คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 26: ความสุขและ ความเพลิดเพลินทางสังคม


บทที่ 26

ความสุขและ ความเพลิดเพลินทางสังคม

ประธานบริคัม ยัง รู้ว่าความสุขที่แท้จริงเกิดจากการดำเนินชีวิตที่ชอบธรรมเท่านั้น ท่านรู้ ด้วยว่าความสุขหลายอย่างในชีวิตเกิดจากสันทนาการและสิ่งบันเทิงที่บริสุทธิ ท่านชอบ ละครการเต้นรำ และความสนุกสนานทางสังคมอื่นๆ ท่านเปิดโอกาสให้สิทธิชนได้สนุกสนานยับการพักผ่อนหย่อนใจเหล่านี้เพราะท่านเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญต่อความ เป็นอยู่ของมนุษย์ ในชอลท์เลค ชิตี้ ท่านควบคุมการก่อสร้างโซเชียล ฮอลส์ ชึ่งเป็น สถานที่สำหรับจัดงานเต้นรำและแสดงละครเที่ยวยับโซเชียล ฮอลล์นี้ท่านกล่าวว่า: “นั่น คือหอประชุมสำหรับความสนุกสนานของเรา ไม่ใช่สถานที่สำหรับการปฎิบ้ติลระลึก เรา อุทิศอาคารหลังนี้ให้ยับจุดประสงค์ที่สร้างมันขึ้นมา…ท่านรู้ว่าวิญญาณแบบใดอยู่ในห้อง นั้น ที่นั้นเคยมีผู้ว่าการรัฐ ผู้พิพากษา แพทย์ ทนายความ พ่อค้า ผู้ที่ผ่านมา ฯลฯ ชึ่งไม่ ได้เป็นสมาชิกของศาสนาจักรของเรา และพวกเขาทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวยันว่าอย่างไร? ‘ในการเข้าสังคมตลอดชีวิตที่ผ่านมา ฉันไม่เคยรู้สึกดีเท่ายับได้มาอยู่ที่นี่’ และในสถาน บันเทิงใดก็ตาม สิทธิชนจะไม่รู้สึกดีเท่ายับที่นี่เช่นยัน…ทุกสิ่งควรเป็นไปตามกาลเทศะ” (DNW, 26 Mar. 1862, 1)

คำสอนของบริคัม ยัง

เราจะพบความสุขที่แท้จริงในความชอบธรรมและการรับใช้

เป้าหมายหลักในชีวิตของมนุษย์คืออะไร? ความสุข หากท่านให้รัศมีภาพ พลัง ความมั่งคั่ง ชื่อเสียงที่ดี มีอิทธิพลต่อเพื่อนมนุษย์แก่ข้าพเจ้า ก็ไม่จำเป็นว่าข้าพเจ้าจะใช้สิ่งทั้งหมดนั้น เพื่อทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขได้ มันขึ้นอยู่กับหลักธรรมที่ว่าสิ่งนั้นได้มาโดยวิธีที่ชอบธรรม หรือผิดศีลธรรม (DBY, 235)

เราทุกคนต่างแสวงหาความสุข เราหวังเช่นนั้น เราคิดว่าเราดำเนินชีวิตเพื่อให้ได้มันมา มันคือจุดประสงค์ของชีวิตนี้แต่เรากำลังดำเนินชีวิตเพื่อจะมีความสุขด้งที่เราปรารถนาอย่าง มากหรือไม่? (DBY, 236)

