บทที่ 48
การเรียกมาสู่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ประจักษ์พยาน และพร
ในวัยเยาว์ของท่าน บริคัม ยัง แสวงหาศาสนาที่จะสนองความปรารถนาทางวิญญาณของ ท่าน แต่ท่านก็หาไม่พบ หลังจากได้รับการแนะนำให้รู้จักพระคัมภีร์มอรมอนใน ปี 1830 และต่อมาได้ศึกษาพระกิตติคุณที่ได้รับการฟึ้นฟูเป็นเวลาเกือบสองปี ท่านรู้ว่าท่านพบความจริงแล้ว ท่านรับบัพติศมาเข้าสู่ศาสนาจักร และนับจากเวลานั้นเป็นด้นมาท่านไม่ เคยหวั่นไหวในประจักษ์พยานของท่านเที่ยวกับพระกิตติคุณ ซึ่งท่านกล่าวว่า “รวมเอา ความจริงทั้งหมดในสวรรค์และบนแผ่นดินโลกไว้…ไม่ว่าจะพบหลักธรรมเหล่านี้ที่ไหน ก็ตามในบรรดางานสร้างทั้งหมดของพระผู้เป็นเล้า พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ระเบียบและฐานะปุโรหิตของพระองค์ครอบคลุมสิ่งเหล่านี้” (DNSW, 5 May 1866, 2) ประจักษ์พยานอันเข้มแข็งและการอุทิศตนอย่างสมบูรณ์ที่ท่านมีต่อศาสนาจักรดลใจ สิทธิชนอุคแรกให้เผชิญการท้าทายที่จะจัดตั้งบ้านในแดนทุรกันดาร และรวมเป็นอันหนึ่ง อันเดียวกันที่จะเชื่อฟังบัญชาของพระเล้าในการจัดตั้งศาสนาจักรของพระองค์ และสั่งสอนพระกิตติคุณของพระองค์ไปทั่วโลก ท่านประกาศว่า: “พระผู้เป็นเล้าเหล่าเทพ และ คนดีเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหยุดพยายามแม้แต่ห้อยจนกว่าเราจะ บรรลุจุดประสงค์ของพระองค์ และครอบครองอาณาจักร นั่นคือความรู้สึกและศรัทธาของ ข้าพเจ้า เราจะทำมันให้สำเร็จ ข้าพเจ้าจะพยากรณ์ไนพระนามของพระเล้าพระเยซูคริสต์ ว่า เราจะครอบครองอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนทั้งแผ่นดินโลก” (DBY, 453) ประจักษ์พยานของประธานบริคัม ยังดลใจเราตลอดมาในทุกวันนี้ขณะที่เราทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
คำสอนของบริคัม ยัง
สานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์พยายามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมีใจเดียวและความคิดเดียว
เรามาที่นี่เพื่อเสริมสร้างไชอันแล้วเราจะสร้างอย่างไร? ข้าพเจ้าบอกท่านมาหลายครั้งหลาย หน มีเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าจะพูดเกี่ยวกับมันเราต้องมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในความพยายาม ของเรา เราควรไปทำงานด้วยศรัทธาที่เป็นหนึ่งเดียวกันเหมือนดังหัวใจของคนคนเดียว และไม่ว่าเราจะทำสิ่งใด เราควรกระทำในพระนามของพระเจ้า แล้วเราจะได้รับพรและรุ่งเรืองในทุกสิ่งที่เราทำ (DBY, 284)
ศรัทธาในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์มุ่งที่จะรวมผู้คนให้เป็นหนึ่งเพื่อนำพวกเขากลับ มาเป็นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมาสู่ศรัทธาของผู้ที่เชื่อฟังพระกิตติคุณแต่โบราณกาล และเพื่อนำพวกเขากลับคืนลู่รัศมีภาพในที่สุด (DBY, 283)
