บทที่ 6
การติดต่อระหว่างพระผู้เป็นเจ้า กับมนุษย์
ประธานบริคัม ยัง สอนว่า “หน้าที่อันดับแรกสุดและสำคัญที่สุดของเรา [คือ] แสวงหา พระเจ้าจนกระทั่งเราสามารถเปิดเส้นทางของการสื่อสารจากพระผู้เป็นเจ้ามาถึงจิตวิญญาณของเราได้” ไม่นานหลังจากศาสดาโจเซฟ สมิธเสียชีวิต บริคัม ยัง เล่าถึงความฝัน ของท่านเมื่อโจเซฟมาเยี่ยมและบอกท่าน: “โจเซฟเดินตรงเข้ามาหาเรา ท่านมีท่าทาง จริงจังมาก แต่ก็ดูสดชื่นท่านกล่าวว่า: ‘บอกผู้คนให้ถ่อมใจและชื่อสัตย์และต้องมั่นคงใน การรักษาพระวิญญาณของพระเจ้าซึ่งจะนำให้พวกเขาทำสิ่งถูกต้อง จงระวังและอย่า หลีกหนีไปจากสุรเสียงนุ่มนวลแผ่วเบาซึ่งจะสอนพวกเขาว่าจะทำสิ่งใดและจะไปที่ใด สุร เสียงนั้นจะก่อให้เกิดผลของอาณาจักร…บอกสมาชิกทุกคนของศาสนาจักรว่าหากพวก เขาทำตามพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเขาจะไปถูกทาง’” (JH) ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้ามีสิทธิพิเศษที่จะได้รับความสว่างทางปัญญาจากพระวิญญาณของพระคริสต์ และได้รับการเปิดเผยส่วนคัวโดยผ่านพระวิญญาณบริสุทธิ์ตราบที่พวกเขาแสวงหาพระ เจ้าอย่างตั้งใจจริง
คำสอนของบริคัม ยัง
ประทานพระวิญญาณของพระคริสต์แก’ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อให้ ความสว่างทางปัญญา และช่วยให้พวกเขารู้จักความดีจากความชั่ว
พ ระวิญญาณของพระเจ้า “ให้ความสว่างแก่มนุษย์ทุกคนที่เข้ามาในโลก ไม่มีแม้สักคน เดียวที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินโลกโดยไม่ได้รับความสว่างทางปัญญาจากพระวิญญาณของ พระเจ้า พระเยซู ไม่เลยสักคน มีผู้กล่าวถึงพระองค์ไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นความสว่างของ โลก พระองค์ประทานความสว่างแก่มนุษย์ทุกคนที่เข้ามาในโลกและบางครั้งทุกคนจะมีแลง สว่างของพระวิญญาณแห่งความจริงอยู่บนเขา [ดู ยอห์น 1:9; 8:12; โมโรไน 7:16; ค.พ. 84:46] (DBY, 32)
ข้าพเจ้าไม่เชื่อเด็ดขาดว่ายังมีชายหรือหญิงบนพื้นโลกนับแต่สมัยของแอดัมมาจนถึงทุก วันนี้ที่ไม่ได้รับแลงสว่างทางปัญญา การแนะนำ หรือลอนโดยการเปิดเผยจากพระเยซูคริสต์ อะไรนะ! คุณหมายความว่าพวกคนป่า ไร้อารยธรรมได้รับสิ่งนี้ด้วยหรือ? แน่นอน มนุษย์ ทุกคนที่มีความคิดจิตใจปกติสมบูรณ์จะได้รับสิ่งนั้นข้าพเจ้าไม่เชื่อเลยว่าลูกหลานมนุษย์จะ ถูกเพิกถอนสิทธิพิเศษของการได้รับพระวิญญาณของพระเจ้าซึ่งจะลอนพวกเขาให้รู้สิ่งถูก จากสิ่งผิด (DBY, 32)
ข้าพเจ้า…เชื่ออย่างไม่มีข้อลงลัยใดๆ ว่าไม่มีสิ่งใดเป็นที่รู้ได้นอกจากโดยการเปิดเผยจาก พระเจ้าพระเยซูคริสต์ ไม่ว่าทางเทววิทยา วิทยาศาสตร์ หรือศิลปะ (DBY, 38)
หลายคนมีพรสวรรค์ มีสติปัญญาลํ้าเลิศ มีพลังทางความคิด และมีความรู้เกี่ยวกับระบบ เครื่องจักรกลที่ละเอียดอ่อน พวกเขาเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น แม้จะไม่รู้ว่าเขาได้รับสติปัญญา มาจากไหน พระวิญญาณของพระเจ้ายังไม่ลิ้น [หยุด] ความพยายามกับผู้คนทรงให้ความ รู้และปัญหาแก่พวกเขาอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้จึงเปิดเผยแก่พวกเขาแนะนำพวกเขา ลอน พวกเขา และน่าทางพวกเขา (DBY, 33)
พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่ที่นี่ อิทธิพลของพระองค์กว้างไกลจนไร้เขตจำกัด พระองค์ทรงมีผู้ ลื่อข่าวของงานทั้งปวงอันเกิดจากผีพระหัตถ์ของพระองค์พระองค์ทรงเฝ้าดูทุกคนที่พระองค์ ทรงสร้างขึ้น พระองค์ทรงรู้การกระทำ ความรู้สึก และความคิดทั้งหมดของพวกเขา เพราะ ปัญหาและอำนาจของพระองค์กว้างไกลไร้เขตจำกัด ไม่ใช่พระวรกายแต่เป็นพระวิญญาณ ของพระองค์ พระองค์’ทรงอยู่ที่นี่ กำลังลอน น่าทางและชี้แนะประชาชาติต่างๆ ของแผ่นดิน โลก (DBY, 32)
พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับลูกๆ ของพระองค์โดยทางการเปิดเผย
คนพวกนี้เชื่อในการเปิดเผย คนพวกนี้เคยเชื่อ และยังเชื่อว่าพระเจ้าตรัสจากสวรรค์พวก เขาเคยเชื่อและยังเชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงล่งเทพลงมาประกาศพระกิตติคุณอันเป็นนิจตาม การเป็นพยานของยอน์น [ดู วิวรณ์ 14:6–7] (DBY, 38)
บ่อยครั้งที่เราได้ยินว่าพระวจนะที่มีชีวิตต้องอยู่ในศาลนาจักร เพื่อว่าอาณาจักรของพระ ผู้เป็นเจ้าจะได้รับการจัดตั้งและรุ่งเรืองบนแผ่นดินโลก ข้าพเจ้าจะพูดในอีกทัศนะหนึ่งของ ความคิดนี้ข้าพเจ้ากล่าวว่าทุกคนจะต้องมีพระวจนะที่มีชีวิตของพระผู้เป็นเจ้าหรือพระวิญญาณแห่งการเปิดเผย เพื่อพวกเขาจะรู้จักแผนแห่งความรอด และดำเนินอยู่ในทางนั้น ซึ่ง จะนำพวกเขาไปสู่ที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 38)
พระเจ้ามีได้ประทับอยู่ทุกแห่งหนด้วยพระวรกาย แต่พระองค์ทรงมีตัวแทนที่จะพูดและ ปฏิบัติเพื่อพระองค์ เหล่าเทพ ทูต อัครสาวก และผู้รับใช้ของพระองค์ได้รับมอบหมายและ อำนาจที่จะปฏิบัติในพระนามของพระองค์ ผู้รับใช้ของพระองค์รับมอบอำนาจที่จะแนะนำ และบอกเรื่องที่สำคัญที่สุดและเรื่องที่ถือว่าไม่สลักสำคัญ รวมทั้งสั่งลอน ชี้แนะ และนำทาง สิทธิชนของพระองค์ (DBY, 41)
ไม่มีใครที่ได้รับอิทธิพลในอาณาจักรแห่งนี้และดำรงอยู่ในนั้น ตลอดจนทำการเรียกของ เขาให้ลมบูรณ์โดยปราศจากอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ด้วย บุคคลต้องดำเนินชีวิต เพื่อที่ ตนเองจะได้รับแลงสว่างของพระวิญญาณอันคักดิ์สิทธิ์ มีฉะนั้นแล้ว พวกเขาจะขาดความ เชื่อมั่นในตนเอง ในศาลนา หรือแม้แต่พระผู้เป็นเจ้าของตน และไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็จะ หันเหจากศรัทธา (DBY, 33)
สุภาพบุรุษคนหนึ่งถามข้าพเจ้าว่าข้าพเจ้านำทางผู้คนโดยการเปิดเผยอย่างไร ข้าพเจ้า ลอนพวกเขาให้ดำเนินชีวิตเพื่อที่พระวิญญาณแห่งการเปิดเผยจะทำให้หน้าที่ประจำวันของ พวกเขาเป็นไปด้วยความราบรื่น เพื่อให้พวกเขาลามารถนำทางตนเองได้ เพื่อให้ได้การเปิด เผยนี้ ผู้คนจำเป็นต้องดำเนินชีวิตเพื่อให้วิญญาณของพวกเขาบริสุทธิ์และละอาดเหมือน แผ่นกระดาษเปล่าที่วางอยู่บนโต๊ะยังไม่มีผู้ใดขีดเขียนแต่พร้อมที่จะรับเครื่องหมายใดๆ ก็ตามที่ผู้เขียนจะใส่ลงไป (DBY, 41)
