชอบเพียงผู้เดียวในงานต่างๆ ของอาณาจักรที่มีอยู่ขณะนั้นบนแผ่นดินโลกและถือกุญแจแห่งพลังอำนาจ ชาวยิวต้องเชื่อพิงคำแนะนำของท่านหาไม่แล้วจะถูกลงโทษตามกฎของพวก เขา และพระคริสต์ทรงทำให้ความชอบธรรมทั้งมวลบังเกิดสัมฤทธิผลในการ เชื่อฟืงกฎซึ่งพระองค์ประทานให้โมเสสบนภูเขา และด้วยเหตุนี้จึงทรงทำให้กฎ สมบูรณ์และสมเกียรติ แทนที่จะทรงทำลายกฎ บุตรชายของเศคาริยาหัได้กุญแจ อาณาจักร พลังอำนาจ และเกียรติยศมาจากชาวยิวตามการเจิมที่ศักดี้สิทธิ์และ ประกาศิตของสวรรค์ และเหตุผลสามประการข้างต้นทำให้ท่านเป็นศาสดาผู้ยิ่ง ใหญ่ที่สุดที่เกิดจากสตรี
“คำถามข้อสอง—ผู้ต่ำต้อยที่สุดในอาณาจักรสวรรค์ใหญ่กว่าท่านได้อย่างไร [ดู สูกา 7:28]
“เพื่อตอบคำถามข้อนี้ข้าพเจ้าขอถามว่า—ใครหรือที่พระเยซูทรงอ้างถึงว่า เป็นผู้ต่ำต้อยที่สุด พระเยซูทรงถูกมองว่าเป็นผู้มีสิทธิ์น้อยที่สุดในอาณาจักรของ พระผู้เป็นเจ้า และ [ดูเหมือน] จะมืสิทธิ์น้อยที่สุดที่จะได้รับความเชื่อถือใน ฐานะศาสดา ราวกับว่าพระองค์ตรัส—‘ผู้ที่ต่ำต้อยที่สุดในแผ่นดินของพระเจ้าก็ ใหญ่กว่ายอห้นเสียอีก—นั่นก็คือตัวเราเอง’ ”4
จะต้องมีผู้ปฏิบัติโดยชอบธรรมในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
“บางคนพูดว่าอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้ามิไต้ตั้งบนแผ่นดินโลกจนถึงวัน เพ็นเทคอสต์ และว่ายอห์น [ผู้ถวายบัพติศมา] มิได้สั่งสอนเรื่องบัพติศมาของ การกลับใจเพื่อการปลดบาป แต่ข้าพเจ้ากล่าวในพระนามของพระเจ้าว่าอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าตั้งบนแผ่นดินโลกตั้งแต่สมัยของแอดับจนถึงปัจจุบัน เมื่อใดก็ตามที่มืชายชอบธรรมบนแผ่นดินโลกผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปีดเผยพระวจนะของพระองค์ต่อเขา ประทานอำนาจและสิทธิอำนาจให้เขาปฏิบัติในพระนาบของพระองค์ และที่ใดมืปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า—ผู้ปฏิบัติศาลนกิจที่มื อำนาจและสิทธิอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้าเพื่อปฏิบัติพิธีการของพระกิตติคุณและ ทำหน้าที่ในฐานะปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้า ที่นั่นย่อมมีอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และผลจากการไม่ยอมรับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์และเหล่าศาสดาที่ พระผู้เป็นเจ้าทรงล่งมา การพิพากษาของพระผู้เป็นเจ้าจึงตกอยู่ลับผู้คน ป้าน เมือง และประเทศชาติในยุคต่างๆ ของโลก ซึ่งเป็นกรณีเดียวกับเมืองโสโดม และโกโมราห้ที่ถูกทำลายเพราะไม่ยอมรับศาสดา…