ข้าพเจ้าลวดอ้อนวอนขอให้พี่น้องในศาลนาจักร อธิการ เอ็ลเดอร์ สาวกเจ็ดสิบ อัครสาวก แท้จริงแล้ว ชาย หญิงและเด็กทุกคนที่เอ่ยพระนามของพระคริสต์ มีใจเดียวและความคิด เดียวเพราะหากเราไม่มีใจเดียวและความคิดเดียว เราจะพินาศแน่นอน [ดู โมเสส 7:18] (DBY, 281)
ความเป็นหนึ่งเดียวอย่างลมบูรณ์จะช่วยผู้คนให้รอด เพราะมนุษย์ที่ลามารถในการเรียน รู้จะเป็นคนดีพร้อมไม่ได้ จะเป็นได้โดยการปฏิบัติตามหลักธรรมที่เกี่ยวข้องกับชีวิตนิรันดร์ เท่านั้น คนชั่วอาจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในความชั่วร้าย ในธรรมชาติของสิ่งต่างๆ นั้นเอง แต่ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเช่นนั้นมีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ความชั่วร้ายซึ่งพวกเขารวมอยู่ ด้วยกันนั้นจะก่อให้เกิดความขัดแย้งและความแตกร้าว (DBY, 282)
ศาลนาแห่งสวรรค์รวมใจของผู้คนและทำให้พวกเขาเป็นหนึ่งท่านอาจรวมผู้คนเข้าด้วยกัน และไม่สำคัญว่าเขาจะแตกต่างกันแค่ไหนในนโยบายทางการเมือง พระกิตติคุณของพระ เยซูคริสต์จะทำให้พวกเขาเป็นหนึ่ง แม้ว่าจะมีกลุ่มสมาชิกของพรรคการเมืองทุกพรรคใน ประเทศอยู่ในบรรดาพวกเขา (DBY, 285)
เราไม่มีระบบขุนนํ้าขุนนางในลังคมของเรา ไม่ว่าชายคนหนึ่งจะสวมหมวกที่ทำจากหนัง แรคคูนหรือหมวกที่ทำจากขนบีเวอร์ เขากับเราก็เหมือนกัน หากบุคคลหนึ่งเป็นผู้รับใช้ที่ชื่อ สัตย์ของพระผู้เป็นเจ้า เราอยากให้เขามาประชุม แม้ว่าเขาจะมีเพียงหนังควายหนึ่งชิ้นสวม อยู่บนศีรษะของเขา เรารับส่วนศีรษะลึกกับเขา ต้อนรับเขาเหมือนเป็นพี่น้องและเป็นเพื่อน พูดคุยกับเขา พบปะเขาในงานสังคมและต้อนรับด้วยความเสมอภาค (DBY, 283–84)
พระผู้ช่วยให้รอดทรงพยายามที่จะปลูกฝังความเป็นของสานุศิษย์ของพระองค์อย่างไม่หยุดยั้งว่าความเป็นหนึ่งเดียวอย่างลมบูรณ์แผ่คลุมในบรรดามนุษย์ชั้นสูงทั้งหมด—พระบิดา พระบุตรและพระผู้ปฏิบัติศาสนกิจของพระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นหนึ่งเดียวในการ บริหารงานในสวรรค์ และในบรรดาผู้คนที่อยู่บนโลกนี้..หากชาวสวรรค์ไม่เป็นหนึ่งเดียว เขา ไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นั่นโดยลิ้นเชิง..กับพระบิดาและพระผู้ปกครองแห่งจักรวาล (DBY, 282)
พระเยซู…ทรงลวดอ้อนวอนทูลขอพระบิดาเพื่อให้สานุศิษย์ของพระองค์เป็นหนึ่งเดียวดัง ที่พระองค์และพระบิดาเป็นหนึ่งเดียว พระองค์ทรงรู้ว่าหากเขาไม่เป็นหนึ่งเดียว เขาจะรอด ไม่ได้ในอาณาจักรชั้นสูงของพระผู้เป็นเจ้า หากบุคคลไม่มองด้งที่พระองค์ทรงมองเมื่อ อยู่ในเนื้อหนัง ไม่ได้ยินด้งที่พระองค์ทรงได้ยิน ไม่เข้าใจด้งที่พระองค์เข้าพระทัย และไม่ถูกต้องเที่ยงธรรมด้งที่พระองค์ทรงเป็นตามความสามารถและการเรียกต่างๆ ของเขา เขาจะ ไม่มีวันได้อยู่กับพระองค์และพระบิดาของพระองค์ [ดู ยอห์น 17:20–21; 3 นีไฟ 19:23] (DBY, 281)