ไม่มีข้อโต้แย้งทางโลก ไมมีเหตุผลทางโลกใดๆ ลามารถเปิดความคิดของมนุษย์ผู้ทรง ปัญญาและแสดงเรื่องราวจากสวรรค์แก่พวกเขาได้ หากจะทำเช่นนั้นได้ก็โดยพระวิญญาณ แห่งการเปิดเผยเท่านั้น (ดู 1 โครินธ์ 2:9–14) (DBY, 37)
การเปิดเผยของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระวิญญาณแห่งความจริงจะทำให้มองเห็นทุก สิ่ง และผู้มีสิ่งนี้จะเข้าใจความจริงจากความเท็จ ความสว่างจากความมีด เรื่องของพระผู้ เป็นเจ้าจากเรื่องที่มีใช่ของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เราลามารถเข้าใจ พระกิตติคุณของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และวิธีที่เราจะ รอด จงทำตามและปล่อยให้สิ่งนี้นำเราไปสู่พระผู้เป็นเจ้า แหล่งกำเนิดของความสว่าง ณ ที่ นี้ประตจะเปิด ความคิดจะสว่างไสว ให้เราได้เห็น รู้และเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้งที่มันเป็นอยู่ (DBY, 34)
ไม่มีใครจะรู้จักพระเยซูพระคริสต์ได้นอกจากเขาจะได้รับการเปิดเผยจากสวรรค์ [ดู 1 โครินธ์ 12:3] (DBY, 37)
หากปราศจากการเปิดเผยโดยตรงจากสวรรค์ ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่บุคคลใดจะเข้าใจแผน แห่งความรอดอย่างถ่องแท้ (DBY, 38)
หากปราศจากการเปิดเผยของพระผู้เป็นเจ้า เราหารู้ไม่ว่า เราเป็นใคร มาจากไหน หรือ ใครสร้างโลกซึ่ง ณ โลกนี้เรามีชีวิต เคลื่อนไหวและเป็นอยู่ในพระองค์ (DBY, 37)
เมื่อพระวิญญาณแห่งการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้าดลใจบุคคลคนหนึ่ง ความคิดของเขา จะเปิด ให้เห็นความสวยงาม ความมีระเบียบและรัศมีภาพแห่งการสร้างโลกนี้รวมทั้งผู้ที่ อาศัยอยู่ในนั้น วัตถุประสงค์ของการสร้าง และจุดประสงค์ของพระผู้สร้างในการทำให้ลูกๆ ของพระองค์ได้อาศัยอยู่ในนั้นและบุคคลนั้นจะเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่าการเป็นอยู่ของเราที่ นี่ก็เพื่อจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวคือความสูงส่งและการฟืันฟูสู่ที่ประทับของพระบิดาและ พระผู้เป็นเจ้าของเรา (DBY, 37)
ในทุกส่วนและทุกตอนของการเปิดเผยที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ลูกหลานมนุษย์หรือ บุคคลใดก็ตามในสวรรค์หรือแผ่นดินโลก เพื่อให้พากเขาเข้าใจการเปิดเผยอย่างถูกต้องพาก เขาจำต้องมีพระวิญญาณที่ให้กับพากเขา—พระวิญญาณที่ทรงเปิดเผยเรื่องเหล่านั้นสู่ความ เข้าใจและทำให้เรื่องดังกล่าวเข้าใจง่าย (DBY, 39)
