บทที่ 23
“ซึ่งพี่นัองอากัยอยู่ตัวยกัน เป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันก็เป็นการดีและ ม่าซึ่นใจมากสักเท่าใด”
“ดึงให้ยาว สาวให้หนัก ชักลากให้พร้อมเพรียง”
จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ
วัน ที่ 27 ธันวาคม คริสต์ศักราช 1832 ศาสดาโจเซฟ สมิธได้รับพระบัญชา จากพระเจ้าให้สิทธิชนเริ่มสร้างพระวิหารในเคิร์ทแลนด์ (ดู ค.พ. 88:119) วัน ที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1833 พระเจ้าประทานคำแนะนำเพิ่มเติมแก่ศาสดาดังนี้ “บัดนี้นี่แหละปรีชาญาณและพระดำริของพระเจ้า—ให้สร้างห้าน มิใช่ตามวิธี ของโลก …ให้สร้างบันตามวิธีซึ่งเราจะแสดงแก่เจ้าสามคน” (ค.พ. 95:13–14)
สองสามวันต่อมา พระเจ้าทรงทำตามสัญญาของพระองค์ โดยประทานภาพ ปรากฎอันลํ้าเลิศแกโจเซฟ สมิธและที่ปรึกษาของท่านในฝ่ายประธานสูงสุด ซึ่งพวกท่านเห็นแปลนโดยละเอียดสำหรับพระวิหาร เฟรเดอริค จี. วิลเลียมส์ ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสฺดเล่าในภายหลังว่า “โจเซฟ [สมิธ] ได้รับ พระดำรัสจากพระเจ้าให้พาที่ปรึกษาสองคนของท่าน คือ [เฟรเดอริค จี.] วิลเลียมส์กับ [ซิดนีย์] ริกดันมาอยู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า และพระองค์จะทรง แสดงให้พวกท่านเห็นแปลนหรือแบบของพระนิเวศน์ที่จะสร้าง เราคุกเข่า เรียก หาพระเจ้า และอาคารหลังนั้นปรากฎในระยะที่ตามองเห็น ข้าพเจ้าเป็นคนแรก ที่เห็น จากนั้นเราทุกคนก็พินิจพิจารณาพร้อมกัน หลังจากดูภายนอกอย่างละเอียดแล้ว ดูเหมือนอาคารจะมาอยู่เหนือเราพอดี”1
เมื่อโจเซฟ สมิธอธิบายให้สภามหาปุโรหิตทราบถึงแปลนอันสวยงามที่เปีด เผยต่อฝ่ายประธานสูงสฺด พวกท่านดีใจกันล้วนหน้าและออกไปเลือกสถานที่ ก่อสร้างทันที—บริเวณหนึ่งในทุ่งข้าวสาลีที่พิ่น์องตระกูลสมิธเคยเพาะปลูกเมื่อ ฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ไฮรัม สมิธวิ่งไปหยิบพร้าหวดและเริ่มแผ้วถางที่ดินผืนนั้น สำหรับการก่อสร้าง พลางร้องว่า “เรากำลังเตรียมสร้างพระนิเวศน์ของพระเจ้า และผมตั้งใจว่าจะเป็นคนแรกที่เริ่มทำงาน”2
ความรู้สึกกระตือรือร้นเช่นนี้กลายเป็นความสมัครสมานสามัคคีขณะสิทธิชน ทำงานและเสียสละเพื่อสร้างพระวิหารแห่งแรกในสมัยการประทานนี้ ภายใต้การ กำกับดูแลของเอ็มมา สมิธ เหล่าสตรีช่วยกันเย็บลุงเทำยาว กางเกงขายาว และ เสื้อแจ็กเก็ตสำหรับคนงานชาย สตรีตัดเย็บผ้าม่านและพรมสำหรับพระวิหารต้วย พร้อมทั้งทำงานตกแต่งภายในพระวิหารภายใต้การกำกับดูแลของบริคัม ยิงก์ บราเดอร์จอห์น แทนเนอร์ขายฟาร์ม 2,200 เอเคอร์ในนิวยอร์กและมาถึงเคิร์ทแลนด์ทันเวลาใทํศาสดายืมเงิน 2,000 เหรียญไปไถ่ถอนที่ดินแปลงที่กำลังก่อ สร้างพระวิหารซึ่งจำนองไว้และเกือบจะหลุดจำนองอยู่แล้ว เพื่อม้องกันพระวิหารใทํพ้นจากการคุมคามของกลุ่มคนร้าย พวกผู้ชายจึงจัดเวรยามเผ้าพระวิหาร ตอนกลางคืนโดยนอนในชุดเดียวลับที่พวกเขาใส่ทำงานตอนกลางวัน
ศาสดาประกาศว่า “เรากำลังเตรียมการหลายอย่างเพื่อเริ่มสร้างพระนิเวศน์ ของพระเจ้า ถึงแทํศาสนาจักรจะยากจน แต่ความเป็นน้ำาหนึ่งใจเดียวลัน ความ ปรองดอง และความใจบุญของพวกเราเป็นกำลังใจให้เราทำตามพระบัญชาของ พระผู้เป็นเจ้า”3
ฮีเบอร์ ซี. คิมมัลล์ผู้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสองหนึ่งปีก่อนอุทิศ พระวิหารไต้พูดถึงงานใหญ่นี้ว่า “ทุกคนในศาสนาจักรร่วมแรงแข็งขันและผู้ชาย ทุกคนยื่นมือช่วยเหลือ คนที่ไม่มืสัตว์ลากก็ไปทำงานในเหมืองหินและเตรียม หินใทํพร้อมลากไปที่พระวิหาร”4 เอ็ลเดอร์คิมมัลล์จำไต้ต้วยว่า “ใจเซฟพูดว่า ‘มาเถิด พื่น์อง ไปเหมืองหินและทำงานใทํพระเจ้าลันเถิด’ ศาสดาสวมเสื้อเนื้อ หยาบและกางกางขายาวเนื้อหยาบ [ชุดทำงานที่ทำจากผ้าลินิน] ไปทำงานที่ เหมืองหินเหมือนพวกเรา ทุกๆ วันเสาร์เราจะน่าสัตว์ทุกตัวไปลากหินมาที่พระวิหาร และทำเช่นนี้จนพระนิเวศน์แล้วเสร็จ ส่วนภรรยาของพวกเราก็ง่วนอยู่ ลับการลัก ปีนต้าย ตัดเย็บ และ … ทำงานทุกชนิด”5
ความพยายามของสิทธิชนเคิร์ทแลนด์คือแบบฉบับของความเปีนนั้าหนึ่งใจ เดียวกัน การเสียสละ และการอุทิศเพื่อให้จุดประสงค์ของพระเจ้าบังเกิดลัมฤทธิผลในปีต่อๆ มา นึ่คือครั้งหนึ่งในหลายๆ ครั้งที่สิทธิชนจะชักลากใทํพร้อม เพรียง โดยเอาใจใส่คำตักเตือนของศาสใจเซฟ สมิธ ที่ว่า “ดึงให้ยาว สาวให้ หมัก ชักลากให้พร้อมเพรียง”6
ดำสอนฃองโจเซฟ สมิธ
เมื่อเราทำงานด้วยความเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน เราจะดำเนินงาน ให้บรรลุจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้ดีฃึ้น
“[เรา] รู้สึกดีใจมากที่ได้พบสิทธิชนในการประชุมใหญ่สามัญอีกครั้ง [ตุลาคม ค.ศ. 1840] … สิทธิชนกระตือรือร้น ไม่ย่อท้อ และขะมักเขท้นเช่นเคยในงาน อันยิ่งใหญ่ของวันเวลาสุดท้าย และ [สิ่งนี้] ใท้ความเบิกบานใจและการปลอบ ประโลมแถ่เรา ใท้กำลังใจเราอย่างมากขณะต่อสู้อับความยุ่งยากซึ่งจำด้องอยู่ ในทางของเรา
