บทที่ 14
สมัยการประทานแห่งพระกิตติคุณ
พระผู้เป็นเจ้าทรงสถาปนาและทรงสอนพระกิตติคุณของพระองค์ตั้งแต่ปฐมกาล ทรงเปิด เผยหลักธรรมใหม่ๆ ในสมัยการประทานต่างๆ ระหว่างช่วงเวลาแห่งการละทิ้งความเชื่อ และบัดนี้ทรงฟื้นฟูพระกิตติคุณกลับคืนมาในยุคสุดท้าย ประธานบริคัม ยัง ชื่นชมยับ “สมัยการประทานสุดท้ายของสมัยการประทานทิ้งหมด” ซึ่งท่านกล่าวว่าเป็นสมัยการ ประทาน “ที่เหนือกว่าทุกสมัยการประทาน ในความงดงามและรัศมีภาพเท่าที่เคยปีให้ ยับลูกหลานมนุษย์บนผืนแผ่นดินโลก” (DBY, 442)
คำสอนของบริคัม ยัง
พระผู้เป็นเจ้าทรงเปีดเผยแผนแห่งความรอดครั้งแรกแก’อาดัม ในความเป็นมตะ และนับตั้งแต่นั้นทรงฟึ้นฟูอาณาจักรของพระองค์ เป็นช่วงๆ โดยผ่านศาสดาของพระองค์
เเผนอันยิ่งใหญ่ซึ่งเรียกว่าแผนแห่งความรอด-หรือระเบียบแบบแผนของคำสอนแนว ความคิดและการปฎิบิติที่เกี่ยวข้องกับดวงปัญญาทุกดวงซึ่งอยู่ในนิรันดร (DBY, 56 ) …[ถูก] วางไว้ในสวรรค์เพื่อการไถ่มนุษยชาติจากบาป และเพื่อการนำพวกเขากลับคืนสู่ที่ประทับ ของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 448)
เมื่ออาณาจักรนี้ได้รับการจัดตั้ง [บนผืนแผ่นดินโลก] ไม่ว่ายุคสมัยใด พระวิญญาณของ อาณาจักรนี้จะสถิตอยู่ในใจของผู้ที่ซึ่อสัตย์ ในขณะที่ส่วนอันเป็นรูปธรรมมีอยู่ในบรรดา ผู้คน ซึ่งคือกฎ พิธีการ ความช่วยเหลือ การปกครอง เจ้าหน้าที่ ผู้ปฏิบัติ และส่วนประกอบ อื่นๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จำเป็นสำหรับการทำงานอย่างสมบูรณ์ของอาณาจักรเพื่อบรรลุจุดประสงค์ ในบั้นปลาย [ดู โมเสส 6:7; ค.พ. 22.3] (DBY, 441).
อาดัม ครั้งหนึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นที่รู้จักบนผืนแผ่นดินโลกในบรรดาลูกๆ ของพระองค์…เหมือนดังที่เรารู้จักกันและกัน อาดัมคือผู้ที่คุ้นเคยกับพระบิดาผู้ทรงวางท่านไว้บน แผ่นดินโลกเหมือนกับที่เราคุ้นเคยกับบิดามารดาบนแผ่นดินโลกของเรา พระบิดาเสด็จลงมา เยี่ยมเยียนอาดัมบุตรของพระองค์บ่อยๆ ทรงดำเนินและตรัสกับท่าน ลูกๆ ของอาดัมก็คุ้น เคยกับพระองค์เช่นกัน สิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้าและสวรรค์เป็นสิ่งที่มนุษย์ใน ยุคแรกของการเป็นอยู่บนแผ่นดินโลกรู้จักคุ้นเคยฉันใด ก็เป็นฉันนั้นกับ..สวนของเราซึ่ง ภรรยาและ ลูกๆ ของเรารู้จักเป็นอย่างดี หรือเหมือนกับถนนที่มุ่งไปสู่ชายฝังแปชิฟิคซึ่งนัก เดินทางที่มีประิสบการณ์รู้จักค้นเคยเป็นอย่างดี [ด โมเสส 3:15–21; 4:14–30; 5:4–5, 9, 12; 6:51] (DBY, 104)
