บทที่ 26
เอลียาห์และการฟื้นฟูกุญแจการผนึก
“พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาช่วยชีวิตคนรุ่นนี้อย่างไร พระองค์จะทรงส่งศาสดาเอลียาห้มา”
จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ
ในฤดูใบไม้ผลิป็คริสต์ศักราช 1836 หลังจากทำงานและเสียสละมาสามป็ ท้าย ที่สุดสิทธิชนชาวเคิร์ทแลนด์ทีไต์เทีนพระวิหารที่สวยงามของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นพระวิหารแห่งแรกในสมัยการประทานนี้ วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม มีคนมากกว่า 900 คนมารวมกันในห้องนมัสการและห้องด้านหม้าของ พระวิหารเพื่อร่วมพิธีอุทิศ อีกมากมายหลายคนอยู่ในห้องเรียนใกล้เคียงในภาคการ อุทิศที่มีกนล้นห้อง ส่วนกนอื่นๆ ฟังอยู่นอกพระวิหารทางหม้าต่างประตูที่เป็ดไว้ ศาสดาช่วยจัดที่นั่งให้สมาชิกที่มาร่วมประชุม
ผู้เข้าร่วมประชุมได้ฟังคำปราศรัยของซิดนีย์ ริกดันที่ปรึกษาในฝ่ายประธาน สูงสุด และร่วมกันร้องเพลง “จงมาร่าเริงยินดี” กับ “แอดัม-ออนได-อามัน” ประพันธ์โดยวิลเลียม ดับเบิลยู. เฟลพ์ส จากนั้นโจเซฟ สมิธลุกขึ้นกล่าวคำสวด อุทิศ ซึ่งท่านได้รับโดยการเป็ดเผย ในคำสวดอัอนวอนท่านพูดถึงพรอันน่าอัศจรรย์มากมายที่ประทานแก่ผู้เข้าพระวิหารของพระผู้เป็นเว้าอย่างมีค่าควร (ดู ค.พ. 109) คณะมักร้องประสานเสียงร้องเพลง “พระวิญญาณพระเว้า” ต่อจาก นั้นผู้เข้าร่วมประชุมลุกขึ้นยืนและโห่ร้องโฮชันนา “ด้วยพลังแรงกล้าจนเกือบจะ ทำให้หอังคาปลิวออกจากอาคาร”1
“ขอทรงให้พระนิเว้้กน์ของพระอง้้ก์เต็ม” ศาสดากล่าวในคกำสวดอุทิศ “ดังด้วยลมอันมีพลังแรง ด้วยรัศมีภาพของพระองค์” (ค.พ. 109:37) สิ่งนี้บังเกิด สัมฤทธิผลโดยครบล้วน เพราะสิทธิชนจำนวนมากเป็นพยานว่าทูตสวรรก้อยู่ที่ นั่นระหว่างพิธีอุทิศ อีไลซา อาร์. สโนว์จำได้ว่า “พิธีอุทิศครั้งนั้นอาจน่ามาบอก เล่าได้อีก แค่ไม่มีภาษาใดของมนุษย์บรรยายปรากฎการณ์จากสวรรค์ของวันอัน น่าจดจำนั้นได้ เหล่าเทพปรากฎต่อคนบางคน ในขณะที่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคน รู้สึกได้ถึงการประทับของเบื้องบน และใจทุกดวงเต็มตื้นด้วย ‘ความป็ติยินดี เป็นล้นพ้นเหลือที่จะกล่าวได้’ [ดู 1 เปโตร 1:8]”2
เย็นวันนั้น ขณะที่ศาสดาอยู่กับผู้ดำรงฐานะปุโรหิตประมาณ 400 คนในพระวิหาร “พวกท่านได้ยินเสียงเหมือนเสียงลมพัดกรรโชกดังทั่วพระวิหาร และทุก คนในที่ประชุมลุกขึ้นพร้อมกันเพราะได้รับการกระตุ้นจากพลังอำนาจที่มองไม่เห็น” ตามที่ศาสดากล่าว “หลายคนเริ่มพูดภาษาแปลกๆ และพยากรณ์ คนอื่นๆ เห็นภาพปรากฎอันรุ่งโรจน์ และข้าพเจ้าเห็นพระวิหารเต็มไปด้วยเหล่าเทพ ซึ่งข้าพเจ้าประกาศความจริงนี้ให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบ”3
