บทที่ 2
นิยามพระกิตติคุณ
ชาวโลกรู้จักประธานบริคัม ยัง ในฐานะผู้บุกเบิกอาณานิคมที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง ผู้ปฏิรูป แดนบุรกันดารในทะเลทรายให้เป็นที่อยู่อาศัยอันสวยงาม ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือท่านเป็น ครูที่มีความรู้ลึกซึ้งในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ที่ได้รับการฟึ้นฟู ผู้บันดาลใจสิทธิชน ยุคแรกๆ ให้ดำเนินชีวิตตามคำสอนที่ชัดเจนของศาสนาซึ่งทำให้บุกคนมั่นใจว่าเราต่างก็มี โอกาสกลับไปสู่ที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า
คำสอนของบริคัม ยัง
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ประกอบด้วยกฎเกณฑ์และพิธีการต่างๆ อันนำไปสู่ความรอด
ศาลนาของเราไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่าระเบียบที่แท้จริงของสวรรค์—นั่นคือกฎเกณฑ์ ซึ่งปกครองบรรดาพระผู้เป็นเจ้า และเหล่าเทพ ท่านเหล่านั่นได้รับการปกครองโดยกฎหรือ? แน่นอนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดในความเป็นนิรันดรที่จะไม่ได้รับการปกครองโดยกฎ (DBY, 1)
พระกิตติคุณของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าที่ได้เปิดเผยแล้วนั่นเป็นแผนหรือกฎเกณฑ์ และพิธีการต่างๆ โดยการเชื่อฟังอย่างเคร่งครัด ผู้คนที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ก็มั่นใจได้ว่าพวก เขาจะกลับไปสู่ที่ประทับของพระบิดาและพระบุตรได้อีก กฎของพระกิตติคุณไม่ได้มากหรือ น้อยกว่าหลักธรรมบางข้อของความเป็นนิรันดรที่เปิดเผยลู่ผู้คนซึ่งโดยผ่านหลักธรรมเหล่านั่น พวกเขาจะกลับคืนไปลู่สวรรค์อันเป็นที่ซึ่งพวกเขาจากมา (DBY, 1)
เมื่อเราพูดถึงกฎชั้นสูงที่ถกเปิดเผยจากสวรรค์ซึ่งคือฐานะปุโรหิต เราก็กำลังพูดถึงหลัก ธรรมแห่งความรอด ระบบที่ลมบรณ์ของการปกครอง กฎ และพิธีการต่างๆ ซึ่งโดยสิ่งนั่น เราได้รับการเตรียมให้พร้อมได้เพื่อผ่านจากประตูหนึ่งไปยังอีกประตูหนึ่ง และจากยามคน หนึ่งไปยังอีกคนหนึ่ง จนกระทั่งเราเข้าไปในที่ประทับของพระบิดาและพระผู้เป็นเจ้าของเรา (DBY, 130)
เราอาจได้รับความจริง และรู้ตลอดทั่วทุกส่วนของจิตวิญญาณว่า พระกิตติคุณเป็น อำนาจของพระผู้เป็นเจ้าอันนําไปลู่ความรอด เพราะมันเป็นทางไปลู่ชีวิตนิรันดร (DBY, 90)
ศาลนาของเรา รวมทั่งสรรพสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงสร้างสรรค์ขึ้นมา คือกฎเกณฑ์และ ระเบียบพระองค์ทรงสถาปนากฎและพิธีการต่างๆ เพื่อปกครองและเพื่อประโยชน์ของลูก หลานมนุษย์ เพื่อดูว่าพวกเขาจะเชื่อฟังกฎและพิธีการต่างๆ เหล่านั้นหรือไม่ และพิสูจน์ตัว ว่าพวกเขามีค่าควรกับชีวิตนิรันดรโดยทางกฎของโลกชั้นสูง (DBY, 1)