เราไม่ผิดที่จะพูดว่านับแต่ว่าที่อาดัมถูกสร้างและวางไว้ในสวนอีเดนจนถึงวันนี้ แผนแห่’ ความรอดและการเปิดเผยพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ประทานให้ไม่เคยเปลี่ยนแปล’ แม้ว่ามนุษย์จะไม่เป็นที่พอพระทัยให้ได้รับแผนและการเปิดเผยมาเป็นเวลาหลายยุค เนื่อ จากการละทิ้งความเชื่อและความชั่วร้าย ไม่มีหลักฐานใดๆ ในพระคัมภีร์ไบเบิลที่ยืนยัน ว่าพระกิตติคุณควรเป็นอย่างหนึ่งในสมัยของชาวอีสราเอล เป็นอีกอย่างหนึ่งในสมัยของพระคริสต์และอัครสาวกของพระองค์ และเป็นอีกอย่างหนึ่งในศตวรรษที่ 19 แต่ตรงกันข้ามเราได้รับการสอนว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นเหมือนกันในทุกยุคทุกสมัย แผนแห่งการช่วยลูกๆของพระองค์ให้รอดก็เป็นเหมือนกัน แผนแห่งความรอดเป็นหนึ่งเดียวกันนับตั้งแต่การเริ่ม ด้นของโลกจนถึงที่สุดของมัน [ดู โมเสส 6:51–68] (DBY, 103–4)
พระกิตติคุณอยู่ในบรรดาลูกหลานมนุษย์นับตั้งแต่สมัยของอาดัมจนถึงการเสด็จมาของ พระมาไชยา พระกิตติคุณของพระคิรสต์คังกล่าวนี้เป็นมาตั้งแต่การเริ่มด้นจนถึงที่สุด [ดู โมเสส 5:58–59; ค.พ. 20:25–26] (DBY, 103–4)
อีนิค อีนิคได้รับความรู้แจ้งและปัญญาจากพระผู้เป็นเจ้าซึ่งน้อยคนเหลือเกินที่ได้รับ ท่านเดินและสนทนากับพระผู้เป็นเจ้าเป็นเวลาหลายปี กระนั้น ตามประวัติศาสตร์ที่โมเสส บันทึกไว้ ท่านใช้เวลาอันยาวนานในการสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ในบรรดามนุษย์ ผู้คนจำนวนเล็กน้อยที่ทำตามท่านได้ชื่นชมกับความลมบูรณ์ของพระกิตติคุณ ส่วนผู้คนที่ เหลือของโลกกลับปฏิเสธ (DBY, 105)
อีนิคต้องพูดคุยและสอนผู้คนของท่านเป็นเวลาถึงสามร้อยหกสิบปีทีเดียว ก่อนที่ท่านจะ สามารถเตรียมพวกเขาให้เช้าไปในการพักผ่อนของพระองค์ และจากนั้นท่านก็ไต้รับอำนาจ ที่จะแปรสภาพตนเองแสะผู้คนของท่าน รวมทิ้งพื้นที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่ บ้าน สวน ทุ่งนา ฝูงวัวควาย และทุกสิ่งที่เป็นของพวกเขา [ดู โมเสส 7:68–69] (DBY, 105)
อีนิคแสะผู้คนของท่านถูกนำขึ้นไปจากโลก และโลกดำเนินต่อไปจนสุกงอมในความเลว ร้ายจนกระทั่งพวกเขาถูกทำลายล้างด้วยนํ้าท่วมใหญ่ในสมัยของโนอาห์ และ “ดังที่เคยเป็น ในสมัยของโนอาห์ฉันใด มันจะเป็นเช่นนั้นในสมัยของการเสด็จมาของบุตรมนุษย์” [ดู ปฐมกาล 6:5; โมเสส 6:26–7:69] (DBY, 105)
โนอาห์ ในปฐมกาล หลังจากโลกนี้ถูกเตรียมไว้ลำหรับมนุษย์ พระเจ้าทรงเริ่มงานของ พระองค์บนแผ่นดินที่บ้จจุบันนี้เรียกว่าทวีปอเมริกา ซึ่ง ณ ที่แห่งนี้สวนอีเดนได้รับการสร้าง พื้น (DBY, 102)
พระเจ้าประทานพระกิตติคุณให้กับผู้คน พระองค์ตรัสว่า เราจะให้พระกิตติคุณกับอาดม บุตรของเรา ซึ่งเมธูเชลาจะได้รับพระกิตติคุณนี้จากเขา และโนอาจะได้รับจากเมธูเชลา (DBY, 105).
