บทที่ 28
การฝึกควบคุมตนเอง
ประธานบริคัม ยัง เรียนรู้โดยฝานประสบการณ์ว่าการนำคนที่แข็งแรงและชอบทำตาม เจตนารมณ์ของตนไปสู่ไซอัน ทำให้เกิดได้ทั้งชั่วขณะหนึ่งของความลิงโลดและชั่วขณะ หนึ่งของความเดือดดาล ในปี 1848 ขบวนเกวียนของสิทธิชน 2,000 คนที่ท่านนำอยู่พบ กับควายฝูงหนึ่ง แม้ว่าประธานยังได้มอบหมายนักล่าสัตว์ของค่ายให้ไปฆ่าควายเพียง เพื่อให้พอเป็นอาหารสำหรับนักเดินทาง แต่ยังมีชายคนอื่นๆ ออกจากกล่มและตามไล่ล่า สัตว์เหล่านั้นตลอดทั้งวัน ยิงมันเกลื่อนไปหมด และทั้งซากของพวกมันไว้บนทุ่งหญ้าโดย เปล่าประโยชน์ ท่านตำหนิผู้คนสำหรับสิ่งที่พวกเขาทำลงไป [see JTB, 29–30 June, 2 July 1848] ต่อมาท่านกล่าวว่า “จงเรียนรู้ที่จะปกครองตนเอง (DNW, 75 Aug. 1860, 1) “คุ้มครองตนเองและเพื่อนๆ โดยการเอาชนะและการควบคุมตนเอง [เพราะ] หาก ท่านไม่ควบคุมความอยาก [ของท่าน] [และ] ทำให้ความสามารถทั้งหมดของท่านอยู่ใต้ หลักธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยแล้ว ท่านจะไมมีทางมาถึงสภาพแห่งความสุข รัศมีภาพ ความปีติยินดี สันติและความสุขสมนิรันดร์ที่ท่านมุ่งหวังได้เลย” (DNW, 75 Aug. 1860, 1)
คำสอนของบริคัม ยัง
เราสามารถควบคุมตนเองและยอมตนต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้
เรามีเจตนารมณ์หรือไม่? มี เพราสิ่งนี้คือของประทานที่มอบให้มนุษย์ เป็นคุณสมบัติพิเศษ ของเหล่าพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งประสิทธิ์ประสาทแก่ผู้ที่สามารถในการเรียนรู้ ในสวรรค์และบน แผ่นดินโลก—อำนาจที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ (DBY, 264)
หากท่านพิจารณาบุคคลในสมรรถนะทุกด้านของชีวิต เจตนารมณ์ของเขาเป็นอันดับ หนึ่งและมาก่อนสิ่งอื่น ท่านสามารถได้รับและทำให้ผู้คนเกิดความรักในตัวท่าน แต่ท่านไม่สามารถข่มขู่ เฆี่ยนตีหรือกระตุ้นให้พวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ขัดกับเจตนารมณ์ของเขาได้ ครอบครัวมนุษย์จะยอมตายเพื่อสนองเจตนารมณ์ของเขา ดังนั้นจงเรียนรู้ที่จะชี้นำเจตนารมณ์เหล่านี้นอย่างถูกต้อง และท่านจะลามารถชี้นำอิทธิพลและอำนาจของผู้คนได้ (DBY, 264)
