บทที่ 30
กล้าหาญเยี่ยงอัศวิน ในอุดมการณ์ของพระคริสต์
“ข้าพเจ้าเปีนคนรักอุดมการณ์ของพระคริสต์”
จากชีวิตฃองโจเซฟ สมิธ
ในเดือนตุลาคม คริสต์ศักราช 1838 ความขัดแย้งระหว่างสิทธิชนที่อยู่ทาง ภาคเหนือของมิสซูรีกับกลุ่มคนร้ายและทหารบ้านในท้องที่มาถึงจุดวิกฤต วันที่ 27 ของเดือนนั้น ลิลเบิร์น ดับเบิลยู. บ็อกส์ผู้ว่าการรัฐมิสซูรีออกคำสั่งที่น่า อับอายถึงผู้บัญชาการทหารบ้านประจำรัฐดังนี้ “ชาวมอรมอนต์องได้รับการปฏิบัติเยี่ยงศัตรู และ ต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก หรือถูกไล่ออกจากรัฐหากจำเปีนเพื่อ ประโยชน์ของสาธารณชน การกระทำของพวกเขารุนแรงจนสุดจะพรรณนา”1 สามวันต่อมา ทหารบ้านติดอาวุธกลุ่มหนึ่งตั้งค่ายอยู่ใกล้เนืองฟาร์เวสต์ มิสซู่รี ซึ่งเปีนที่ตั้งศูนย้ใหญ่ของศาสนาจักร และเตรียมโจมตีเมือง
โดยที่เปีนห่วงความปลอดภัยของสิทธิชนยุคสุดท้ายอย่างมาก โจเซฟ สมิธ และผู้นำท่านอื่นๆ ของศาสนาจักรจึงตกลงพบกับเจ้าหบ้าที่ทหารบ้านซึ่งอยู่ นอกเนืองในวันที่ 31 ตุลาคมเพื่อเจรจาสันติภาพ แต่พอพวกท่านเข้าไปใกล้ ค่ายของทหารบ้าน ศาสดาและเพื่อนร่วมทางถูกจับกุมทันที จากนั้นก็ถูกกุมตัว เข้าไปในค่ายซึ่งพวกท่านด้องนอนอยู่บนพื้นเย็นเฉียบตลอดคืนในพายุฝนที่หนาว จัดขณะผู้คุมตะโกนด่าพวกท่าน เมื่อเจ้าหบ้าที่ตัดสินใจพานักโทษไป เมืองอินติเพนเดนซ์ รัฐมิสซู่รี โจเซฟกับเพื่อนร่วมทางจึงขออนุญาตพบครอบครัว
“ข้าพเจ้าเห็นภรรยากับลูกๆ ร้องไบ้” ศาสดาเขียน “พวกเขาคิดว่าเราถูก พวกที่สาบานจะปลิดชีวิตเรายิงทิ้งเสียแล้วและพวกเขาจะไม่ได้พบเราอีก… ใครเลยจะรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ข้าพเจ้าประสบในเวลานั้น ด้องพลัดพรากจากคู่ชีวิต และทิ้งเธอไว้ท่ามกลางอสูรร้ายในคราบมนุษย์ และลูกๆ ของข้าพเจ้าด้วยโดยไม่ ทราบว่าจะจัดหาสิ่งที่พวกเขาขาดแคลนได้อย่างไร ส่วนข้าพเจ้าด้องถูกพรากไป ไกลทั้งนี้เพื่อศัตรูจะทำลายข้าพเจ้าได้เมื่อพวกเขาเห็นควรจะทำเช่นนั้น คู่ชีวิต ของข้าพเจ้าร้องไห้ ลูกๆ เกาะข้าพเจ้าแน่น จนพวกเขาถูกผู้คุมใช้ดาบดันออก ห่างจากตัวข้าพเจ้า”2
