คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 23: ความเข้าใจพันธสัญญาใหม่และ เป็นนิจของการแต่งงาน


บทที่ 23

ความเข้าใจพันธสัญญาใหม่และ เป็นนิจของการแต่งงาน

ในฤดูใบไม้ผลิของปี 1847 ประธานบริคัม ยัง ทั้งครอบครัวของท่านไว้ที่วินเทอร์ ควอเทอร์สและนำสิทธิชนคณะแรกไปตะวันตก ในจดหมายที่เขียนถึงแมรี่ แอนด์ภรรยาของ ท่าน ท่านบรรยายถึงความพยายามของคณะที่จะ “เตรียมสำหรับการเคลื่อนย้าย” ท่าน เขียนว่า “คู่ทุกข์คู่ยากที่รักของผม…ผมขอขอบคุณสักพันครั้งสำหรับจดหมายที่จริงใจของ คุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิปติที่อ่อนโยนและจิตใจที่มีเมตตาของคุณ ผมสวดอ้อนวอน ให้คุณและลูกๆ เสมอ และให้กับทุกคนในครอบครัวของเรา ผมรู้ว่าพระเจ้าประทานพรให้ ผมมีครอบครัวที่ดีที่สุด ที่ชายคนหนึ่งพึงมีได้บนแผ่นดินโลก” (MAAY) สำหรับประธาน ยังแล้ว พระกิตติคุณเตรียมสิทธิชนสำหรับชีวิตนิรันดร์ ชีวิตซึ่งมีการแต่งงานและมี ครอบครัวเป็นเป้าหมายสูงสด พันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงานวางรากฐาน “สำหรับชาวโลก สำหรับเหล่าเทพและสำหรับพวกพระผู้เป็นเจ้า” (DBY, 195)

คำสอนของบริคัม ยัง

พันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงาน วางรากฐานสำหรับชีวิตนิรันดร้

การแต่งงานนิรันด่ี้ร้ ไม่มีการเริ่มต้นของวันหรือที่สิ้นสุดของปี…เราจะพูดบ้างเกี่ยวกับสิ่งนี้ สิ่งนี้วางรากฐานสำหรับชาวโลก สำหรับเหล่าเทพ และสำหรับพวกพระผู้เป็นเจ้า เพื่อมนุษย์ ที่มีความลามารถในการเรียนรู้จะถูกสวมมงกุฎด้วยรัศมีภาพ ความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร้ ตามจริงแล้ว สิ่งนี้คือ ลายใยที่ขึงจากการเริ่มต้นไปถึงปลายสุดของพระกิตติคุณอัน สักดิ์สิทธิ์แห่งความรอด—พระกิตติคุณของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้ามันเป็นอยู่จากนิรันดร ถึงนิรันดร (DBY, 195)

ขอให้บิดาและมารดาผู้เป็นสมาชีกของศาสนาจักรและอาณาจักรแห่งนี้ดำเนินไปในวิกีที่ ชอบธรรม และพยายามอย่างสุดกำลังที่จะไม่ทำผิดเลย แต่ทำสิ่งที่ดีตลอดชีวิตของเขา หาก เขามีลูกหนึ่งคนหรือหนึ่งร้อยคน หากเขาประพฤติตนต่อหน้าลูกๆ ดังที่ควร ผูกมัดลูกๆ ไว้ กับพระเจ้าโดยศรัทธาและการลวดอ้อนวอน ข้าพเจ้าไม่ห่วงเลยว่าเด็กๆ เหล่านั้นจะไปใน ทิศทางใด พวกเขาได้รับการผูกมัดไว้กับบิดามารดาของเขาด้วยพันธะอันเป็นนิจ และไม่มี อำนาจใดในโลกนี้ หรือในนรกจะสามารถแยกพวกเขาออกจากบิดามารดาได้นิรันดร พวก เขาจะกลับคืนสู่แหล่งที่พวกเขาถือกำเนิดมาอีกครั้ง (DBY, 208)

เราพบว่ามีคนหนุ่มสาวจำนวนมากทีเดียวที่ถึงวัยแต่งงานแล้วแต่ยังเป็นโสด…ชายหนุ่ม และหญิงลาวของเราควรพิจารณาถึงหน้าที่จำเป็นที่พึงปฏิบิติต่อกันต่อพระผู้เป็นเจ้าต่อโลก ต่อบิดามารดา และต่อคนรุ่นต่อไปในอนาคต เพื่อความรอดและความสูงล่งของพวกเขา ใน บรรดาพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อรัศมีภาพของพระองค์ที่เรารับใช้ (DNSW, 25 Oct. 1870, 2)