“เกี่ยวลับพระกิตติคุณและบัพติศมาที่ยอห้นสั่งสอน ข้าพเจ้าอยากบอกว่า ยอห้นมาสั่งสอนพระกิตติคุณเพื่อการปลดบาป ท่านมีสิทธิอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า และพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ลับท่าน และดูเหมือนจะมือยู่ช่วง หนึ่งที่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าขึ้นอยู่กับยอห์นแต่ผู้เดียว พระเจ้าทรงสัญญา กับเศคาริยาห้ว่าเขาจะมืบุตรชายคนหนึ่งผู้เป็นลูกหลานของแอรัน พระเจ้าทรง สัญญาว่าฐานะปุโรหิตจะอยู่กับแอรันและลูกหลานของเขาตลอดชั่วอายุของ พวกเขา อย่าให้มนุษย์คนใดรับเกียรตินี้ไว้กับตัว เว้นแต่เขาจะได้รับเรียกจาก พระผู้เป็นเจ้าเช่นเดียวกับแอรัน [ดู ฮีบรู 5:4] และแอรันได้รับการเรียกของเขา โดยการเปีดเผย…
“แต่มีคนกล่าวว่าอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจะตั้งในสมัยของยอห์นไม่ได้ เพราะยอห์นกล่าวว่าอาณาจักรมาใกล้แล้ว แต่ข้าพเจ้าอยากถามว่าอาณาจักรจะ อยู่ใกล้พวกเขามากกว่าอยู่ในมือยอห์นได้หรือ ผู้คนไม่จำเป็นต้องคอยอาณาจักร ของพระผู้เป็นเจ้าในวันเพ็นเทคอสต์ เพราะยอห์นมีอาณาจักรอยู่แล้ว และท่าน ออกมาจากถิ่นทุรกันดารพลางร้องว่า ‘จงกลับใจเสียใหม่ เพราะว่าแผ่นดิน สวรรค์มาใกล้แล้ว’ [มัทธิว 3:2] เท่ากับพูดว่า ‘นี่ไงข้าพเจ้าได้อาณาจักรของ พระผู้เป็นเจ้าแล้วและข้าพเจ้ามาตามท่าน ข้าพเจ้าได้อาณาจักรของพระผู้เป็น เจ้าแล้ว ท่านจะได้ด้วย และข้าพเจ้ามาตามท่าน และหากท่านไม่รับ ท่านจะถูก กล่าวโทษ’ และพระคัมภีร์บอกว่าชาวเยรูซาเล็มทั้งสิ้นออกมาหายอห์นเพื่อ รับมัพติศมา [ดู มัทธิว 3:5–6] มีผู้ปฎิมัติโดยชอบ และคนที่รับมัพติศมาเป็น ประชากรของกษัตริย์องค์หนึ่ง กฎและพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นั่น ด้วยเหตุนี้อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจึงอยู่ที่นั่น เพราะไม่มีใครมีสิทธิอำนาจ ปฏิบัติพิธีการมากกว่ายอห์น และพระผู้ช่วยให้รอดทรงยอมรับสิทธิอำนาจนั้น โดยทรงรับษัพติศมาจากยอห์น ด้วยเหตุนี้อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจึงตั้งบน แผ่นดินโลกแห้ในสมัยของยอห้น…
“…พระคริสต์เสด็จมาตามล้อยคำของยอห์น [ดู มาระโก 1:7] และพระองค์ทรงยิ่งใหญ่กว่ายอห์น เพราะพระองค์ทรงถือกุญแจของฐานะปุโรหิตแห่ง เมีลคิเซเด็คและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และทรงถือก่อนเปีดเผยฐานะปุโรหิตของโมเสส แต่พระคริสต์ทรงรับบัพติศมาจากยอห์นเพื่อให้ความชอบธรรม ทั้งหมดมีสัมฤทธิผล [ดู บัทธิว 3:15]…
