บทที่ 39
สมาคมสงเคราะห์: องค์การอันลํ้าเลิศฃองสตรี
“หากท่านจะดำเนินชีวิตให้สมกับเอกสิทธิ้ของท่าน คงจะห้ามเหล่าเทพเป็น สหายของท่านไม่ได้”
จากชีวิตฃองโจเซฟ ลมิธ
ในฤดูใบไม้ผลิ คริสต์ศักราช 1842 สมาชิกของศาสนาจักรในนอวูขะมักเขม้นอยู่กับงานสร้างพระวิหารนอวู วันหนึ่ง ขณะที่สมาชิกสองคนคือซาราห์ แกรนเจอร์ คิมบัลล์กับมาร์กาเร็ต เอ. คุกช่างเสื้อของเธอกำลังคุยกัน พวกเธอ ตัดสินใจว่าจะผนึกกำลังกันช่วยบรรดาชายที่สร้างพระวิหาร ซิสเตอร์คิมบัลล์ กล่าวว่า เธอจะจัดหาผ้าให้ซิสเตอร์คุกตัดเสื้อเชิ้ตให้ชายเหล่านั้น สตรีทั้งสอง ตัดสินใจชวนสตรีคนอื่นๆ มาช่วยกันก่อร่างสร้างสมาคมของสตรีเพื่อขยายการ ประกอบคุณงามความดีของพวกเธอ ซาราห์ แกรนเจอร์ คิมบัลล์จำไต์ว่า “พี่ม้องสตรีในละแวกนั้นมาประชุมกันในห้องรับแขกที่ม้านของฉันและตัดสินใจ จัดตั้ง ฉันได้รับมอบหมายให้แวะเยี่ยมซิสเตอร์อีไลซา อาร์. สโนว์และขอให้ เธอร่างธรรมนูญและระเบียบข้อบังคับต่างๆ ส่งไปให้ประธานโจเซฟ สมิธก่อน การประชุมในวันพฤหัสบดีกัดไป”
หลังจากอ่านธรรมนูญและระเบียบข้อบังคับต่างๆ อย่างละเอียดแล้ว ศาสดา ประกาศว่าดีที่สุดเท่าที่ท่านเคยเห็นแต่กล่าวหลังจากนั้นว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวก คุณด้องการ จงบอกพื่ม้องสตรีว่าพระเจ้าทรงยอมรับข้อเสนอของพวกเธอ และ พระองค์บีบางสิ่งให้พวกเธอดีกว่าธรรมนูญที่เขียนไล้ ข้าพเจ้าขอเชิญทุกท่านมา ประชุมกับข้าพเจ้าและพื่ม้องชายอีกสองสามคน … ตอนบ่ายวันพฤหัสบดีลัด ไป’ ”1
ตังนั้น วันที่ 17 มีนาคม ศาสดา พร้อมด้วยเอ็ลเดอร์จอห์น เทย์เลอร์ และ เอ็ลเดอร์วิสลาร์ด ริชาร์ดส์ จึงประชุมกับสตรีทุกวัยจำนวน 20 คนในห้องชั้น บนของร้านอิฐแดง ศาสดาจัดตั้งสมาคมสตรีสงเคราะห์ของนอวูอย่างเปีนทาง การและสอนผู้เข้าร่วมประชุมเกี่ยวกับจุดประสงค์ขององค์การใหม่ดังกล่าว พี่น้องสตรีเลือกเอ็มมา สมิธเปีนประธานสมาคมสงเคราะห์ และเอ็มมาเลือกที่ ปรึกษาสองคน จากนั้นศาสดาอ่านการเปีดเผยที่ได้รับเมื่อ 12 ปีล่อนซึ่งพระเจ้า ทรงมอบหมายให์เอ็มมารวบรวมเพลงสวดเพี่อตีพิมพ์และทรงกำหนดให้เธอ เปีน “หญิงที่ถูกเลือก” (ค.พ. 25:3) เอ็มมา สมิธลุกขึ้นพูดโดยเน้นถึงศักยภาพอันไพศาลของสมาคมดังนี้ “เราจะทำบางสิ่งที่ไม่ธรรมดา … เราคาดหวัง โอกาสที่ไม่ธรรมดา และการเรียกที่เร่งด่วน”2