ความสุข ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน? ไม่มีในที่ใดเลยนอกจากในพระผู้เป็นเจ้า โดยการ มีวิญญาณแห่งศาสนาอันบริสุทธิ์ของเรา เรามีความสุขในตอนเช้า เรามีความสุขในตอน กลางวัน เรามีความสุขในตอนเย็น เพราะวิญญาณแห่งความรักและความสามัคคีอยู่กับเรา และเราชื่นชมในวิญญาณนั้นเพราะว่ามันมาจากพระผู้เป็นเจ้า และเราชื่นชมในพระผู้เป็น เจ้า เพราะพระองค์คือผู้ประทานทุกสิ่งที่ดีให้กับเรา สิทธิชนยุคสุดท้ายทุกคนผู้ที่มีประสบ การณ์ถึงความรักของพระผู้เป็นเจ้าในใจของเขา หลังจากได้รับการปลดบาป โดยการบัพ ติศมา และโดยการวางมือ จะตระหนักว่าเขาเปียมไปด้วยความปีติยินดี ความสุข และการ ปลอบโยน เขาอาจอยู่ในความเจ็บปวด ความผิดพลาด ความยากจน หรือในคุกหากจำเป็น แต่เขาก็ยังมีความสุข นี่คือประลบการณ์ของเรา และสิทธิชนยุคสุดท้ายแต่ละคนและทุกคน จะเป็นพยานถึงสิ่งนี้โต้ (DBY, 236)

สิทธิชน ท่านรู้สึกอย่างไรเมื่อท่านเปียมไปด้วยพลังและความรักของพระผู้เป็นเจ้า? ท่าน มีความสุขมากเท่าที่ร่างกายของท่านจะรับได้ (MSS, 15:48)

โลกทั้งโลกแสวงหาความสุข แต่เราไม่พบสิ่งนี้ในทรัพย์สินเงินทอง เราพบในสันติและ ความรัก (DBY, 235)

สิ่งใดเล่าจะนำความปีติยินดีมาให้มนุษย์? สิ่งที่จะนำสันติมาให้ (DBY, 235)

หากหัวใจมีความเบิกบาน จนทำให้เราเปียมไปด้วยความสว่างและรัศมีภาพ ย่อมไม่มี ความเศร้าโศก (DBY, 235)

เมื่อคนเราขยันและชอบธรรม เขาก็จะมีความสุข (DBY, 235)

เป็นความคิดที่ผิดของผู้อาศัยบนแผ่นดินโลกหากจะสรุปว่าการยอมเชื่อฟังพระบ้ญญ้ติ ของสวรรค์ไม่ใช่สิ่งดีที่ลุดสําหรับเขา เพราะเกรงว่ามันจะจำกัดความสบายและความสุขของ พวกเขา ไม่มีสันติที่แท้จริง ไม่มีความสุขที่แท้จริงสำหรับสิ่งใดในสวรรค์หรือบนแผ่นดินโลก นอกจากผู้ที่รับใช้พระเจ้า ในการรับใช้ของเขาจะมีทั้งความปีติยินดี และความสุข ซึ่งเราจะ ไม่อาจหาได้จากที่อื่น การทำเช่นนั้นจะมีสันติและการปลอบโยน แต่เมื่อจิตวิญญาณเปียม ไปด้วยความปีติยินดี มีสันติและรัศมีภาพ ตลอดจนความพึงพอใจกับสิ่งเหล่านี้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลานั้นคนเราก็ยังคาดไม่ถึงสิ่งดีๆ อีกมากมายที่สะสมไว้ให้ผู้ที่ชื่อสัตย์ทุกคน (DBY, 15 July 1857, 4)

เราถูกทำให้ชื่นชมทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชม ได้รับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงได้รับ เป็น เจ้าของอำนาจทุกอย่างที่พระองค์ทรงเป็นเจ้าของ ความประเสริฐทุกอย่างที่พระองค์ทรงมี ในครอบครอง—ทุกสิ่งจะต้องถูกลูกๆ ที่ชื่อสัตย์ของพระองค์นำมาขึ้นกับพระองค์ เพื่อพวก เขาจะชื่นชมทุกสิ่งกับพระองค์การพิจารณาสิ่งเหล่านี้นำสันติมาสู่จิตใจที่เปิดรับความเข้าใจ (DBY, 237)

มีวิธีเดียวเท่านั้นที่สิทธิชนยุคสุดท้ายจะมีความสุข นั้นคือการดำเนินชีวิตตามศาสนาจักร ของเขา หรืออีกนัยหนึ่งเชื่อพระกิตติของของพระเยซูคริสต์ในทุกๆ ส่วน เชื่อฟังพระกิตติคุณแห่งเสรีภาพด้วยความตั้งใจเต็มที่ซึ่งทำให้เราเป็นอิสระจริงๆ หากเราทั้งชุมชนจะเชื่อฟัง กฎของพระผู้เป็นเจ้าและทำตามพิธีการแห่งความรอด เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็คาดได้ว่าเราจะ พบความสุขที่เราปรารถนาอย่างมาก (DBY, 236)