ณ การประชุมหนึ่งซึ่งจัดในพระวิหารสัปดาห์ต่อมา ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน เกิดปรากฎการณ์ที่มืความสำคัญเป็นพิเศษ หลังจากศาสดาช่วยผู้นำ ศาสนาจักรท่านอื่นปฏิบัติศีลระลึก ท่านกับออลิเวอร์ คาวเดอรีปลึกตัวไปยัง แท่นพูดหลังม่านที่ปล่อยชายลงมาและคุกเข่าสวดอ้อนวอนอย่างจริงจัง เมื่อลุก จากการสวดอ้อนวอน พระผู้ช่วยให้รอดทรงปรากฎพระองค์ต่อพวกท่านและ ประกาศยอมรับพระวิหาร “ดูเถิด เรายอมรับบัานแห่งนี้ และนามของเราจะอยู่ ที่นึ่ และเราจะแสดงตัวให้ปรากฎแก่ผู้คนของเราในความเมตตาในบ้านแห่งนี้” (ค.พ. 110:7)
หลังจากภาพปรากฎตังกล่าวสิ้นสุด โจเซฟกับออลิเวอร์เห็นภาพปรากฎต่าง หากอีกสามภาพซึ่งในภาพเหล่านั้นศาสดาสมัยโบราณมาปรากฎต่อพวกท่าน เพื่อฟื้นฟูกุญแจฐานะปุโรหิตอันจำเป็นต่องานยุคสุดกัายของพระเจ้า ศาสดา โมเสสมาปรากฎและมอบ “กุญแจของการรวมอิสราเอลจากสี่ทิศของแผ่นดิน โลก” ให้พวกท่าน และอิไลอัสมา “มอบหมายการประทานพระกิตติคุณสมัย เอบราแฮม” (ค.พ. 110:11–12)
จากนั้นในภาพอันรุ่งโรจน์อีกภาพหนึ่ง โจเซฟกับออลิเวอร์เห็นศาสดาเอลึยาห์ (ดู ค.พ. 110:13–16) การมาของเอลียาห์มืความสำคัญมากถึงขนาดมาลาศี ศาสดาสมัยโบราณพยากรณ์ไว้เมื่อหลายร้อยศตวรรษก่อน และพระผู้ช่วยให้ รอดตรัสอกําพยากรณ์นี้กับชาวนีไฟซํ้าอีกครั้ง (ดู มาลาคี 4:5–6; 3 นีไฟ 25: 5–6; 26:1–2) เอลียาห้มามอบกุญแจแห่งการผนึกให้โจเซฟและออลิเวอร์—พลังอำนาจที่จะผูกมัดและทำให้พิธีการทั้งหมดที่ประกอบบนแผ่นดินโลกมืผล ในสวรรค์ การฟื้นฟูอำนาจการผนึกจำเป็นต่อการเตรียมโลกให้พร้อมรับการเสด็จ มาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด เพราะหากไม่มีอำนาจดังกล่าว “ทั้งแผ่นดิน โลกก็จะถูกทำลายสิ้นในการเสด็จมาของพระองค์” (ใจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:39)
คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ
มาลาคีศาสดาสมัยโบราณบอกล่วงหน้าถึงการมาของเอลียาห์
ศาสดาโจเซฟ สนิธกล่าวเกี่ยวกับการเยือนของโมโรไนในค่ำวันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1823 ดังบันทึกไว้ในโจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:36–39 ความว่า “[โมโรไน] เริ่มอ้างถึงกําพยากรณ์ของพระกริสต์ธรรมเดิม ทีแรกท่านอ้างถึงตอน หนึ่งของบทที่สามของมาละไค และท่านอ้างถึงบทที่สี่หรือบทสุดท้ายของคกํา พยากรณ์เดียวกันด้วย แห้ว่าเพี้ยนไปเล็กห้อยจากที่มีอยู่ในไบเบิลของเรา แทนที่ จะอ้างถึงข้อแรกดังที่มีอยู่ในหนังสือของเรา ท่านอ้างถึงมันดังนี้