ข้าพเจ้าจะมอบภารกิจให้ชายหนุ่มแต่ละคนในอิสราเอลที่ถึงวัยแต่งงาน จงไปเดี๋ยวนี้ และ แต่งงานกับสตรีที่ดี ล้อมรั้วกั้นที่ดิน ออกแบบสวนผักสวนผลไม้ และสร้างบ้าน นี่คือภารกิจ ที่ข้าพเจ้ามอบให้ชายหนุ่มทุกคนในอิสราเอล (DBY, 196)

ไม่มีชายหนุ่มคนใดในชุมชนของเราที่ไม่เต็มใจเดินทางจากที่นั่นไปอังกฤษเพื่อจะแต่งงาน ในความถูกต้อง หากเขาเข้าใจเรื่องราวดังกล่าว ไม่มีหญิงลาวคนใดในชุมชนของเราผู้ที่รัก พระกิตติคุณและปรารถนาพรจากสิ่งนั่น จะแต่งงานในวิธีอื่น เขาจะอยู่เป็นโลดจนกว่าจะ ได้แต่งงานตามที่ควรจะเป็น [ถึงแม้] ว่าเขาจะต้องอยู่จนอายุมากเท่ากับชาราห์ก่อนที่เธอจะ ให้กำเนิดอิสอัคก็ตาม [ดู ปฐมกาล 17:17] พี่น้องชายของเราจำนวนมากปล่อยให้ลูกๆ ของ เขาแต่งงานออกไปโดยไม่ได้พิจารณาถึงสิ่งนี้ และคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสำคัญนัก ข้าพเจ้าหวังว่าเราทั้งหมดจะเข้าใจสิ่งนี้ในความกระจ่างเช่นเดียวกับที่สวรรค์เข้าใจ (DBY, 195–96)

การล่วงละเมิดครั้งแรกประการหนึ่งของครอบครัวอิสราเอลคือ การที่เขาไปยังครอบครัว หรือประชาชาติอื่นเพื่อเลือกคู่ สิ่งนี้เป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ประการหนึ่งที่ลูกหลานของ เอบราแฮม ไอแชค และเจคอบทำ เพราะเขาไปและแต่งงานกับครอบครัวอื่น แม้พระเจ้าจะ ทรงห้ามไม่ให้พวกเขาทำสิ่งนี้ และประกาศกฎที่เคร่งครัดและเข้มงวดอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่อง นี้แก่เขาก็ตาม [ดู ปฐมกาล 28:1–2] พระองค์บัญชาไม่ให้พวกเขาแต่งงานกับคนต่างชาติแต่ พวกเขาก็ทำและตั้งมั่นจะทำให้ได้ [ดู ปฐมกาล 24:3] (DBY,196)

จงระวังโอ้ท่านมารดาแห่งอิสราเอล และในภายหน้าอย่าลอนลูกลาวของท่านเหมือนกับ ที่หลายคนถูกสอนมาให้แต่งงานนอกอิสราเอล วิบิติแก่ท่านที่ทำอย่างนั้น ท่านจะสูญเสีย มงกุฎของท่านแน่นอน ตราบที่พระผู้เป็นเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ (DBY, 196)

มีดวงวิญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์และบ่ริสุทธิ์จำนวนมากกำลังรอรับร่างกาย แล้วหน้าที่ของเรา คืออะไรเล่า?…นี่คือหน้าที่ของชายและหญิงที่ชอบธรรมทุกคนที่จะเตรียมร่างกายลำหรับดวง วิญญาณทุกดวงที่พวกเขาลามารถทำได้ (DBY, 197)

บิดาควรทำตามพระคริสต์เมื่อเขารัก สั่งสอน และหาเลี้ยงครอบครัว

เอาละ ขอให้ข้าพเจ้ากล่าวต่อฝ่ายประธานสูงสุด อัครสาวก อธิการทุกคนในอิสราเอล และต่อทุกโควรัม โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อผู้ที่เป็นเจ้าหน้าที่ควบคุม จงเป็นแบบอย่างแก่ [ภรรยา] และลูกๆ ของท่าน เพื่อนบ้านของท่าน และคนพวกนี้ จนท่านลามารถพูดได้ว่า: “ทำตามผมเหมือนกับที่ผมทำตามพระคริสต์” เมื่อเราทำดังนี้ ทุกสิ่งถูกต้อง และจิตสำนึก ของเราก็ใสละอาด (DBY, 198)