ด้งที่ข้าพเจ้าคิดและพูดบ่อยๆ เมื่อหน้าที่เรียกร้อง ข้าพเจ้าก็มีความสุขในการออกจาก บ้าน จากนั้นข้าพเจ้ามีความสุขที่ได้กลับบ้าน เพราะนั้นคือความปีติยินดีและความสบายใจ อย่างใหญ่หลวงที่ได้ทำสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้ข้าพเจ้าและทำสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้ว่าเป็นหน้า ที่ของข้าพเจ้า ไม่สำคัญว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรหากนั้นคือสิ่งที่พระเจ้าทรงกำหนดให้ข้าพเจ้า ทำ แนวทางปฎิบ้ติตนผู้นำความปีติยินดีและสันติมาสู่ข้าพเจ้า (DNW, 6 Feb. 1856, 4)

ความสุขที่แท้จริงคือชายหรือหญิง หรือกลุ่มคนนั้นๆ พอใจสิทธิพิเศษของพระกิตติคุณของ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้า และรู้วิธีที่จะชาบซึ้งกับคุณค่าของพรของพระองค์ (DBY, 236).

เราต้องการเห็นใบหน้าที่แสดงความเบิกบานใจของทุกคน ดวงตาสดใสทุกดวงที่มีความ หวังถึงความสุขในอนาคต (DBY, 236)

ข้าพเจ้ากล่าวว่า หากท่านต้องการได้รับความสุขอ้นแสนวิเศษ จงมาเป็นสิทธิชนยุคสุดท้าย และดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระเยซูคริสต์ (DNSW, 30 June 1874, 1)

บุคคลที่ได้รับประสบการณ์แห่งความรู้เรื่องอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก และในขณะเดียวกันก็มีความรักของพระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเขา คือบุคคลที่มีความสุขที่สุดบน แผ่นดินโลก (DBY, 235)

สันทนาการในวิญญาณที่เหมาะสมจะเพิ่มความแข็งแกร่ง ให้ร่างกายและวิญญาณ

เราต้องเรียนรู้วิธีที่จะชื่นชมสิ่งต่างๆ ในชีวิต—วิธีที่จะผ่านสภาพความเป็นมตะที่นี่ ไม่มี ความสุขความสบายใจ ความพึงพอใจ หรือสิ่งใดๆ ที่ใจของมนุษย์สามารถจินตนาการได้ ด้วยวิญญาณแห่งการเปิดเผยทุกอย่างที่เราได้รับในอันที่จะทำให้สวยงาม มีความสุข ทำให้ เกิดความสบายใจและสันติ ทำให้ความรู้สึกของมนุษย์มตะสูงส่ง แต่สิ่งที่พระเจ้ามีไวในคลัง ก็เพื่อผู้คนของพระองค์พระองค์ไม่เคยขัดขวางการที่พวกเขาจะได้รับความสบายใจ พระองค์ ไม่เคยเปิดเผยคำสอนใดเท่าที่ข้าพเจ้าทราบ นอกจากสิ่งที่ถูกออกแบบไว้เพื่อเติมสันติและ รัศมีภาพโดยธรรมชาติของมัน รวมทั้งยกความรู้สึกและแรงผลักดันของใจให้อยู่เหนือความ รู้สึกที่ตาด้อย เสียใจ เป็นอันตรายถึงชีวิต ความรู้สึกที่ไม่ถูกต้อง และไร้ศักดิ์ศรี พระเจ้าทรง ปรารถนาให้เราดำเนินชีวิตในลักษณะที่เราจะได้ชื่นชมความสมบูรณ์แห่งรัศมีภาพที่เป็น ของอาณาจักรชั้นสูง และกล่าวคำอำลากับความรู้สึกที่ห่อเหี่ยว มืดมน เป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วผู้อาศัยของแผ่นดินโลก (DBY, 237)

สันทนาการเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมหรือไม่? หากข้าพเจ้าเห็นบุตรชายและบุตรสาวของ ข้าพเจ้ากำลังชื่นชมกับตัวเอง พูดคุยกัน ไปเยี่ยม ไปขี่ม้า ไปงานปาร์ตี้หรืองานเต้นรำ นั่นมี อะไรผิดศีลธรรมหรือ? ข้าพเจ้าเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด และหากข้าพเจ้าได้ยินคำพูด เห็น ท่าทางหรือการเย้ยหยันสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือสิ่งที่จะทำให้คุณลักษณะทางศีลธรรมที่งดงามต้อง เสื่อมเสีย ข้าพเจ้าก็จะรู้สึกถึงสิ่งนั่นทันที และข้าพเจ้าจะกส่าวว่า ‘หากลูกดำเนินตามทาง นั่นมันจะไม่นำลูกไปสู่ความดี มันเป็นความชั้วร้าย มันจะไม่นำลูกไปสู่บ่อเกิดแห่งชีวิตและ ปัญญา จงดำเนินตามเส้นทางที่จะนำไปสู่ชีวิตอันเป็นนิจเท่านั่น” (DBY, 237)

เป็นสิทธิพิเศษของสิทธิชนที่จะได้รับสิ่งที่ดีทุกอย่าง เพราะแผ่นดินโลกและความบริบูรณ์ ของมันเป็นของพระเจ้า [ดู ค.พ. 104:14] และพระองค์ทรงสัญญาว่าจะประทานทุกสิ่งแก่ สิทธิชนที่ชื่อสัตย์ของพระองค์ แต่มีข้อแม้ว่าสิ่งนั่นต้องรับโดยปราศจากวิญญาณของความ โลภความเห็นแก่ตัว โดยปราศจากวิญญาณของตัณหา แต่รับด้วยวิญญาณของพระกิตติคุณ แล้วดวงอาทิตย์จะฉายล่องมาที่เราอย่างอ่อนโยน แต่ละวันจะเต็มไปด้วยความยินดี และทุก สิ่งจะเต็มไปด้วยความสวยงาม ความปีติยินดี ความพึงพอใจ และการพักผ่อนของสิทธิชน (DBY, 237)

การทำให้ตัวเรามีความสุขมีรวมอยู่ในแผนอันยิ่งใหญ่ของการเป็นอยู่ของมนุษย์ ข้าพเจ้า เรียนรู้ที่จะไม่ทำให้ตัวเองเป็นทุกข์กับสิ่งที่ข้าพเจ้าช่วยไม่ได้ หากข้าพเจ้าทำดีได้ ข้าพเจ้า ก็จะทำ และหากข้าพเจ้าบรรลุถึงสิ่งนั้นไม่ได้ ข้าพเจ้าก็จะพึงพอใจกับตัวเองที่ข้าพเจ้าไม่มี สิ่งนั้น และนี่ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุขตลอดทั้งวัน (DBY, 236)

ดังนั้นจงเรียนรู้ที่จะมีความสุขเมื่อท่านมีสิทธิ์ (DBY, 235)

บัดนี้เราชื่นชมกับสิ่งบันเทิงของเรา เรามักมีการพบปะและนมัสการพระเจ้าด้วยการร้อง เพลง ลวดอ้อนวอน สอน อดอาหาร และติดต่อกันในพิธีศีลระลึกแห่งพระกระยาหารของ พระเจ้า แต่ขณะนี้เราพบกันในฐานะชุมชนทางสังคม—เพื่อจุดประสงค์อะไร? เพื่อว่า ความคิดของเราจะได้พักผ่อน ร่างกายของเราจะได้รับสันทนาการที่เหมาะสมและจำเป็นต่อ การรักษาสมดุลในชีวิต เพื่อจะส่งเสรีมการกระทำที่ก่อให้เกิดสุขภาพที่ดีต่อมนุษย์ทั้งทาง ร่างกายและวิญญาณ (DBY, 240)