เพียงแต่เราทุกคนควรดำเนินชีวิตเพื่อที่พระวิญญาณแห่งการเปิดเผยจะลามารถติดต่อ กับส่วนลึกที่สุดของวิญญาณของเราและบอกเราถึงสิ่งที่ควรทำแทนขนบประเพณีของบิดา มารดาและครูของเรา ทว่าเราจะทำอย่างนั้นได้เราต้องเป็นเหมือนเด็กเล็กๆ พระเยซูตรัสว่า ถ้าเราไม่เป็นอย่างนั้น เราจะเข้าอาณาจักรสวรรค์ใม่ได้ ช่างง่ายเสียนี่กระไร! ดำเนินชีวิต โดยปราศจากความอิจฉาริษยา ความอาฆาตแค้น ความขุ่นเคือง การทะเลาะวิวาท ความ ขมขื่นและคำนินทาว่าร้ายในครอบครัวของเราที่กล่าวถึงเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง เพื่อนฝูงของเราและมนุษย์ร่วมโลกในทุกที่ที่เราพบเห็นจงดำเนินชีวิตเพื่อให้จิตสำนึกของเรา เป็นอิสระ ละอาดหมดจด และกระจ่างสดใส (DBY, 36)
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าศาสดาเชียนพระคำของพระเจ้า? โดยการเปิดเผย เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าโจเซฟ สมิธได้รับการเรียกจากพระผู้เป็นเจ้าให้จัดตั้งอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดิน โลก? โดยการเปิดเผย เราจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้นำของคนพากนี้สอนความจริง? โดยการเปิด เผย (DBY, 38)
หากท่านได้รับภาพปรากฏหรือการเปิดเผยจากพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ที่พระเจ้าประทาน ให้เกี่ยวกับตัวท่านเอง หรือผู้คนเหล่านี้ ซึ่งท่านไม่ฟึงเปิดเผย ทั้งนี้เนื่องด้ายเขาไม่ใช่บุคคล ที่เหมาะสม หรือเพราะว่าไม่ควรเป็นที่รู้แก่ผู้คนในเวลานั้น ท่านควรปิดปากเงียบ ปิดให้ มีดชิด เก็บงำไว้ให้ดีเหมือนกับที่สวรรค์ทำกับท่าน รักษาไว้เป็นความลับตังหลุมฝังศพที่ ปิดตาย พระเจ้าไม่ทรงเชื่อถือคนที่เปิดเผยความลับ เพราะพระองค์ไม่ลามารถเปิดเผยพระ องค์ต่อบุคคลตังกล่าวได้อย่างมั่นใจ (DBY, 40–41)
ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่างานในยุคสุดท้ายเป็นจริง? ท่านจะรู้ได้โดยพระวิญญาณแห่งการ เปิดเผยโดยตรงจากสวรรค์เท่านั้น อะไรพิสูจน์กว่างานนี้เป็นจริงลำหรับท่าน…? ไม่ใช่วิญญาณแห่งการเปิดเผยที่พำนักอยู่บนท่านหรือ?—ท่านควรเพิ่มพูนสิ่งนี้วันแล้ววันเล่า ท่านควรเพิ่มพูนสิ่งที่พระเจ้าโปรดประทานให้—ที่นั้นนิดที่นี่หน่อย และเก็บรักษาความจริง อันมีค่านี้ไว้ในศรัทธาและความเข้าใจของท่าน จนกระทั่งท่านกลับดีพร้อมต่อพระพักตร์ พระเจ้าและพร้อมจะรับเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าที่นอกเหนือไปจากนี้ (DBY, 36)
เมื่อท่านทำงานอย่างชื่อสัตย์เป็นเวลาหลายปี ท่านจะเรียนรู้ข้อเท็จจริงง่ายๆ…ว่าหากใจ ของท่านอยู่ในความถูกต้องและยังคงดำเนินต่อไปในการเชื่อฟัง รับใช้พระผู้เป็นเจ้า และ ลวดอ้อนวอน พระวิญญาณแห่งการเปิดเผยจะอยู่กับท่านเหมือนดังบ่อนํ้าที่พุ่งขึ้นสู่ชีวิตอัน เป็นนิจ [ดู ค.พ. 19:38; 63:23] ขออย่าให้ใครละทิ้งการลวดอ้อนวอนเพราะเขาไม่มีวิญญาณ แห่งการลวดอ้อนวอนทั้งอย่ายอมให้สภาพแวดล้อมทางโลกทำให้ท่านต้องรีบเร่งขณะอยู่ใน การปฎิบัติหน้าที่อ้นสำคัญนี้ โดยการก้มศีรษะลงต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อขอให้พระองค์ ประทานพรท่าน ท่านก็จะเห็นผลลัพธ์นี้ได้อย่างชัดเจน—พระผู้เป็นเจ้าจะประทานพรท่าน อย่างมากมายทั้งทางโลกและทางวิญญาณ (DBY, 46)