พระเจ้ามิได้ทรงจัดตั้งกฎซึ่งไดยกฎนั้นบังคับไหข้าพเจ้า เซรองเทาในรูปแบบทระบุไวอย่าง ชัดเจน พระองค์ไม่เคยประทานกฎเพื่อกำหนดว่าข้าพเจ้าจะต้องสวมรองเท้าหัวฟ้านหรือหัว แหลม หรือว่าข้าพเจ้าจะต้องใส่เสื้อแขนยาวและกระโปรงยาวคลุมเท้า หรือข้าพเจ้าจะต้อง ใส่เสื้อคลุมเหมือนต้วที่ข้าพเจ้าใส่อยู่ ที่แน่ๆ คือ ทรงมอบสติปัญญาทั้งแก่สิทธิชนและคน บาปเพื่อใช้โดยอิสระไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานะปุโรหิตหรือไม่มี หรือว่าพวกเขาจะเคยหรือไม่ เคยได้ยินเกี่ยวกับฐานะปุโรหิตก็ตาม (DBY, 63)
ท่านรู้ว่ามันเป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของศรัทธาและศาลนาของเรา คือ เราไม่ทูลขอ ให้พระเจ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยปราศจากความเต็มใจที่จะช่วยเหลือพระองค์ในทุกสิ่งที่เรา ลามารถทำได้ และจากนั้นพระเจ้าจะทรงทำส่วนที่เหลือ ข้าพเจ้าจะไม่ทูลขอให้พระเจ้าทำ สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เต็มใจทำ (DBY, 43)
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์รวมเอาความจริงทุกอย่างไว้
ความจริงทุกอย่างมีไว้เพื่อความรอดของลูกหลานมนุษย์—เพื่อประโยชน์และการเรียนรู้ —เพื่อว่าพวกเขาจะเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า และความรู้เกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้า คือความสัตย์จริง—ความจริง และความจริงทุกอย่างเกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 11)
หากจะยอมรับความจริง ไม่ว่าความจริงนั้นจะมาจากใคร ไม่มีความแตกต่างแม้แต่น้อย การได้รับพระกิตติคุณจากโจเซฟ สมีธ ก็เหมือนกับได้รับจากเปโตรชายผู้มีชีวิตอยู่ในสมัย พระเยซู ได้รับพระกิตติคุณจากคนหนึ่งก็เหมือนกับได้รับจากอีกคนหนึ่ง หากพระผู้เป็นเจ้า ทรงเรียกคนๆ หนึ่งและส่งเขาออกไปสั่งลอนพระกิตติคุณ นั้นก็พอเพียงแล้วลำหรับข้าพเจ้า ทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าต้องการคือรู้ความจริงไม่สำคัญเลยว่าเขาจะเป็นใคร (DBY, 11)
