คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 8: ฐานะปุโรหิตอันเม็นนิจ


บทที่ 8

ฐานะปุโรหิตอันเม็นนิจ

“ฐานะปุโรหิตแฟงเม็ลคิเซเด็ค…เป็นช่องทางที่ความรู้ทั้งมวลหลักคำสอน แผนแห่งความรอดและเรื่องสำคัญทุกเรื่องได้รับการเปีดเผยจากสวรรค์”

จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ

หลังจากได้รับฐานะปุโรหิตแห่งแอรันและพิธีการบัพติศมา โจเซฟ สมิธลับ ออลิเวอร์ คาวเดอรีก็ได้ประสบกับพรที่พวกท่านไข่เคยรู้มาก่อน ศาสดาบันทึกว่า “จิตใจของเราบัดนี้สว่างแล้ว เราเริ่มมีพระคัมภีร์เปิดวางไว้ให้ความเข้าใจ ของเรา และความหมายและเจตนาที่แท้จริงของข้อลับลึกมากของบันเปีดเผย แก่เราในวิธีซึ่งเราไข่เคยบรรลุถึงมาก่อนได้ หรือไข่เคยคิดถึงมาก่อน” (โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:74) โดยที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น พวกท่านจึงเร่งมือทํางานแปล พระคัมภีร์มอรมอน แต่ศาสดายังไข่ได้รับพรที่สำคัญ พรที่จำเป็นก่อนท่านจะจัด ตั้งศาสนาจักร สถาปนาตำแหน่งและโควรัมฐานะปุโรหิต และประสาทของ ประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ ท่านด้องได้รับฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็ค

ตามที่ยอห์นผู้ถวายบัพติศมาสัญญาไว้ โจเซฟและออลิเวอร์ได้รับพรนี้หลัง จากได้รับฐานะปุโรหิตแห่งแอรันไม่นาน เปโตร ยากอบ และยอห์นอัครสาวก สมัยโบราณมาปรากฎต่อพวกท่านในสถานที่เงียบสงัดแห่งหนึ่งใกล้แม่นํ้าซัสเควฮันนาและประสาทฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คให้ท่านทั้งสอง โจเซฟประกาศ ต่อมาว่าท่านได้ยิน “เสียงของปีเตอร์ เจมส์ และจอห์นในแดนทุรกันดารระหว่างฮาร์โมนี อำเภอซัสเควฮันนา กับโคลสวิลล์ อำเภอบรูม บนฟั่งแม่นํ้าซัสเควฮันนา ประกาศตัวเป็นผู้มีกุญแจของอาณาจักรและสมัยการประทานความ สมบูรณ์แห่งเวลา!” (ค.พ. 128:20)

ในปีต่อๆ มา โจเซฟ สมิธได้รับการเยือนจากผู้ดํารงฐานะปุโรหิตจากสมัย โบราณอีกหลายท่าน ผู้ส่งข่าวเหล่านี้จากพระผู้เป็นเจ้ามาฟื้นฟูกุญแจฐานะปุโรหิตที่จำเป็นต่อการทำให้พรอันบริบูรณ์ของพระกิตติคุณมีมาถึงลูกๆ ของพระผู้ เป็นเจ้า พวกท่านมาเพื่อสอนศาสดาผู้จะเป็นหัวหน้าของสมัยการประทานความ สมบูรณ์แห่งเวลาด้วย

ประธานจอห์น เทย์เลอร์ ประธานศาสนาจักรคนที่สามอธิบายว่า “โมเสส อิไลจะ อิไลอัส ผู้นําอีกหลายท่านที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ และผู้ดำเนินงานใน สมัยการประทานต่างๆ ได้มามอบกุญแจ พลังอำนาจ สิทธิ เอกสิทธี์ และ [คำ อนุญาต] ซึ่งพวกท่านได้รับในสมัยของตนแก่ใจเซฟ… ความรู้ สติปัญญา ฐานะปุโรหิต พลังอำนาจ และการเปิดเผยใดก็ตามที่มอบให้ชายเหล่านั้นในยุค สมัยต่างๆ ได้ถูกนํากลับคืนสู่แผ่นดินโลกอีกครั้งโดยการปฎิบัติศาสนกิจและโดย ผ่านสื่อกลางของการดำรงฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธี้ของพระผู้เป็นเจ้าในสมัยการ ประทานต่างๆ ที่ท่านเหล่านั้นมีชีวิตอยู่”1

ประธานเทย์เลอร์ประกาศด้วยว่า “หากคุณถามโจเซฟว่าแอดัมมีรูปร่าง ลักษณะเช่นไร ท่านจะบอกคุณทันที ท่านจะบอกขนาด รูปลักษณ์ภายนอก และทุกอย่างเกี่ยวกับแอดัม คุณอาจจะถามว่าเปโตร ยากอบ และยอห์นมีรูปร่าง ลักษณะเช่นไร และท่านจะบอกคุณได้ เพราะอะไรหรือ เพราะท่านเคยเห็นคน เหล่านั้น”2