“เพราะดูเถิดวันมาถึงที่จะเผาไหม้ดังเตา และคนจองหองทั้งหมด แท้จริง แล้ว และคนทั้งหมดที่ทำชั่วจะไหม้ดังโคนต้นข้าว เพราะพวกเขาที่มาจะเผา พวกนั้น จอมโยธาตรัส จนบันจะไม่เหลือทั้งรากหรือกิ่งม้านไวัให้เขา
“และอนึ่ง ท่านอ้างถึงข้อที่ห้าดังนี้: ดูเถิด เราจะเป็ดเผยฐานะปุโรหิตแก่เจ้า โดยมือของอิไลจะศาสดา ก่อนการมาของวัอันยิ่งใหญ่และน่าพรั่นพรึงของ พระเจ้า
“ท่านอ้างถึงข้อต่อไปอย่างแตกต่างกันด้วย: และเขาจะปลูกสัญญาที่ทำกับ บรรพบุรุษไว้ในจของลูกหลาน และใจของลูกหลานจะห้นไปหาบรรพบุรุษของ เขา หากไม่เป็นเช่นนั้น ทั้งแผ่นดินโถูกก็จะลูกทำลายสิ้นในการเสด็จมาของ พระองค์”4
เอลียาห์ปรากฏต่อโจเซฟ สมิธและออลิเวอร์ คาวเดอรี ในพระวิหารเคิร์ทแลนด์
โจเซฟ สมิธพูดถึงการปรากฏของเอลืยาห์ศาสดาสมัยโบราฌต่อท่านและออลิเวอร์ คาวเดอรืเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1836 ในพระวิหารเคิร์ทแลนด์ ซึ่งต่อมาบันทึกไฺวู้้ใน คำสอนและพันธสัญญา 110:13–16 ดังนี้ “ภาพที่ยิ่งใหญ่ และรุ่งโรจน์อีกภาพหนึ่งมาประจักษ์แก่เรา เพราะอิไลจะศาสดาผู้ถูกรับไปสวรรค์ โดยไม่ชิมรสความตายยืนอยู่ต่อหห้าเราและกล่าว
“ดูเถิด เวลามาถึงเต็มที่แล้ว ซึ่งพูดไฺวู้้โดยปากของมาละไค—โดยให้ถ้อยคำ ว่า ท่าน (อิไลจะ) จะถูกส่งมาก่อนวันอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของพระเจ้าจะมา—เพื่อหันใจของบรรพบุรุษมาหาลูกหลานและลูกหลานไปหาบรรพบุรุษ เกลือกทั้งแผ่นดินโลกก็จะถูกลงทัณฑ์ด้วยการสาปแช่ง—ฉะนั้น จึงมอบ หมายกุญแจของสมัยการประทานนี้ไวัในมือของท่าน และโดยการนี้ท่านจะรู้ว่า วันอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวของพระเจ้าอยู่ใกล้ แห้ที่ประดู”5
เอลียาห์ฟื้นฟูกุญแจการผนึก—พลังและสิทธิอำนาจ ที่จะผูกมัดพิธีการทั้งหมดที่ประกอบบนแผ่นดินโลกไว้ในสวรรค์
“ ‘เราจะส่งเอลืยาห้ผู้เผยพระวจนะมายังเจ้าก่อนวันแห่งพระเจ้า คือวันที่ใหญ่ ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวมาถึง’ เป็นด้น [ดู มาลาคี 4:5] เหตุใดจึงส่งเอลียาห์มา เพราะท่านถือกุญแจแห่งสิทธิอำนาจในการปฏิบัติพิธีการทุกอย่างของฐานะปุโรหิต และ [เว้นแต่] จะประทานสิทธิอำนาจนี้ หาไม่แล้วจะปฏิบัติพิธีการใน ความชอบธรรมไม่ได้”6