ขอให้สามีและบิดาเรียนรู้ที่จะทำให้เจตนารมณ์ของเขามุ่งไปทางเดียวกับพระประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้า และต่อจากนั้นก็สั่งสอน [ภรรยา] และลูกๆ ในบทเรียนนี้ เกี่ยวกับการ ปกครองตนเองโดยตัวอย่างของเขา เช่นเดียวกับโดยคำสั่งลอน รวมทั้งเพื่อนบ้านของเขาด้วย แสดงให้พวกเขาเห็นว่าจะกล้าหาญและยืนหยัดอย่างมั่นคงได้อย่างไรในการเอาชนะอุปนิสัย ที่เป็นบาปและกบฏ ในที่สุดวิถีดังกล่าวนี้จะชนะอิทธิพลชั่วร้ายที่ทำงานกับใจมนุษย์ (DBY, 198)

อย่าหยุดแม้สักวันเดียวในชีวิตของท่านที่จะให้พระวิญญาณบริสุทธิ์พำนักอยู่บนท่านและ บิดาทั้งหลายอย่าหยุด ลวดอ้อนวอนเพื่อภรรยาของท่านจะได้รับพรนี้ เพื่อลูกเล็กๆ ของท่าน จะได้รับการประสิทธิ์ประสาทด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา หากท่าน ต้องการเห็นชาติเติบโต เต็มไปด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และอำนาจ นี่เป็นทางเดียวที่จะก่อ ให้เกิดขึ้นได้ (BYP, 8 Apr. 1852)

หากเราไม่พยายามฝึกอบรมลูกๆ ของเรา ลอน และแนะนำพวกเขาเกี่ยวกับความจริงที่ ได้รับการเปิดเผยเหล่านี้ การกล่าวโทษจะตกอยู่บนเราในฐานะบิดามารดา หรืออย่างน้อย ที่สุดก็ในส่วนที่เราต้องรับผิดชอบ (DBY, 207)

ขอให้บิดาเป็นหัวหน้าครอบครัว เป็นเจ้าบ้าน และขอให้เขาปฏิบัติต่อครอบครัวเหมือน ดังเทพผู้หนึ่งปฏิบัติต่อคนเหล่านั้น (DBY, 197–98)

ขอให้ลามีเรียนรู้ที่จะโอบล้อมครอบครัวไว้ด้วยความอบอุ่นแห่งชีวิต ควบคุมอารมณ์และ ความอยาก ให้ความเคารพ ไม่เพียงเฉพาะต่อครอบครัวของเขาเท่านั้น แต่ต่อพี่น้องชายพี่ น้องหญิง และเพื่อนๆ ทุกคนของเขา (DBY, 198)

ท่าทีที่อ่อนโยน การปฏิบัติและคำพูดที่อ่อนโยน การวางตัวดีและศักดิสิทธิ์ต่อ [ลูกๆ] จะ ผูกพันลูกๆ ไว้กับเราด้วยลายรัดที่จะไม่ขาดได้ง่ายๆ ขณะที่การปฏิบัติด้วยความรุนแรงและ ไร้ความเมตตาจะผลักดันพวกเขาออกจากเรา และทำลายทุกสายสัมพันธ์อันคักดิ์สิทธิ ที่ผูก เข้าไว้กับเรา และกับพันธสัญญาอันเป็นนิจซึ่งโอบล้อมพวกเราอยู่ให้พีนาศย่อยยับหาก ครอบครัวของข้าพเจ้า…ไม่เชื่อฟังข้าพเจ้าบนพื้นฐานของความเมตตา และชีวิตอันน่ายกย่อง สรรเสริญต่อมนุษย์ทั้งปางและต่อชาวสวรรค์ทั้งผองแล้ว ก็คงไม่มีสิ่งใดมีอิทธิพลต่อ พากเขา ได้อีก (DNW, 7 Dec. 1864, 2)