ในเดือนกันยายน คริสต์ศักราช 1842 ศาสดาเขียนจดหมายแสดงความยินดี ไปถึงศาสนาจักรขณะที่ท่านพินิจพิจารณาความรู้และกุญแจฐานะปุโรหิตที่มัดนี้ ได้กลับมาบนแผ่นดินโลกอีกครั้ง “และอนึ่ง พวกเราได้ยินอะไรเล่า? ข่าวอัน น่าชื่นชมจากคาโมราห์! โมโรไนเทพจากสวรรค์ประกาศความสำเร็จของคำของ ศาสดา—หนังสือจะถูกเปิดเผย … และเสียงของไมเกิลมัวหน้าเทพ เสียงของ เกบริอัล และของราเฟเอล และของเทพต่างๆ ตั้งแต่ไมเกิลหรือแอดัมลงมาถึง เวลาปัจจุบัน ทุกเสียงประกาศสมัยการประทานของเขา สิทธิ์ของเขา กุญแจ ของเขา เกียรติของเขา เดชและรัศมีภาพของเขา และอำนาจของฐานะปุโรหิต ของเขา โดยให์เป็นบรรทัดๆ เป็นข้อๆ ที่นึ่นิดที่นั่นหน่อย ให์การปลอบประโลมพวกเราโดยสอนถึงสิ่งซึ่งจะมา ยืนยันความหวังของพวกเรา!” (ค.พ. 128:20–21)

คำสอนฃองโจเซฟ ลมิธ

ฐานะปุโรหิตยืนยงเป็นนิจและศาสดาในทุกสมัยการประทานดำรงฐานะปุโรหิต

“มีสายโซ่ของสิทธิอำนาจและอำนาจตั้งแต่แอดัมเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน”3

“แอดัมได้รับฐานะปุโรหิตเป็นคนแรก ท่านอยู่ในฝ่ายประธานสูงสุด และถือ กุญแจนั้นจากชั่วอายุหนึ่งถึงชั่วอายุหนึ่ง ท่านได้รับฐานะปุโรหิตในการสร้าง ก่อนโลกเป็นมา ดังในปฐมกาล 1:26, 27, 28. ท่านได้รับอำนาจปกครองสิ่งมี ชีวิตทุกอย่าง ท่านคือมีคาเอลหัวหน้าเทพตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ต่อมา ก็โนอาห์ ผู้คือกาเบรียล ท่านมีสิทธิอำนาจในฐานะปุโรหิตต่อจากแอดัม ท่าน ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าสู่ตำแหน่งนี้ และเป็นบิดาของชีวิตทุกชีวิตในสมัย ของท่าน และประทานอำนาจปกครองให้ท่านด้วย ชายเหล่านี้ถือกุญแจเป็นคน แรกๆ บนแผ่นดินโลก และถือในสวรรค์ต่อจากนั้น

“ฐานะปุโรหิตคือหลักธรรมอันเป็นนิจ และดํารงอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าจากนิรันดร และจะดํารงอยู่ไปถึงนิรันดร ปราศจากการเริ่มด้นของวันหรือการสิ้นสูด ของปี [ดู Joseph Translation,Hebrews 7:3] เมื่อใดก็ตามที่ส่งพระกิตติคุณมาจะด้องนํากุญแจจากสวรรค์มาด้วย เมื่อเปิดเผยกุญแจเหล่านั้นจากสวรรค์ นั่นเป็นเพราะสิทธิอำนาจของแอดัม

“ดาเมียลในบทที่เจ็ดพูดถึงผู้เจริญด้วยวัยวุฒิ เขาหมายถึงคนเก่าแก่ที่สุด คุณฟ่อแอดัมของเรา มีคาเอล [ดู ดาเมียล 7:9–14] แอดัมจะเรียกลูกๆ มารวม กันและจัดสภากับพวกเขาเพื่อเตรียมพวกเขาให้พร้อมรับการเสด็จมาของบุตร มนุษย์ ท่าน (แอดัม) คือบิดาของครอบครัวมนุษย์และดูแลวิญญาณของมนุษย์ ทั้งสิ้น และทุกคนที่เคยมีกุญแจด้องยืนต่อหน้าท่านในสภาใหญ่นี้… บุตรมนุษย์ ยืนต่อหน้าท่าน มอบรัศมีภาพและอำนาจปกครองให้ท่าน แอดัมมอบการเป็น ผู้พิทักษ์ให้พระคริสต์ ซึ่งมอบให้ท่านขณะถือกุญแจของจักรวาล แต่ท่านยังคง ตำรงตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวมนุษย์

“…พระบิดาทรงเรียกวิญญาณทุกดวงมาอยู่เบื้องพระพักตร์พระองค์เมื่อครั้ง สร้างมนุษย์และทรงวางระเบียบให้พวกเขา ท่าน (แอดัม) คือหัวหน้าและพระองค์ทรงบัญชาท่านให้เพิ่มทวี ท่านได้รับกุญแจเป็นคนแรก และท่านให้คนอื่นๆ ท่านจะต้องรายงานการเป็นผู้พิทักษ์ของท่าน และพวกเขาจะรายงานท่าน

“ฐานะปุโรหิตยืนยงเป็นนิจ พระผู้ช่วยให้รอด โมเสส และอิไลอัส [อิไลจะ] มอบกุญแจให้เปโดร ยากอบ และยอห์นบนภูเขาเมื่อพวกท่านแปรสภาพต่อ พระพักตร์พระองค์ ฐานะปุโรหิตยืนยงเป็นนิจ—ปราศจากการเริ่มด้นของวันหรือ ที่สูดของปี ปราศจากบิดา มารดา เป็นด้น หากไข่มีการเปลี่ยนพิธีการ ย่อมไข่มี การเปลี่ยนฐานะปุโรหิต ที่ใดมีการปฏิบัติพิธีการแห่งพระกิตติคุณ ที่นั่นย่อมมี ฐานะปุโรหิต