ศาสดาโจเซฟ สมิธกล่าวในจดหมายที่เขียนถึงสิทธิชน ซึ่งต่อมาน้นทึกไวัใน คำสอนและพันธสัญญา 128:8–11 ดังนี้ “สาระของพิธีการนี้ [น้พติศมาแทน คนตาย] รวมอยู่ในอำนาจฐานะปุโรหิต โดยการเป็ดเผยของพระเยซูคริสต์ ซึ่ง ในนั้นประทานว่าอะไรก็ตามที่ท่านผูกบนแผ่นดินโลกจะถูกผูกในสวรรค์ และ อะไรก็ตามที่ท่านปล่อยบนแผ่นดินโลกจะถูกปล่อยในสวรรค์ …
“กับบางคนดูจะเป็นคำสอนที่อาจหาญมากที่พวกเราพูดถึง—อำนาจซึ่งบันทึกหรือผูกบนแผ่นดินโลกและผูกในสวรรค์ กระนั้นในทุกยุคของโลก เมื่อใดก็ ตามที่พระเจ้าทรงให้สมัยการประทานฐานะปุโรหิตแก่คนใดโดยการเป็ดเผยจริงๆ หรือกลุ่มคนใด ก็ยังมือำนาจนี้ให้เสมอ เหตุนี้อะไรก็ตามที่คนเหล่านั้นทำไปใน อำนาจ ในพระนามของพระเจ้า และทำมันนั้นโดยแท้จริงและซื่อสัตย์ และ รักษาบันทึกเดียวอันไว้อย่างถูกด้องและซื่อสัตย์ มันกลับเป็นกฎบนแผ่นดินโลก และในสวรรค์ และลบล้างไม่ได้ตามประกาศิตของพระจึโฮวาผู้ยิ่งใหญ่ นี่เป็นคำ กล่าวที่ซึ่อสัตย์ ใครเล่าจะได้ยินมันได้?
“และอนึ่ง มัทธิว 16:18, 19 เป็นตัวอย่าง: และเรากล่าวกับเจ้าด้วยว่า เจ้า คือป็เตอร้ และบนศิลานี้เราจะสร้างศาสนาจักรของเรา และประตูนรกจะไม่ชนะมัน และเราจะให้กุญแจของอาฌาจักรสวรรค์แก่เจ้า: และอะไรก็ตามที่เจ้าจะผูก บนแผ่นดินโลกจะถูกผูกในสวรรค์ และอะไรก็ตามที่เจ้าปล่อยบนแผ่นดินโลก จะถูกปล่อยในสวรรค์
“บัดนี้ ความลับยิ่งใหญ่และสำคัญของทั้งเรื่อง และความวิเศษสุดของทั้ง เรื่องที่วางอยู่ต่อหน้าพวกเรารวมอยู่ในการได้รับอำนาจฐานะปุโรหิตอันศักดี้สิทธี้ สำหรับคนที่มีกุญแจเหล่านี้ให้ ไม่มีความลำบากในการได้รับความรู้แห่งความ จริงเกี่ยวกับความรอดของลูกหลานมนุษย์ เช่นเดียวกันทั้งสำหรับคนตายและ สำหรับคนเป็น”7
โดยผ่านอำนาจการผนึก ครอบครัวจะได้ผนึกเพื่อกาลเวลาและ ชั่วนิรันดร์ และสามารถประกอบพิธีการศักดิ์สิทธิ์แทนคนตาย
“วิญญาณ พลังอำนาจ และการเรียกของเอลียาห์คือ เจ้ามีอำนาจถือกุญแจ แห่งการเป็ดเผย พิธีการ พระวจนะ พลังอำนาจ และเอ็นดาวเน้นท์ของความ บริบูรณ์แห่งฐานะปุโรหิตแห่งเมีลคิเซเด็คและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่น ดินโลก อีกทั้งได้รับ ได้มา และประกอบพิธีการทุกอย่างที่เป็นของอาณาจักร ของพระผู้เป็นเจ้า แน้ไปสู่การหันใจบรรพบุรุษมาหาลูกหลานและห้นใจลูกหลาน ไปหาบรรพบุรุษ แน้คนที่อยู่ในสวรรค์
“มาลาคืกล่าวดังนี้ ‘เราจะส่งเอลียาห์ผู้เผยพระวจนะมายังเจ้าก่อนวันแห่ง พระเจ้า คือวันที่ใหญ่ยิ่งและน่าสะพรึงกลัวมาถึง และห่านผู้นั้นจะกระทำให้ จิตใจของพ่อหันไปหาลูก และจิตใจของลูกหันไปหาพ่อ หาไม่ เราจะมาโจมดี แผ่นดินนั้นด้วยอำสาปแช่ง’ [มาลาคี 4:5–6]