พระผู้เป็นเจ้าทรงวางเจตนารมณ์ไว้ในเรา และเราควรพอใจที่มีสิ่งนี้ไว้ควบคุมโดยพระ ประสงค์ของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ขอให้มนุษย์อย่าพยายามเอาชนะสิ่งที่ถูกต้องมนเป็น ความเคยชินของบิดามารดาที่จะเอาชนะเจตนารมณ์ของลูกๆ จนกว่าเจตนารมณ์เหล่านั้น จะอ่อนลง และอำนาจอันสง่างามที่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าของเด็กๆ จะลดน้อยลงจนไป สู่สภาวะที่เทียบได้กับความโง่เขลา และความชี้ขลาด ขอให้ลักษณะพิเศษที่เป็นอำเภอใจอัน บีมาแต่กำเนิดจากสวรรค์ของมนุษย์ใต้รับการหล่อหลอมอย่างถูกต้องและได้รับการชี้นำ อย่างฉลาด แทนการทำตามวิถีที่ตรงกันข้าม และสิ่งนี้จะได้รับชัยชนะในอุดมการณ์แห่ง ความถูกต้อง อย่าเอาชนะวิญญาณของคนใด แต่จงน้อมนำด้วยความรู้สึกว่านั้นเป็นความ ปีติยินดีอย่างใหญ่หลวงและเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดที่จะได้รับการควบคุมโดยการเปิดเผยของ พระเยซูคริสต์ และแล้วเจตนารมณ์ของมนุษย์จะกลับเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าในการเอา ชนะความชั่วร้ายที่มีอยู่ในเนื้อหนัง จนกว่าพระผู้เป็นเจ้าจะทรงมีอำนาจภายในเราที่จะ ปรารถนาและทำความดีตามที่พระองค์ประสงค์ให้เราทำ (DBY, 264)
เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง เรียนรู้ที่จะอยู่ในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าดั่งดินเหนียวในมือ ของช่างปีนหม้อ (DBY, 265)
ขอให้แต่ละคนตัดสินใจ ในพระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ที่จะเอาชนะการล่อลวง ทุกประการที่ให้ทำชั่ว—ขอให้เป็นนายของตัวเอง เพื่อพระวิญญาณที่พระผู้เป็นเจ้าทรงใส่ไว้ ในร่างกายของท่านจะปกครอง จากนั้นท่านจะสนทนา ดำเนินชีวิต ประกอบการงาน ไปโน่น ไปนี่ ทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ และพบปะสนทนากับพี่น้องของท่านตามที่ท่านควรทำ (DBY, 265–66)
เราจะควบคุมตนเองได้จนกว่าเราจะนำทุกสิ่ง “มาอยู่ภายใต้กฎของพระคริสต์”
บุคคลต่อต้านการล่อลวงที่ให้ทำ พูด หรือคิดผิดๆ ขณะที่เขามีความสว่างในการแก้ไข วิจารณญาณของเขาให้ถูกต้องเร็วเท่าใด เขาจะได้รับพลังและอำนาจที่จะเอาชนะการล่อลวงทุกอย่างที่ให้ทำชั่วได้เร็วเท่านั้น (DBY, 266)
เหตุการณ์หลายพันหลายหมื่นอย่างที่ประกอบกันเป็นชีวิตทั้งหมดของมนุษย์ ไม่ว่าเพื่อ ความดีหรือความชั่ว ขึ้นอยู่กับชั่วขณะของความระมัดระวังและความเอาใจใส่ (DBY, 267)
ท่านจะรับชีวิตนิรันดรเป็นมรดกไม่ได้ เว้นแต่ความปรารถนาของท่านจะอยู่ภายไต่วิญญาณที่อยู่ในท่านวิญญาณซึ่งพระบิดาบนสวรรค์ประทานให้ ข้าพเจ้าหมายถึงพระบิดาแห่ง วิญญาณของท่านวิญญาณเหล่านั้นซึ่งพระองค์ทรงใส่ไว้ในร่างกายเหล่านี้ร่างกายต้องถูก นำมาอยู่ภายไต่วิญญาณอย่างสมบูรณ์ มีฉะนั้นร่างกายของท่านก็จะถูกยกชี้นเพื่อรับชีวิต นิรันดรเป็นมรดกไม่ได้…จงแสวงหาอย่างพากเพียร จนกว่าท่านจะนำทุกสิ่งมาอยู่ภายใต้กฎ ของพระคิรสต์ (DBY, 266)