เอ็มมา สมิธ ประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญคนแรกมีความปรารถนาแรง กล้าเสมอมาที่จะรับใข้ผู้อื่นและสร้างอาณาจักรของพระผู้เปีนเจ้า โดยประกาศ ครั้งหนึ่งว่าเธอต้องการเปีน “พรแก่ทุกคนที่อาจด้องการให์เธอทำบางสิ่งบาง อย่าง”3 ในนิวยอร์ก เธอเย็บเสื้อผ้าให์ผู้สอนศาสนาสี่คนที่ได้รับเรียกให์ไปลั่ง สอนพระกิตติคุณในบรรดาชาวเสมัน ในเคิร์ทแลนด์เธอทำงานกับสตรีคนอื่นๆ เพี่อรวบรวมผ้าห่ม อาหาร และเสื้อผ้าให้คนเดินทัพในค่ายไซอันนำไปให้สิทธิชนที่เดือดร้อนในรัฐมิสซู่รี เธอช่วยเตรียมอาหาร เย็บถุงเท้ายาว กางเกงขายาว และแจ็คเก็ตให้คนงานชายที่กำลังสร้างพระวิหารเคิร์ทแลนด์ เธอรับคนงานสร้าง พระวิหารหลายคนมาพักที่ท้านจนเธอกับโจเซฟด้องนอนบนพื้น ในสมัยเริ่มแรก ของนอวู เธอสละเวลามากมายดูแลรักษาพยาบาลเหยื่อมาลาเรียจำนวนมาก ที่พักแรมอยู่นอกบ้านของเธอริมฝั่งแม่นั้ามิสซิสซิปปี ในวิธีเหล่านี้และอีก มากมาย เธอเป็นแบบอย่างของการรับใข้แล่พี่น้องสตรีหลายคนในวันเวลาของ เธอ พอลลื แองเจลเล่าว่าเมื่อศาสดาเห็นสตรีกลุ่มหนึ่งขะมักเขม้นเย็บผ้าม่าน ที่ใช้กั้นบริเวณในพระวิหารเคิร์ทแลนด์ ท่านกล่าวว่า “พี่น้องสตรีทั้งหลาย … ท่านพร้อมเสมอที่จะช่วยเหลือ พี่น้องสตรีสำคัญที่สุดเสมอในงานดืทุกอย่าง”4
นับตั้งแต่สมัยเริ่มแรกของสมาคมสงเคราะห์ สตรีของศาสนาจักรเปีนกำลัง สำคัญเสมอมา ที่การประชุมหนึ่งหลังจากจัดตั้งสมาคมสงเคราะห์ได้หนึ่งสัปดาห์ ลูซี แม็ค สมิธ มารดาของศาสดาให้คำแนะนำพี่น้องสตรีที่เพิ่มขึ้นเปีนสตรีหลาย ล้านคนในศาสนาจักรปัจจุบันว่า “เราด้องถนอมนํ้าใจกัน ดูแลกัน ปลอบโยน กัน และรับคำแนะนำเพี่อเราทุกคนจะได้นั่งลงด้วยกันในสวรรค์”5
คำสอนฃองโจเซฟ สมิธ
สมาคมสงเคราะห์ซึ่งจัดตั้งภายใต้ฐานะปุโรหิตและตามแบบแผน ของฐานะปุโรหิต เป็นส่วนที่ขาดไม่ไต้ของศาสนาจักร
ซารท์ แกรนเจอร์ คิมบัลล์เล่าว่า ไม่นานก่อนที่ศาสดาโจเซฟ สนิธจะจัดตั้ง สมาคมสงเคราะห์ ท่านกล่าวดังนี้ “ข้าพเจ้าจะจัดตั้งองค์การสตรีภายใต้ฐานะ ปุโรหิตตามแบบแผนของฐานะปุโรหิต… ศาสนาจักรไม่มีวันจัดตั้งไต้อย่าง สมบูรณ์จนกว่าจะจัดตั้งองค์การให้สตรี”6
ประวัติของศาสดา วันที่ 24 มีนาคม ค.ศ. 1842 บันทึกว่า “องค์การ [สมาคมสตรีสงเคราะห์] สมบูรณ์แล้ววันนี้ นางเอ็มมา สมิธนั่งเก้าอี้ประธาน นางเอลิซาเมธ แอน วิทนีย์ และนางซาราห์ เอ็ม. คลีฟแลนด์เปีนที่ปรึกษาของ เธอ นางสาวเอลวิรา [คาวเสส] เปีนเหรัญญิก และนางสาวอีไสชา อาร์. สโนว์ กวีหญิงผู้มีพรสวรรค์และมีชื่อเลียงเปีนเลขานุการ”7
อีไลซา อาร์. สโนว์รายงานดังนี้ “ประธานโจเซฟ สมิธลุกขึ้นยืน เมื่อพูด ถึงองค์การสมาคมสตรีสงเคราะห์ ท่านกล่าวไว้น่าสนใจอย่างยิ่งว่าองค์การดัง กล่าวตั้งขึ้นเพื่อพระผู้สูงสุดตามรูปแบบที่พระองค์ทรงยอมรับ”8