“…[พระเยซู] ตรัสว่า ‘ล้าผู้ใดไม่ได้บังเกิดใหม่จากนํ้าและพระวิญญาณ ผู้ นั้นจะเข้าในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้’ และ ‘ฟ้าและดินจะล่วงไป แต่ล้อยคำ ของเราจะสูญหายไปหามิได้เลย’ [ยอห์น 3:5; บัทธิว 24:35] ถ้ามนุษย์เกิด จากนํ้าและจากพระวิญญาณ เขาจะเข้าในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าได้ เห็น ชัดว่าอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าอยู่บนแผ่นดินโลก และยอห์นเตรียมประชากร สำหรับอาณาจักรนั้นโดยสั่งสอนพระกิตติคุณและให้บัพดิศมาพวกเขา และท่าน เตรียมทางให้พระผู้ช่วยให้รอด หรือเป็นผู้มาก่อน และเตรียมประชากรให้พร้อม รับการสั่งสอนของพระคริสต์ และพระคริสต์ทรงสั่งสอนทั่วเยรูซาเล็มในบริเวณ เดียวกับที่ยอห์นเคยสั่งสอน… ยอห์น… สั่งสอนพระกิตติคุณและบัพติศมา เดียวกับที่พระเยซูและอัครสาวกสั่งสอนหลังจากท่าน…
“เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์ค้นพบพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าและพบผู้ปฏิบัติ ที่ได้รับมอบสิทธิอำนาจอย่างถูกต้องจากพระผู้เป็นเจ้า ที่ทั่นย่อมมีอาณาจักร ของพระผู้เป็นเจ้า แต่ที่ใดไม่มีสิ่งเหล่านี้ ย่อมไม่มีอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า พิธีการ ระบบ และการปฏิบัติทั้งหมดบนแผ่นดินโลกจะไม่มีประโยชน์อันใดต่อ ลูกหลานมนุษย์ เว้นแต่พวกเขาจะได้รับการวางมือแต่งตั้งและได้รับมอบสิทธิอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะจะไม่มีอะไรช่วยให้มนุษย์รอดนอกจากผู้ปฏิบัติ โดยชอบ เพราะพระผู้เป็นเจ้าหรือเหล่าเทพจะไม่ยอมรับคนอื่น”5
“ยอห์น [ผู้ถวายบัพติศมา] ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งแอรัน เป็นผู้ปฏิบัติโดย ชอบ และเปีนผู้มาก่อนพระคริสต์เพื่อเตรียมทางให้พระองค์… ยอห้นเป็น ปุโรหิตตามระเป็ยบของแอรันก่อนพระคริสต์…
“กุญแจของฐานะปุโรหิตแห่งแอรันถูกมอบให้ท่านและท่านคือเสียงของคน ที่ร้องในถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงเตรียมมรรคาแท่งพระเป็นเจ้า จงกระทำหนทาง ของพระองค์ให้ตรงไป’ [มัทธิว 3:3]…
“พระผู้ช่วยให้รอดตรัสกับยอห์นว่าเจ้าต์องให้บัพติศมาเรา เหตุใดจึงเป็นเช่น นั้น เพื่อทำตามคำสั่งของเรา [ดู มัทธิว 3:15]… พระเยซูไม่บีผู้ปฏิบัติโดยชอบ [ยกเร้น] ยอห์น
“ไม่บีความรอดระหว่างปกหน้าหลังของพระคัมภีร์ไบเบิลหากไม่บีผู้ปฏิบัติ โดยชอบ”6
บุคคลที่มีวิญญาณของอิไลอัสมี “งานขั้นเตรียม” ที่พระเจ้าทรงมอบหมายให้เขาทำ