ข้าพเจ้ากำลังพยายามทำตัวให้ดีขึ้น ท่านกำลังพยายามทำสิ่งเดียวกันนี้หรือไม่? หากเรา ได้รับความสำเร็จในการนี้แล้ว เราจะควบคุมคำพูด และการกระทำของเราได้ จนกระทั่ง อิทธิพลของเราเป็นที่รู้จักต่อมิตรสหาย หากเราทำตัวให้ดีขึ้น เราก็พร้อมที่จะรับบางสิ่งที่พระ บิดาพระผู้เป็นเจ้าของเราทรงสะสมไวให้กับทุกคนที่เตรียมตัวเป็นผู้รับของประทานที่เลือกสรร แล้วของพระองค์—นั่นคือความสว่างทางปัญญา ความรู้แจ้ง รัศมีภาพ อำนาจและคุณสม บิตทุกประการที่พระองค์ประสงค์จะมอบแก่ลูกๆ ของพระองค์ที่นี่บนแผ่นดินโลก เพื่อ เตรียมพวกเขาให้อยู่ในปราสาทของความสว่างนิรันดร์ (DBY, 266–67)
ข้าพเจ้าพูดบ่อยๆ ว่าของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่มนุษย์ คือ จิตสำนึกที่ดี ที่ถูกต้อง และสมบูรณ์ เพื่อให้รู้ว่าจะปกครองตัวเราเองอย่างไร (DBY, 265)
ไม่มีมนุษย์คนใดเคยปกครองหรือจะปกครองได้อย่างปราดเปรื่องบนโลกนี้ ด้วยการให้ เกียรติตนเองและถวายรัศมีภาพแด่พระผู้เป็นเจ้าของเขา เว้นแต่ก่อนอื่นเขาจะเรียนรู้ที่จะ ปกครองและควบคุมตนเอง ทีแรกมนุษย์ต้องเรียนรู้ที่จะปกครองตนเองอย่างถูกต้องก่อนที่ เขาจะนำความรู้ไปใช้อย่างเต็มที่เพื่อปกครองครอบครัว เพื่อนบ้านหรือประเทศได้อย่าง เหมาะลม ซึ่งทั่งหมดนั้นเป็นหน้าที่หรือการเรียกของเขา (DBY, 265)
จนกว่าเราจะข่มความอยากของเราได้ และนำความรู้สึกตลอดจนความปรารถนาของ มนุษย์ทุกคนมาอยู่ภายใต้พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า มิฉะนั่นแล้วเราจะไม่สามารถนำ ทางและชี้แนะผู้อื่นไปสู่การครอบครองชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า งานของเราคือเอาชนะและข่ม พร้อมทั่งอบรมสั่งสอนตนเอง จนกว่าเราจะนำทุกสิ่งมาอยู่ ภายใต้กฎของพระคริสต์ (DBY, 267)
เรากำลังพยายามปกครองตนเอง หากเราพยายามต่อไป และไม่ล้มเลิก เราจะได้ชัยชนะ อย่างแน่นอน (DBY, 265)
เราสามารถควบคุมความอยากและอารมณ์ของเราได้
เราได้รับการสอนถึงมาตรฐานของความถูกต้อง ทีนี้จงข่มความอยากที่ยากจะควบคุมได้ ของท่าน ขจัดทุกสิ่งที่ท่านรู้หรือเห็นว่าผิด และยอมรับสิ่งที่ดีกว่า (DBY, 265)
ในช่วงเวลาแห่งการพิสูจน์นี้ เราบีความชั่วร้ายที่ต้องต่อสู้ และเราต้องเอาชนะมันด้วยตัว ของเราเอง หรือมิฉะนั่นเราจะไม่มีวันเอาชนะมันไม่ว่าในที่ใดก็ตาม (DBY, 265)
บุคคลที่ชอบธรรมจะไม่มีวันท้อแท้ แต่จะต่อสู้กับความอยากที่ชั่วร้ายของเขาโดยไม่หยุด และต่อสู้กับความชั่วร้ายที่มีอยู่ในครอบครัวและละแวกบ้านของเขา (DBY, 267)