ข้าพเจ้าบอกผู้คนในสถานที่แห่งสันทนาการบ่อยๆ ว่าหากพวกเขาไม่สามารถไปที่นั้น ด้วยพระวิญญาณของพระเจ้า พวกเขาควรอยู่ที่บ้านดีกว่า (DBY, 240)

ในการติดต่อทางสังคมทั้งหมดของท่าน หรือไม่ว่าการสมาคมของท่านจะเป็นอะไร ขอให้ ความรู้สึกมืดมน ไม่พอใจ บ่นว่า ไม่มีความสุข เศร้าโศก—หรือผลอันชั่วร้ายทั้งหมดของ ความคิดร่วงหล่นจากด้นในความเงียบและไม่มีใครสังเกตเห็น ขอให้มันพินาศไปเช่นนั้น โดยไม่หยิบมันขึ้นมาเพื่อจะนำไปให้กับเพื่อนบ้านของท่าน แต่เมื่อท่านมีความปีติยินดีและ ความสุข ความสว่างและปัญญา ความจริงและคุณธรรม จงให้ผลไม้นั้นแก่เพื่อนบ้านอย่าง มากมาย และมันจะทำให้พวกเขาดีขึ้น จะเสริมสร้างให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นทั้งทางอารมณ์ และวิญญาณ (DBY, 240)

เราควรแสวงหาสิ่งบันเทิงที่บริสุทธิและสอดคล้องกับมาตรฐานพระกิตติคุณ

ข้าพเจ้าสร้างโรงละครเพื่อดึงดูดใจคนหนุ่มสาวในชุมชนของเราและให้ความบันเทิงแก่ เด็กหนุ่มเด็กสาวดีกว่าที่จะให้พวกเขาเสาะแสวงหาสันทนาการในทุกหนทุกแห่ง เป็นเวลา นานก่อนที่จะสร้างอาคารนี้ ข้าพเจ้ากส่าวกับบรรดาอธิการว่า ‘จงจัดงานปาร์ตี้และสร้าง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจเพื่อให้ความสนุกสนานแก่ผู้คน’ (DBY, 243)

มีความชั่วร้ายในโรงละคร ห้องเต้นรำ สถานที่นมัสการ ในที่พักอาศัย และในโลกนี้ไหม? มี เมื่อมนุษย์มีแนวโน้มที่จะทำสิ่งชั่วร้ายในสถานที่เหล่านั้น มีความชั่วร้ายในการพบปะ สังสรรค์ในการพูดคุยกันธรรมดาๆ หากเขาจะยอมให้ตัวเองทำสิ่งชั่วร้ายขณะที่มีการบันเทิง เช่นนั้น (DBY, 243)

บนเวทีของโรงละครเราสามารถนำเสนอบทบาทเรื่องราวความชั่วร้ายและผลของมัน ความดีและผลแห่งความสุขรวมทั้งรางวัลของมัน ความอ่อนแอและความโง่เขลาของมนุษย์ ความสูงล่งของคุณธรรมและความยิ่งใหญ่ของความจริง เราสามารถทำเวทีละครให้เป็นสิ่ง ช่วยสนับสนุนแท่นพูดให้ประทับแง่คิดที่ให้ความสว่างของชีวิตอันมีคุณธรรม ความน่าสะพรึงกลัว บาปที่ร้ายกาจและความน่าสยดสยองของผลที่ตามมาของมันลงในใจของผู้คนใน ชุมชน วิถีของบาปพร้อมด้ายหนามและหลุมของมัน กับดักและบ่างแร้วของมันและวิธีที่จะ หลีกหนีจากมัน จะถูกเปิดโปงออกมา (DBY, 243)

โศกนาฏกรรมเป็นที่ชื่นชอบของโลกภายนอก ข้าพเจ้าไม่ชอบละครประเภทนั้น ข้าพเจ้า ไม่อยากให้แสดงการฆาตกรรมและความน่าสะพรึงกลัว รามทั้งความเลาร้ายที่น่าไปสู่การ ฆาตกรรมต่อสตรีและเด็กๆ ของเรา ข้าพเจ้าไม่องการให้เด็กน่าเอาความกลัว…ดาบ ปีน หรือดาบลองคมกลับบ้านและต้องทุกข์ทรมานตอนกลางคืนเนื่องจากความฝันอันน่าหวาด กลัวข้าพเจ้าต้องการให้มีละครที่เล่นในลักษณะที่จะทำให้ผู้ดูรู้สึกดี ข้าพเจ้าปรารถนาให้ผู้ที่ เล่นละครเลือกระดับของบทละครเพื่อพัฒนาความคิดของสาธารณชน และทำให้รสนิยมใน เรื่องงานประพันธ์ของชุมชนสูงล่ง (DBY, 243–44)