“ขอใท้พี่ท้องทำใท้วิญญาณเช่นนั้นประจักษ์ตลอดไป ชุมือขึ้น และเราต้อง ไปข้างหท้า เราจะไปข้างหท้า งานของพระเจ้าจะหมุนกลิ้งไปข้างหท้า เราต้อง สร้างพระวิหารของพระเจ้า ให้กำลังใจเหล่าเอ็ลเดอร์แห่งอิสราเอล เสริมสร้าง ไซอัน เปีนบุคคลที่คนทั้งโลกยกย่องสรรเสริญ ชื่นชมยินดี และให้เกียรติ บท เพลงถวายสรรเสริญ พระสิริ พระเกียรติ และพระบารมีแต่พระองค์ผู้ประทับ บนพระที่นั่ง และแต่พระเมษโปดกตลอดกาลและตลอดไปจะดังท้องจากเนิน เขาลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่ง จากภูเขาลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่ง จากเกาะหนึ่งไปอีก เกาะหนึ่ง และจากทวีปหนึ่งไปอีกทวีปหนึ่ง และอาณาจักรทั้งหลายของโลกนี้ จะกลายเปีนอาณาจักรของพระผู้เปีนเจ้าของเราและพระคริสต์ของพระองค์ [ดู วิวรณ์ 11:15]
“เราดีใจจริงๆ ที่ทราบว่ามืวิญญาณของความเปีนหนึ่งอยู่ทั่วศาสนาจักร ที่ ท้านและต่างแดน บนทวีปนี้ และบนเกาะอื่นๆ ในทะเล เพราะโดยหลักธรรมนี้ และโดยการระดมกำลังทำงาน เราจะสามารถดำเนินจุดประสงค์ของพระผู้เปีนเจ้าให้บรรลุผลสำเร็จ”7
“[พระวิหารนอวู] ท้าวหท้าเร็วมาก มือทุกมือออกแรงแข็งขันเพื่อให้การก่อ สร้างคืบหท้า วัสดุทุกชนิดอยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน และราวฤดูใบไท้ร่วงปี หท้า เราคาดว่าจะได้เห็นอาคารมืรั้วล้อมรอบ…ในช่วงฤดูหนาวมักจะมืคน มากมายเท่าอับมือหนึ่งร้อยมือช่วยอันระเบิดหิน ขณะเดียวอันก็มือีกมากมาย หลายคนช่วยกันขนและทำงานอื่นๆ …
“แท้คนจำนวนมากจะมืงานรัดตัว ไหนจะต้องทำงานอาชีพของตนในแต่ละ วัน ไหนจะต้องทำงานหนึ่งในสิบของเวลา แต่หลายคนก็ไม่บิดพลิ้วในการถวาย ส่วนสิบและของบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์อันใหญ่ยิ่งนี้ ตั้งแต่วางรากฐานของ ศาสนาจักร เราไม่เคยเห็นความเต็มใจทำตาม [ข้อเรียกร้อง] ของพระเยโฮวาห์ ความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะทำตามพระประสงค์ของพระผู้เปีนเจ้า ความ พยายามอย่างเต็มที่หรือการเสียสละมากมายเท่านี้มาก่อน ตั้งแต่พระเจ้าตรัสว่า ‘ให้สร้างพระวิหารโดยส่วนสิบของผู้คนของเรา’ [ดู ค.พ. 97:10–11.] ราวอับ ว่าวิญญาณของความกล้าไล้กล้าเสีย จิตใจอันเปีนกุศล และการเชื่อฟ้งเกิดขึ้น พร้อมอันทั้งผู้สูงวัยและคนหนุ่มสาว พี่ห้องชายและพี่ห้องหญิง เด็กชายและ เด็กหญิง และแห้กระทั่งคนแปลกหห้าผู้ไม่ไล้อยู่ในศาสนาจักร ผสมผสานอับ ความ่เอื้อเพี่อที่ไมเคยมีมาก่อนในความสำเร็จของงานยิ่งใหญ่นี้ และในหลาย กรณีก็ไม่อาจขัดขวางหญิงม่ายไมไห้บริจาคเงินที่มีอยู่เพียงห้อยนิดของเธอไล้