คนจำนวนมากมักพูดว่าเขามีอารมณ์รุนแรงและพยายามหาข้อแก้ตัวให้กับการกระทำซึ่ง พวกเขาละอาย ข้าพเจ้าจะพูดว่า ไม่มีคนใดในบ้านนี้เจ้าอารมณ์จนยากจะคาบคุมและยาก จะแก้ได้มากกว่าตัวข้าพเจ้าเอง แต่ไม่มีคนใดในโลกที่เอาชนะความอยากของเขาไม่ได้ หาก เขาตั้งใจจะต่อสู้กับบันอย่างจริงจัง หากท่านพบว่าความอยากกำลังจู่โจมท่าน จงออกไปยัง ที่แห่งหนึ่งซึ่งท่านจะไม่ได้ยิน อย่าให้คนใดในครอบครัวเห็นท่านหรือได้ยินท่าน ขณะที่มีน อยู่กับท่าน แต่ต้องต่อสู้จนกว่ามันจะออกจากท่าน และสาดอ้อนวอนเพื่อให้มีพลังที่จะเอา ชนะ ดังที่ข้าพเจ้าพูดหลายครั้งแล้วกับเหล่าเอ็ลเดอร์ จงสาดอ้อนวอนในครอบครัวของท่าน และหากเมื่อถึงเวลาสาดอ้อนวอน ท่านไม่มีวิญญาณแห่งการสาดอ้อนวอนอยู่บนท่าน และ เข่าของท่านไม่ยอมย่อลง จงพูดกับมันว่า “เจ้าเข่าเอ๋ย เจ้าจงย่อลงชิ” ย่อเข่าลงและอยู่ อย่างนั้นจนกว่าท่านจะได้รับพระวิญญาณของพระเจ้า หากวิญญาณยอมต่อร่างกาย มัน จะแย่แต่หากร่างกายยอมต่อวิญญาณมันจะบริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ (DBY, 267)
อย่าโกรธจนท่านสาดอ้อนวอนไม่ได้ อย่ายอมปล่อยให้ตัวเองโกรธจนท่านให้อาหารแก่ ศัตรูไม่ได้—แม้ศัตรูที่เลาที่สุดของท่าน อย่าเปิดโอกาสให้มัน มีความโกรธที่ชั่วร้ายและ ความโกรธที่ชอบธรรม พระเจ้ามีทรงยอมให้ความโกรธที่ชั่วร้ายอยู่ในหฤทัยของพระองค์ แต่ มีความโกรธอยู่ในพระอุระของพระองค์ พระองค์ทรงมีคดีกับบรรดาประชาชาติ พระองค์จะ ร่อนพากเขาด้ายตะแกรง และไม่มีอำนาจใดหยุดพระหัตถ์ของพระองค์ใด้ (DBY, 269)
เมื่อความรู้สึกของข้าพเจ้าคุกรุ่นด้ายความโกรธเนื่องจากการกระทำที่ไม่ดีของผู้อื่น ข้าพเจ้าจะหยุดยั้งมันไว้เช่นเดียวกับที่ข้าพเจ้าหยุดยั้งม้าป่า และข้าพเจ้าได้รับชัยชนะ บางคน คิดและพูดว่าจะทำให้เขารู้สึกดีขึ้นเมื่อเขาบ้าคลั่ง ตามที่เขาเรียกมันอย่างนั้น ที่จะแสดง ความบ้าคลั่งออกมาในภาษาที่รุนแรงและไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามนี่คือความเข้าใจผิด แทนที่จะทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้น กลับเป็นว่าทำให้ท่านรู้สึกแย่ลง เมื่อท่านคิดและพูดว่ามัน ทำให้ท่านดีขึ้นท่านก็ได้ให้ความเชื่อถือในความผิดเสียแล้ว เมื่อความขุ่นเคืองและความขมขื่นของใจมนุษย์หล่อหลอมเป็นคำพูดและพูดออกมาด้ายความรุนแรงใส่กัน โดยไม่มีการ คาบคุมหรือยับยั้ง พอบุคคลนั้นพ่ายแพ้หรือเกิดบันดาลโทละเขาก็จะเริ่มเกิดอารมณ์อันเร่า ร้อนอีกครั้งจากเรื่องหยุมหยิมบางเรื่อง จนวิถีแห่งชีวิตถูกเผาไหม้ (DBY, 266)
ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าเตือนท่านอีกครั้ง และข้าพเจ้าเตือนตัวเองด้ายที่จะไม่โกรธ อย่ายอมให้ ความโกรธก่อขึ้นในใจท่าน ประธานยังกำลังพูดกับตัวเอง อย่าปล่อยให้ความโกรธก่อขื่นใน ใจท่าน อย่าเด็ดขาด อย่า! แม้ว่าท่านจะถูกเรียกให้ตีสอน และพูดกับผู้คนอย่างเฉียบขาด อย่าปล่อยให้ความโกรธก่อขื่นในท่าน อย่ายอม อย่ายอมเด็ดขาด! (DBY, 265)
ระงับความโกรธ ความโมโห และรับใช้พระเจ้าด้ายใจร่าเริงยินดี ด้ายใจเดียวกัน ท่านไม่ จำต้องคาดหวังความรอด เว้นแต่ว่าท่านได้ปฏิบัติความรอดเดียวกันนี้ต่อผู้อื่น ทั้งในคำสั่ง สอนและตัวอย่าง หากท่านคาดหวังความเห็นอกเห็นใจจากข้าพเจ้า จงปฎิม้ติเช่นเดียวกันนี้ ต่อข้าพเจ้า หากทานปรารถนาคำพูดที่อ่อนโยนและการปฎิบ้ติที่อ่อนโยนจากข้าพเจ้า จงให้ พรเดียวกับที่ท่านปรารถนาแก่ข้าพเจ้า และนั่นคือหนทางที่ท่านจะได้รับการช่วยให้รอด (DBY, 268–69)
หากท่านยอมให้เกิดความรู้สึกโกรธ ท่านก็ได้ทำให้วิถีทั้งมวลของชีวิตโกรธเคือง…และ ท่านก็มีแนวโน้มที่จะโกรธเคืองคนที่ขัดแย้งกับท่านด้วย เมื่อท่านรู้สึกกราวกับว่าท่านจะระเบิดความโกรธออกมา บอกความรู้สึกภายในของท่านว่าอย่าระเบิดออกมา และหัวเราะเยาะ การล่อลวงที่จะให้ท่านพูดสิ่งไม่ดี หากท่านทำอย่างนั่นต่อไป ในไม่ช้าท่านจะเป็นนายของ ตัวเองจนกระทั้งทำให้ท่านมีความสามารถแม้ไม่ง่ายนักที่จะทำอย่างนั่น จงควบคุมลิ้นของ ท่าน—จงพูดเมื่อควรพูด และจงเงียบเมื่อท่านควรเงียบ (DBY, 269)
เราต้องการวิญญาณ ความรู้ อำนาจและหลักธรรมภายในเราเพื่อปกครองและควบคุม อารมณ์ของเรา ไม่มีอันตรายจากการมี [ความโกรธ] มากเกินไปหากเราจะควบคุม [มัน] ด้วยพระวิญญาณของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ มนุษย์ที่สามารถในการเรียนรู้ทุกคนบนแผ่น ดินโลกเหมาะสมสําหรับรัศมีภาพ ความงดงาม ความดีเลิศ ตลอดจนความรู้ในโลกนี้ และ สําหรับความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดรในโลกที่จะมาถึง แต่ทุกคนที่ได้รับสิ่งนี้จะต้องได้รับ การชำระให้บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าและอยู่ภายใต้การควบคุมของพระวิญญาณ ของพระองค์อย่างสมบูรณ์ หากข้าพเจ้าถูกควบคุมด้วยพระวิญญาณของพระเจ้าสูงสุด ข้าพเจ้าก็เป็นกษัตริย์ ข้าพเจ้าเป็นใหญ่ที่สุดตราบที่ข้าพเจ้าควบคุมตนเอง (DBY, 264–65)
เราสามารถควบคุมคำพูดของเราได้
หากท่านได้รับอำนาจที่จะควบคุมคำพูดของท่านก่อน ท่านก็จะเริ่มมีอำนาจที่จะควบคุม วิจารณญาณของท่าน และตามจริงแล้วในที่สุดท่านจะได้รับอำนาจในการควบคุมความคิด และวิธีคิดของท่าน (DBY, 267–68)