หากท่านอยากจะเต้นรำ จงเต้นรำ และท่านจงพร้อมลำหรับการประชุมลาดอ้อนวอน หลังจากการเต้นรำเช่นเดียวกับที่ท่านเคยเป็นมาหากท่านเป็นสิทธิชน หากท่านปรารถนา จะขอสิ่งใดจากพระผู้เป็นเจ้า ท่านพร้อมที่จะทำฉันใดในการเต้นรำ ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นกับที่ อื่นๆ หากท่านเป็นสิทธิซน (DBY, 243)

[อย่างไรก็ตาม] ผู้ที่ไมลามารถรับใช้พระผู้เป็นเจ้าด้ายใจบริสุทธิ์ในการเต้นรำก็ไม่ควร เต้นรำ (DBY, 243)

ข้าพเจ้าต้องการให้เป็นที่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าการบรรเลงไวโอลินและการเต้นรำไม่ได้ เป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการ อาจมีคำถามตามมาว่าแล้วสิ่งนั้นมีไว้เพื่ออะไร? ข้าพเจ้าขอ ตอบว่าเพื่อร่างกายของข้าพเจ้าจะก้าวไปพร้อมกับจิตใจของข้าพเจ้า จิตใจของข้าพเจ้าทา งานเหมือนกับคนงานตัดต้นไม้อยู่ตลอดเวลา และนี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าพเจ้าจึงชอบสิ่ง บันเทิงเหล่านี้—มันให้สิทธิพิเศษแก่ข้าพเจ้าที่จะโยนทุกสิ่งออกไป และลั่นตัวเอง เพื่อว่า ร่างกายของข้าพเจ้าจะได้บริหาร และจิตใจของข้าพเจ้าได้พัก เพื่ออะไรหรือ? เพื่อสั่งลมพลัง และได้รับการทำให้ลดชื่นขึ้นมาใหม่ กระฉับกระเฉงขึ้น มีกำลังวังชา และทำให้คล่องแคล่า เพื่อว่าจิตใจของข้าพเจ้าจะไม่อ่อนล้า (DBY, 242)

เนื่องจากประเพณีของบรรพบุรุษของเรามีพี่น้องชายและหญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน กับเราจำนานมากที่ไม่เคยได้เข้าไปในห้องเต้นรำหรือโรงละครจนกระทั้งเข้ามาเป็นสิทธิชน ยุคสุดท้าย และบัดนี้ดูเหมือนพวกเขาจะกระคือรือร้นที่จะได้รับความเพลิดเพลินแบบนั้น มากกว่าลูกๆ ของเราเสียอีก ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากความจริงที่ว่าพวกเขาหิวโหยความ เพลิดเพลินเช่นนั้นเป็นเวลาหลายปีซึ่งสิ่งนั้นถูกออกแบบไว้เพื่อสนับสนุนวิญญาณของพวก เขาและทำให้ร่างกายของพวกเขามีความกระฉับกระเฉงและแข็งแรง ผู้คนจำนวนหลายหมื่น คนได้เสียชีวิตก่อนเวลาอันควรเนื่องจากขาดการบริหารร่างกายและวิญญาณในลักษณะนั้น ทั้งลองสิ่งต้องการการบำรุงเลี้ยงซึ่งกันและกันเพื่อทำให้พวกเขาแข็งแรงและมีสุขภาพดี ความลามารถและพลังทุกอย่างของทั้งร่างกายและจิตใจคือของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า จงอย่าพูดว่าวิธีที่จะสร้างและคงไว้ซึ่งการมีสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจมาจากนรก (DBY, 242)