หน้าที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของเราคือแสวงหาพระประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้าในการสวดอ้อนวอนประจำวัน
หากข้าพเจ้าต้องแยกแยะหน้าที่ทุกอย่างที่เรียกร้องจากลูกหลานมนุษย์ตั้งแต่ต้นจนจบ ข้าพเจ้าจะจัดให้หน้าที่ของการแสวงหาพระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเรามาเป็นอ้นดับแรกสุด และสำคัญที่สุด จนกว่าเราจะลามารถเปิดเส้นทางของการลื่อลารจากสวรรค์มายังแผ่น ดินโลก—จากพระผู้เป็นเจ้ามาสู่จิตวิญญาณของเรา จงรักษาเส้นทางแห่งการลื่อลารภายใน จิตวิญญาณของท่านให้สะอาดและบริสุทธิ์ต่อพระพักตร์พระองค์ (DBY, 41)
หากเราอยู่ใกล้พระองค์ พระองค์จะทรงอยู่ใกล้เรา หากเราแสวงหาพระองค์แต่เนิ่นๆ เราจะพบพระองค์ หากเราใช้ความคิดของเราอย่างชื่อสัตย์และพากเพียรวันแล้ววันเล่า เพื่อ จะรู้และเข้าใจพระดำริและพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า แน่นอนมันจะง่าย ถูกแล้ว ข้าพเจ้าจะพูดว่ามันง่ายกว่าที่จะรู้ความคิดของกันและกันด้วยชํ้าไป (DBY, 42)
ขอให้เราถ่อมใจ กระดือรีอร้น ว่านอนลอนง่าย น้อมรับพระประสงค์ของพระเจ้า เราจะ ไม่มีอ้นตรายและเราจะมีพระวิญญาณของพระองค์นำทางเรา หากเราเปิดปากของเราและ เรียกหาพระบิดาบนสวรรค์ของเราในพระนามของพระเยซู เราจะมีวิญญาณแห่งการลวด อ้อนวอน (DBY, 44)
พระเจ้าตรัสว่าผู้คนของเราควรมาหาเรา เพื่อรับพรที่พวกเขาต้องการ และแทนที่จะเป็น การลวดอ้อนวอนเนื่องจากเป็นหน้าที่ที่ถูกกำหนดให้ทำในฐานะสิทธิชนยุคสุดท้าย เราควร ปฎิบิตโดยถือเป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่ที่ลุดอย่างหนึ่งของเรา เพราะหากนั่นไม่ใช่การลวด อ้อนวอนที่มีประสิทธิภาพ อะไรจะเกิดขึ้นกับเราทั้งในฐานะบุคคลและในฐานะกลุ่มคน? (DBY, 43)
หน้าที่ของสิทธิชนยุคสุดท้ายคือการสวดอ้อนวอนโดยไม่หยุด และถวายความขอบคุณใน ทุกสิ่ง ยอมรับว่าทุกสิ่งอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และน้อมรับข้อเรียกร้องของพระองค์ (DBY, 42)
ขอให้ชายและหญิงทุกคนเรียกหาพระนามของพระเจ้า และเรียกหาพระองค์จากใจที่ บริสุทธิ์ ขณะอยู่ในที่ทำงานเช่นเดียวกับในห้องส่วนตัว ขณะอยู่ในที่สาธารณะเช่นเดียวกับ อยู่ตามลำพัง ทูลขอพระบิดาในพระนามของพระเยซู เพื่อพระองค์จะประทานพร จะทรง ปกปักรักษา และนำทาง พระองค์จะทรงลอนพวกเขาถึงทางแห่งชีวิตและความรอดทรง ทำให้พวกเขาดำเนินชีวิตเพื่อความรอดนิรันดร์ที่เราต่างก็ได้รับหลังจากชีวิตนี้ (DBY, 43)
ไม่สำคัญว่าท่านหรือข้าพเจ้าต้องการลวดอ้อนวอนหรือไม่? เมื่อถึงเวลาลวดอ้อนวอน จง ลวดอ้อนวอน หากเราไม่รู้สึกเช่นนั้น เราควรลวดอ้อนวอนจนกว่าเราจะรู้สึกอยากลวด อ้อนวอน (DBY, 44)