อีไลซา อาร์. สโนว์ยังรายงานด้วยว่า “[โจเซฟ สมิธ] แนะนำพื่น้องสตรีอยู่ เสมอให้ “จดจ่อกับศรัทธาและคำสวดล้อนวอนของพวกเธอ และไว้วางใจ… ชายซื่อสัตย์เหล่านั้นผู้ที่พระผู้เปีนเจ้าทรงกำหนดให้เปีนหัวหน้าของศาสนาจักรเพื่อนำผู้คนของพระองค์ เราควรปกป้องและสนับสนุนพวกท่านต้วยคำ สวดล้อนวอนของพวกเรา… หากสมาคมนี้จะฟ้งคำแนะนำของพระผู้ทรง มหิทธิฤทธ ิ์ ผ่านหัวหน้าของศาสนาจักร พวกเธอจะมีอำนาจบัญชาราชินีทั้ง หลายท่ามกลางพวกเธอ”9
“สมาคมนี้ต้องรับคำแนะนำผ่านระเบียบที่พระผู้เปีนเจ้าทรงสถาปนา—ผ่าน คนกลางที่ไต้รับแต่งตั้งให้ นำ—และบัดนี้ข้าพเจ้าไขกุญแจให้ท่านในพระนาม ของพระผู้เป็นเจ้า และสมาคมนี้จะปลื้มปีติ ความรู้และสติป้ญญาจะหลั่งไหล มานับจากนี้—นี่คือการเริ่มต้นวันที่ดีกว่าของสมาคมดังกล่าว”10
สมาคมสงเคราะห์ช่วยให้สตรีสามารถทำตามธรรมชาติ แห่งความเมตตากรุณาของพวกเธอโดยให้การดูแลคนตกทุกข์ไต้ยาก
“นี่คือสมาคมที่มีความใจบุญ และสอดคล้องกับธรรมชาติวิสัยของท่าน เปีนธรรมดาที่ผู้หญิงจะมีความรู้สึกของความใจบุญและความเมตตากรุณา บัดนี้ พระองค์ทรงวางท่านไว้ในสถานการณ์ซึ่งท่านสามารถทำตามความเห็นอกเห็นใจ เหล่านั้นที่พระผู้เป็นเจ้าทรงใส่ไว้ในใจท่าน”11
“พระเยซูตรัสว่าเจ้าจง ‘ ทำสิ่งที่เจ้าเห็นเรา ทำ’ [ดู 2 มีไฟ 31:12] นี่คือ ล้อยคำสำคัญที่สมาคมปฏิบัติตาม”12
วิลลาร์ด ริชาร์ดส์รายงานดังนี้ “ประธานโจเซฟ สมิธปราศรัยที่การประชุม [สมาคมสตรีสงเคราะห์] เพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของสมาคม—ว่าสมาคมของพี่ น้องสตรีจะกระตุ้นพี่น้องชายให์ ทำงานดีโดยลูว่าคนยากจนขาดแคลนอะไรบ้าง—เสาะหาตามวัตถุประสงค์ของความใจบุญ และจัดหาสิ่งจำเปีนใบ้พวกเขา—และกระตุ้นพี่น้องชายให้ช่วยแก้ไขศีลธรรมและเสริมสร้างคุณธรรมของชุมชน”13
“ข้าพเจ้าเข้าร่วมการประชุมสมาคมสตรีสงเคราะห์ตามคำขอ ซึ่งวัตถุประสงค์ ของสมาคมคือบรรเทาทุกข์ของคนยากจน คนอัตคัดขัดสน หญิงม่ายและเด็ก คำพร้า และเพี่อดำเนินการตามจุดประสงค์อันเกิดจากความเมตตากรุณาทั้ง หลาย … มีผู้เข้าร่วมองค์การของสมาคมเปีนจำนวนมาก และในการประชุม ครั้งต่อๆ มาด้วย บางท่านเป็นสตรีที่ชาญฉลาด มีมนุษยธรรม ใจบุญ และน่า นับถือที่สุด และความรู้เรื่องหลักธรรมอันบริสุทธิ์ของความเมตตากรุณาซึ่งไหล มาไม่ขาดสายจากใจที่เปียมด้วยมนุษยธรรมและความใจบุญสุนทานทำใบ้เราเชื่อ มั่นว่าพวกเธอจะทำงานโดยอาศัยแหล่งช่วยเหล่านี้ พวกเธอจะรีบรุดไปบรรเทา ทุกข์ของคนแปลกหน้า พวกเธอจะเอาน้ำบันคับเหล้าองุ่นเทใส่ใจที่บาดเจ็บของ คนระทมทุกข์ พวกเธอจะซับน้ำตาเด็กกำพร้าและทำให้ใจของหญิงม่ายปลาบปลื้มยินดี