“ลัทธิมอรมอน” ตามที่คนทั่วไปเรียก ประกอบไปด้วยหลักธรรมทุกประการที่เกี่ยวข้อง กับชีวิตและความรอด ลำหรับกาลเวลาและนิรันดร ไม่สำคัญว่าใครมีความจริง หากผู้ไม่ เลื่อมใสในศาลนาได้รับความจริง พวกเขาก็เป็นของ “ลัทธิมอรมอน” ความจริงและคำลอน ที่ถูกต้องมากมายที่มีอยู่ในหลายต่อหลายนิกายของโลกเป็นของศาลนาจักรแห่งนี้ ถ้าจะ กล่าวในด้านศีลธรรมแล้ว พวกเขาจำนวนมากก็เป็นคนดีเหมือนเรา ทุกสิ่งที่ดี งดงามและ ควรสรรเสริญเป็นของศาลนาจักรและอาณาจักรแห่งนี้ “ลัทธิมอรมอน” รวมเอาความจริง ทุกอย่างไว้ไม่มีความจริงที่ไม่ได้เป็นของพระกิตติคุณ สิ่งนี้คือชีวิตนิรันดร สิ่งนี้คือความปีติ สุขสิ่งนี้คือความลมบูรณ์ของทุกสิ่งซึ่งอยู่ท่ามกลางพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายและในความเป็น นิรันดร (DBY, 3)
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ หาก “ลัทธิมอรมอน” ไม่ได้เป็นชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ ว่าข้าพเจ้าจะมีอะไรอื่นอีก ข้าพเจ้าไม่เข้าใจอย่างอื่น เพราะเหตุว่าลัทธิมอรมอนครอบคลุม ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในขอบเขตความเข้าใจของมนุษย์ หากลัทธิมอรมอนไม่ได้บรรจุทุกสิ่งที่อยู่ใน สวรรค์และบนโลกเข้าไว้ในนั้นแล้ว ลัทธินี้ก็ไม่ได้เป็นดังที่กล่าวอ้าง (DBY, 2)
ข้าพเจ้าอยากจะบอกเพื่อนๆ ของข้าพเจ้าว่า เราเชื่อในทุกสิ่งที่ดี หากท่านลามารถพบ ความจริงในสวรรค์ บนแผ่นดินโลก หรือในนรก นั้นเป็นคำลอนของเรา เราเชื่อสิ่งนั้นคำ ลอนนั้นเป็นของเรา เราขออ้างถึงสิ่งนั้น (DBY, 2)
[พระกิตติคุณ] รวมเอาศีลธรรม คุณธรรม ความสว่าง ความรู้แจ้ง ความยิ่งใหญ่ และ ความดีทุกประการไว้ สิ่งนี้ที่นำไปสู่กฎเกณฑ์และพิธีการต่างๆ (DBY, 3)
แผนดังกล่าวผสมผสานระบบของคำลอนที่เป็นจริงทุกอย่างบนแผ่นดินโลกเข้าไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเกี่ยวกับศาลนา ศีลธรรม ปรัชญาหรือการเมืองรวมทั้งการผสมผลานกฎที่ดีทุกอย่าง นับแต่สมัยของแอด้มตราบจนกระทั่งนัจจุบันนี้ไว้ด้วย มีการรวมเอากฎของประชาชาติต่างๆ ไว้ในนั้น เพราะกฎดังกล่าวโดดเด่นกว่ากฎทั้งหมดทั้งในด้านความรู้และความบริสุทธิ์นอก จากนี้ยังรวมเอาคำลอนที่มักเชื่อกันอย่างแพร่หลายไว้ด้วย แผนของพระกิตติคุณนำเอา ความจริงออกไปจากทุกที่ๆ ถูกด้นพบ และนำเอาความจริงทุกประการมารวมไว้ในระบบ เดียวโดยละทิ้งสิ่งที่ไม่มีค่าให้กระจัดกระจายไปทั่วสารทิศ (DBY, 3–4)
นึ่ศีอหน้าที่และการเรียกของเรา ในฐานะผู้ปฏิบัติตามความรอดและพระกิตติคุณเดียว กับพระเยซูที่จะละสมความจริงทุกเรื่อง และปฏิเสธความเชื่อที่ผิดทุกอย่าง แม้ว่าจะมีความ จริงอยู่ในผู้คนที่ไม่เชื่อพระผู้เป็นเจ้า หรือศาลนาที่เชื่อพระผู้เป็นเจ้าแห่งจักรวาล หรือ ศาลนานิกายโรมันคาทอลิค หรือเมโธดิสต์ เชิร์ทออฟอิงแลนด์ เพรสไบทีเรียน แบพติส เควกเกอร์สเชคเกอร์ส หรือนิยายและกลุ่มคนต่างๆ มากมายหลายหลาก แต่พวกเขาทั้งหมด