ท่านควรประสบผลสำเร็จในการควบคุมลิ้นของท่าน ทั้งนี้เพื่อจะไม่ปล่อยให้ลิ้นพูดสิ่งที่ ไม่ดี ในที่สุดลิ้นก็จะเชื่อฟังวิจารณญาณและดุลยพินิจที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ท่านอย่าง สมบูรณ์ และลิ้นของท่านจะเชื่อฟังต่อความมุ่งหมายของพระกิตติคุณอันศักติ์สิทธิ์อย่าง สมบูรณ์ (DBY, 268)
บ่อยครั้งเราได้ยินผู้คนแก้ตัวให้ความไม่มีมารยาทและวาจาที่ก้าวร้าวของเขา โดยพูดว่า “ฉันไม่ได้เสแสร้ง” นั่นเป็นการให้ความดีความชอบแก่ตัวทั้งๆ ที่ไม่ใช่ความดีความชอบของ เขาเมื่อความชั่วร้ายปรากฎฃึ้นในตัวข้าพเจ้า ขอข้าพเจ้าอย่าทำตามมัน แต่พิชิตมัน ไม่ใช่ทำ ตามมันจนเข้าใจเอาเองว่าข้าพเจ้าเป็นคนชื่อตรงและไม่ได้เสแสร้ง ขออย่าให้ลิ้นของท่าน เปล่งความชั่วร้ายที่อยู่ในใจของท่านออกมา แต่จงบัญชาลิ้นของท่านให้เงียบจนกว่าความดี จะอยู่เหนือความชั่วร้าย จนกว่าความขุ่นเคืองของท่านจะยุติ และพระวิญญาณดีจะนำลิ้น ของท่านไปสู่พรและคำพูดแห่งความอ่อนโยน (DBY, 266)
หากคนใดมีนิสัยชอบเอ่ยพระนามของพระผู้เป็นเจ้าโดยไม่สมควร หยุดการกระทำนั้น เสียแต่วันนี้ พรุ่งนี้ ตลอดลัปดาห์ที่จะมาถึง และต่อๆ ไป ในไม่ช้าท่านจะมีพสังในการ เอาชนะนิสัยนั้นโดยสิ้นเชิง ท่านจะมีอำนาจเหนือคำพูดของท่าน (DBY, 268)
บางคนมีนิสัยชอบพูดเรื่องของเพื่อนบ้าน ป่าวประกาศเรื่องที่พากเขาไม่รู้อะไรเลย เพียง แค่ป้าแชลลี่พูดว่าญาติชื่อแฟนนี่บอกป้าเบทซีว่าบ้ารูธพูดถึงบางสิ่งหรือพูดถึงคนอื่น หรือ บางคนเพียงแค่ฝันไป และต่อเรื่องราวหรือความฝันนั้นก็มาเข้าหูท่าน มันเป็นข้อเท็จจริงที่ แต่งขึ้นเองและท่านก็ใช้เวลาอย่างโง1เขลาในการพูดถึงเรื่องที่ไม่ได้ม่อะไรเลย หรือเรื่องที่ ท่านไม่ได้เกี่ยวข้องด้ายเลย คำเล่าลือเริ่มจากมีคนหนึ่งทำผิด และ ต่อมามันก็แพร่กระจาย กลายเป็นเรื่องที่เสื่อมทรามคำพูดของคนช่างนินทาและชอบพูดปด-ถูกต่อเติมเสริมแต่งด้าย วิญญาณของพากเขา คนหนึ่งกับอีกคนหนึ่งรามห้ากันและพูดว่า “ถูกแล้ว —เหตุผลของ คุณถูกแล้วคุณทำถูกแล้ว และคนอื่นผิดแน่ๆ” เมื่อพากเขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ ด้ายเหตุนี้จึงเกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งต่อกัน ก่อนที่เราจะตัดสินว่าใครทำผิด เรา ควรรอจนกว่าสวรรค์จะชี้ชัดลงไปถึงความผิดของบิดา พี่ชาย น้องสาว ภรรยา สามี หรือ เพื่อนบ้าน และหากสวรรค์ประกาศความผิด ให้รอจนกว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะแสดงให้ ประจักษ์ต่อท่านว่าเรื่องดังกล่าวนั้นเป็นความผิด ขอให้พระบิดาเปิดเผยต่อท่านว่าบุคคลที่ ท่านกำลังคิดหรือพูดถึงนั้นผิดจริง อย่าใส่ร้ายบ้ายสีใคร [ทำให้เขาได้อายหรือติเตียนความ ผิดของเขา] เมื่อท่านรู้ว่าสิ่งใดถูก และลามารถแก้ไขบุคคลที่ทำผิดให้ถูกต้อง ก็เพียงพอแล้ว สําหรับท่านที่จะตัดสิน (DBY, 268)