“มีผู้ยกย่องสตรีของเราเสมอมาสำหรับการกระทำคันเกิดจากความเมตตา กรุณาและความโอบล้อมอารีของพวกเธอ … ท่ามกลางการข่มเหงเมื่อผู้กดขี่ที่ โหดร้ายดึงขนมปังออกจากปากบุตรธิดาที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ของพวกเธอ พวกเธอพร้อมเสมอที่จะเปีดประตูรับคนเดินทางที่อ่อนล้า แบ่งอาหารที่มีอยู เพียงน้อยนิดใบ้คนหิวโหย และพวกเธอแบ่งเสื้อผ้าจากตุ้เลื้อผ้าที่ถูกปล้นจน เหลือเพียงไม่กี่ชุดให้คนที่อัตคัดขัดสนกว่า และเวลานี้พวกเธออาศัยอยู่ในที่ซึ่ง เปีนมิตรมากกว่าและในบรรดาคนที่ป่าเถื่อนน้อยกว่า และเปีนเจ้าของสิ่งอำนวย ความสะดวกที่พวกเธอไม่เคยมีมาก่อน เรารู้สึกมั่นใจว่า ด้วยความพยายามอย่าง เต็มที่ สภาพของคนยากจนที่กำลังทุกข์ทรมาน คนแปลกหน้า และเด็กกำพร้า พ่อจะดีขึ้น”14
สมาคมสงเคราะห์ส่งเสริมสตรีให้1ฝืกปฏิบัติความศักดิ์สิทธิ์ และแนะนำสั่งสอนกัน
“สมาคมสงเคราะห์ของสตรีไม่เพียงบรรเทาทุกข์คนยากจนเท่านั้น แต่ช่วย จิตวิญญาณให์รอดด้วย”15
“พี่น้องสตรีที่รักทั้งหลาย… เราปรารถนาให์ท่านทำส่วนของท่าน และเรา จะทำส่วนของเรา เพราะเราประสงค์ให์รักษาบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าในทุกสิ่ง ตามที่ประทานจากสวรรค์มาให์เราโดยตรง โดยดำเนินชีวิตตามคำทุกกำที่ออก มาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ขอพระผู้เป็นเจ้าเพิ่มเติมพรของพระองค์บนศีรษะ ท่านและนำท่านในทุกเส้นทางของคุณธรรม ความบริสุทธิ์ และพระคุณ”16
“สมาคม [สงเคราะห์] ทำได้ดีแล้ว หลักธรรมของสมาคมคือถือปฎิบัติความ คักดี้สิทธิ์ พระผู้เป็นเจ้าทรงรักท่าน และคำสวดอ้อนวอนของท่านเพี่อข้าพเจ้า จะมีพลังทำให์เกิดผลมาก อย่าได้หยุดสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าเพี่อข้าพเจ้า”17
“ท่านต้องยับยั้งความชั่วร้าย และโดยแบบอย่างที่ดีของท่าน จงกระตุ้นเหล่า เอ็ลเดอร้ให้ทำงานดี”18
วิลลาร์ด ริชาร์ดส์รพงานดังนี้ “ประธานโจเซฟ สมิธอ่านการเปีดเผยต่อเอ็นมา สมิธจากพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา [ค.พ. 25] และกล่าวว่าเธอต้อง… ชี้แจงพระคัมภีร์ให้ทุกคนฟ้ง และสอนสตรีของชุมชน และไม่ใช่เธอคน เดียว แต่ให้คนอื่นๆ ไต้รับพรแบบเดียวกัน”19
อีไลซา อาร์.สโนว์รายงานดังนี้ “เมื่อ [ศาสดาโจเซฟ สมิธ] มีโอกาส ท่าน จะแนะนำสตรีของสมาคมนี้ให้กระทำตามพระประสงค์ของพระผู้เปีนเจ้า และชี้ ให้เห็นทางที่พวกเธอจะประพฤติตนตามนั้น