ในสมัยของโนอา ในสมัยแห่งการลอยเรือใหญ่ ท่านพาผู้คนไปยังอีกส่วนหนึ่งของแผ่น ดิน แผ่นดินแบ่งแยกออกเป็นส่วนๆ และที่นั่นท่านจัดตั้งอาณาจักรของพระองค์ขึ้น [ดูปฐมกาล 6:1–8:21] (DBY, 102)
เอบราแฮม เอบราแฮมชื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง ท่านโค่นล้มรูปเคารพของบิดา และได้รับฐานะปุโรหิตตามฐานะของเม็ลคิเชเด็ค [ด ค.พ. 84:14] ซึ่งเป็นไปตามพระฐานะ ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า [ดู ค.พ. 107:2–3] และได้รับสัญญาว่าการเพิ่มทวีขึ้นของ ลูกหลานของท่านจะไม่มีที่ลิ้นสุด เมื่อทานได้รับฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ตามฐานะของ เม็ลคิเชเด็คผนึกไว้กับตัวท่าน และสัญญาว่าท่านจะมีลูกหลานนับไม่ถ้วนดังดวงดาวบน ท้องฟัา หรือทรายบนฝังทะเล และการเพิ่มทวีนี้นของท่านจะไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อนั้นท่านก็ได้ รับสัญญาของเอบราแฮม อิสอัค และเจคอบ รวมทั้งพรทุกประการที่ประสิทธิ์ประสาทให้กับ พวกท่านเหล่านั้น [ดู ปฐมกาล 12:2–3; 13:16; 14:18–19; 15:5; เอบราแฮม 1:2–4, 18–19; 2:9–11; ค.พ. 84:14] (DBY, 106)
โมเสส พระกิตติคุณอยู่ในบรรดาลูกหลานมนุษย์นับตั้งแต่สมัยของอาดัมจนถึงการเสด็จ มาของพระมาไชยา พระกิตติคุณของพระคริสต์เป็นมาจากเริ่มด้นจนถึงที่สุด แล้วทำไมจึง ต้องมีกฎของโมเสส? ผลการไม่เพื่อฟังของลูกหลานอีสราเอล ผู้คนที่ถูกเลือกของพระผู้เป็นเจ้า ลูกหลานแท้ๆ ที่พระองค์ทรงเลือกให้เป็นผู้คนของพระองค์ และเป็นกลุ่มคนที่พระ องค์ตรัสว่าจะประทานพระนามไว้กับพวกเขา ลูกหลานเอบราแฮมกบฏต่อพระองค์และพระ บัญญ์ติของพระองค์อย่างร้ายกาจจนพระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “เราจะให้กฎหนึ่งแก่เจ้า ซึ่ง จะเป็นกฎฟึกสอนเพื่อนำพวกเขามาสู่พระคริสต์” [ดู กาลาเทีย 3:24] แต่กฎนี้เป็นกฎที่รุน แรงเป็นกฎของพระบัญญัทางโลก [ดู ค.พ. 84:23–27] (DBY, 104)
หากคนเหล่านี้ได้รับการชำระให้บริสุทธิ์และศักดิ”สิทธิ์ ลูกหลานอีสราเอลจะไม่ต้องเดิน ทางกับโมเสสแม้สักปีเดียวก่อนที่จะได้รับเอ็นดาวเม้นท์และฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเชเด็ค [ดู ค.พ. 84:23] (DBY, 106)
พระเยซูคริสต์ พระเยซูทรงอาสาจะสถาปนาอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก พระองค์ทรงนำกฎและพิธีการแห่งอาณาจักรเข้ามา [ดู มัทธิว 16:18–19; เอเฟชัส 1:22–23; 4:11–15] (DBY, 29)
ฐานะปุโรหิตและพระกิตติคุณอันสมบูรณ์ของอาณาจักรสูญหายไป จากโลกในช่วงเวลาของการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่
ในยุคต้นๆ ของศาสนาจักรคริสเตียน เราเข้าใจว่ามีการใช้วิจารณญาณอย่างมาก ใน บรรดาสมาชิกของศาสนาจักรเกี่ยวกับความเชื่อและประเพณีนิยมของตน การโฆษณาชวน เชื่อของแนวความคิดที่ใช้วิจารณญาณเหล่านี้ก่อให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวกและความ แตกร้าว…แม้ในสมัยของอัครสาวก ก็ยังมีการแบ่งพรรคแบ่งพวกอย่างเห็นไต้ชัด เพราะเรา อ่านพบว่าบางคนเป็นศิษย์เปาใส บางคนเป็นศิษย์อปอลโล และบางคนเป็นศิษย์เคฟาส [ดู 1 โครินธ์ 1:10–13] ผู้คนในสมัยนั้นมีบุคคลที่ตนชื่นชอบ ผู้สอนคำสอนให้พวกเขาพิเศษ โดยเฉพาะ ไม่ไต้รับหรือจะไม่ประกาศให้ทราบโดยทั่วไป (DBY, 107).