หากท่านต้องการเต้นรำจงขยับเท้าของท่านไปอย่างรวดเร็ว…หรือหากต้องการเล่นบอลก็ จงเล่น เพื่อบริหารร่างกายของท่านและให้จิตใจของท่านได้พักผ่อน (DBY, 243)

ผู้ที่รักษาพันธสัญญาและรับใช้พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา หากพวกเขาปรารถนาจะ บริหารร่างกายในรูปแบบใดก็ตามเพื่อให้จิตใจได้พักผ่อนและทำให้ร่างกายเหน็ดเหนื่อย จง ไปและทำให้ตัวเองสนุกสนานในการเต้นรำ ให้พระผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในความนึกคิดทั้งหมด ของท่านในเรื่องนี้เช่นเดียวกับในเรื่องอื่นๆ ทั้งหมด แล้วพระองค์จะประทานพรท่าน (DBY, 242)

การทำงานของเรา การใช้แรงงานของเราในทุกๆ วัน ชีวิตของเราทั้งหมดอยู่ภายใน ขอบเขตของศาลนาของเรา นี่คือสิ่งที่เราเชื่อและสิ่งที่เราพยายามปฎิบ้ติ กระนั้นพระเจ้าก็ ทรงอนุญาตให้เราทำหลายต่อหลายสิ่งที่พระองค์ไม่เคยบัญชา…พระเจ้าไม่เคยบัญชาให้ ข้าพเจ้าเต้นรำ แต่ข้าพเจ้าก็เต้นรำ ท่านทุกคนทราบดี เพราะชีวิตของข้าพเจ้าเป็นอยู่ต่อโลก กระนั้นแม้ว่าพระเจ้าไม่เคยบัญชาให้ข้าพเจ้าทำสิ่งนั้น พระองค์ก็ทรงอนุญาตให้ทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบว่าพระองค์เคยบัญชาให้เด็กชายเล่นบอล กระนั้นพระองค์ก็ทรงอนุญาต ข้าพเจ้าไม่ทราบเลยว่าพระองค์ทรงบัญชาให้เราสร้างโรงละครหรือไม่ แต่พระองค์ก็ทรงอนุ ญาตให้ทำ และข้าพเจ้าให้เหตุผลได้ว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สันทนาการและการพักผ่อน หย่อนใจเป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพของเราเท่ากับอาชีพการงานที่จริงจังของชีวิต (DBY, 238)

ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าผู้ที่กระทืบเท้า ตบมือ ผิวปาก แสดงออกด้วยเสียงอันดังและอึกทึก อื่นๆ ในโรงละครโดยที่ไม่ถูกกาลเทศะและเกินความจำเป็น มีสามัญลำนึกเพียงน้อยนิด และไม่รู้ความแตกต่างระหว่างรอยยิ้มแห่งความสุขอันเถิดจากความพึงพอใจเพื่อให้กำลังใจ เพื่อน กับการเย้ยหยันดูถูกที่นำการลาปแช่งของมนุษย์มาสู่มนุษย์ (DBY, 241)

[แต่] ขอให้จิตใจของเราร้องเพลงด้วยความปีติยินดี และให้พลังชีวิตไหลซ่านไปทั่วทุก ส่วนของร่างกาย เพราะจุดประสงค์ของการประชุมของเราก็เพื่อการฝึกฝนและเพื่อความดี ของจิตใจ (DBY, 240)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

เราจะพบความสุขที่แท้จริงในความชอบธรรมและการรับใช้

  • ทำไมมนุษย์จึงแสวงหาความสุข? ทำไมหลายคนจึงดูเหมือนจะหามันไม่พบ? เราจะหา ความสุขที่แท้จริงได้ที่ไหน? พระกิตติคุณให้ความสุขแม้แต่กับผู้อยู่ “ในความเจ็บปวด ความผิดพลาด ความยากจน หรือในคุก ได้อย่างไร”?

  • หลายคนเชื่อว่าการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้าจะจำกัดเสรีภาพของเขาและ ทำให้เขามีความสุขน้อยลง ท่านเคยมีหรือเห็นประสบการณ์ใดที่แสดงให้เห็นว่าแท้จริง แล้วเป็นไปในทางตรงกันข้าม นั่นคือ การเชื่อฟังพระบัญญัติทำให้เรามีความสุข ขณะ ที่การไม่เชื่อฟังทำให้เรามีความทุกข์?