“บัดนี้ สิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาคือความรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้า และข้าพเจ้าทำไป ตามความคิดเห็นของตนเองเพื่อให้ได้ความรู้นั้น จากพระคัมภีร์ข้อนี้เราด้องเข้า ใจอะไรในวันเวลาสุดท้าย
“ในสมัยของโนอา พระผู้เป็นเจ้าทรงทำลายโลกด้วยน้ำท่วม และพระองค์ ทรงสัญญาว่าจะทำลายโลกด้วยไฟในวันเวลาสุดท้าย แค่ก่อนจะเกิดเหตุการณ์นี้ เอลียาห์ควรมาก่อนและหันใจบรรพบุรุษมาหาลูกหลาน เป็นด้น
“ตอนนี้ก็มาถึงประเด็นที่ว่า หน้าที่นี้และงานของเอลียาห์คืออะไร นี่เป็นเรื่อง ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็ดเผย พระองค์จะทรง ส่งเอลียาห์มาผนึกลูกหลานกับบรรพบุรุษ และผนึกบรรพบุรุษคับลูกหลาน
“งานนี้จำกัดให้เฉพาะคนเป็นแก้ไขความยุ่งยากอันเกิดแก่ครอบครัวบนแผ่น ดินโลกเท่านั้นหรือ แน่นอนว่าไม่ งานนี้ใหญ่กว่านั้นมาก เอสียาห์! ท่านจะทำ อะไรถ้าท่านอยู่ที่นี่ ท่านจะจำกัดงานของท่านให้คนเป็นเท่านั้นหรือเปล่าเลย ข้าพเจ้าอยากให้ท่านดูในพระคัมภีร์ซึ่งบอกเรื่องนี้ไว้ชัดเจน นั่นคือ หากไม่มี พวกเรา พวกเขาจะถูกทำให้ดีพร้อมไม่ได้ และเราจะดีพร้อมไม่ได้หากไม่มีพวก เขา บรรพบุรุษดีพร้อมไม่ได้หากไม่มีลูกหลาน และลูกหลานดีพร้อมไม่ได้หาก ไม่มีบรรพบุรุษ [ดู ฮีบรู 11:40]
“ข้าพเจ้าประสงค์จะให้ท่านเข้าใจเรื่องนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องสำคัญ และหาก ท่านจะรับเรื่องนี้ นี่คือวิญญาณของเอลียาห์ เราไถ่คนตายของเรา เชื่อมโยงตัว เรากับบรรพบุรุษซึ่งอยู่ในสวรรค์ ผนึกคนตายของเราเพื่อจะออกมาในการฟืนคืน ชีวิตแรก และที่นี่เราด้องการอำนาจของเอลียาห์เพื่อผนึกคนที่อยู่บนแผ่นดิน โลกกับคนที่อยู่ในสวรรค์ นี่คืออำนาจของเอลียาห์และกุญแจแห่งอาณาจักรของ พระเยโฮวาห์ …
“อนึ่ง: หลักคำสอนหรืออำนาจการผนึกของเอลียาห์เป็นดังนี้—ถ้าท่านมีอำนาจที่จะผนึกบนแผ่นดินโลกและในสวรรค์แล้วละก็ เราควรจะฉลาด สิ่งแรก ที่ท่านทำคือ ไปและผนึกบุตรธิดากับท่านบนแผ่นดินโลก และผนึกตัวท่านกับ บรรพบุรุษของท่านในรัศมีภาพนิรันดร”8
การมาของเอลียาห์เป็นการเตรียมที่จำเป็นต่อการเสด็จมา ครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด
“ใจของลูกหลานมนุษย์จำต้องหันไปหาบรรพบุรุษ และใจของบรรพบุรุษจำ ต้องหันมาหาลูกหลาน คนเป็นหรือคนตาย เพื่อเตรียมพวกเขาใหัพร้อมรับการ เสด็จมาของบุตรมนุษย์ หากเอลียาห์ไม่มา ทั้งแผ่นดินโลกจะถูกลงทัณฑ์”9