สมาซิกบางคนมาหาข้าพเจ้าและพูดว่า “ประธานบริคัม มันเป็นหน้าที่ของผมที่จะลวด อ้อนวอนหรือในเมื่อผมไมมัวิญญาณแห่งการลวดอ้อนวอนแม้แต่น้อย?” ถูกต้องบ่อยครั้งที่ หลายคนรู้สึกมืดแปดด้าน และเต็มไปด้วยความวิตกกังวลและความยุ่งยากคันไถและเครื่อง มืออื่นๆ ของพวกเขาเกิดขัดข้อง สัตว์เลี้ยงของพวกเขาพลัดพรากหายไปและเรื่องร้อยแปด รุมเร้า กระนั้นวิจารณญาณของเราก็ลอนว่า นี่คือหน้าที่ของเราที่จะลวดอ้อนวอน ไม่ว่าเรา จะอยู่ในวิญญาณแห่งการลวดอ้อนวอนหรือไม่ คำลอนของข้าพเจ้าคือ ท่านมีหน้าที่ลวด อ้อนวอน และเมื่อถึงเวลาลวดอ้อนวอน จอห์นควรพูดว่า “นี่คือสถานที่และนี่คือเวลาที่จะ ลวดอ้อนวอน คุกเข่าลงกับพื้น และคุกเข่าทันที” แต่จอห์นกลับพูดว่า “ผมไม่อยากลวด อ้อนวอน ผมไม่รู้สึกอยากทำอย่างนั้น” จงคุกเข่า ข้าพเจ้ากล่าว เขาเริ่มคิดและไตร่ตรอง คุณพูดอะไรบ้างไม่ได้หรือ? คุณพูดไม่ได้หรือว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงมีพระเมตตาต่อข้าพระ องค์ซึ่งเป็นคนบาป? แน่นอน เขาจะทำอย่างนี้ได้ หากเขาได้แสดงความไม่พอใจ หรือแช่ง ด่าเพื่อนบ้านของเขาที่ทำอะไรไม่ดีบางอย่าง เอาละ จอห์น เปิดปากของคุณและพูดว่า พระเจ้า โปรดเมตตาข้าพระองค์เกิด “แต่ผมไม่รู้สึกถึงวิญญาณแห่งการลวดอ้อนวอน” นั้น ไม่ใช่ข้อแก้ตัวของคุณ เพราะคุณรู้ว่าหน้าที่ของคุณคืออะไร (DBY, 45)
หากมารบอกกับท่านว่าท่านจะลวดอ้อนวอนไม่ได้เวลาที่ท่านโกรธ บอกเขาว่าไม่ใช่ กงการอะไรของเขา และจงลวดอ้อนวอนจนกว่าความบ้าคลั่งต่างๆ ถูกขับออกไป และความ ลงบเงียบกลับคืนมาสู่ความคิดของท่าน (DBY, 45)
เมื่อท่านตื่นนอนตอนเช้า ก่อนที่ท่านจะเอาอาหารเข้าปาก เรียกภรรยาและลูกๆ ของ ท่านมารวมก่น ก้มศีรษะลงต่อพระพักตร์พระเจ้า ทูลขอพระองค์อภัยบาปแก่ท่าน และคุ้ม ครองท่านตลอดวัน ปกก้องท่านจากการล่อลวงและความชั่วร้ายทั้งมวล นำทางท่านให้ท่า สิ่งถูกต้อง เพื่อท่านจะท่าทุกสิ่งในวันนั้นอันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่ออาณาจักรของพระผู้ เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก ท่านมีเวลาทำสิ่งนั้หรือไม่? เอ็ลเดอร์ ชิสเตอร์ทั้งหลายท่านมีเวลา ลวดอ้อนวอนหรือไม่? (DBY, 44)
กล่าวคำลวดอ้อนวอนเสมอก่อนออกไปทำงาน อย่าลืมทำอย่างนั้น บิดาหัวหน้าครอบดรัว—อย่าลืมเรียกครอบครัวของเขามารวมกัน อุทิศตัวท่านและเขาเหล่านั้นแด่จอมโยธา ทูลขอการนำทางและการชี้แนะจากพระวิญญาณอ้นศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์เพื่อนำพวกเขา ตลอดวัน–ทั้งวัน นำพาเราวันนี้ นำทางเราวันนี้ ปกก้องเราวันนี้ ช่วยให้เรารอดจากการ ทำบาปต่อต้านพระองค์ หรือผู้อยู่ในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลกวันนี้! หากเราทำดังนี้ ทุกวัน วันสุดท้ายที่เรามีชีวิตอยู่เราจะพร้อมลำหรับการได้รับรัศมีภาพที่สูงกว่า (DBY, 44)
ท่านรู้ว่ามันเป็นลักษณะพิเศษอย่างหนึ่งของศรัทธาและศาลนาของเรา คือเราจะไม่ทูล ขอให้พระเจ้าทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดโดยปราศจากความเต็มใจที่จะช่วยพระองค์ในทุกสิ่งที่เราลามารถทำได้ และจากนั้นพระเจ้าจะทรงทำส่วนที่เหลือ (DBY, 43)