ไม่บีชายหรือหญิงคนใดบนแผ่นดินโลกที่บีนิสัยชอบลักขโมย จะหยุดการกระทำนั้นไม่ได้…หากเขาประสงค์จะทำอย่างนั้น และเป็นเช่นเดียวกับคนที่ชอบพูดปด เขาหยุดการพูด ปดได้ ไม่พูดปดอีกต่อไป และพูดความจริง [เขาหรือเธอ] เพียงแค่ [จำเป็น] ต้องเต็มใจที่ จะทำอย่างนั้น และ [ความเต็มใจนี้] สามารถทำให้คนที่ชอบพูดปดเป็นคนพูดความจริงได้ ขโมยเป็นคนชื่อตรงได้ และคนชอบสาบานหยุดคำพูดที่ชั่วร้ายได้ (DBY, 264)
ขณะที่เรามีสิทธิ์พูดคุยกัน ขอให้เราพูดคำที่ปลอบประโลม และให้กำลังใจ เมื่อเราได้รับ อิทธิพลของพระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์และศักคิ์สิทธิ์ จงให้ความสว่างของท่านล่องออก ไป แต่หากท่านถูกทดลอง ถูกล่อลางและถูกล่งไปรับมือกับชาตาน จงเก็บความคิดไว้ในใจ ตน—ปิดปากเงียบ เพราะการพูดทำให้เกิดผลดีหรือเสียก็ได้ (DBY, 166)
มีภาษิตเก่าแก่บทหนึ่ง เป็นภาษิตที่ดีเยี่ยม กล่าวว่า “คิดสองครั้งก่อนที่ท่านจะพูด และ คิดสามครั้งก่อนที่ท่านจะทำ” หากเราฝึกตนเองให้คิดถึงสิ่งที่เราจะทำ ก่อนที่เราจะทำมัน มี ความเข้าใจที่จะรู้ และมีอำนาจที่จะปฎิบัติความดี ด้ายเหตุนี้เราสามารถหลีกเลี่ยง…ความ ชั่วร้ายได้ (DBY, 268)
นี่คือของประทานที่มีค่ายิ่ง ที่ดูเหมือนบางคนจะครอบครองอยู่ โดยมีความรู้เพียงพอที่ จะไม่พูดจนกว่าคำพูดที่จะเอ่ยออกมานั้นเอื้อประโยชน์และเป็นประโยชน์ต่อตัวเขา ต่อผู้อื่น หรือทั้งสองฝ่าย (DBY, 268)
ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา
เราสามารถควบคุมตนเองและยอมตนต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าได้
-
ประธานยัง สอนว่าเจตนารมณ์เป็น “คุณสมบัติพิเศษของพากพระผู้เป็นเจ้า” ท่านยัง กล่าวอีกว่าเจตนารมณ์ของเราเป็นเอ็นดาวเมนท์ หรือของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า เจตนารมณ์ของมนุษย์จะเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าโดยกระบานการใด? (ดู โมไชยา 3:19 ด้าย) บิดามารดาและผู้นำสามารถ “ชี้นำอย่างถูกต้อง” ในเจตนารมณ์ของลูกๆ และ ของผู้อื่น แต่ “ไม่เอาชนะวิญญาณของคนหนึ่งคนใด” ได้อย่างไร? บิดามารดาและผู้นำ ของท่านนำทางเจตนารมณ์ของท่านไปในทางที่ถูกต้องได้อย่างไร?