“เวลานี้เราใคร่ขอขอบคุณทุกคนล้วยความจริงใจ ทั้งผ้สูงวัยและคนหนุ่มสาว ทั้งในศาสนาจักรและนอกศาสนาจักร สำหรับความเอื้อเฟื้อ ความเมตตา ความ พากเพียร และการเชื่อพีงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน ซึ่งพวกเขาแสดงให้เห็น ทันกาลในครั้งนี้ ใช่ว่าเราจะไล้รับประโยชน์เปีนส่วนตัวในเรื่องเงินทอง แต่เมื่อ พี่ห้องแสดงให้เห็นความเปีนหนึ่งเดียวอันของจุดประสงค์และแบบแผนเช่น ตัวอย่างนี้ และทุกคนเอาไหล่หนุนล้อเดิน ความห่วงกังวล ความลำบากตรากดรำ และความกระวนกระวายใจของพวกเราหายเปีนปลิดทั้ง แอกของเราก็พอ เหมาะและภาระของเราก็เบา [ดู มัทธิว 11:30]”8
“ข้าพเจ้าขอพูดแทนทุกท่านอีกครั้ง เหมือนผู้เขียนสดุดีสมัยก่อน ‘ซึ่งพี่ห้อง อาศัยอยู่ล้วยอันเปีนนํ้าหนึ่งใจเดียวอันก็เปีนการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใต่ความเปีนนี้าพนึ่งใจเดียวอันเช่นนั้น ‘เหมือนนี้ามันประเสริฐอยู่บนศีรษะ ไหล อาบลงมาบนหนวดเครา บนหนวดเคราของอาโรน ไหลอาบลงมาบนคอเสื้อของ ท่านเหมือนนี้าล้างของภูเขาเฮอรัโมนซึ่งตกลงบนเทือกเขาศิโยม่ ‘เพราะว่า พระเจ้าทรงบังคับบัญชาพระพรที่ทั่นคือชีวิตจำเริญเปีนนิตย์ ความเปีนนํ้าหนึ่ง ใจเดียวอันคือพลัง [ดุ สดุดี 133:1–3]”9
เราเห็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันมากขึ้นเมื่อเราพยายามเชื่อฟ้งกฎ ของพระผู้เห็นเจ้าและเอาชนะความรู้สึกเห็นแก่ตัวและอคติของเรา
ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1840 ศาสดาเขียนถึงสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง และผู้นำฐานะปุโรหิตคนอื่นๆ ที่กำลังรับใช้งานเผยแผ่ในสหราชอาฌาจักรว่า “ข้าพเจ้าพอใจเปีนอย่างยิ่ง…ที่มืความเข้าใจเปีนอันดีระหว่างท่าน และสิทธิชนยินดีรับฟ้งคำแนะนำ และ [ต่อสู้] ด้วยกันในงานแห่งความรักนี้ และในการ ส่งเสริมความจริงและความชอบธรรม นี่คือสิ่งที่เปีนดังที่ควรเปีนในศาสนาจักร ของพระเยซูคริสต์ ความเปีนนี้าหนึ่งใจเดียวกันคือพลัง ‘ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วย กันเปีนนี้าหนึ่งใจเดียวกันก็เปีนการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใต่ [สดุดี 133:1.] ขอให้สิทธิชนของพระผู้สูงสูดปลูกฝังหลักธรรมนี้ตลอดไป และพรอันรุ่งโรจน์ ที่สูดด้องเกิดขึ้น ไม่เฉพาะกับพวกเขาแต่ละคนเท่านั้น แดกับศาสนาจักรโดย รวมด้วย—พวกเขาจะรักษาระเบียบของอาณาจักร เคารพเจ้าหน้าที่ของศาสนาจักร ท่าตามข้อเรียกร้องของศาสนาจักรด้วยความยินดีและเต็มใจ …