ทำไมพวกเขาจึงออกจากทางแห่งความจริงและความชอบธรรมมาไกลเช่นนี้? เนื่องจาก พวกเขาละทิ้งฐานะปุโรหิตและไม่ได้รับการนำทาง ไม่มีผู้นำ ไมมีหนทางที่จะค้นหาว่าสิ่งใด จริงสิ่งใดไม่จริง มีผู้กล่าวว่าฐานะปุโรหิตถูกนำไปจากศาสนาจักร แต่มันไม่ไต้เป็นเช่นนั้น ศาสนาจักรต่างหากที่ไปจากฐานะปุโรหิตและท่องไปในแดนทุรกันดาร หันเหจากพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า และจัดตั้งพิธีการอื่นๆ ขึ้นมา [ดู กาสาเทีย 1:6–8; 2 ทิโมธี 1:15; 3 ยอห์น 1:9–10] (DBY, 107)
แต่นั้นคือเวลาที่ผู้คนเริ่มล่วงละเมิดกฎ เปลี่ยนพิธีการ และฝ่าฝืนพันธสัญญาอันเป็นนิจ ทีละเล็กละน้อย ดังนั้นพระกิตติคุณของอาณาจักรที่พระเยซูทรงอาสาจะสถาปนาขึ้น ในวัน เวลาของพระองค์รวมทิ้งฐานะปุโรหิตจึงถูกนำไปจากแผ่นดินโลก [ดู อิสยาห์ 24:5; 2 เธสะโลนิกา 2:1–12; วิวรณ์ 12:6; ค.พ. 1:15] (DBY, 107)
พระเจ้าทรงฟึ้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์และอำนาจฐานะปุโรหิต ในสมัยการประทานสูดท้ายนี้โดยฝานศาสดาโจเซฟ สมิธ
หลายชั่วอายุผ่านมาแล้วก็ผ่านไปโดยไม่ไต้รับสิทธิพิเศษของการไต้ยินเลียงพระกิตติคุณ ซึ่งมาถึงท่านโดยผ่านใจเซฟ สมีธ—พระกิตติคุณดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากสวรรค์ให้กับ ใจเซฟโดยเทพและภาพที่มาปรากฏ เรามีพระกิตติคุณและกุญแจของฐานะปุโรหิตอัน ศักดิ์สิทธิ์ [ดู ค.พ. 1:17–23, 30; 27:5–13; 110:11–16; 128:18–21] (DBY, 107–8)
เราคือผู้คนที่กำเนิดขึ้นและก้าวหน้าตั้งแต่การเริ่มต้น เราคืองานของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดาบนสวรรค์ของเรา ซึ่งในพระปริชาญาณของพระองค์ พระองค์ทรงเห็นเหมาะสมที่จะให้ เราเริ่มงานเกี่ยวกับการสถาปนาอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลกอีกครั้งหนึ่ง (DBY, 108)
ในสมัยของพระผู้ช่วยให้รอดของเราเป็นเช่นไร มันก็เป็นเช่นนั้นในสมัยการประทานใหม่ นี้ มันไม่ได้เป็นไปตามความเชื่อ ประเพณี หรือความคิดที่ก่อขึ้นในใจของคนอเมริกัน ทูต สวรรค์ ไม่ได้มาหาพระผู้สูงศักดิ์ของนิกายใดๆ ทั้งมิได้ยอมรับการแปลพระคัมภีร์อันคักดิ์สิทธิ์ของพากเขา พระเจ้าไม่ได้เสด็จมาพร้อมกับกองทัพแห่งสวรรค์ในอำนาจและรัศมีภาพ อันยิ่งใหญ่ ทั้งไม่ได้ส่งทูตสวรรค์ที่สามยุทธภัณฑ์ใดๆ นอกจากความจริงแห่งสวรรค์ เพื่อจะ ติดต่อสื่อสารกับเด็กหนุ่มที่อ่อนโยน ถ่อมใจ ถือกำเนิดมาอย่างตาด้อย ผู้ที่แสวงหาความรู้ ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ แต่พระองค์ทรงส่งเทพของพระองค์มาหาใจเซฟ สมีธ จูเนียร์ คนที่ไม่มีชื่อเสียง ผู้ที่ต่อมาภายหลังได้กลายเป็นศาสดา ผู้พยากรณี ผู้เปิดเผย และ [พระเจ้า] ทรงบอกท่านว่าท่านไม่ควรเข้าร่วมกับนิกายใดเลยในเวลานั้น เพราะนิยายเหล่า นั้นล้วนผิดทั้งสิ้น พวกเขากำลังดำเนินตามคำสอนของมนุษย์แทนที่จะเป็นคำสอนของพระ เจ้าพระเยซูทรงบอกว่าพระองค์มีงานให้ท่านทำเมื่อเป็นเช่นนั้นท่านควรพิสูจน์ความชื่อสัตย์ ต่อพระพักตร์พระองค์ [ดู ใจเซฟ สมีธประวัติ 1:11–26] (DBY, 108)