มีความจริงไม่มากก็น้อย และนี่เป็นธุระของเอ็ลเดอร์ของศาสนาจักรนี้ (ที่มีพระเยซูพี่ชาย คนโตของเราเป็นหัวหน้า) ที่จะรวบรวมความจริงทั้งมวลฃึ่งมีอยู่ในโลกอ้นเป็นส่วนประกอบ ของชีวิตและความรอดของพระกิตติคุณที่เราสั่งลอน…ของวิทยาศาสตร์ และปรัชญาไม่ว่าที่ ใดก็ตามที่เราจะด้นพบได้ในทุกประชาชาติตระกูล ภาษา หรือผู้คน และนำมาสู่ไชอัน (DBY, 248)
ความรู้ นัญญา และความดีทุกประการที่ใจของมนุษย์ปรารถนามีอยู่ในศาลนาที่เรานับ ถือ (DBY, 446)
ศรัทธาที่เรามีอย่รวมความจริงทุกอย่างที่มีอยู่ในสวรรค์และในสวรรค์ชั้นสูงสุดเข้าไว้—ความจริงทุกอย่างที่มีอยู่บนผืนแผ่นดินโลก ในใต้แผ่นดินเบื้องล่าง และในสวรรค์เบื้องบน โดยสรุปคือศาลนาของเรารวมเอาความจริงทุกอย่างที่มีอยู่ในความเป็นนิรันดร์ทั้งลิ้นของ พวกพระผู้เป็นเจ้าเข้าไว้ (DBY, 448)
ศาสนาของเราประเมิน ตัดสิน และรวมเอาปัญญาทุกอย่างในโลกเข้าไว้–ทุกอย่างที่พระ ผู้เป็นเจ้าทรงเคยเปิดเผยแก่มนุษย์ พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยความจริงทุกอย่างที่โลกครอบ ครองอยู่ในปัจจุบันไม่ว่าด้านวิทยาศาสตร์ หรือศาสนา ทุกคนในโลกนี้ได้รับความช่วยเหลือ จากพระองค์สำหรับสิ่งที่พวกเขารู้และมีสิทธิได้รับ พวกเขาเป็นหนี้พระองค์ทั้งสิ้นและข้าพเจ้ายอมรับพระองค์ในทุกสิ่ง (DBY, 2)
ศาสนาของเราครอบคลุมความจริงทั้งมวลทางวิทยาศาสตร์ ที่มนุษย์ เหล่าเทพ และ บรรดาพระผู้เป็นเจ้าทราบ มิระบบที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวและมิวิทยาศาสตร์แห่งชีวิตที่ เหลือนอกนั้นมักนำไปลู่ความตาย ระบบนั้นก่อกำเนิดมาจากนั้าพุแห่งชีวิต (DBY, 2)
ความจริงจะคงอยู่เมื่อความเชื่อที่ผิดหมดไป ชีวิตจะคงอยู่เมื่อพวกที่ปฏิเสธพระคำแห่ง ชีวิตนิรันดร์ถูกกลืนเข้าไปในความตาย ข้าพเจ้าชอบความจริงเพราะมันจริง มันงดงามและ ทำให้เป็นสุข เพราะมันสง่างามในธรรมชาติของมันเอง มันมิค่าควรแก่การยกย่อง ศรัทธา และการพิจารณาของผู้มีปัญญาทั้งมวล ทั้งในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก (DBY, 9)
ข้าพเจ้าชื่นชมความจริง เพราะความจริงมุ่งที่จะสนับสนุนตัวมันเอง มันอยู่บนพื้นฐาน ของข้อเท็จจริงนิรันดร์ และจะอยู่ยืนนาน ขณะที่สิ่งอื่นทั้งหมดจะสูญสลายไปไม่ช้าก็เร็ว (DBY, 11)
ทุกคนที่ดำเนินชีวิตตามกฎที่พระเจ้าประทานแก่ผู้คนของพระองค์ และได้รับพรซึ่งพระ องค์ทรงสะสมไว้สำหรับผู้ที่ชื่อสัตย์ จะสามารถรู้เรื่องของพระผู้เป็นเจ้าจากสิ่งชื่งมิใช่ของ พระผู้เป็นเจ้า รู้ความสว่างจากความมืด สิ่งซึ่งมาจากสวรรค์และสิ่งซึ่งมาจากที่อื่นนี่เป็น ความพอใจและเป็นกำลังใจที่สิทธิชนยุคสุดท้ายได้รับจากการดำเนินชีวิตตามศาสนาของ พวกเขา นึ่เป็นความรู้ชื่งทุกคนที่ยังดำเนินชีวิตเช่นนั้นจะได้ครอบครอง (DBY, 35)