หลังจากถูกกักตัวระยะสั้นในอินดิเพนเดนซ์ ศาสดาและผู้นำศาสนาจักรอีก หลายท่านถูกพาไปที่เมืองริชมอนด์ รัฐมิสซู่รี ถูกกักบริเวณให้อยู่ในบ้านไห้ซุง เก่าๆ หลังหนึ่ง ถูกก่ามโซ่ติดกัน และมีผู้คุมหลายคนเฟัาลูอยู่ ศาสดาถูกจอง จำในเมืองริชมอนด์นานประมาณสามสัปดาห์ก่อนย้ายไปอยู่ในคุกที่เมืองลิเบอร์ตึ้ รัฐมิสซุรี แม้สถานการณ์จะรุนแรง แต่ศาสดาก็ยังเขียนจดหมายถึงเอ็มมา หลังจากมาถึงเมืองริชมอนต์ได้ไม่นาน “พวกเราเป็นนักโทษที่ถูกตีตรวนและมี ผู้คุมเข็งแรงเฝืาอยู่หลายคน เพื่อเห็นแก่พระคริสต์ไม่ใช่เพื่ออุดมการณ์อื่น … บราเดอร์ [จอร์จ ตับเบิลยู.] รอบินสันถูกดีดรวนติดกับผม เขามีจิตใจเด็ดเดี่ยว และเจตนารมณ์แน่วแน่ กัดไปคือบราเดอร์ [ไสมัน] ไวท์ กัดไปอีกคือบราเดอร์ [ซิดนีย์] ริกตัน ไฮรัม [สบิธ] พาร์ลีย์ [พี. แพรทท] อมาซา [ไสมัน] เราถูก ดีดรวนติดกันเช่นเดียวกับความผูกพันในสายใยแห่งความรักอันเป็นนิจ เรามีกำลังใจดีและปลื้มปีติที่ถูกนับว่ามืค่าควรแก่การถูกข่มเหงเพื่อเห็นแก่พระคริสต์”3
ในช่วงกลางคืนที่หนาวเย็นและน่าเบื่อคืนหนึ่ง ทุกคนนอนอยู่บนพื้นจนเลย เที่ยงคืน นอนไม่หลับเพราะผู้คุมคุยโตเรื่องการโจมดีสิทธิชนในระยะนี้ รวมถึง การปล้น การข่มขืน และฆาตกรรม เอ็ลเดอร์พาร์ลีย์ พี. แพรทท์เล่าว่า “ข้าพเจ้าฟ้งจนรู้สึกสะอิดสะเอียน ตกใจ ขนพองสยองเกล้า และเต็มไปด้วยวิญญาณ ของความโกรธแค้นถึงขนาดอดกลั้นไม่อยู่จนด้องลุกขึ้นต่อว่าผู้คุม แต่โจเซฟ ไม่พูดอะไรเลย ไมม่มีใครพูด แห้ข้าพเจ้าจะนอนติดกับท่านและรู้ว่าท่านตื่นอยู่ แต่จู่ๆ ท่านก็พรวดพราดถูกขึ้นและพูดเสียงตังกึกก้องราวสิงโตคำราม เท่าที่ ข้าพเจ้าจำได้ท่านพูดตังนี้
“‘เงียบ… ในพระนามของพระเยซูคริสต์ผมตำหนิพวกคุณ และสั่งให้พวก คุณเงียบ ผมจะไม่ทนพีงคำพูดพวกนั้นอีกแม้แต่นาทีเดียว หยุดพูดซะ ล้าไม่อย่างนั้น ไม่คุณก็ผมนั่นแหละที่ด้องตาย เดี๋ยวนี้”
“ท่านหยุดพูด ยืนตัวตรง ท่าทางสง่าน่าเกรงขาม ท่านถูกดีตรวน ไม่มีอาวุธ นิ่งสงบ ไม่สะทกสะท้าน และมีสง่าราศรีประดุจเทพ ท่านมองหน้าผู้คุมที่กลัว จนลาน พวกเขาลดอาวุธลง ไม่ก็วางบนพื้น หัวเข่าชนกันอย่างแรง ถอยเข้าไป หลบมุม หรือไม่ก็หมอบอยู่แทบเท้าท่าน ขอโทษท่าน และไม่ปริปากพูดจนถึง เวลาเปลี่ยนเวรยาม”4
คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ
อัศวินทำทุกอย่างที่ทำได้ด้วยความร่าเริง แม้ในช่วงเวลาของความทุกข์ยาก