เป็นประกาศิตในแผนการของนิรันดรก่อนที่จะมีการวางรากฐานของแผ่นดินโลกว่าใจเซฟ สมีธ ควรเป็นผู้ที่นำเอาพระคำของพระผู้เป็นเจ้าไปยังผู้คนในสมัยการประทานสุดท้ายของ โลกนี้ และได้รับความสมบูรณ์ของกุญแจและฐานะปุโรหิตของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเฟ้ามองท่าน บิดาของท่าน บิดาของบิดาท่าน และบรรพบุรุษของท่านจนถึงเอบราแฮมและจากเอบราแฮมจนถึงนํ้าท่วม จากนํ้าท่วมถึงอีนิค และจากอีนิคถึงอาอัม พระองค์ทรงเฝัามองครอบครัวนั้นและสายเลือดนั้นดังที่มันไหลเวียนจากจุดเริ่มด้นจนถึง การกำเนิดของชายผู้นั้น ท่านได้รับการแต่งตั้งไว้ล่วงหน้าในนิรันดรเพื่อให้มาปกครองดูแล สมัยการประทานสุดท้ายนี้ [ดู 2 นิไฟ 3:6–15] (DBY, 108)
พระเจ้าทรงดำเนินการเป็นเวลาหลายศตวรรษเพื่อเตรียมทางสำหรับการออกมาของเนื้อ หาในพระคัมภีร์เล่มนั้น [พระคัมภีร์มอรมอน] จากใต้ผืนแผ่นดินโลก เพื่อจะพิมพ์มันออกมา สู่โลกเพื่อแสดงให้ผู้อาศัยของแผ่นดินโลกรู้ว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่ และพระองค์จะทรง รวบรวมผู้คนของพระองค์จากสี่เสี้ยวของแผ่นดินโลกในยุคสุดท้าย…พระเจ้าทรงบัญชา และควบคุมสิ่งทั้งหมดนี้เพื่อนำออกมาและสถาปนาอาณาจักรของพระองค์ในยุคสุดท้าย [ดู 1 นีไฟ 13; ค.พ. 20:6–16] (DBY, 109)
นี่คือพระคัมภีร์มอรมอน เราเชื่อว่าพระคัมภีร์เล่มนี้บรรจุประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมือง ในทวีป [อเมริกา] เหมือนกับพันธสัญญาเดิมที่บรรจุประวัติศาสตร์ของประชาชาติยิว ใน พระคัมภีร์มอรมอนเราเรียนรู้ว่าพระเยซูเสด็จเยือนทวีปนี้ ประทานพระกิตติคุณและทรง แต่งตั้งอัครสาวกสิบสอง เราเชื่อสิ่งทั้งหมดที่กล่าวมา แต่เราไม่ได้ขอให้ท่านเชื่อสิ่งนั้น สิ่งที่ เราต้องการขอจริงๆ ก็คือขอให้ท่านเชื่อในสิ่งที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ไบเบิลอันศักดิ์สิทธิ์ เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าและการเปิดเผยของพระองค์ต่อลูกหลานมนุษย์ จงทำเช่นนั้นด้วย ความชื่อสัตย์และจริงใจ แล้วท่านจะรู้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง ความคิดของท่าน จะถูกเปิดและท่านจะรู้โดย…พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าว่าเราสอนความจริง (DBY, 109)