ง่ายดายเพียงไรที่จะดำเนินชีวิตตามความจริง ท่านเคยคิดอย่างนั้นหรือไม่ เพื่อนของ ข้าพเจ้า? ท่านเคยคิดอย่างนั้นหรือไม่ พี่น้องชายหญิงของข้าพเจ้า? ในทุกสภาพการณ์ของ ชีวิต ไม่สำคัญว่าจะอยู่ท่ามกลางความตาด้อยหรือความสูงล่งทางสังคม ความจริงเป็นเครื่อง นำทางที่แน่นอนที่สุดเสมอและง่ายที่สุดที่จะทำให้ชีวิตของเราดำเนินไปถูกทาง (DBY, 11)
ศาสนาของเราเป็นความจริงที่เรียบง่าย เป็นสิ่งที่ทุกคนพูดกันเป็นเสียงเดียวว่าศาสนา ของเรารวมเอาความจริงทุกอย่างไว้ในงานทุกอย่างของพระผู้เป็นเจ้าและมนุษย์ซึ่งมองเห็น หรือมองไม่เห็นได้ด้วยตาของมนุษย์ (DBY, 2)
โดยทางอำนาจฐานะปุโรหิตพระกิตติคุณเป็นหนทางสู่ความรอด สำหรับลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า
พระกิตติคุณที่เราสั่งสอนเป็นพระกิตติคุณแห่งชีวิตและความรอด ศาสนาจักรที่เรา หมายความถึงเป็นศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และมีศาสนาเดียวเท่านั้นที่ โดยศาสนานี้ลูกหลานมนุษย์จะได้รับการนำกลับไปยังที่ประทับของพระบิดาและพระผู้เป็น เจ้าของเราได้ พระเจ้าทรงลงพระหัตถ์เพื่อพื้นฟูทุกสิ่งอย่างเดียวกับที่มีอยู่ในการเริ่มด้น และโดยการบริหารของฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ ทรงช่วยทุกคนที่จะช่วยให้รอด ได้ทรงชำระโลกที่เป็นผลจากการตก และประทานโลกให้อยู่ในการครอบครองของสิทธิชน (DBY, 4)
ฐานะปุโรหิต…เป็นระเบียบและระบบการปกครองที่ี่สมบูรณ์ และโดยฐานะปุโรหิตเพียง อย่างเดียวเท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยครอบครัวมนุษย์ออกจากความชั่วร้ายที่ทำให้คนใน ครอบครัวทนทุกข์อยู่ในเวลานี้ และให้หลักประกันความสุขแก่พวกเขาในชีวิตหลังจากนี้ (DBY, 130)
พระกิตติคุณและฐานะปุโรหิตเป็นหนทางที่พระผู้เป็นเจ้าทรงใช้เพื่อช่วยให้ลูกที่เชื่อฟัง ของพระองค์รอดและได้รับความสูงล่งจนไปสู่การครอบครองในรัศมีภาพระดับเดียวกับ พระองค์และได้รับอำนาจที่จะสวมมงกุฏแห่งรัศมีภาพ ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร (DBY, 5)
กิจการทุกอย่างที่เราทำจะถูกปุกครองโดยการนำทางของฐานะปุโรหิต (DBY, 133)
ไม่มีพิธีการใดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงมอบให้โดยสุรเสียงของพระองค์เอง โดยทางพระเยซู–คริสตัพระบุตรของพระองค์ หรือโดยปากของศาสดาหรืออัครสาวกหรือผู้ประสาทพรของ พระองค์ไร้ปุระโยชน์ หรือใช้การไม่ได้ พิธีการทุกอย่าง พระบัญญ้ติและข้อเรียกร้องทุกประ การจำเป็นสําหรับความรอดของครอบครัวมนุษย์ (DBY, 152)