“หากท่านดำเนินชีวิตตามหลักธรรมเหล่านี้ รางวัลของท่านในอาณาจักรชั้น สูงจะยิ่งใหญ่และน่าชื่นชมยินดีเพียงไร! หากท่านจะดำเนินชีวิตให้สมกับเอกสิทธิ์ของท่าน คงจะห้ามเหล่าเทพเป็นสหายของท่านไม่ไต้ หากสตรีทั้งหลาย บริสูทธิ์ไร้มลทิน พวกเธอจะสามารถเข้าในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าไต้ เพราะ อะไรเล่าจะเป็นที่พอพระทัยพระผู้เป็นเจ้ามากไปกว่าความไร้มลทิน ท่านต้องไร้ มลทิน หาไม่แล้วท่านจะมาอยู่เบื้องพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าไมเไต้ หากเราอยาก จะมาอยู่เบื้องพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า เราต้องรักษาตนให้บริสูทธิ์ เฉกเช่นพระองคํทรงบรสูทธิ์”20
สมาคมสงเคราะห์ส่งเสริมสตรีให้ดำเนินตามแบบอย่าง ของพระผู้ช่วยให้รอดในการแสดงความเมตตาและหลีกเลี่ยง การทะเลาะเบาะแว้ง
“หากท่านอยากให้พระผู้เป็นเจ้าทรงมีเมตตาต่อท่าน ท่านต้องมีเมตตาต่อกัน … เราเต็มไปต้วยความเห็นแก่ตัว มารป้อยอเราว่าเราเป็นคนชอบธรรมมากเมื่อ เรากำลังจ้องจับผิดผู้อื่น เรามีชีวิตอยู่ไต้โดยนมัสการพระผู้เปีนเจ้าเท่านั้น ทุก คนต้องนมัสการต้วยตนเอง ไม่มีใครทำแทนใครไต้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงรับสั่ง กับเปโตรต้วยความอ่อนโยนยิ่งนักเมื่อตรัสว่า ‘เมื่อท่านไต้หันกลับแล้วจงชุกำลัง พี่น้องทั้งหลายของท่าน’ [สูกา 22:32] พระองค์ตรัสกับท่านอีกครั้งว่า ‘เจ้ารัก เราหรือ’ และเมื่อไต้รับกำตอบจากเปโตรแล้วพระองค์ตรัสว่า ‘จงเลี้ยงแกะของ เราเถิด’ [ยอห์น 21:15–17] หากพี่น้องสตรี [รัก] พระเจ้า ขอให้พวกเธอเลี้ยง แกะและไม่ทำลายแกะ…
“พี่น้องสตรีทั้งหลายของสมาคม จะมีการทะเลาะเบาะแว้งในบรรดาพวก ท่านได้หรือ ข้าพเจ้าไม่อยากให้มีท่านด้องกลับใจ และมีความรักของพระผู้เป็นเจ้า จงขจัดความคิดว่าตนชอบธรรม มาตรการหรือหลักธรรมที่นำคนยากจนมา สู่การกลับใจได้ดีที่สุดคือจัดหาสิ่งจำเป็นให้พวกเขา”21
อีไลซา อท. สโนว์รายงานคำพูดของศาสดาดังนี้ “แม้คนไม่มีค่าควรจะอยู่ ท่ามกลางพวกเรา แต่คนมีคุณธรรมไม่ควรเศร้าโศกเพราะสำคัญตนผิดและกลัดกลุ้มโดยไม่จำเป็น แต่ควรส่งเสริมคนโชคร้ายเหล่านั้นให้ดำเนินชีวิตนับจากนี้ ไปจนได้รับยกย่องจากสมาคมนี้ว่าเป็นส่วนดีที่สุดของชุมชน ท่านกล่าวว่ามีสอง เรื่องที่อยากแนะนำสมาชิกของสมาคมนี้ คือ พิจารณาให้ถี่ด้วนล่อนพูด ไม่มี องค์กรใดดำรงอยู่ได้หากปราศจากสิ่งนี้ … วัตถุประสงค์คือให้คนไม่ดีกลับเนื้อ กลับตัวและกลับสู่เส้นทางแห่งคุณธรรมเพี่อพวกเขาจะถูกนับอยู่กับคนดี …
“…สำรวจตนเอง—ลิ้นเป็นอวัยวะที่ควบคุมยาก—ไม่ปริปากพูดเรื่องที่มี ความสำคัญเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย—คำโป้ปดเล็กๆ น้อยๆ ทำให้โลกลุก เป็นไฟได้”22
“สุนัขจิ้งจอกตัวเล็กๆ ทำลายสวนองุ่น—ความชั่วเล็กๆ น้อยๆ เป็นภัยร้าย ที่สุดต่อศาสนาจักร หากท่านมีความรู้สึกไม่ดี และพูดให้ร้ายกัน ย่อมมีแนว โน้มว่าจะก่อให้เกิดความเสียหาย”23