บิดาคาร…พยายามชื่นชมและให้กำลังใจมารดา เพื่อหัวใจของเธอจะได้รับการปลอบ ประโลม ความรักของเธอจะไม่ลดน้อยลงในการเป็นผู้ปกปองทางโลก เพื่อความรักที่เธอมี ต่อพระผู้เป็นเจ้าและความชอบธรรมจะทำให้ทั้งร่างของเธอลั่นละเทือน เพื่อเธอจะให้กำเนิด ลูกและทำให้ทายาทของเธอซึมซับตลอดจนได้รับการประสิทธิ์ประสาทด้วยลักษณะพิเศษ ทุกประการที่จำเป็นต่อมนุษย์และถูกกำหนดไว้เพื่อปกครองราชันแห่งกษัตริย์ และพระเจ้า แห่งพระเจ้า (DBY, 199)

ขอให้ชายทุกคนในแผ่นดิน…จงมีภรรยา และแล้วออกไปทำมาหากินด้วยลำแข้ง ไปทำไร่ ไถนา ไปเป็นช่างเครื่อง ช่างฟิต หรือทำการค้าที่สุจริตเพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวที่ ต่างก็ต้องพึ่งพาท่านจงรู้จักบังคับตน รักความจริงและคุณธรรม และให้การดูแลเอาใจใส่ บำรุงเลี้ยง ให้เกียรติ และสรรเสริญสตรี เพื่อเธอจะกลับเป็นมารดาที่น่ายกย่อง จงให้เกียรติ แห่งเผ่าพันธุของชายและหญิง ซึ่งจะก้าวหน้าไปสู่ความดีพร้อมทางร่างกายและจิตใจเกิน กว่าบิดาของเขา สิ่งนี้จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในประเทศของเรา และ จะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่งจนสุดจะคณนา (DBY, 194–95)

ขอให้ลามีทำการปรับปรุงห้องครัว ห้องอาหาร และห้องนอนของเขา เพื่อประโยชน์ของ ครอบครัว ปรับปรุงสวน ทางเดิน ฯลฯ ทำให้บ้านพักอาศัยตลอดจนบริเวณรอบๆ บ้านของ ท่านสวยงาม ปูพื้นทางเดินและปลูกต้นไม้เพื่อให้ร่มเงา (DBY, 198)

มารดาควรรักและสั่งสอนครอบครัวของเธอ พร้อมทั้งสร้างอิทธิพลอันดีให้โลกรอบๆ ตัวเธอ

เมื่อข้าพเจ้าหวนคิดถึงหน้าที่และความรับผิดชอบที่ตกอยู่กับมารดาและสตรีของเรา ตลอดจนอิทธิพลที่พวกเธอแผ่ออกมา ข้าพเจ้าถือว่าเธอเป็นเสมือนแหล่งกำเนิด และมูลเหตุ สำคัญของการเป็นอยู่ที่นี่ของเรา จริงที่ว่าชายเป็นคนแรก บิดาอาต้มถูกวางไว้ที่นี่ในฐานะ กษัตริย์ ของแผ่นดินโลก เพื่อน่ามันมาอยู่ใต้บังคับบัญชา แต่เมื่อมีมารดาอีฟ เธอมีอิทธิพล โดดเด่นเหนือเขา คนจำนวนมากคิดว่ามันไม่ค่อยดีนัก แต่ข้าพเจ้าคิดว่ามันดีเยี่ยม (DBY, 199)

หน้าที่ของมารดาคือดูลูกๆ ของเธอ และให้การศึกษาเบื้องต้นแก่พวกเขา เพราะรอยประ ทับใจที่ได้รับในวัยทารกจะอยู่คงทน ท่านรู้ด้วยตนเองโดยประลบการณ์ว่า รอยประทับใจที่ ท่านได้รับในวัยทารก ในความเป็นอยู่มตะของท่านจนถึงทุกวันนี้ยังคงจารึกอยู่ในความทรง จำของท่าน ลูกไว้วางใจมารดาของเขาอย่างสนิทใจ ท่านเอ็นดูเขาด้วยความรู้สึกผูกพันตาม ธรรมชาติ ไม่ว่าเขาจะมีรูปโฉมภายนอกเป็นอย่างไร นั่นทำให้เขาคิดว่า มารดาของเขาเป็น มารดาที่ดีที่สุด และงดงามที่สุดในโลก ข้าพเจ้าพูดกับตัวเอง เด็กๆ วางใจในมารดาของพวก เขาโดยลิ้นเชิง และหากมารดาจะพยายามอย่างเต็มที่ เธอจะค่อยๆ ซึมซับสิ่งที่พวกเธอพอ ใจเข้าไปในหัวใจของลูกๆ (DBY, 201)