  • ท่านรู้สึกอย่างไรที่รู้ว่าท่านถูก “ทำให้ชื่นชมทุกสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรงชื่นชม” และพระบัดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์ทรงต้องการให้ท่านมีความสุข?

  • ประธานยังกล่าวว่าวิธีเดียวที่สิทธิชนยุคสุดท้ายจะมีความสุขคืออะไร? การดำเนินชีวิต ตามพระกิตติคุณทำให้ท่านมีความสุขอย่างไร?

ลันทนาการในวิญญาณที่เหมาะสมจะเพิ่มความแข็งแกร่ง ให้ร่างกายและวิญญาณ

  • ท่านคิดไหมว่าทำไมประธานยังจึงสนับสนลันทนาการ? (ดู ค.พ. 136:28 ด้วย) กิจกรรม เพื่อสนทนาการของเราเติม “สันติและรัศมีภาพ [ให้เรา] ยกความรู้สึกและแรงผลักดัน ของใจเรา” ได้อย่างไร?

  • เราต้องทำภาระหน้าที่อะไรให้สำเร็จก่อนที่เราจะเข้าร่วมในสันทนาการ หากเราต้องการ ให้กิจกรรมของเราเป็นพรต่อเราทางวิญญาณเช่นเดียวกับทางร่างกาย?

  • ประธานยังลอนว่าสันทนาการต้องกระทำในลักษณะที่เหมาะลม เราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเรามีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับเราในสันทนาการของเรา?

เราควรแสวงหาสิ่งบันเทิงที่บริสุทธิและสอดคล้องกับมาตรฐานพระกิตติคุณ

  • ทำไมการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหลายรูปแบบ รวมถึงกิจกรรมที่เป็นสิ่งบันเทิง และการพัก ผ่อนหย่อนใจจึงเป็นสิ่งสำคัญ? ประธานยังกล่าวว่าอะไรคือประโยชน์ของดนตรี การ เต้นรำ และละคร? ท่านกล่าวกับผู้ที่เชื่อว่าโรงละครและห้องเต้นรำเป็นสถานที่แห่งความ ชั่วร้ายว่าอย่างไร?

  • มาตรฐานของการเลือกสิ่งบันเทิงของเราควรเป็นอย่างไร? ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่า “พระ ผู้เป็นเจ้าสถิตอยู่ในความคิดทั้งหมดของท่าน” แม้ว่าท่านกำลังเข้าร่วมในกิจกรรมบันเทิง หรือพักผ่อนหย่อนใจ? บิดามารดาเป็นตัวอย่างที่ดีต่อลูกๆ โดยการเลือกรูปแบบของสิ่ง บันเทิงอย่างไร?

  • ทำไมการพักผ่อนหย่อนใจจึง “เป็นสิ่งจำเป็นต่อสุขภาพของเราเท่ากับอาชีพการงานที่จริง จังของชีวิต”?

  • ท่านช่วยจัดเตรียมสันทนาการและสิ่งบันเทิงที่ปลอดภัยและสะอาดบริสุทธิ์เพื่อตัวท่าน เอง เพื่อลูกๆ ของท่าน หรือคนอื่นๆ ในชุมชนของท่านได้อย่างไร?

American Fork brass band

วงดุริยางค์อเมริกัน ฟ่อร์ก ยูท่าห์ 1866 สิทธิชนรักดนตรี และเกือบทุกชุมชนมีวงดนตรี

cultural hall of Salt Lake City

ประธานบริคัม ยัง กระตุ้นให้สิทธิชนเข้าร่วมในกิจกรรมทางวัฒนธรรมและสังคม กาพนี้ถ่ายในปี 1858 แสดงให้เห็นโซเชียล ฮอลล์ ในซอลท์เลค ซิตี้ ณ ที่นี้สิทธิชนมีโอกาสพัฒนาและแบ่งปันพรสวรรค์ของพวกเขา