“ขอให้สิทธิชนจำไว้ว่าเรื่องใหญ่ขึ้นอยู่กับความพยายามของพวกเขาแต่ละ คน และพวกเขาได้รับเรียกให้เปีนผู้ร่วมงานกับเราและกับพระวิญญาณศักดสิทธ ในการดำเนินงานใหญ่ของวันเวลาสูดห้ายให้บรรลุผลสำเร็จ และเมื่อพิจารณาถึง ขอบเขต พร และเกียรติภูมิของงานนี้ ขอให้ทุกคนไม่เพียงฝังความรู้สึกเห็นแก่ตัวเท่านั้น แต่ขจัดให้หมดไปด้วย ขอให้ความรักต่อพระผู้เปีนเจ้าและมนุษยโดด เด่นและบีชัยในจิตใจทุกคน เพี่อใจเขาจะเปีนเหมือนใจของอีนิคสมัยโบราณ และเข้าใจทุกสิ่ง ทั้งปัจจุบัน อดีต และอนาคต และไม่ขาดของประทานใด ขณะรอรับการเสด็จมาของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ [ดู 1 โครินธ์ 1:7]
“งานที่เราต่างก็บีส่วนร่วมคืองานที่ไม่ธรรมดา ศัตรูที่เราด้องต่อกรด้วยเต็ม ไปด้วยเล่ห์เพทุบายและเชี่ยวชาญการประลองยุทธ เราจึงด้องพร้อมเสมอที่จะ ทุ่มเทพลังงานของเรา และความรู้สึกดีที่สูดควรจะอยู่ท่ามกลางพวกเรา และเมื่อ นั้น ด้วยความช่วยเหลือของพระผู้ทรงมหิทธิฤทธ เราจะได้รับชัยชนะครั้งแล้ว ครั้งเล่า ความรู้สึกที่ชั่วร้ายของเราจะถูกข่ม อคติของเราจะหมดไป เราจะไม่พบ ที่ว่างสำหรับความเกลียดชังในอกเรา ความชั่วจะซ่อนอยู่ในศีรษะพิกลพิการของ มัน และเราจะเปีนที่พอใจในสายตาของสวรรค์ และยอมรับเราเปีนบุตรของ พระ ผู้เปีนเจ้า
“ขอให้เราตระหนักว่าเราด้องไมดำเนินชีวิตเพี่อตัวเรา แดเพี่อพระผู้เปีนเจ้า โดยการท่าเช่นนี้ พรประเสริฐสูดจะเปีนของเราทั้งในกาลเวลาและในนิรันดร”10
“เราใคร่ขอบอกสิทธิชนที่มาที่นึ่ [นอวู] ว่าเราได้วางรากฐานสำหรับการรวม ผู้คนของพระผู้เปีนเจ้าที่นึ่แล้ว และ [เรา] คาดว่าเมื่อสิทธิชนมา พวกเขาจะอยู่ ภายใด้คำแนะนำที่พระผู้เปีนเจ้าทรงกำหนด… ที่นึ่เรากำลังพยายามคาดเอว ของเรา และกวาดล้างคนท่าชั่วให้หมดไปจากพวกเรา และเราหวังว่าเมื่อพี่น้อง จากต่างแดนมาถึง พวกเขาจะช่วยเราขยายงานดีนี้ให้ก้าวหน้า และทำให้แบบนผนอันยิ่งใหญ่นี้บรรลุผลสำเร็จ เพื่อ ‘ไซอันจะได้รับการเสริมสร้างในความชอบ ธรรม และทุกประชาชาติจะพากันมายังธงไซอัม่ เพื่อว่าในฐานะผู้คนของ พระผู้เปีนเจ้า ภายใด้การกำกับดูแลของพระองค์และเชื่อฟ้งกฎของพระองค์ เราจะเติบโตขึ้นในความชอบธรรมและความจริง เพื่อเมื่อจุดประสงค์ของพระองค์บรรลุ เราจะได้รับมรดกในบรรดาคนที่รับการชำระให้บริสุทธ”11