ท่านคงจะจำได้ถึงเรื่องในพระคัมภีร์มอรมอนเกี่ยวกับคนหนุ่มลองพันคน ผู้ได้รับการ ปลูกฝังให้เชื่อว่าหากเขาวางความไว้ใจทั้งหมดในพระผู้เป็นเจ้าและรับใช้พระองค์ ไม่มีอำนาจใดจะเอาชนะเขาได้ ท่านคงจำได้ถึงตอนที่พวกเขาออกไปสู้รบ พวกเขาช่างกล้าหาญ เพียงใด ศรัทธาของพวกเขาช่างใหญ่ยิ่งเพียงใด จนไม่มีทางที่ศัตรูจะฆ่าพวกเขาได้เลย พวก เขาได้อำนาจและศรัทธานี้ผ่านการอบรมสั่งสอนของมารดา (DBY, 201)

นี่คือการเรียกของภรรยาและมารดาที่จะรู้ว่าควรจัดการอย่างไรกับทุกสิ่งที่ถูกนำเข้ามาใน บ้าน ทำงานเพื่อให้บ้านของเธอถูกใจลามีและลูกๆ ทำตัวเป็นอีฟท่ามกลางสวรรค์น้อยๆ โดยการสร้างของเธอเอง เชื่อมั่นในความรักและวางใจสามีของเธอ พันผูกลูกๆ ไว้กับตัวเธอ ด้วยความรักที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าความตาย เพื่อได้รับมรดกอันเป็นนิจ (DBY, 198)

สตรีจำนวนมากเศร้าโศกเพราะเธอไม่ได้รับพรด้วยการมีลูก ท่านจะได้เห็นเวลาที่ท่านมี ลูกนับล้านๆ คนรอบตัวท่าน หากท่านชื่อสัตย์ต่อพันธสัญญา ท่านจะเป็นมารดาของเหล่า ประชาชาติ (DBY, 200)

ไม่ใช่นิสัยโดยปกติของข้าพเจ้าที่จะแนะนำสตรีไม่ให้เชื่อฟังสามีของเธอ แต่คำแนะนำ ของข้าพเจ้าคือ—เชื่อฟังสามีของท่าน ข้าพเจ้ามองในแง่ดีและพอใจมากกับเรื่องนั้น แต่ ข้าพเจ้าไม่เคยแนะนำผู้หญิงให้เชื่อฟังสามีที่ทำตามความประสงค์ของมาร (DBY, 200–201)

มารดาเป็นเครื่องมีอที่ทรงพลังในความอารักขาของพระผู้เป็นเจ้าที่จะชี้นำสู่จุดหมาย ปลายทางของประชาชาติ—ตังนั้นท่านจะเห็นทันทีว่าสิ่งที่ข้าพเจ้าประสงค์จะจารึกไว้ในใจ ของท่านคืออะไร มารดาคือเครื่องจักรที่เพิ่มความสนุกสนานแก่มนุษย์ทั้งปวง และชี้นำสู่จุด หมายปลายทางและชีวิตของมนุษย์บนแผ่นดินโลก (DBY, 199–200)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

พันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงาน วางรากฐานสำหรับชีวิตนิรันดร

  • ประธานยังกล่าวว่า การแต่งงานนิรันดร “วางรากฐานสำหรับชาวโลก…[และ] เพื่อมนุษย์ ที่ลามารถในการเรียนรู้จะถูกสวมมงกุฎด้วยรัศมีภาพ” เราลามารถอุทิศการแต่งงานของ เราเพื่อจุดประสงค์นิรันดรนั้นได้อย่างไร? ท่านลามารถทำสิ่งใดโดยเฉพาะเพื่อคงไว้ซึ่ง ทัศนะนั้นในแต่ละวัน?

  • ประธานยังพูดว่าอะไรคือภารกิจของชายหนุ่มทุกคน? ประยุกต์สิ่งนั้นเข้ากับท่านได้ อย่างไร?

  • ประธานยังอ้างถึงอะไรเมื่อท่านแนะนำคนหนุ่มลาวให้ “แต่งงานในความถูกต้อง”? พร ใดมาสู่ผู้ที่ทำทุกสิ่งที่จำเป็นต่อ “การสร้างอาณาจักร”? (ดู เอบราแฮม 2:9–11)

  • “ความผิดพลาดใหญ่หลวงประการหนึ่ง” ที่ลูกหลานบางคนของอับราฮัม ไอแชคและ เจคอบทำคือแต่งงานนอกพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงาน (ดู ปฐมกาล 28:1–2) คนที่แต่งงานนอกพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงานจะไม่ได้รับพรใด? ท่านจะทำอะไรเพื่อรับรองว่าท่านรักษาค่าควรของพันธสัญญาการแต่งงานนั้น และลามารถรับพรจากการนั้นในวันใดวันหนึ่ง?