“นี่คือวิญญาณของอิไลอัสที่ข้าพเจ้าประสงค์จะพูดเป็นอันดับแรก และเพื่อ แนะนําเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะดึงประจักษ์พยานบางส่วนมาจากพระคัมภีร์และให้ประจักษ์พยานของข้าพเจ้าเอง
“ก่อนอื่นขอพูดว่าข้าพเจ้าเข้าไปในป่าเพื่อสวดอ้อนวอนทูลถามพระเจ้าเกี่ยว กับพระประสงค์ที่ทรงบีต่อข้าพเจ้า และข้าพเจ้าเห็นเทพองค์หนึ่ง [ยอห์นผู้ถวาย บัพติศมา] และเขาวางมือบนศีรษะข้าพเจ้า และแต่งตั้งข้าพเจ้าสู่ตำแหน่ง ปุโรหิตตามระเบียบของแอรันและให้ถือกุญแจของฐานะปุโรหิตนี้ ซึ่งบีหห้าที่ สั่งสอนการกลับใจและบัพติศมาเพื่อการปลดบาป และให้บัพติศมาด้วย แต่ ข้าพเจ้าทราบมาว่าตำแหน่งนี้ไม่บีหน้าที่วางมือบนศีรษะเพื่อให้พระวิญญาณบรสุทธิ์ หห้าที่นั้นเป็นงานที่ใหญ่กว่า และจะมอบให้หลังจากนั้น แต่การวางมือ แต่งตั้งข้าพเจ้าคืองานขั้นเตรียม หรือมาก่อน ซึ่งคือวิญญาณของอิไลบัส เพราะ วิญญาณของอิไลบัสคือมาก่อนเพื่อเตรียมทางให้ผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า ซึ่งเป็นกรณี เดียวกับยอห์นผู้ถวายบัพติศมา ท่านมาร้องทั่วถิ่นทุรกันดารว่า ‘จงเตรียมมรรคา แห่งพระผู้เป็นเจ้า จงกระทำหนทางของพระองค์ให้ตรงไป’ [บัทธิว 3:3] และ พวกเขาได้รับแจ้งว่าอ้าพวกเขาได้รับ นั่นคือวิญญาณของอิไลบัส [ดู บัทธิว 11:14] และยอห์นเจาะจงบอกผู้คนว่าท่านไม่ใช่ความสว่างนั้นแต่ถูกส่งมาเพื่อเป็น พยานถึงความสว่างนั้น [ดู ยอห์น 1:8]
“ท่านบอกผู้คนว่าพันธกิจของท่านคือสั่งสอนการกลับใจและการบัพติศมา ด้วยนํ้า แต่พระองค์ผู้จะเสด็จมาหลังจากท่านจะให้บัพติศมาด้วยไฟและด้วย พระวิญญาณบริสุทธิ์ [ดู มัทธิว 3:11]
“หากท่านเป็นนักต้มตุ๋น ท่านคงจะทํางานนอกเหนือขอบเขตของท่าน และ รับประกอบพิธีการซึ่งมิได้เป็นส่วนหนึ่งของตำแหน่งและการเรียกนั้นภายใต้วิญญาณของอิไลอัส
“วิญญาณของอิไลอัสคือเตรียมทางรับการเปีดเผยที่ยิ่งใหญ่กว่าของพระผู้เป็นเจ้า ซึ่ง [วิญญาณของอิไลอัส] คือฐานะปุโรหิตของอิไลอัส หรือฐานะปุโรหิตที่แอรันได้รับการวางมือแต่งตั้ง และเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงส่งชายคนหนึ่ง เข้ามาในโลกเพื่อเตรียมรับงานที่ใหญ่กว่า โดยถือกุญแจแห่งพลังอำนาจของ อิไลอัส นั่นเรียกว่าหลักอำสอนของอิไลอัส แม้ตั้งแต่ยุคแรกๆ ของโลก