เกี่ยวกับพิธีการต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้า เราอาจลังเกตได้ว่าเรายินยอมเชื่อทังพิธีการ เหล่านั้นเพราะพระองค์ทรงประสงค์เช่นนั้น และทุกส่วนของพระประสงค์ของพระองค์แม้ ส่วนที่เล็กน้อยที่สุดก็มีหลักปรัชญาที่ลมเหตุลมผลในนั้น…หลักปรัชญาที่บรรลุถึงความเป็น นิรันดรทั้งมวล และเป็นหลักปรัชญาที่สิทธิชนยุคสุดท้ายเชื่อ ทุกอณูของความจริงที่ทุกคน ได้รับเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า เรารับความจริงเหล่านี้ และดำเนินต่อไปจากรัศมี–ภาพ สู่รัศมีภาพ จากบรรดาชีวิตนิรันดร์สู่บรรดาชีวิตนิรันดร โดยได้รับความรู้ถึงทุกสิ่งและ มาเป็นพวกพระผู้เป็นเจ้า แม้พวกบุตรของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 152)
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นเส้นทางที่เปิด–ประตูที่เปิดสู่ถนนหรือเป็นทางจาก แผ่นดินโลกสู่สวรรค์ ซึ่งโดยทางนั้นการเปิดเผยโดยตรงมาสู่ลูกหลานมนุษย์ในโอกาลและ ตำแหน่งความรับผิดชอบที่ต่างกันไปตามการเรียกและฐานะทางสังคมในที่ซึ่งพากเขาดำรง อยู่ พระกิตติคุณแห่งความรอดเป็นส่วนหนึ่งของกฎที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรที่พระผู้เป็นเจ้า พำนักอยู่ และพิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับฐานะปุโรหิตอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นหนทางที่ลูกหลาน มนุษย์จะค้นพบการเข้าถึงวิถีแห่งชีวิต ซึ่งโดยวิถีนี้พากเขาสามารถยืดขยายการเดินทางของ เขาไค้ จนกระทั่งกลับไปสู่ที่ประทับของพระบิดา พระผู้เป็นเจ้าของเขา (DBY, 6)
กฎและพิธีการต่างๆ ที่พระเจ้าทรงเปิดเผยในยุคสุดท้ายนี้ กำหนดไว้เพื่อช่วยให้บุตรและ ธิดาของแอดัมและอีฟรอด (DBY, 1)
เราประกาศมันแก่ผู้อาศัยทุกคนบนแผ่นดินโลก จากเนินเขาในยอดภูเขาทั่งหลายว่า เรา คือศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิซนยุคสุดท้าย…และเรามีคำสอนแห่งชีวิตและ ความรอดลำหรับใจที่ซึ่อสัตย์ทุกดวงในโลก (DBY, 7)
ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ประกอบด้วยกฎเกณฑ์และ พิธีการต่างๆ อันนำไปสู่ความรอด
-
ตามที่ประธานยังกล่าว พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็น “พลังอำนาจของพระผู้เป็น เจ้าอันน่าไปสู่ความรอด” ข้อความนี้เปรียบกับคำจำกัดความของพระผู้ช่วยให้รอดเกี่ยวกับ พระกิตติคุณ ใน 3 นิไฟ 27:13–14 ไค้อย่างไร?