ข้าพเจ้าจะไม่ทูลขอให้พระเจ้าทำสิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เต็มใจทำ (DBY, 43)
หากข้าพเจ้าทูลขอพระองค์ประทานปัญญาเกี่ยวกับความต้องการใดๆ ในชีวิตหรือเกี่ยว ข้องกับวิถีชีวิตของตนเอง หรือของเพื่อนๆ ครอบครัว ลูกๆ ของข้าพเจ้า หรือของคนที่ ข้าพเจ้าปกครองอยู่ และไม่ได้รับคำตอบจากพระองค์ แต่ได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว ตามที่ วิจารณญาณของข้าพเจ้าจะลอนข้าพเจ้าก็เท่ากับทูลเรียกร้องให้พระองค์ทรงยอมรับหรือให้ เกียรติการปฏิบัตินั้น และพระองค์จะทรงทำอย่างนั้นจนเสร็จลิ้นความตั้งใจและเจตนา ทั้งหมด (DBY, 43)
เมื่อลวดอ้อนวอน ขอให้สิทธิชนทุกคนทูลขอสิ่งที่เขาต้องการจากพระผู้เป็นเจ้าในอ้นที่จะ ส่งเสรีมความชอบธรรมของเขาบนแผ่นดินโลก หากท่านไม่รู้ว่าจะทูลขอเพื่ออะไร ขอให้ ข้าพเจ้าบอกท่านถึงวิธีลวดอ้อนวอน เมื่อท่านลวดอ้อนวอนในที่ลับกับครอบครัวของท่าน หากท่านไม่รู้ว่าจะทูลขอเพื่อสิ่งใด จงถวายตัวต่อพระบิดาบนสวรรค์ของท่าน และวิงวอนให้ พระองค์นำทางท่านโดยการดลใจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ และนำทางผู้คนของท่าน และ บอกถึงเรื่องราวของอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลก ไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านี้ ทูลขอ ให้พระองค์วางท่านไว้ในที่ๆ พระองค์ต้องการท่าน และบอกท่านถึงสิ่งที่พระองค์ทรงต้อง การให้ท่านทำ และสิ่งที่พระองค์ทรงทราบว่าท่านทำได้ (DBY, 45–46)
ขอให้ทุกคนกระตือรือร้นในการลวดอ้อนวอน จนกว่าพวกเขาจะรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้าด้วย ตัวเอง และแน่ใจว่าพวกเขากำลังเดินอยู่ในทางที่นำไปสู่ชีวิตอันเป็นนิจ และแล้วความ อิจฉา ผลพวงของความโง่เขลา จะสลายไป และจะไม่มีคนที่ชอบยกตนข่มท่าน เพราะ ความรู้สึกเช่นนั้นไม่เป็นที่ยอมรับในระเบียบแห่งสวรรค์ พระเยซูคริสต์ใม่เคยประสงค์ที่จะ แตกต่างจากพระบิดาของพระองค์ ทั้งลองพระองค์ทรงเป็นและยังคงเป็นอันหนึ่งอันเดียว กัน หากผู้คนได้รับการน่าโดยการเปิดเผยของพระเยซูคริสต์ และรับรู้ข้อเท็จจริงโดยผ่าน ความชื่อสัตย์ของพากเขา ก็ไม่ต้องเกรงว่าพากเขาจะไม่ได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวในพระเยซู คริสต์และเห็นพ้องกัน (DBY, 42)
ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา
ประทานพระวิญญาณของพระคริสต์แก’ลูกทุกคนของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้ ความสว่างทางปัญญา และช่วยให้พวกเขารู้จักความดีจากความชั่ว
-
พิจารณาถึงการทำงานในความสว่างของพระคริสต์หรือพระวิญญาณของพระเจ้า (ดู Bible Dictionary, “Light of Christ,” 725; ค.พ. 88:6–13; โมโรไน 7:12–19) การ ได้รับ “ความสว่างทางปัญญาโดยพระวิญญาณของพระเจ้าพระเยซู” หมายถึงอะไร?