-
การอยู่ “ในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าดั่งดินเหนียวในมือของช่างนั้นหม้อ” หมายความ ว่าอะไร? เราจะยอมตนต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าและยังคงรักษาความเป็น มนุษย์ของเราได้อย่างไร?
เราจะควบคุมตนเองได้จนกว่าเราจะนำทุกสิ่ง “มาอยู่ภายใต้กฎของพระคริสต์”
-
การต่อต้านการส่อลางหนึ่งอย่างเพิ่มความสามารถของเราที่จะต่อด้านการล่อลางทุก อย่างได้อย่างไร? ประธานยังสอนว่าการนำความปรารถนาของเรามาอยู่ “ภายใต้ วิญญาณ” จำเป็นต่อการ “ถูกยกขึ้นสู่การได้รับชีวิตนีรันดร์เป็นมรดก” การเชื่อฟังความ โน้มเอียงทางวิญญาณของเรามากกว่าความปรารถนาทางกายของเราเตรียมเราให้พร้อม สำหรับความสูงล่งอย่างไร?
-
การคาบคุมตนเองเตรียมเราให้ได้รับ “ของประทานที่เลือกสรร” ใดจากพระผู้เป็นเจ้า?
-
ทำไมเราจึงต้องมีการคาบคุมตนเองก่อนที่เราจะนำผู้อื่น?
-
ท่านคิดว่าประธานยังหมายความว่าอะไรเมื่อท่านสอนว่า “ของประทานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่มนุษย์ คือ จิตสำนึกที่ดี ที่ถูกต้อง และสมบูรณ์ เพื่อให้รู้ว่าจะ ปกครองตัวเราเองอย่างไร”? เราจะปกครองตนเองและขณะเดียวกันก็ยอมทำตามพระ ประสงค์ทุกอย่างของพระบิดาได้อย่างไร?
เราสามารถควบคุมความอยากและอารมณ์ของเราได้
-
มีสิ่งใดบ้างที่เป็น “ความอยากที่ยากจะควบคุม” แต่เราต้องควบคุม? ท่าอย่างไรเราจึง จะพิชิตความอยากและการกระทำดังกล่าวได้?
-
เราแยกแยะระหว่าง “ความโกรธที่ชอบธรรม” ดังที่พระผู้ช่วยให้รอดแสดงไวในหลายๆ ครั้ง กับ “ความโกรธที่ชั่วร้าย” ได้อย่างไร ? (ดู 2 นีไฟ 1:26 ด้วย)
-
อะไรคือผลลัพธ์ของการยินยอมให้มีความรู้สึกโกรธ? (ดู ยากอบ 3:5–6 ด้วย) คำแนะนำ ของประธานยังเกี่ยวกับการควบคุมความโกรธคืออะไร? การยอมตนต่อพระวิญญาณ ช่วยให้เราควบคุมความโกรธอย่างไร?
เราสามารถควบคุมคำพูดของเราได้
-
เราจะ “ได้รับอำนาจที่จะควบคุมความคิดและวิธีคิดของเรา” ได้อย่างไร?
-
ประธานยังแนะนำอย่างไรกับคนที่บอกว่าเขาพูดก้าวร้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นคนเส แสร้ง?
-
เราจะควบคุมลิ้นของเราอย่างไร เมื่อเราถูกล่อลวงให้ (1) เอ่ยพระนามของพระผู้เป็นเจ้า อย่างไม่สมควร (2) ชุบชิบนินทาเพื่อนบ้านของเรา (3) จับผิดหรือทำลายชื่อเสียงของ คนบางคน (ดู ค.พ. 136:23–24 ด้วย) หรือ (4) ทำให้สมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนรู้สึก อึดอัดหรือตกตาลง? (ดู ค.พ. 52:16)
-
เราควรทำอะไรหากเรามีความคิดที่ไม่ดีเกี่ยวกับคนอื่น?