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1839 เมื่อสิทธิชนเริ่มงานยากของการสร้างเมืองนอวู อิลลินอยส์ ศาสดาเขียนจดหมายถึงสมาชิกศาสนาจักรในเคิร้ทแลนด์ โอไยโอ ดังนี้ “เกี่ยวกับสถานการณ์ของศาสนาจักรที่นี่ เหตุการณ์ต่างๆ เป็มไปตามคาด … มีครอบครัวจำนวนหนึ่งมารวมกันที่นี่แล้ว และเราคาดว่าจะมีมาอีก โดย เฉพาะอย่างยิ่งจากการสำรวจเราพบว่าเราไม่มีอัตราความเจ็บป่วยมากกว่า [ปกติ] ทั้งที่เราเผชิญการทดลองและต้องตกระกำลำบาก เราหวังว่าต้วยพระเมตตาและ อำนาจของพระผู้เป็นเจ้า เราจะยืนหยัดต่อไปไต้ในงานดีและมีประโยชน์ทุกอย่าง แม้จนถึงที่สุด เผื่อว่าเมื่อเราต้องถูกชั่งในตราชู เราจะไม่ขาดตกบกพร่อง”5
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1842 ศาสดาเขียนจดหมายถึงศาสนาจักรซึ่งต่อมา บันทึกไว้ในคำสอนและพันธสัญญา 128:19, 22 ดังนี้ “บัดนี้พวกเราไต้ยิน อะไรในพระกิตติคุณซึ่งเราไต้รับเล่า? เสียงแห่งความยินดี! เสียงแห่งความเมตตาจากสวรรค์ และเสียงแห่งความจริงออกจากแผ่นดินโลก ข่าวกันน่าชื่นชม สำหรับคนตาย เสียงแห่งความสุขสำหรับคนเป็นและคนตาย ข่าวกันน่าชื่นชม แห่งความสุขอันใหญ่ยิ่ง … พี่น์อง เราจะไม่ไปต่อไปในอุดมการณ์ยิ่งใหญ่เช่น นั้นหรือ? จงก้าวหน์าและไม่ถอยกลับ ความกล้า พี่น้องและต่อไป ต่อไปถึง ชัยชนะ! ให้ใจของท่านชื่นชมและยินดีอย่างยิ่ง”6
ศาสดากล่าวเกี่ยวกับความก้าวหน้าของศาสนาจักรในปี ค.ศ. 1831 ดังนี้ “เป็นที่ประจักษ์ชัดเจนว่าพระเจ้าประทานอำนาจให้เราตามสัดส่วนของงานที่ทำ ประทานพลังตามเล้นทางที่กำหนดไล้ตรงหน้าเรา ประทานพระคุณและความ ช่วยเหลือตามความต้องการของเรา”7
อัศวินรักอุดมการณ์ของพระคริสต์และพยายามพัฒนาอุณสมบัติเหมือนพระคริสต์
“ข้าพเจ้าเป็นคนรักอุดมการณ์ของพระคริสต์ รักคุณธรรม ความบริสุทธี้ ระเบียบแบบแผนที่ตรงไปตรงมาและเชื่อถือไต้ของความประพฤติ และการ ดำเนินชีวิตที่บริสุทธี้”8
“ข้าพเจ้าเชื่อในการดำเนินชีวิตที่มีคุณธรรม ตรงไปตรงมา และบริสุทธี้ต่อ พระพักตร์พระผู้เปีนเจ้าและรู้สึกว่าข้าพเจ้ามีหน้าที่ชักชวนทุกคนที่อยู่ในอำนาจ ของข้าพเจ้าให้ทำแบบเดียวกัน เพื่อพวกเขาจะหยุดทำความชั่ว เรียนรู้ที่จะทำ ความดี และเลิกทำบาปด้วยการทำความชอบธรรม”9
“การเสริมสร้างศรัทธาของเราโดยเพิ่มคุณสมบัติอันดีทุกอย่างที่ตกแต่งลูก หลานของพระเยซูทำให้สามารถเราสวดอ้อนวอนได้ในเวลาที่ด้องสวดอ้อนวอน สามารถรักเพื่อนน้านเหมือนรักตนเอง และซื่อสัตย์ในความยากลำบากโดยรู้ว่า รางวัลของคนเช่นนั้นยิ่งใหญ่กว่าในอาณาจักรสวรรค์ ช่างเป็นการปลอบประโลม อย่างยิ่ง! ช่างเปีนความปีติยินดีอย่างยิ่ง! ขอให้ข้าพเจ้ามีชีวิตแบบคนชอบธรรม และขอให้รางวัลของข้าพเจ้าเหมือนของเขา!