“เราต่างก็มีเพื่อน ญาติพี่น้อง ครอบครัวและมิตรสหาย และเราพบว่าสาย สัมพันธ์ฉันมิตร… และความเปีนพี่น้องทำให้เราผูกพันเหนียวแน่นกับมิตร สหายที่น่ารักนับพันคน เราน้อมรับศรัทธาเดียวกัน แม้ ‘ที่ได้ทรงโปรดมอบไว้ แก่ธรรมิกชน [ยูดา 1:3] เราได้รับสิทธิพิเศษของการได้ยินพระกิตติคุณอันเปีน นิจ ซึ่งมอบให้เราโดยวิญญาณแห่งการพยากรณ์ โดยการเปีดฟ้าสวรรค์ โดยของ ประทานแห่งพระวิญญาณบริสุทธ โดยการปฏิบัติของเหล่าเทพ และโดยอำนาจ ของพระผู้เปีนเจ้า…ความเห็นอกเห็นใจฉันญาติพี่น้องแผ่ซ่านไปทั่วกาย แม้ พระวรกายของพระคริสต์ ซึ่งตามคำกล่าวของเปาโลคือศาสนาจักรของพระองค์ และไม่มีส่วนใดของร่างกายบาดเจ็บโดยที่ส่วนอื่นไม่รู้สึกเจ็บ เพราะเปาโลกส่าว ว่า ถ้าอวัยวะอย่างหนึ่งได้รับความเจ็บปวด อวัยวะทั้งหมดก็พลอยเจ็บปวดไป ด้วย และถ้าอวัยวะอย่างหนึ่งชื่นชมยินดี อวัยวะทั้งหมดก็พลอยได้รับเกียรติไป ด้วย [ดู 1 โครินธ์ 12:12–27]”12
พรประเสริฐสุดทั้งทางโลกและทางวิญญาณมักหลั่งไหล มาจากความเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1841 ศาสดาโจเซฟ สมิธและที่ปรึกษาของท่านใน ฝ่ายประธานสูงสุดให้คำแนะนำสิทธิชนที่จากภูมิภาคต่างๆ ของโลกมาถึงนอวู ดังนี้ “ด้วยการระดมกำลังทำงานและความเป็นนํ้าหนึ่งใจเดียวกันเท่าทั้นที่เรา จะดำเนินงานใหญ่ของวันเวลาสุดทำยให้บรรลุผลสำเร็จได้… ขณะที่ผลประโยชน์ของเราทั้งทางโลกและทางวิญญาณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก และพรของสวรรค์ จะไหลม่าไมขาดสาย เราคิดว่าเราไม่มีข้อกังขาแต่อย่างใดในเรื่องนี้
“พรประเสริฐสุดทั้งทางโลกและทางวิญญาณที่หลั่งไหลมาจากความซื่อสัตย์ และความร่วมมือร่วมใจมิได้มาจากความพยายามหรือความกถ้าได้กถ้าเสียของ แต่ละบุคคล ประวัติศาสตร์ของทุกยุคทุกสมัยในอดีตยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว ได้เปีนอย่างดี …
“เราประสงค์จะใทํสิทธิชนเข้าใจว่า เมื่อพวกเขามาที่นึ่ พวกเขาต้องใม่คาด หวังความสมบูรณ์แบบ หรือคาดหวังว่าจะมีแต่ความปรองดอง สันติสุข และ ความรัก หากพวกเขาคถ้อยตามความคิดเหล่านี้ พวกเขาจะถูกหลอกแน่นอน เพราะที่นึ่มีคนมากมาย ไม่ใช่จากรัฐต่างๆ เท่านั้น แต่จากประเทศต่างๆ ด้วย แม้จะติดอกติดใจอุดมการณ์แห่งความจริงก็ตาม แต่ก็มีอคติต่อการศึกษา และ ด้วยเหตุนี้จึงด้องใช้เวลาทำงก่อนจะเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้ อนึ่ง มีคนมากมายที่ แฝงตัวเข้ามา และพยายามหว่านความร้าวฉาน การทะเลาะเบาะแว้ง และความ จงเกลียดจงชังท่ามกลางพวกเรา และโดยท่าเช่นนี้จึงท่าใทํความชั่วร้ายเกิดกับ สิทธิชน … ดังนั้น ขอใทํคนที่มาถึงสถานที่แห่งนี้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะรักษา พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า และไม่หมดกำลังใจเพราะสิ่งเหล่านี้ที่เรายกมา กล่าว และเมื่อนั้นพวกเขาจะรุ่งเรือง—สติปัญญาของสวรรค์จะถ่ายทอดถึงพวก เขา และในที่สุดพวกเขาจะเห็นกับตาและปลื้มปีติในผลอันสมบูรณ์ของรัศมีภาพ นั้นซึ่งสงวนไว้ให้คนชอบธรรม