-
เราจะรู้มาตรฐานนิรันดรของ “ความถูกต้องจากความผิด” ได้อย่างไร?
-
ตามที่ประธานยัง กล่าว พระวิญญาณของพระเจ้ายังคง “พยายามกับผู้คน” ในทางใด?
-
โดยอำนาจใดที่ทรง “เดิมให้อย่างไม่มีขีดจำกัด” ทำให้พระเจ้ามีอิทธิพลต่อลูกของพระ องค์? พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้อยู่ไกลจากเราทุกคนในความหมายใด? (ดู กิจการ 17:27 ด้าย) มีหลักฐานอะไรที่แสดงว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงมีอิทธิพลต่อเหตุการณ์ต่างๆ ทั่วโลก?
พระผู้เป็นเจ้าตรัสกับลูกๆ ของพระองค์โดยทางการเปิดเผย
-
พระเจ้าทรงมอบอำนาจให้ใครเป็นผู้รับการเปิดเผยต่อทั้งศาลนาจักร? (ดู ค.พ. 21:4–5; 28:2; 43:3–4; 90:3–5 ด้าย) ใครคือ “วจนะที่มีชีวิต”? ความรับผิดชอบของเราต่อวจนะ ที่มีชีวิตคืออะไร?
-
ประธานยัง กล่าวว่าคำลอนแห่งความรอดเป็นที่รู้ได้โดยการเปิดเผยเท่านั้น พระเจ้าประ ทานการเปิดเผยให้เราเป็นการสวนตัว? (ดู 2 นีไฟ 32:5 กันดารวิถี 11:29 ด้าย)
-
ตามที่ประธานยัง กล่าว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังถูกน่าไปในพระประสงค์ของพระผู้ เป็นเจ้า? เราจะได้รับการเปิดเผยเพื่อน่าทางชีวิตของเรา “วันแล้ววันเล่า” ภายใต้เงื่อนไข ใด?
-
สัญญาใดที่ทำไว้กับผู้ที่ทำงาน “อย่างชื่อสัตย์เป็นเวลาหลายปี” ในการลวดอ้อนวอนการ เชื่อฟังและการรับใช้? ท่านมีประลบการณใดบ้างกับการลวดอ้อนวอนที่เคยช่วยท่านนำ พระวิญญาณเข้ามาในชีวิตของท่าน?
หน้าที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของเราคือแสวงหาพระประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้าในการสวดอ้อนวอนประจำวัน
-
ตามที่ประธานยัง กล่าว อะไรคือหน้าที่ “อันดับแรกสุดและสำคัญที่สุด” ของเราในฐานะ สมาชีกของศาลนาจักร?
-
เราจะมี “พระวิญญาณที่ทรงนำทางเรา” ภายใต้เงื่อนไขใด? (ดู 3 นีไฟ 19:9, 24)
-
ประธานยัง ให้คำแนะนำอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับการลวดอ้อนวอน?
-
อะไรคือคำดักเตือนอย่างหนักแน่นของประธานยังที่มีต่อผู้ไม่อยากลวดอ้อนวอน?