“…ความชอบธรรมด้องเป็นเปัาหมายของสิทธิชนในทุกเรื่อง และเมื่อจัด พิมพ์ [พระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา] พวกเขาจะเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงคาด หวังจากพวกเขามากมายหลายเรื่อง จงทำความดีและความชอบธรรมโดยเห็น แก่รัศมีภาพของพระผู้เปีนเจ้าแต่อย่างเดียวและท่านจะเก็บเกี่ยวรางวัลเมื่อพระเจ้าทรงชดเชยให้ทุกคนตามงานของเขา…ในพระนามของพระเยซูคริสต์เรา ขอให้ท่านดำรงตนคู่ควรแก่พรที่จะตามมาหลังจากความยากลำบากมาก เพื่อให้ จิตวิญญาณของคนที่ซื่อสัตย์จนถึงที่สุดพอใจอย่างเต็มที่”10
“นับจากนี้ไป ขอให้ความจริงและความชอบธรรมบังเกิดผลและมีมากมาย ในตัวท่าน จงควบคุมตนเองในทุกเรื่อง ละเว้นจากความมีนเมา จากการสาบาน จากภาษาหยาบคายทั้งหมด และจากทุกสิ่งที่ไม่ชอบธรรมหรือไม่บริสุทธี้ จาก ความอาฆาตแค้น ความเกลียดชัง และความโลภด้วย จากความปรารถนาที่ไม่บริสุทธี้ทุกอย่าง จงซื่อสัตย์ต่อกัน เพราะดูเหมือนว่าจะมีบางคนขาดสิ่งเหล่านี้ และบางคนไม่มีความใจบุญ และแสดงความละโมบออกมา … พระผู้เปีนเจ้า ทรงเกลียดชังนิสัยเช่นนั้น—และพวกเขาจะมีความเศร้าโศกอยู่พักหนึ่งขณะ หมุนอ้อใหญ่ เพราะบันกลิ้งและไม่มีใครขวางได้ ไซอันจะยังอยู่ แม้จะลูเหมือน ตายก็ตาม”11
“ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งซึ่งปรารถนาความรอดของมนุษย์อย่างมาก ข้าพเจ้า ขอเตือนทุกท่านให้แสวงหาคุณธรรม ความบริสุทธิ้ และพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยความกระตือรีอร้นอย่างที่ชอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้า จงเป็นคนดี ฉลาด ยุติธรรม และใจกว้าง เหนือสิ่งอื่นใดคือจงเปีนคนใจบุญ เต็มไปด้วยงานดีอยู่ เสมอ และขอให้ความสมบูรณ์แข็งแรง สันติสุข และความรักของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาของเรา และพระคุณของพระเยซูคริสต์พระเจ้าของเราจงอยู่กับทุก ท่าน นี่คือคำสวดอ้อนวอนที่จริงใจจากพี่ห้องที่ภักดีและเพี่อนของท่านในพระกิตติคุณอันเป็นนิจ”12
“จงอ่อนโยนและเจียมตัว ตรงไปตรงมาและบริสุทธี้ ทำความดีตอบแทน ความชั่ว…จงอ่อนน้อมถ่อมตนและอดทนในสภาพการณ์ทั้งหมดของชีวิต แอ้วเราจะเกิดความปีติยินดียิ่งขึ้นเพราะชัยชนะของเรา”13
“เราขอบังอาจชักชวนพี่น้องของเราให้อ่อนน้อมถ่อมตนและเต็มไปด้วยการ สวดอ้อนวอน ดำเนินชีวิตเหมือนบุตรของความสว่างและของกลางวัน เพี่อ พวกเขาจะมืพระคุณด้านทานการล่อลวงทุกอย่าง และเอาชนะความชั่วร้ายทุก อย่างในพระนามอันมีค่าควรของพระเจ้าพระเยซูคริสต์”14