“อย่าทำลายชื่อเสียงของบุคคลใด หากสมาชิกของสมาคมประพฤติตนไม่เหมาะสม จงแก้ไข เก็บทุกอย่างไว้ในใจ อย่าแพร่งพรายให้ใครรู้ และถือว่าชื่อ เสียงของทุกคนเป็นเรื่องศักติิ์สิทธิ์”24
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅶ–ⅹⅱ
-
อ่านคำกล่าวของเอ็มมา สมิธที่อยู่บนสุดของหน้า 484 ท่านคิดว่าเหตุใดพี่ น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์จึงสามารถทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาได้สำเร็จ ท่านและ ครอบครัวได้รับพรในทางใดนางจากความพยายามของพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ อ่านคำแนะนำของลูซี แม็ค สมิธที่อยู่ห้ายสุดของหน้า 484 ป้จจุบัน พี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์จะทำตามคำแนะนำนี้ได้อย่างไร
-
ศาสดาโจเซฟ สมิธจัดตั้งสมาคมสงเคราะห์ “ภายใต้ฐานะปุโรหิตตาม แบบแผนของฐานะปุโรหิต” (หน้า 485) สิ่งนี้ทำให์สมาคมดังกล่าวต่างจาก องค์กรรับใช้อื่นๆ ในโลกอย่างไร (ดูตัวอย่างหน้า 485) ท่านคิดว่าเหตุใด ศาสนาจักรจึง “ไม่มีวันจัดตั้งไต้อย่างสมบูรณ์” จนกว่าโจเซฟ สมิธจะจัดตั้ง สมาคมสงเคราะห์
-
ความรับผิดชอบของพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะ ห์ในทุกวันนี้เปรียบเทียบไต้ อย่างไรกับงานมอบหมายที่พี่น้องสตรีไต้รับจากโจเซฟ สมิธ (ดูตัวอย่างหน้า 485–488) อ่านย่อหน้าที่สองในหน้า 486 โอกาสในการรับใช้ช่วยให์เราเป็น เหมือนพระผู้ช่วยให์รอดมากขึ้นในต้านใด
-
อ่านย่อหน้าแรกในหน้า 487 ท่านคิดว่าช่วยจิตวิญญาณให์รอดหมายความว่า อะไร สมาชิกของสมาคมสงเคราะห์จะ ทำความรับผิดชอบทั้งทางโลกและทาง วิญญาณในเรื่องนี้ให์สำเร็จไต้อย่างไร
-
อ่านทวนย่อหน้าที่สามในหน้า 486 และย่อหน้าแรกในหน้า 488 พี่น้องสตรี สมาคมสงเคราะห์ ทำอะไรไต้บ้างเพี่อกระตุ้นงานดีในบรรดาผู้ดำรงฐานะปุโรหิต ผู้ดำรงฐานะปุโรหิต ทำอะไรไต้บ้างเพี่อสนับสนุนพี่น้องสตรีสมาคมสงเคราะห์ในงานของพวกเธอ
-
อ่านทวนย่อหน้าที่สองในหน้า 488 เราเรียนรู้อะไรบ้างจากคำกล่าวนี้เกี่ยวกับ ความรับผิดชอบและโอกาสของพี่น้องสตรีแด่ละคน
-
ศาสดาเตือนไม่ใบ้ “จ้องจับผิดผู้อื่น” (หน้า 488) ท่านคิดว่าคำพูดนี้หมาย ความว่าอย่างไร เจตคติเช่นนี้ขัดขวางการทำงานของสมาคมสงเคราะห์— หรือโควรัม หรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในศาสนาจักรอย่างไร เราทำอะไรไต้บ้าง เพี่อเลี้ยงแกะของพระเจ้าแทนที่จะจ้องจับผิดผู้อื่น
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: สุภาษิต 31:10–31; 1 โครินธ์ 13:8; ค.พ. 25:1–16; 88:125