“การจะสร้างพระวิหารของพระเจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในส่วน ของสิทธิชน เพื่อพวกเขาจะสร้างพระนิเวศน์ที่พระผู้ทรงมหิทธิฤทธี้จะทรง ยอมรับ และซึ่งพระเดชานุภาพและพระสิ!ของพระองค์จะเปีนที่ประจักษ์ ตังนั้นขอให้คนที่ทำไต้สละเวลา พรสวรรค์ และทรัพย์สินของเขาเพื่อความรุ่งเรือง ของอาณาจักรและเพื่อความรักที่พวกเขามีต่ออุดมการณ์แห่งความจริงอย่างอิสระ … จงร่วมมือกับเราในงานอันยิ่งใหญ่ของวันเวลาสุดทำย และมีส่วนในความ ยากลำบาก เพื่อพวกเขาจะมีส่วนในรัศมีภาพและชัยชนะในที่สุด”13
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมไต้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ
-
พิจารณาลำกล่าวของศาสดาโจเซฟ สมิธที่ว่า “ดึงให้ยาว สาวให้หนัก ชัก ลากให้พร้อมเพรียง” (หน้า 295) เกิดอะไรขึ้นเมื่อออกแรงไม่นานพอหรือ ไม่แรงพอ เกิดอะไรขึ้นเมื่อผู้คนดึงไปคนละทิศละทาง เราจะนำคำกล่าว ของศาสดามาประยุกต์ใช้ในห้านของเราและการเรียกของเราในศาสนาจักร ไต้อย่างไร
-
อ่านย่อหห้าแรกในหน์า 297 เหตุใดภาระของเราจึงเบาลงเมื่อเราทำงานต้วย กัน (ดูตัวอย่างหน์า 293-297) หลักธรรมช้อใดช่วยให้ท่านทำงานเปีนนํ้า หนึ่งใจเดียวกันกับผู้อื่นมากขึ้น
-
อ่านทวนย่อหน์าแรกในหน์า 298 อันตรายของความเห็นแก่ตัวมีอะไรห้าง เราทำอะไรไต้ห้างเพื่อขจัดความรู้สึกเห็นแก่ตัวในตัวเรา ท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อ ท่าน “ยอมให้ความรักต่อพระผู้เป็นเจ้าและมนุษย์โดดเด่น” ในใจท่าน
-
อ่านทวนย่อหน์าที่อยู่ทำยสุดของหน์า 299 ทำนไต้ประโยชน์ในทางใดห้าง จาก “สายสัมพันธ์ฉันมิตร” และ “มิตรสหายที่น่ารัก” ในวอร์ดและสาขา ของเรา วอร์ดและสาขาไต้ประโยชน์อย่างไรเมื่อ “ความเห็นอกเห็นใจฉัน ญาติพี่ห้องแผ่ซ่านไปทั่วกาย”
-
ศึกษาย่อหน้าที่อยู่ท้ยสุดของหน์า 300 ท่านคิดว่าเหตุใดจึงไมฉลาดที่จะคาด หวังความสมบูรณ์แบบในสมาชิกของวอร์ดหรือสาขาของเรา เมื่อใดที่ท่าน เห็นกลุ่มคนผู้ไม่ดึพร้อมใช้พรสวรรค์และความสามารถอันหลากหลายของ พวกเขาเพื่ออุดมการณ์เดียวกัน อะไรเปีนผลจากความเปีนนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน ดังกล่าว
ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: มัทธิว 18:19–20; ยอห์น 17:6–26; โมไซยา 18:21; 3 นีไฟ 11:29–30; ค.พ. 38:24–27; โมเสส 7:18