  • “หน้าที่ของชายและหญิงที่ชอบธรรม” คืออะไร? ทำไมการสร้างร่างกายลำหรับลูกทาง วิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าจึงเป็นความรับผิดชอบที่สําคัญของการแต่งงานในพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจ? คู่ลามีภรรยาจะตัดสินใจได้อย่างไรว่า เมื่อใดที่พวกเขาได้ทำความ รับผิดชอบนี้ลำเร็จตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อพวกเขา? (ดู คำแนะนำใน คู่มือสามัญแห่งคำแนะนำที่ให้กับอธิการและประธานสาขาของท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้)

บิดาควรทำตามพระคริสต์เมื่อเขารัก สั่งสอน และหาเลี้ยงครอบครัว

  • บิดาทุกคนควรเป็นแบบอย่างในเรื่องใดต่อภรรยาและลูกๆ ของเขา? หมายความว่าอะไร ที่บอกให้ชายทำตามพระคริสต์? ชาย “เรียนรู้ที่จะทำให้เจตนารมณ์ของเขามุ่งไปทางเดียว กับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า” ได้อย่างไร? ท่านเรียนรู้อะไรจากบิดาผู้ยอมตนต่อ พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า?

  • บิดามารดาลอนความจริงอะไรแก่ลูกๆ ของเขา? (ดู ค.พ. 68:25 ด้วย)

  • ตามที่ประธานยังกล่าว บิดาควรปกครองครอบครัวอย่างไร? (ดู ค.พ. 121:41–46) ชาย ควรปฏิบิติต่อครอบครัวของเขาอย่างไร? การปฏิบิติใด “ทำลายสายสัมพันธ์อันศักดิ์สิทธิ์ ที่ผูกพันพวกเขาไว้กับเรา และกับพันธสัญญาอันเป็นนิจ”? ชายที่เปียมไปด้วยความ เมตตาและพระวิญญาณจะทำให้ภรรยาและลูกๆ ของเขาบรรลุบทบาทของตนได้อย่างไร?

  • ประธานยังพูดว่าอะไรจะเกิดขึ้น หากสามีจัดหาเพื่อครอบครัวอย่างชื่อสัตย์? (ดู ค.พ. 83:1–2) สิ่งนี้ “ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง” อย่างไร?

มารดาควรรักและสั่งสอนครอบครัวของเธอ พร้อมทั้งสร้างอิทธิพลอันดีให้โลกรอบๆ ตัวเธอ

  • ตามที่ประธานยังกล่าว อะไรคือหน้าที่และการเรียกของภรรยาและมารดา?

  • ประธานยังให้คำปลอบประโลมอะไรแก่ผู้ที่ไม่มีหรือไม่ลามารถมีลูกได้?

  • สตรีสิทธิชนยุคสุดท้ายมีอิทธิพลต่อท่าน ครอบครัวของท่านและชุมชนของท่านอย่างไร? พวกเธอลามารถทำดังนี้ได้อย่างไรในภายภาคหน้า?

  • ประธานยังหมายความว่าอะไรเมื่อท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไม่เคยแนะนำผู้หญิงให้เชื่อฟัง สามีที่ทำตามความประสงค์ของมาร”? ภรรยาจะรู้ได้อย่างไรว่าสามีของเธอกำลังทำตาม พระคริสต์อยู่หรือไม่? พรใดมาสู่สามีและภรรยาที่ต่างก็ยอมต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า?

  • ประธานยังกล่าวว่ามารดาจะ “ชี้นำสู่จุดหมายปลายทางของประชาชาติ” สตรีสามารถ ทำให้สัญญานี้เป็นจริงได้อย่างไร?

pioneer newlyweds

ผู้บุกเบิกที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ซาราห์ ฟาร์ สมิธ และจอห์น เยนรี่ สมิธ ในปี 1866 ประธานยังสอนว่า การแต่งงานนิรันดร์ “คือสายใยที่ขึงจากการเรี่มต้นไปถึงปลายสุดของพระกิตติคุณอันกักดิ์สิทธิ์ แห่งความรอด…มันเป็นอยู่จากนิรันดรถึงนิรันดร” (DBY, 195)