“ฐานะปุโรหิตมาถึงเราในวันเวลาสุดท้ายได้อย่างไร ฐานะปุโรหิตตกทอดมาตาม กฎเกณฑ์การสืบทอด เปโดร ยากอบ และยอท้นได้รับฐานะปุโรหิตและท่าน มอบใท้คนอื่นๆ พระคริสต์ทรงเป็นมหาปุโรหิตผู้ยิ่งใหญ่ แอดับคือคนต่อมา เปาโลพูดถึงศาสนาจักรที่กำลังมาถึงเหล่าเทพนับไข่ด้วน—มาถึงพระผู้เป็นเจ้า พระผู้พิพากษาคนทั้งปวง—วิญญาณของคนเที่ยงธรรมที่ถูกทำให้ดีพร้อม มาถึง พระเยซูพระผู้เป็นกลางแห่งพันธสัญญาใหม่ [ดู ฮีบรู 12:22–24]”4

ศาสดาผู้ถือกุญแจฐานะปุโรหิตในสมัยโบราณเข้าร่วมในการนำงานของสมัยการประทานสุดท้ายออกมา

“ข้าพเจ้าเห็นแอดับในหุบเขาแอดับ-ออนได-อาบัน ท่านเรียกลูกๆ มารวม กันและอวยพรพวกเขาด้วยปิตุพร พระเจ้าทรงปรากฎท่ามกลางคนเหล่านั้น และ ท่าน (แอดับ) อวยพรทุกคน และบอกล่วงหน้าว่าอะไรจะเกิดกับพวกเขาจนถึง อนุชนรุ่นสุดท้าย

“เหตุผลที่แอดับอวยพรลูกหลานของท่านคือท่านด้องการนําพวกเขาเข้ามา ในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า พวกเขามองหานครหนึ่ง เป็นด้น [‘ซึ่งพระเจ้า ทรงเป็นนายช่างและทรงเป็นผู้สร้าง’—ฮีบรู 11:10] โมเสสพยายามนําลูกหลาน อิสราเอลเข้ามาในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าโดยผ่านพลังอำนาจของฐานะปุโรหิต แต่เขาทำไข่ได้ ในยุคแรกของโลกพวกเขาพยายามทำเช่นเดียวกัน และมี อิไลอัสหลายคนถูกยกขึ้น พวกเขาพยายามนํารัศมีภาพเหล่านี้กลับคืนมา ทว่า ไข่สำเร็จ แต่พวกเขาพยากรณ์ถึงวันที่จะเปิดเผยรัศมีภาพนี้ เปาโลพูดถึงสมัย การประทานความสมบูรณ์แห่งเวลาเมื่อพระผู้เป็นเจ้าจะทรงรวมสิ่งสารพัดให้ เป็นหนึ่งเดียว เป็นด้น [ดู เอเฟซัส 1:10] และคนเหล่าทั้นผู้ได้รับกุญแจเหล่า นี้จะต้องอยู่ที่นั่น และหากปราศจากพวกเราพวกเขาจะถูกทำให้ดีพร้อมไข่ได้

“คนเหล่านี้อยู่ในสวรรค์ แต่ลูกหลานของพวกเขาอยู่บนแผ่นดินโลก ใจของ พวกเขารํ่าร้องหาเรา พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งพวกเขาลงมาเพราะเหตุนี้ ‘บุตรมนุษย์ จะใช้ทูตของท่านออกไปเก็บกวาดทุกสิ่งที่ทําให้หลงผิด และบรรดาผู้ที่กระทำ ชั่วไปจากแผ่นดินของท่าน’ [บัทธิว 13:41] บุคคลผู้มีสิทธิอำนาจทั้งหมดนี้จะ ลงมาและร่วมมือกันนํางานนี้ออกมา

“อาณาจักรแห่งสวรรค์เปรียบเหมือนเมล็ดมัสตาร์ด เมล็ดมัสตาร์ดมืขนาดเล็ก แต่เติบโตเป็นต้นไมัใหญ่ และนกทั้งหลายมาทำรังตามกิ่งก้านของมัน [ดู มาระโก 4:30–32] นกทั้งหลายคือเหล่าเทพ ต้วยเหตุนี้เหล่าเทพจึงลงมา ผนึกกำลัง กันรวบรวมลูกหลานของพวกเขา และรวบรวมพวกเขา เราจะถูกทำให้ดีพร้อม ไข่ได้หากปราศจากพวกเขา และพวกเขาจะถูกทำให้ดีพร้อมไม่ได้หากปราศจาก พวกเรา เมื่อทำสิ่งเหล่านี้แล้ว บุตรมนุษย์จะเสด็จลงมา ผู้เจริญต้วยวัยวุฒิจะนั่ง ลง เราจะมารวมกับเหล่าเทพนับไม่ก้วน สื่อสารและรับกำแนะนำจากพวกเขา”5

พิธีการฐานะปุโรหิตได้รับการสถาปนาตั้งแต่การเริ่มต้นและต้องทำตามวิธีที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนด

“แอดัม ….เป็นมนุษย์คนแรก ผู้ถูกเอ่ยถึงในดาเนึยลว่าเป็น ‘ผู้เจริญด้วย วัยวุฒิ’ [ดาเนึยล 7:9] หรืออีกมัยหนึ่ง เป็นคนแรกและคนเก่าแก่ที่สุด เป็นคน ยิ่งใหญ่ เป็นบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่ ซึ่งกล่าวไว้อีกที่หนึ่งว่าท่านคือมิคาเอล เพราะ ท่านเป็นคนแรกและเป็นบิดาของคนทั้งปวง ไข่เฉพาะทายาทเท่านั้น แต่เป็น คนแรกที่ถือพรทางวิญญาณ ผู้ได้รู้จักแผนแห่งพิธีการเพื่อความรอดของลูก หลานของท่านตลอดกาล และผู้ที่พระคริสต์ทรงเปิดผยต่อท่านเป็นคนแรก และพระคริสต์ทรงได้รับการเปิดเผยจากสวรรค์ผ่านท่าน และจะได้รับการเปิด เผยต่อไปนับจากนั้น แอดัมถือกุญแจของสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่ง เวลา กล่าวคือ สมัยการประทานของทุกยุคทุกสมัยได้รับการเปิดเผยและจะได้ รับการเปิดเผยผ่านท่านนับแต่กาละเริ่มด้นจนถึงพระคริสต์ และจากพระคริสต์ ไปจนสิ้นสุดสมัยการประทานทั้งหมดที่ด้องได้รับการเปิดเผย …

“…[พระผู้เป็นเจ้า] ทรงกำหนดพิธีการให้เป็นเหมือนเดิมตลอดกาลและ ตลอดไป และทรงกำหนดให้แอดัมเป็นผู้ดูแลพิธีการเหล่านี้ เปีดเผยพิธีการจาก สวรรค์ให้มนุษย์ หรือส่งเทพมาเปิดเผย ‘ทูตสวรรค์ทั้งปวงเป็นแต่เพียงวิญญาณ ผู้ปรนนิบัติที่พระองค์ทรงส่งไปช่วยเหลือบรรดาผู้ที่จะได้รับความรอดกระนั้นมิใช่หรือ’ [ฮีบรู 1:14]

“เทพเหล่านี้อยู่ภายใด้การกำกับดูแลของมิคาเอลหรือแอดัม ผู้กระทำภายใด้ การกำกับดูแลของพระเจ้า จากข้อความอ้างอิงข้างด้น เราเรียนรู้ว่าเปาโลเข้าใจ อย่างสมบูรณ์ถึงจุดนุ่งหมายของพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพระองค์กับมนุษย์ ตลอดจนระเบียบอันทรงเกียรติและสมบูรณ์แบบนั้นซึ่งพระองค์ ทรงสถาปนาไว้ในพระองค์ ซึ่งด้วยสิ่งนั้นพระองค์ทรงส่งพลังอำนาจ การเปิด เผย และรัศมีภาพออกไป

“พระผู้เป็นเจ้าจะไข่ทรงยอมรับสิ่งซึ่งพระองค์มิได้ทรงเรียก แต่งตั้ง และ เลือก ในกาละเริ่มด้น พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกแอดับโดยพระสุรเสียงของพระองค์ ‘พระเจ้าทรงเรียกชายนั้นและตรัสถามเขาว่า เจ้าอยู่ที่ไหน ชายนั้นทูลว่า ข้าพระองค์ได้ยินพระสุรเสียงของพระองค์ในสวนก็เกรงกลัวเพราะข้าพระองค์ เปลือยกายอยู่ จึงได้ซ่อนตัวเสีย’ [ปฐมกาล 3:9–10] แอดับได้รับพระบัญชา และอำแนะคําจากพระผู้เป็นเจ้า นี่คือระเบียบนับแต่กาละเริ่มด้น

“การเปิดเผย พระบัญญัติ และพิธีการที่แอดัมได้รับตั้งแต่ด้นนั้นอยู่นอก เหนือพลังอำนาจของฝ่ายตรงข้าม แล้วพวกเขาเริ่มถวายบูชาพระผู้เป็นเจ้าใน แบบที่พระองค์ทรงยอมรับอย่างไร และหากพวกเขาถวายบูชา พวกเขาด้องได้ รับมอบสิทธิอำนาจโดยการแต่งตั้ง เราอ่านในปฐมกาล [4:4] อาแบลนําสัตว์ตัว แรกของฝูงและไขมันมาถวาย และพระเจ้าทรงพอพระทัยอาแบลและเครื่อง ถวายของเขา…

“นี่คือคุณสมบัติของฐานะปุโรหิต ชายทุกคนดำรงตำแหน่งประธานของสมัย การประทานของเขา และชายคนหนึ่งดำรงตำแหน่งประธานของสมัยการประทานทั้งหมดนั้น แม้แอดัม และแอดัมได้รับตำแหน่งประธานและสิทธิอำนาจ จากพระเจ้า แต่จะไข่ได้รับความบริบูรณ์จนกว่าพระคริสต์จะทรงมอบอาณาจักร ให้พระบิดา ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดสมัยการประทานสุดท้าย

“พลังอำนาจ รัศมีภาพ และพรของฐานะปุโรหิตจะอยู่กับผู้ได้รับการแต่งตั้ง ต่อไปไข่ได้เว้นแต่ความชอบธรรมของเขาจะคงอยู่ เพราะคาอินได้รับมอบสิทธิอำนาจให้ถวายเครื่องบูชาด้วย แต่ไข่ถวายในความชอบธรรม เขาจึงถูกสาปแช่ง นั่นแสดงให้เห็นว่าจะต้องทำพิธีการในแบบที่พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนด หาไป่แล้วฐานะปุโรหิตของพวกเขาจะกลายเป็นการสาปแช่งแทนที่จะเป็นพร”6

ฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเชเด็คคือช่องทางที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์และจุดประสงค์ของพระองค์

“มีฐานะปุโรหิตสองอย่างกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ คือ ฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คและฐานะปุโรหิตแห่งแอรันหรือเลวี แมัจะมีฐานะปุโรหิตสองอย่าง แต่ ฐานะปุโรหิตแห่งเมีลคิเซเด็คครอบคลุมฐานะปุโรหิตแห่งแอรันหรือเลวี และ เป็นหัวหน้าใหญ่ และดำรงสิทธิอำนาจสูงสุดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฐานะปุโรหิต และถือกุญแจอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในทุกยุคของโลกจนถึงลูกหลานรุ่น สุดท้ายบนแผ่นดินโลก และเป็นช่องทางที่ความรู้ทั้งมวล หลักกำสอน แผน แห่งความรอดและเรื่องสำคัญทุกเรื่องได้รับการเปิดเผยจากสวรรค์

“สถาบันฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คอยู่ก่อน ‘การวางรากฐานแผ่นดินโลก หรือดาวรุ่งแซ่ซ้องสรรเสริญ หรือบรรดาบุตรของพระผู้เป็นเจ้าโห่ร้องด้วยความ ชื่นบาน’ [ดู โยบ 38:4–7] เป็นฐานะปุโรหิตสูงสุดและศักดิดิ์สิทธิ์ที่สุด และเป็น ไปตามพระฐานะของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า ฐานะปุโรหิตอื่นทั้งหมดเป็น เพียงส่วนประกอบ ส่วนย่อย พลังอำนาจและพรเป็นของฐานะปุโรหิตนี้ อีกทั้ง ได้รับการคํ้าจุน ควบคุม และกำกับดูแลโดยฐานะปุโรหิตดังกล่าว นั่นคือช่องทาง ที่พระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงเริ่มเปิดเผยรัศมีภาพของพระองค์เมื่อทรงเริ่มสร้าง โลกนี้ คือช่องทางที่พระองค์ยังคงเปิดเผยพระองค์ต่อลูกหลานมนุษย์จนมาถึง ปัจจุบัน และคือช่องทางที่พระองค์จะทรงทำให้จุดมุ่งหมายของพระองค์เป็นที่รู้ จนสิ้นสุดกาลเวลา”7

“พลังอำนาจของฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คต้องมีพลังอำนาจของ ‘ชีวิตที่ ไม่สิ้นสุค’ เพราะพันธสัญญาอันเป็นนิจจะถูกฝ่าฝีนไข่ได้ … พลังอำนาจของ เม็ลคิเซเด็คคืออะไร ไข่ใช่ฐานะปุโรหิตแห่งแอรันซึ่งปฏิบัติพิธีการภายนอก และการถวายบูชา ผู้ครอบครองความบริบูรณ์ของฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็ค คือกษัตริย์และปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด โดยถือกุญแจแห่งพลังอำนาจ และพร ความจริงแล้วฐานะปุโรหิตนั้นคือกฎอันสมบูรณ์ของการปกครองโดย อำนาจของพระผู้เป็นเจ้า เสมือนหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานกฎให้ผู้คน โดยให้ ชีวิตที่ไข่สิ้นสุดแก่เหล่าบุตรธิดาของแอดัม …

‘“บิดามารดาและตระกูลของท่านไข่มีกล่าวไว้ วันเกิดวันตายก็เช่นกัน แต่ เป็นเหมือนพระบุตรของพระเจ้า เป็ลคิเซเด็คนั้นแหละดำรงอยู่เป็นปุโรหิตชั่วกัปป์ชั่วกัลป์’ [ฮีบรู 7:3] ฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คถือสิทธี้จากพระผู้เป็นเจ้านิรันดร์ มิใช่โดยการสืบทอดจากบิดามารดา และฐานะปุโรหิตนั้นเป็นนิรันดร์ เช่นเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า ไม่มืการเริ่มด้นของวันหรือการสิ้นสุดของชีวิต …

“…ฐานะปุโรหิตเลวี [แห่งแอรัน] ประกอบด้วยปุโรหิตผู้ปฏิบัติพิธีการ ภายนอก ไข่มืคำสาบาน แต่ฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คมืคำสาบานและพันธสัญญา”8

“ฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลกิเซเด็คไข่แตกต่างกับฐานะปุโรหิตของพระบุตรของ พระผู้เป็นเจ้า … มืพิธีการแน่นอนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของฐานะปุโรหิต และมืผล แน่นอนจากฐานะปุโรหิตนั้น … สิทธิพิเศษอย่างหนึ่งของฐานะปุโรหิตคือได้รับ การเปิดเผยถึงพระดำริและพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า อีกทั้งเป็นเอกสิทธี้ ของฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลกิเซเด็คต้วยที่จะตำหนิ ติเตียน ตักเตือน และรับการ เปีดเผย”9