“อิไลอัสคือผู้มาเตรียมทางล่วงหน้า วิญญาณและอำนาจของเอลียาห์ตามมา หลังจากนั้น โดยถือกุญแจแห่งอำนาจ สร้างพระวิหารถึงศิลายอด วางตราผนึก ของฐานะปุโรหิตแห่งเมีลคิเซเด็คไวับนวงศ์วานอิสราเอล และเตรียมการทุกอย่าง ให้พร้อม จากนั้นพระมาไซยาจะเสด็จมาที่พระวิหารของพระองค์ ซึ่งคือสุดห้าย ของทั้งหมด … เอลียาห์ต้องมาเตรียมทางและเสริมสร้างอาณาจักรก่อนการมา ถึงของวันอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า”10
“โลกจะถูกเผาไหน้ในวันเวลาสุดห้าย พระองค์จะทรงส่งศาสดาเอลียาห์มา และท่านจะเป็ดเผยพันธสัญญาของบรรพบุรุษเกี่ยวกับลูกหลานและพันธสัญญา ของลูกหลานเกี่ยวกับบรรพบุรุษ”11
“พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาช่วยชีวิตคนรุ่นนี้อย่างไร พระองค์จะทรงส่งศาสดา เอลียาห์มา … เอลียาห์จะเป็ดเผยพันธสัญญาเพื่อผนึกใจของบรรพบุรุษกับลูก หลาน และลูกหลานกับบรรพบุรุษ”12
ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเดิมไต้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ
-
เมื่อพระผู้ช่วยให้รอดทรงปรากฎในพระวิหารเศิร์ทแลนด์ พระองค์รับสั่งกับ โจเซฟ สมิธและออลิเวอร์ คาวเดอรีว่า “เราจะแสดงตัวให้ปรากฎแก่ผู้คน ของเราในความเมตตาในน้านแห่งนี้” (หน้า 332) การฟื้นฟูกุญแจการผนึก เป็นการแสดงพระเมตตาของพระเจ้าอย่างไร พระองค์ทรงแสดงองค์ให้ ประจักษในพระวิหารด้วยวิธีใดอีกบ้าง
-
ศึกษาย่อหน้าที่สามและสี่ในหน้า 333 สองย่อหน้านี้สอนอะไรเกี่ยวกับฟันธกิจของเอลียาห์ที่เราไม่ได้เรียนรู้จากมาลาคี 4:5–6 ความแตกต่างเหล่านี้มี ความสำคัญอย่างไร
-
ศึกษาคำอธิบายเกี่ยวกับอำนาจการผนึกในหห้า 334–335 อำนาจการผนึกคือ อะไร เหตุใดอำนาจดังกล่าวจึงสำคัญต่อท่านและครอบครัว
-
อ่านคำอธิบายของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับงานของเอลียาห์ (หน้า 335–337) วิญญาณของเอลียาห์อีออะไร เหตุใดจึงสำคัญที่เอลียาห์ด้องมาและทำให้งาน ของท่านในยุคสุดห้ายนี้บังเกิดสัมฤทธิผล
-
ท่านเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างเกี่ยวกับการที่ท่านได้ห้นใจไปหาสมาชิก ครอบครัวที่สิ้นชีวิตแล้ว บิดามารดาทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยบุตรหลานหันใจ ไปหาบรรพชนของพวกเขา
-
อ่านย่อหน้าแรกของหม้า 334 และย่อหห้าที่สองในหห้า 337 ท่านคิดว่าเหตุ ใดแผ่นดินโลกจึงจะ “ถูกลงทัณฑ์ด้วยการสาปแช่ง” หากไม่มีอำนาจการผนึก
ข้อพระคัมภีร์ทีเกี่ยวข้อง: ฮีลามัน 10:4–10; ค.พ. 132:45–46; 138:47–48; Bible Dictionary “Elijah” หน้า 664