ออลิเาอร์ คาวเดอริ (หนึ่งในพยานสามคนของพระคัมภีร์มอรมอน) กล่าวไว้อย่างไร ภายหลังออกจากศาลนาจักรไปเป็นเวลาหลายปี? เขาได้เห็นและพูดคุยกับเทพผู้ที่แสดง แผ่นจารึกให้เขาดู และได้จับต้องแผ่นจารึกนั้น เขาทิ้งศาสนาจักรเพราะเขาสูญเลียความรัก ในความจริงและหลังจากท่องเที่ยวไปตามลำพังเป็นเวลาหลายปี มีสุภาพบุรุษท่านหนึ่งเดิน เข้าไปในสำนักงานกฎหมายของเขาและพูดกับเขาว่า “คุณคาวเดอรีครับ ตอนนี้คุณคิด อย่างไรกับพระคัมภีร์มอรมอน? คุณเชื่อว่ามันเป็นความจริงหรือไม่ครับ?” เขาตอบว่า “ไม่ครับผมไม่ได้เชื่อ!” สุภาพบุรุษผู้นั้นกล่าวว่า “ผมก็คิดเช่นนั้น เพราะผมสรุปว่าคุณเห็นแล้ว ว่าทางที่คุณดำเนินมานั้นช่างโง่เขลา ดังนั้น คุณจึงตัดสินใจยกเลิกสิ่งที่คุณเคยประกาศว่า เป็นความจริง” “ท่านครับ ท่านเข้าใจผมผิดแล้ว ผมไม่ได้เชื่อว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็น ความจริงผมผ่านจุดที่เป็นความเชื่อมาแล้ว นั้นคือผม รู้ ว่าพระคัมภีร์เล่มนั้นเป็นความจริง เช่นเดียวกับที่ผมรู้ว่าคุณนั่งอยู่ตรงหน้าผมขณะนี้” “คุณยังเป็นพยานหรือว่าคุณเคยเห็น เทพ?” “ใช่ครับ เช่นเดียวกับที่ผมเห็นคุณอยู่เดี๋ยวนี้ และผมรู้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็น ความจริง” (DBY, 110).
ใจเซฟ สมิธวางรากฐานของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสุดท้าย (DBY, 458)
ข้าพเจ้ารู้สึกอยากร้องตะโกนอาเลลูยา (แปลว่าสรรเสริญพระเจ้า) อยู่ตลอดเวลา เมื่อข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเคยรู้จักใจเซฟ สมิธ ศาสดาที่พระเจ้าทรงยกขึ้นและทรงแต่งตั้ง และ เป็นผู้ที่พระองค์ทรงมอบกุญแจและอำนาจในการเสริมลร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบน แผ่นดินโลกและคํ้าจุนอาณาจักรของพระองค์ กุญแจดังกล่าวถูกล่งมอบต่อไปให้ผู้คนเหล่่านี้ และเรามีอำนาจที่จะทำงานที่โจเซฟเริ่มไว้ต่อไป จนกวาทุกสิ่งจะพร้อมลำหรับการเสดีจมาของบุตรมนุษย์ นี่คือธุรกิจของสิทธิชนยุคสุดท้าย (DBY, 458)
อาณาจักรนี้ พวกเขา [คนชั่วร้าย] จะทำลายไม่ได้ เพราะมันเป็นสมัยการประทานสุด ท้าย —เป็นสมัยการประทานความสมบูรณ์แห่งเวลา เป็นสมัยการประทานของสมัยการ ประทานทั้งหมดและจะเหนือกว่าทุกสมัยการประทานในความงดงามและรัศมีภาพ เท่าที่ เคยมีให้กับลูกหลานมนุษย์บนผืนแผ่นดินโลก พระเจ้าจะทรงนำไซอันกลับมาอีก ทรงไถ่ อิสราเอลของพระองค์ ทรงตั้งธงสัญญาณของพระองค์บนแผ่นดินโลก ทรงสถาปนากฎแห่ง อาณาจักรของพระองค์ และกฎเหล่านั้นจะแผ่ขยายออกไป (DBY, 442)
ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา
พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยแผนแห่งความรอดครั้งแรกแก’อาดม ในความเป็นมตะ และนับตั้งแต่นั้นทรงฟึ้นฟูอาณาจักรของพระองค์ เป็นช่วงๆ โดยผ่านศาสดาของพระองค์
-
ประธานยังอธิบาย “แผนอันยิ่งใหญ่ซึ่งเรียกว่าแผนแห่งความรอด” ว่าอย่างไร? (ดู เอบราแฮม 3:21–28ด้วย)
-
เมื่อพระเจ้าทรงเปิดเผยแผนแห่งความรอดต่อมนุษย์และจัดตั้งอาณาจักรของพระองค์ บนแผ่นดินโลกอะไรเป็นสิ่งจำเป็นลำหรับ “การทำงานอย่างสมบูรณ์” ของอาณาจักรนี้ ?