“ฐานะปุโรหิตทั้งหมดคือเม็ลคิเซเด็ค แต่มืหลายส่วนหรือหลายระดับ… ศาสดาทุกท่านมืฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลกิเซเด็ค”10

“ข้าพเจ้าขอแนะนําทุกท่านให้ดำเนินต่อไปสู่ความดีพร้อม ค้นหาให้ลึกซึ้ง ยิ่งขึ้นจนรู้ความลํ้าลึกของความเป็นพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์ทําเพื่อตนเองไม่ได้เลย เว้นแต่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงนําเขาไปในทางที่ถูกด้อง และฐานะปุโรหิตมืไว้เพื่อ จุดประสงค์ตังกล่าว”11

มนุษย์ต้องได้รับมอบสิทธิอำนาจจากพระผู้เป็นเจ้าและได้รับการวางมือแต่งตั้งสู่ฐานะปุโรหิตจิงจะปฏิบัติพิธีการแห่งความรอดได้

หลักแห่งควานเชื่อข้อ 5:“เราเชื่อว่ามนุษย์ด้องได้รับการเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า โดยการพยากรณ์ และโดยการปรกมือโดยผู้มีสิทธิอำนาจ เพื่อให้สอนพระกิตติคุณและปฏิบัติพิธีการตามนั้น”12

“เราเชื่อว่าไม่มืมนุษย์คนใดสามารถให้ความรอดแก่จิตวิญญาณมนุษย์โดย ผ่านพระกิตติคุณในพระนามของพระเยซูคริสต์ได้ เว้นแต่เขาจะได้รับมอบสิทธิ อำนาจจากพระผู้เป็นเจ้า โดยการเปิดเผย หรือโดยการวางมือแต่งตั้งจากผู้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงส่งมาโดยการเปิดเผย ดังที่เปาโลเขียนไว้ในโรม 10:14 ว่า ‘และผู้ ที่ยังไข่ได้ยินถึงพระองค์จะเชื่อในพระองค์อย่างไรได้ และเมื่อไม่มืผู้ใดประกาศ ให้เขาฟัง เขาจะได้ยินถึงพระองค์อย่างไรได้ และถ้าไข่มีใครใช้เขาไป เขาจะไป ประกาศอย่างไรได้’ ข้าพเจ้าจะถามว่า จะใช้เขาไปได้อย่างไรหากปราศจากการ เปิดเผยหรือการแสดงให้เห็นปรากฎการณ์บางอย่างจากพระผู้เป็นเจ้า และอนึ่ง ฮีบรู 5:4 กล่าวว่า ‘และไข่มีผู้ไดตั้งตนเองเป็นปุโรหิตได้ แต่พระเจ้าทรงเรียก เหมือนอย่างทรงเรียกอาโรน’—และข้าพเจ้าจะถามว่า อาโรนได้รับเรียกอย่างไร มิใช่โดยการเปิดเผยหรอกหรือ”13

“เทพบอกโครเนลิอัสว่าเขาด้องส่งคนไปเชิญเปโตรมาสอนเขาที่บ้านว่าจะ รอดได้อย่างไร [ดู กิจการ 10:21–22] เปโตรให้บัพติศมาได้ แต่เหล่าเทพให้ไม่ได้ ขอเพียงมีเจ้าหน้าที่ในเนื้อหนังถือกุญแจของอาณาจักรหรือสิทธิอำนาจของ ฐานะปุโรหิตเท่านั้นก็ให้บัพติศมาใด้แล้ว มีหลักฐานเพิ่มเติมอีกชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับ ประเด็นนี้ และนั่นคือ เมื่อพระเยซูทรงปรากฎต่อเปาโลระหว่างทางไปดาบัสลัส พระองค์มิได้ทรงบอกเขาว่าเขาจะรอดได้อย่างไร พระองค์ทรงตั้งอัครสาวกไว้ใน ศาสนาจักรเป็นอันดับแรก และศาสดาเป็นอันดับที่สองเพื่อทำงานแห่งการปฏิบัติศาลนกิจ ทำให้สิทธิชนดีพร้อม เป็นต้น [ดู เอเฟซัส 4:11–12] และกฎ ข้อใหญ่ของสวรรค์คือไข่ควรทำสิ่งใดบนแผ่นดินโลกหากไข่ไต้เปิดเผยความลับ ให้ศาสดาผู้รับใช้ของพระองค์ ดังกล่าวไว้ในอาโมส 3:7 ด้วยเหตุนื้เปาโลจึง เรียนรู้จากพระเจ้าเกี่ยวก้บหน้าที่ของเขาในความรอดของมนุษย์ได้ไม่มากเท่าก้บ ที่เขาเรียนรู้จากทูตองค์หนึ่งของพระคริสต์ผู้ได้รับเรียกด้วยการเรียกจากสวรรค์ แบบเดียวก้บพระเจ้า และได้รับประสาทพรจากเบื้องบนด้วยอำนาจเดียวก้น—เพื่อว่าสิ่งใดที่พวกเขาปล่อยบนแผ่นดินโลก จะถูกปล่อยในสวรรค์ และสิ่งใดที่ พวกเขาผูกมัดบนแผ่นตินโลกจะถูกผูกมัดในสวรรค์ด้วย [ดู มัทธิว 16:19]”14