อัศวินพยายามปรับปรุงตนเองขณะอยู่ในชีวิตนี้
“ความคิดที่ว่าทุกคนจะได้รับตามความพากเพียรและความบากบั่นของเขา ขณะอยู่ในสวนองุ่นควรเปีนแรงบันดาลใจให้ทุกคนที่ได้รับเรียกให้เปีนผู้ประกาศ ข่าวประเสริฐเหล่านี้ปรับปรุงพรสวรรค์จนเขาได้รับพรสวรรค์เพิ่มเติมเผื่อว่าเมื่อ พระอาจารย์ประทับพิจารณาความประพฤติของผู้รับใช้ของพระองค์ พระองค์จะ ตรัสว่า ดีแอ้ว เจ้าเปีนทาสดีและสัตย์ซื่อ เจ้าสัตย์ซื่อในของเล็กห้อย เรา จะตั้งเจ้าให้ดูแลของมาก เจ้าจงปรีดีร่วมสุขกับนายของเจ้าเถิด [บัทธิว 25:21]…
“…ไม่ควรมืสิ่งใดขัดขวางเราจากการแสดงตนให้เป็นที่พอพระทัยในสาย พระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าตามการเรียกร้องของพระองค์ มนุษย์มักจะลืมว่าพวก เขาขึ้นตรงต่อสวรรค์สำหรับพรทุกประการที่เขาได้รับ และพวกเขาด้องรับผิด ชอบทุกโอกาสที่มอบให้ พี่ห้องทั้งหลาย ท่านทราบว่าเมื่อเจ้านายในอุปมาของ พระผู้ช่วยให้รอดเรื่องผู้พิทักษ์เรียกผู้รับใช้มาอยู่ตรงหน้าและให้เงินหลายตะสันต์ เพี่อท่าให้งอกเงยระหว่างที่เขาเดินทางไปต่างแดนในช่วงเวลาสั้นๆ และเมื่อ กลับมาเขาให้คนรับใช้รายงาน [ดู บัทธิว 25:14–30] ปัจจุบันนี้ก็เปีนเช่น เดียวกัน เจ้านายของเราไม่อยู่ชั่วเวลาหนึ่ง และห้ายที่สุดพระองค์จะทรงขอให้ แต่ละคนชี้แจง คนที่ได้ห้าตะสันต์ จะถูกเรียกร้องสิบตะกันต์ คนที่ไม่ทำให้ งอกเงยจะถูกขับไล่โทษฐานเป็นผู้รับใช้ที่ใช้การไม่ได้ ส่วนคนซื่อสัตย์จะได้รับ เกียรติยศเป็นนิจ ด้วยเหตุนี้เราจึงขอให้พระคุณของพระบิดาอยู่กับท่าน ผ่าน พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระองค์ เพื่อท่านจะไม่อ่อนแรงในโมงแห่งการล่อลวง ทั้งไม่พ่ายแพ้ในยามถูกข่มเหง”15
“จากคำแนะนำดังกล่าว ท่านจะด้องรับผิดชอบบาปของท่าน นับเป็นเกียรติ อันพึงปรารถนาที่ท่านจะดำเนินอยู่เบื้องพระพักตร์พระบิดาบนสวรรค์ของเราเพื่อ ช่วยให้ตัวท่านรอด เพราะเราต่างก็ด้องรับผิดชอบต่อพระผู้เป็นเจ้าสำหรับ วิธีที่ เราปรับปรุงความสว่างและปัญญาที่พระเจ้าประทานแก่เราเพื่อเราจะสามารถช่วย ให้ตัวเรารอด”16
อัศวินอดทนอย่างชื่อสัตย์จนถงที่สุดและจะได้รับมงกุฎแฟงรัศมีภาพชั้นสูง
“ความวางใจของเราอยู่ในพระผู้เป็นเจ้า และโดยที่ทรงพระกรุณาช่วยเหลือ เรา เราจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะยึดมั่นอุดมการณ์และซื่อสัตย์จนถึงที่สุดเพื่อเราจะได้ สวมมงกุฎแห่งรัศมีภาพชั้นสูง และเข้าสู่ที่พำนักซึ่งเตรียมไวให้ลูกๆ ของพระผู้เปีนเจ้า”17