“พันธกิจของยอห์นถูกจำกัดให้สั่งสอนและให้บัพติศมา แต่สั่งที่ท่านทำถือ ว่าถูกต้อง และเมื่อพระเยซูคริสต์เสด็จมาหาสานุศิษย์คนใดคนหนึ่งของยอห์น พระองค์จะทรงให้บัพติศมาพวกเขาด้วยไฟและพระวิญญาณบริสุทธิ์… ยอห์น มิได้ทำเกินขอบเขต แต่ทําส่วนที่เป็นหน้าที่ของท่านอย่างซื่อสัตย์ ทุกส่วนของ อาคารใหญ่ควรจัดเตรียมไว้อย่างถูกด้องและอยู่ในที่ที่เหมาะสมของมัน เราจำ เป็นต้องรู้ว่าใครถือกุญแจแห่งอำนาจ ใครไม่ได้ถือ หาไม่แล้วเราอาจจะถูกหลอก ได้
“บุคคลผู้ถือกุญแจของอิไลอัสนืงานขั้นเตรียมด้องท่า… วิญญาณของอิไลอัลเปีดเผยต่อข้าพเจ้า และข้าพเจ้าทราบว่าเป็นความจริง ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงพูด ด้วยความองอาจ เพราะรู้แน่นอนว่าหลักคำสอนของข้าพเจ้าเป็นความจริง”7
ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ
-
อ่านเรื่องราวที่ยอห์นผู้ถวายมัพติศมาประสาทฐานะปุโรหิตแห่งแอรันให้ใจเซฟ สมิธและออลิเวอร์ คาวเดอรี (หน้า 85–86, 89) เหตุการณ์นี้นืผลอะไร ต่อใจเซฟและออลิเวอร์ เหตุการณ์นี้นืผลอะไรต่อชีวิตท่าน
-
อ่านย่อหน้าแรกในหน้า 86 โดยสังเกตว่ายอห์นผู้ถวายมัพติศมาเรียกใจเซฟ กับออลิเวอร์ว่า “เพื่อนผู้ร่วมรับใช้” ของท่าน วลีนี้ำำช่วยผู้ดำรงฐานะปุโรหิต ในทางใดบ้าง วลีนี้มีอิทธิพลในทางใดบ้างต่อการปฎิสัมพันธ์ของเรากับเยาวชนชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งแอรัน
-
อ่านทวนหัวข้อของบทเรียนที่เริ่มต้นในหบ้า 86 ท่านมีความคิดและความ รู้สึกอย่างไรบ้างเกี่ยวกับยอห์นผู้ถวายหัพติศมาและพันธกิจที่เขาทำในช่วงชีวิตมรรตัยของเขา
-
ศาสดาโจเซฟสอนว่า ยอห์นผู้ถวายม้พติศมาคือ “ผู้ปฏิบัติโดยชอบ” (หน้า 88–91) ท่านคิดว่า “ผู้ปฏิบัติโดยชอบ” มีความหมายเกี่ยวข้องกับฐานะปุโรหิตอย่างไร เหตุใดจึงไม่มี “ความรอด… หากไม่มีผู้ปฏิบัติโดยชอบ” (หน้า 91)
-
ขณะอ่านบัวข้อสุดบ้ายในบทนี้ (หน้า 91–92) ให้อ่านทวนนิยามของคำว่า “อิไลกัส” ใน Bible Dictionary ด้วย (ดู Bible Dictionary หบ้า 663) วิญญาณของอิไล อ้สคืออะไร ยอห์นผู้ถวายบัพติศมาเตรียมทางสำหรับการ เสด็จมาของพระผู้ช่วยให้รอดอย่างไร
-
โจเซฟ สมิธกล่าวว่าการประสาทฐานะปุโรหิตแห่งแอรันคือ “งานขั้นเตรียม” เพราะจะเตรียมทางสำหรับบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า (หน้า 91) ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งแอรันจะทำอะไรได้บ้างเพื่อเตรียมรับฐานะปุโรหิตแห่งเป็ลคิเซเด็ค บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ครู และผู้นำจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเตรียม
ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: มัทธิว 3:1–17; 1 มีไฟ 10:7–10; Joseph Smith Translation, Matthew 3:43–46