-
จากคำพูดของประธานยัง พระผู้เป็นเจ้าทรงนำแผนแห่งความรอดและฐานะปุโรหิตมาให้ ลูกๆ ของพระองค์บนแผ่นดินโลกเมื่อใด? (ดู โมเสส 5:58–59; 6:7)
-
อะไรคือการเรียกพิเศษของศาสดาแต่ละท่านผู้ที่เป็นหัวหน้าของสมัยการประทานพระกิตติคุณสมัยใหญ่สมัยหนึ่งๆ?
ฐานะปุโรหิตและพระกิตติคุณอันสมบูรณ์ของอาณาจักรสูญหายไป จากโลกในช่วงเวลาของการละทิ้งความเชื่อครั้งใหญ่
-
จากคำพูดของประธานยัง ทำไมศาสนาจักรในยุคต้นๆ ของพระคริสต์จึงถูกถอนไปจาก แผ่นดินโลก?
-
อะไรคือข้อพิสูจน์บางประการที่ว่าศาสนาจักรในยุคต้นๆ ของพระคริสต์และฐานะปุโรหิต สูญหายไปจากแผ่นดินโลก? (ดู โจเซฟ สมิธ—ประวัติ 1:17–20) ทำไมสมาชิกของ ศาสนาจักรในยุคต้นๆ จึงออก “จากทางแห่งความจริงไปไกลเหลือเกิน”? ฐานะปุโรหิต เป็น “หนทางที่จะค้นหาว่าสิ่งใดจริงและสิ่งใดไม่จริง” ในชีวิตของท่านอย่างไร?
พระเจ้าทรงฟึ้นฟูพระกิตติคุณของพระองค์และอำนาจฐานะปุโรหิต ในสมัยการประทานสูดท้ายนี้โดยฝานศาสดาโจเซฟ สมิธ
-
พระผู้เป็นเจ้าทรงสื่อสารความจริงกับเด็กหนุ่มที่อ่อนโยน ถ่อมใจ ถือกำเนิดมาอย่างตาต้อย “ผู้ที่แสวงหาความรู้ของพระผู้เป็นเจ้าอย่างจริงใจ” สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรต่อ ท่านและทุกคนที่แสวงหาความจริงอย่างจริงใจ?
-
โจเฃฟมีคุณลักษณะอะไรที่ช่วยให้ท่านบรรลุเป้าหมายในการเรียกท่านเป็น “ชายผู้นั้นที่ จะนำพระคำของพระผู้เป็นเจ้าไปยังผู้คนในสมัยการประทานสุดท้ายของโลกนี้”?
-
พระคัมภีร์มอรมอนมีบทบาทอย่างไรในการฟื้นฟูพระกิตติคุณ? (ดู ค.พ. 20:6–16ด้วย) ท่านจะเรียนรู้อะไรได้จากประจักษ์พยานของออลิเวอร์ คาวเดอรี เกี่ยวกับพระคัมภีร์ มอรมอน?
-
ประจักษ์พยานของประธานยังเกี่ยวกับ “ธุรกิจของสิทธิชนยุคสุดท้าย” คืออะไร?