-
อะไรคือบทบาทของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในการทำให้เกิดความเป็นอมตะและ ชีวิตนิรันดรของมนุษย์? (ดู โมเสส 1:39, เอบราแฮม 3:25 ด้าย) เหตุใดเราจึงต้องการ กฎเกณฑ์และพิธีการต่างๆ เพื่อกลับไปที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า? กฎและพิธีการต่างๆ ของพระผู้เป็นเจ้าเป็น “ประโยชน์ [ต่อ] ลูกหลานมนุษย์” ในทางใด? (ดู 2 นีไฟ 2:13, 16 ด้าย)
-
ประธานยังลอนว่าพระผู้เป็นเจ้าได้รับการ “ปกครองโดยกฎ ” ความรู้ที่ว่าพระผู้เป็นเจ้า ได้รับการปกครองโดยกฎช่วยพากเราอย่างไร? (ดู ค.พ. 82:10 ด้าย)
-
ประธานยังอธิบายว่าพระกิตติคุณเป็นระบบที่มีระเบียบ พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังให้เรา ใช้วิจารณญาณที่ดีของเราในเรื่องใด? (ดู ค.พ. 58:26–29)
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์รวมเอาความจริงทุกอย่างไว้
-
ประธานยังท้าทายให้สิทธิชนยุคสุดท้ายเป็นผู้แสวงหาความจริง ทำไมเราจึงต้องเข้าใจว่า พระกิตติคุณของพระเยชคริสต์รวมเอาความจริงทุกอย่างไว้? ทำไมเราจึงควรยอมรับ ความจริงจากที่ใดก็ตามที่เราสามารถค้นพบความจริงนั้น? เราสามารถเรียนรู้อะไรจาก ข้อความของบริคัม ยังที่ว่า “ความจริงทุกอย่างเกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้า”?
-
ข้อความของประธานยังสอนอะไรเกี่ยวกับการยอมรับและการแสดงความรักต่อคนที่มี ความเชื่อในศาสนาอื่น?
-
เราสามารถแยกแยะระหว่างความจริงกับความเชื่อที่ผิดได้อย่างไร? (ดู 1 โครินธ์ 2:11, 14; โมโรไน 7:12–17 ด้วย) เหตุใดความสามารถที่จะ “สะสมความจริงทุกเรื่องและ ปฏิเสธความเชื่อที่ผิดทุกอย่าง” จึงสำคัญในยุคสุดท้าย ?
-
การรู้ว่าพระกิตติคุณเป็นความจริงส่งผลอย่างไรต่อวิธีที่เราดำเนินชีวิต? เหตุใดความจริง จึงเป็น “เครื่องนำทางที่แน่นอนที่ลุดและง่ายที่สุดที่จะทำให้ชีวิตของเราดำเนินไปถูกทาง” เสมอ? ชีวิตของเราจะเป็นอย่างไร หากเราดำเนินชีวิตด้วยการโกหกและหลอกลวง ? (ดู ค.พ. 88:86 ด้วย)
โดยทางอำนาจฐานะปุโรหิต พระกิตติคุณเป็นหนทางสู่ความรอดสำหรับ ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า
-
อะไรคือความสัมพันธ์ระหว่างฐานะปุโรหิตกับพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์? ทำไมพิธี การฐานะปุโรหิตจึงจำเป็นในแผนพระกิตติคุณ?
-
อะไรคือบทบาทของโควรัม กลุ่ม และคณะกรรมการฐานะปุโรหิตระดับท้องที่ในการ ปฏิบัติพระกิตติคุณ? ที่ใดเป็นที่ๆ สมาคมสงเคราะห์สอนความจริงและสร้างศรัทธาใน พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์? ท่านมีประสบการณใดบ้างกับบางคนที่กำลังทำการรับ ใช้เยี่ยงพระคริสต์? ประสบการณ์ดังกล่าวมีอิทธิพอต่อท่านอย่างไร?
-
ประธานยังสอนว่าพระกิตติคุณเป็น “ประตูที่เปิดสู่ถนนหรือเดินทางจากแผ่นดินโลกสู่ สวรรค์“ความรับผิดชอบใดตกอยู่กับคนที่ยอมรับพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ที่จะแบ่ง บ้นประจักษ์พยานของพวกเขา เกี่ยวกับกฎ พิธีการ และความจริงของพระกิตติคุณ? (ดู มัทธิว 28:19–20; สุภาษิต 22:6 ด้วย)