“จงต่อสู้อย่างเต็มกำลังความเชื่อเพื่อท่านจะได้รับมงกุฎซึ่งเก็บไว้ให้คนที่อด ทนอย่างซื่อสัตย์จนสิ้นสุดช่วงเวลาทดสอบเขา [ดู 2 ทิโมธี 4:7–8] ฉะนั้นจง ยึดมั่นในสิ่งซึ่งท่านได้รับโดยเสรีจากพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าเผื่อว่าเมื่อวาระ พักผ่อนหย่อนใจมาถึงท่านจะไม่ลงแรงโดยเปล่าประโยชน์ แต่ท่านจะได้พักจาก งานทั้งหมดของท่านและได้รับความบริบูรณ์แท่งความสุขในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า”18
“ท่านไม่ได้ดีเกินไป ความอดทนไม่มีอะไรเทียบได้ การเชื่อฟ้งนับว่าดียิ่ง การ ให้อภัยเปียมด้วยเมตตา และความสูงล่งเปีนที่ชอบพระนัยพระผู้เปีนเจ้า และ คนที่ซื่อสัตย์จนถึงที่สุดจะไม่มีทางสูญเสียรางวัลของเขาเลย คนดีจะอดทนทุก เรื่องเพื่อถวายเกียรติพระคริสต์ แห้จะด้องตัดขาดจากคนทั้งโลก และทั้งหมดนี้ ก็เพื่อช่วยให้จิตวิญญาณของเขารอด”19
ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ
-
อ่านเรื่องที่โจเซฟ สมิธตำหนิผู้คุมในหน้า 379 เรื่องนี้ส่งผลต่อความรู้สึกที่ ท่านมีต่อโจเซฟ สนิธอย่างไร
-
ไจเซฟ สนิธกล่าวว่าพระกิตติคุณเป็น “เสียงแท่งความยินดี” และประกาศ ว่า “ให้ใจของท่านชื่นชมและยินดีอย่างยิ่ง” (หน้า 380) ความรู้ของเราใน พระกิตติคุณช่วยให้เราชื่นชมและ “ยินดีอย่างยิ่ง” ในทางใดห้างแห้ในช่วง เวลาแทํ่งความยากลำบาก
-
อ่านย่อหน้าที่สามในหม้า 380 ท่านคิดว่าได้รับ “อำนาจตามสัดส่วนของงาน ที่ทำ” หมายความว่าอะไร ท่านมีตัวอย่างใดห้างที่อธิบายความจริงนี้
-
อ่านทวนย่อหน้าที่สี่ในหน้า 380 ท่านคาดหวังคุณลักษณะอะไรบ้างในคนที่ พูดว่าเขาเป็น “คนที่รักอุดมการณ์ของพระคริสต์” (ดูตัวอย่างในหน้า 380–382)
-
ขณะศึกษาคำแนะนำของศาสดาใจเซฟในหน้า 382–383 ใบ้พิจารณาบางสิ่ง ในชีวิตท่านที่ต์องปรับปรุง ตัดสินใจว่าท่านจะท่าอะไรเพื่อรับผิดชอบการ ปรับปรุงตังกล่าว
-
อ่านทวนสองย่อหน้าสุดบ้ายของบทนี้ (หน้า 384) คนที่ “ต่อสู้อย่างเต็ม คำลังความเชื่อ” จะได้รับรางวัลอะไรบ้าง บางคนพยายามชักจูงเราไม่ใบ้เป็น คน “ดีเกินไป” อย่างไร เราจะตอบสนองอย่างไรต่อภาวะกดตันเช่นนั้น
ข้อพระคัมภีร์พี่กี่ยวข้อง: เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6; 2 ทิโมชี 1:7–8; 2 นีไฟ 31:19–20; โมไซยา 5:15; ค.พ. 59:23