นับเป็นสิทธิพิเศษอย่างยิ่งที่จะขยายตำแหน่งใดก็ตามของฐานะปุโรหิต

“เราอาจใช้ตัวอย่างของร่างกายมนุษย์มาอธิบาย… เรื่องฐานะปุโรหิตได้ ร่างกายมีอวัยวะหลายส่วน แต่ละส่วนมีหน้าที่ด้องทำต่างกัน ทุกส่วนจำเป็นใน ตำแหน่งของมัน และร่างกายจะไข่สมบูรณ์หากไม่มีอวัยวะทั้งหมดนี้… ถ้า ปุโรหิตคนหนึ่งเช้าใจหน้าที่ การเรียก และการปฎิมัติศาสนกิจของเขา และสั่งสอนด้วยพระวิญญาณบริสุทธี้ ความเบิกบานใจของเขาจะมีมากเท่ากับสมาชิก คนหนึ่งในฝ่ายประธานสูงสุด ถ้าเขาตำรงตำแหน่งนั้น และการรับใช้ของเขา จำเป็นในองค์กร เท่าๆ กับการรับใช้ของผู้สอนและมัคนายก”15

อีไลซา อาร์. สโนว์กล่าวไว้ดังนี้ “[โจเซฟ สมิธให้] คำแนะนําเกี่ยวกับตำแหน่งต่างๆ และความจำเป็นของการที่ทุกคนจะกระทำในขอบเขตที่คำหนดให้ เขาหรือเธอ และเติมเด็มตำแหน่งต่างๆ ที่เขาถูกคำหนด ท่านพูดถึงความโห้ม เอียงของคนจำนวนมากที่เห็นว่าตำแหน่งที่ตํ่ากว่าในศาสนาจักรไม่มีเกียรติ และ มองคนที่ได้รับเรียกให้เป็นผู้นำดูแลเขาด้วยสายตาอิจฉา นั่นคือความโง่เขลาและ ความเหลวไหลไว้สาระของใจมนุษย์หากปรารถนาตำแหน่งหน้าที่นอกเหนือจาก ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงคำหนดให้เขา จะดีกว่านั้นห้าแต่ละบุคคลจะขยายการเรียก ของตน…ทุกคนควรปรารถนาเพียงเพื่อขยายหน้าที่และการเรียกของตนเท่า นั้น”16

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ

  • อ่านทวนเรื่องราวที่เปโตร ยากอบ และยอห์นประสาทฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลติเซเด็คให้โจเซฟ สมิธและออลิเวอร์ คาวเดอรี (หน้า 109) ท่านและ ครอบครัวได้รับพรอะไรบ้างจากการพึ้นฟูฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็ค

  • บทนี้ทั้งบท โจเซฟ สมิธเป็นพยานถึงสายโซ่ของสิทธิอำนาจของฐานะปุโรหิต โดยผ่านการสืบทอดตำแหน่งของศาสดา ท่านคิดว่าเหตุใดหลักคำสอนนี้จึง สำคัญที่โจเซฟจะสอนในสมัยของเขา เหตุใดเราจึงด้องเข้าใจหลักคำสอนนี้ ในปัจจุบัน สายโซ่ของสิทธิอำนาจที่โจเซฟ สมิธพูดถึงเกี่ยวข้องอย่างไรลับ สายอำนาจของฐานะปุโรหิตของมนุษย์

  • ขณะที่ท่านอ่านบทนี้ ให้สังเกตการใช้คำ ลันเป็นนิจ นิรันดร์ และ ความ เป็นนิรันดร์ ของโจเซฟ สมิธ คำเหล่านี้บอกอะไรท่านเกี่ยวก้บคุณสมบัติและ ความสำคัญของฐานะปุโรหิต

  • โจเซฟ สมิธ สอนว่า พระผู้เป็นเจ้า “ทรงกําหนดพิธีการให้เป็นเหมือนเติม ตลอดกาลและตลอดไป” และ “จะด้องทําพิธีการในแบบที่พระผู้เป็นเจ้าทรง กําหนด” (หน้า 114–116) คำสอนเหล่านี้เพิ่มความเข้าใจของท่านเกี่ยวก้บ เรื่องพิธีการอย่างไร

  • อ่านทวนคำสอนของศาสดาโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลกิเซเด็ค (หน้า 116–117) คิดลูว่าฐานะปุโรหิตจำเป็นอย่างไรในพระกิตติคุณทุก ด้าน ท่านมีความคิดและความรู้สึกอย่างไรบ้างขณะพิจารณาฐานะปุโรหิตแห่ง เม็ลคิเซเด็คในทํานองนี้

  • อ่านทวนสองย่อหน้าสุดบ้ายในบทเรียน (หบ้า 119–120) ท่านเห็นว่าสมาชิกแต่ละคนของศาสนาจักรมีบทบาทสำคัญอย่างไรในงานของพระเจ้า ผลที่ ได้จะเป็นอย่างไรถ้าเรา “มอง” ผู้ได้รับเรียกใหัรับใช้เป็นผู้นำในศาสนาจักร “ด้วยสายตาอิจฉา” นึกถึงสิ่งที่ทําได้เพื่อขยายการเรียกของท่าน

ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: แอสมา 13:1–12; ค.พ. 27:5–14; 84:33–44, 109–10; 107:6–20; 121:34–46

อ้างอิง

  1. จอห์น เทย์เลอร์ Deseret News: Semi-Weekly, Apr. 18, 1882, p. 1; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า

  2. จอห์น เทย์เลอร์ Deseret News: Semi-Weekly, Mar. 20, 1877, p. 1.

  3. History of the Church, 4:425; จาก บันทึกการประชุมใหญ่ของศาสนาจักร ซึ่งจัดขึ้นเมื่อจันที่ 3 ต.ค. 1841 ใน นอวู อิลลินอยส์ จัดพิมพ์ไน Times and Seasons, Oct. 15, 1841, p. 577.

  4. History of the Church, 3:385–88; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากคำปราศรัยของใจเซฟ สมิธ ประมาณเดือนกรกฎคม 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  5. History of the Church, 3:388–89; คำในวงเล็บชุดแรกอยู่ในย่อหน้าที่สอง ของต้นฉบับเดิม; ปรับเปลี่ยนเครื่อง หมายวรรคตอนให้ทันสมัย; จากคำ ปราศรัยของใจเซฟ สมิธประมาณเดือน กรกฎาคม 1839 ในคอมเมิร์ซ อิลลินอยส์; รายงานโดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์

  6. History of the Church, 4:207–9; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากคำปราศรัยที่โจเซฟ สมิธ เตรียมและอ่านที่การประชุมใหญ่ของ ศาสนาจักรเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 1840 ใน นอวู อิลลินอยส์

  7. History of the Church, 4:207; ปรับ เปลี่ยนตัวสะกดและเครื่องหมายวรรค ตอนให้ทันสมัย; จากคำปราศรัยที่โจเซฟ สมิธเตรียมและอ่านที่การประชุม ใหญ่ของศาสนาจักรเมื่อวันที่ 5 ต.ค. 1840 ในนอวู อิลลินอยส์

  8. History of the Church, 5:554–55; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำ ปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 1843 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงาน โดย วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ และวิลเลียม เคลย์ตัน; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้าย

  9. History of the Church, 2:477; ปรับ เปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย; จากคำปราศรัยของโจเซฟ สมีธ เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 1837 ในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ; รายงานโดย Messenger and Advocate, Apr. 1837, p. 487.

  10. อ้างโดย วิลเลียม เคลย์ตัน รายงานคำ ปราศรัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 5 ม.ค. 1841 ในนอวู อิลลินอยส์; ใน แอล. จอห์น นัททอลล์ “Extracts from William Clayton’s Private Book,” p. 5 มันทึกส่วนตัวของ แอล. จอห์น มัททอลล์ 1857–1904, งาน สะสมพิเศษของแอล. ทอม เพอร็รีย์ มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ โพรโว่ ยูทาห์; สำเนาอยู่ในหอจดหมายเหตุของศาสนาจักร ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิชนยุคสุดท้าย ซอลท้เลคซิตี้ ยูทาห์

  11. History of the Church, 6:363; จาก คำปราศัยของโจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 1844 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงาน โดย โธมัส บัลล็อค

  12. หลักแห่งความเชื่อข้อ 5

  13. จดหมายที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงไอแซค กอลแลนด์ 22 มี.ค. 1839 คุกลิเบอร์ตี้ ลิเบอร์ตี้ มิสซูรี จัดพิมพ์ใน Times and Seasons, Feb. 1840, p. 54; ปรับเปลี่ยนเครื่องหมายวรรคตอนให้ทัน สมัย

  14. “มัพติศมา” บทความที่จัดพิมพ์ในTimes and Seasons, Sept. 1, 1842, p. 905; เปลี่ยนไวยากรณ์ให้ทันสมัย; ใจเซฟ สมีธเป็นบรรณาธิการวารสาร

  15. History of the Church, 2:478; ปรับ เปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำปราศรัย ของโจเซฟ สมีธเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 1837 ในเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ; รายงานโดย Messenger and Advocate, Apr. 1837, p. 487.

  16. History of the Church, 4:603, 606; ปรับเปลี่ยนการแบ่งย่อหน้า; จากคำ ปราศรัยของใจเซฟ สมิธเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 1842 ในนอวู อิลลินอยส์; รายงานโดย อีไลซา อาร์ สโนว์; ดู ภาคผนวก หน้า 604 ข้อ 3 ด้วย

Melchizedek Priesthood being conferred

เปโตร ยากอบ และยอห์น อัครสาวกในสมัยโบราฌประสาทฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเก็คให้โจเซฟ สปืธ และออลิเวอร์ คาวเดอรี “เมี่อใดก็ตามที่ส่งพระกิตติคุฌมา” ศาสดาประกาศ “จะต้องนำกุญแจจากสวรรค์มาด้วย”

Adam-ondi-Ahman

“ข้าพเจ้าเห็นแอดัมในหุบเขา แอดัม-ออนได-อามัน ท่านเรียกลูกๆ มารวมกันและอวยพรเขา ด้ายปีตุพร พระเจ้าทรงปรากฎท่ามกลางคนเหล่านั้น”

setting apart

“เรทชี่อว่ามนุษย์ต้องได้รับการเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า โดยการพยากรฌ์ และโดยการปรกมือโดยผู้ปีอำนาจ เพื่อให้สอนพระกิตติฅุฌและปฏิบัติพิธีการตามนั้น”