จะเป็นอย่างไรหากสิทธิชนยุคสุดท้ายรู้สึกและเข้าใจตรงกัน มีใจเดียวและความคิดเดียว ไม่สำคัญว่าเขาจะอยู่ที่ไหนเมื่อได้รับพระกิตติคุณ ไม่ว่าเหนือ หรือใต้ ตะวันออกหรือตะวัน ตกหรือแม้ปลายสุดของแผ่นดินโลก? พวกเขาย่อมได้รับสิ่งซึ่งพระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาไว้ เมื่อพระองค์จะจากโลกนี้ไป ซึ่งคือพระผู้ปลอบโยน ตำแหน่งอันศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบนซึ่ง แสดงให้รู้ว่ามีพระผู้เป็นเจ้าเดียว ศรัทธาเดียว นัพติศมาเดียว [ดู เอเฟซัส 4:5] พระดำริของ พระองค์คือพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา ซึ่งมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ ศรัทธาและการกระทำอยู่ในพระองค์ ไม่มีการแบ่งแยกหรือความสับสนในพระองค์ เมื่อเขา ได้รับความสว่างที่มากขึ้นนี้ ไม่สำคัญว่าเขาจะเห็นกันหรือไม่ เขาจะกลายเป็นพี่น้องชาย และพี่น้องหญิงในทันที โดยถูกรับเข้าสู่ครอบครัวของพระคริสต์ทางพันธสัญญาอันเป็นนิจ และแล้วทุกคนจะเปล่งวาจาด้วยภาษาที่ไพเราะของนางรูธว่า “ญาติของแม่จะเป็นญาติ ของฉันและพระเจ้าของแม่ก็เป็นพระเจ้าของฉัน”! [รูธ 1:16] (DBY, 282–83)
หากเราเป็นหนึ่งเดียว เราจะพิสูจน์ให้สวรรค์ พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาของเรา พระเยซูคริสต์ พี่ชายคนโตของเรา เหล่าเทพ คนดีบนแผ่นดินโลก และมนุษยชาติทั้งปวงเห็นว่าเราเป็น สานุศิษย์ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ หากเราไม่เป็นหนึ่งเดียว เราก็ไม่ได้เป็นสานุศิษย์ของ พระเจ้าพระเยซู [ดู ค.พ. 38:27] (DBY, 281)
ประธานยังแสดงประจักษ์พยานถึงพระกิตติคุณ ของพระเยซูคริสต์อย่างไม่หยุดยั้ง
พระกิตติคุณแห่งความรอดออกแบบไว้โดยเฉพาะเมื่อทำให้คนบาปเป็นสิทธิชน เพี่อ เอาชนะความชั้วด้วยความดี เพี่อทำให้คนชั่วร้ายและเลวเป็นคนดีและบริสุทธิ์ ทำให้คนดี เป็นคนดียิ่งขึ้น ไม่ว่าเราจะเป็นคนชั่วแค่ไหน ไม่ว่าเราจะมีความอยากที่ชั่วร้ายแค่ไหนพระ กิตติคุณจะช่วยเราเอาชนะความชั่วร้าย พระกิตติคุณให้อิทธิพล อำนาจ ความรู้ ปัญญา และความเข้าใจแก่เราเพี่อเอาชนะความอ่อนแอและเพี่อชำระตัวเราให้บริสุทธิ์ต่อพระพักตร์ พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเรา (DBY, 448–49)
ศาสนาของเราสอนความจริง คุณธรรม ความบริสุทธิ์ ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และใน พระบุตรของพระองค์พระเยซูคริสต์ เปิดเผยความสับสึก น่าสิ่งที่เป็นอดีตและปัจจุบันมาสู่ ความคิด —ทำให้สิ่งต่างๆ เป็นที่รู้อย่างชัดเจน ศาสนาของเราคือรากฐานของการทำงานทุก วันในโลก มันคือพระวิญญาณที่ประทานความรู้แจ้งแก่มนุษย์ที่มีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลก ปรัชญาที่ถูกต้องทั้งหมดถือกำเนิดมาจากแหล่งนั้น ซึ่งก่อให้เกิดปัญญา ความรู้ ความจริง และอำนาจแก่เรา ศาลนาลอนอะไรเรา? ศาลนาลอนให้เรารักพระผู้เป็นเจ้าและเพื่อนมนุษย์ ของเรา ให้มีความเห็นอกเห็นใจ เต็มไปด้ายความเมตตา ความอดกลั้น และอดทนกับคนที่ ไม่เชื่อฟัง กับคนที่โง่เขลา มีรัศมีภาพในศาลนาของเราซึ่งไม่เคยมีศาลนาอื่นใดที่จัดตั้งขึ้น บนแผ่นดินโลก อันเป็นศาลนาที่ไม่มีฐานะปุโรหิตที่ถูกต้องจะได้ครอบครองสิ่งนั้น— นี่คือ แหล่งของความรู้แจ้งทั้งมวล นำสวรรค์มาสู่แผ่นดินโลกและยกแผ่นดินโลกสู่สวรรค์ เตรียม ความรู้แจ้งทั้งมวลที่พระผู้เป็นเจ้าทรงวางไว้ในใจของลูกหลานมนุษย์ ผสมผสานความรู้แจ้ง นั้นซึ่งมีอยู่ในความเป็นนิรันดรยกความคิดขึ้นเหนือเรืองที่หยุมหยิมและไร้ลาระของเวลาซึ่ง มีแนวโน้มว่าจะทำให้เราลงไปลู่ความพินาศ ทำให้ความคิดของมนุษย์เป็นอิสระจากความ มีดและความโง่เขลา ให้ความรู้แจ้งที่หลั่งลงมาจากสวรรค์แก่เขา และทำให้เขามีคุณลมบัติ พอที่จะเข้าใจทุกสิ่ง (DNW, 1 June 1859, 1)
ความเชื่อของเราจะนำสันติมาลู่มนุษย์ทั้งปางและนำความปรารถนาดีมาลู่ผู้อาศัยทั้งหมด ของแผ่นดินโลก มันจะชักนำทุกคนที่ทำตามความเชื่อนี้อย่างจริงใจไปลู่การปลูกฝังความ ชอบธรรมและสันติ ที่จะอยู่อย่างสงบในครอบครัวของเขา สรรเสริญพระเจ้าทั้งเช้าคาลวด อ้อนวอนพร้อมกันเป็นครอบครัว และทำให้เขาเต็มไปด้วยวิญญาณแห่งสันติ ที่เขาจะไม่กล่าวโทษหรือตีสอนคนใดเป็นอันขาดแม้ว่าคนนั้นลมควรจะได้รับก็ตาม เขาจะตื่นขึ้นมาใน ตอนเช้าด้วยวิญญาณที่เยือกเย็นและปลอดโปร่งดังดวงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ ให้ชีวิตและ ความร้อนแก่โลก สงบและเยือกเย็นเช่นเดียวกับสายลมที่โชยมาในยามคาของฤดูร้อน ไม่มี ความโกรธ เกรี้ยวกราด เคียดแค้น ชัดแย้งหรือทะเลาะวิวาท (DBY, 449–50)
เมื่อผู้คนได้รับพระกิตติคุณ เขาเลียสละอะไรหรือ! อ๋อก็ ความตายเพื่อให้ได้ชีวิตไงล่ะ นี่ คือสิ่งที่เขาให้ ละทิ้งความมีดเพื่อความสว่าง ละทิ้งความเชื่อผิดๆ เพื่อความจริง ละทิ้ง ความสงสัยและความไม่เชื่อ เพื่อความรู้ และความแน่ชัดของเรื่องพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 450)
สิทธิชนทุกยุคทุกสมัยได้รับการปกป้อง เกื้อหนุนและคํ้าจุนโดยอำนาจของพระผู้ทรง ฤทธานุภาพ ในความทุกข์ทรมานของเขา อำนาจของศาลนาจักรของพระเยชูคริสต์เกื้อหนุน เขาเสมอ (DBY, 450)
ศาสนาของเราเป็นงานเลี้ยงที่ต่อเนื่องของข้าพเจ้า มันทำให้ข้าพเจ้าโห่ร้องว่า ยิ่งใหญ่! อาเลลูยา! สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้า แทนความเลียใจและความเศร้าโศก ให้ความรู้ อำนาจ และพรที่ข้าพเจ้ามีความสามารถจะรับได้ ข้าพเจ้าจะไม่สนใจว่ามารถือกำเนิดมาอย่างไร ทั้ง ไม่สนใจเรื่องใดๆ เกี่ยวกับเขา ข้าพเจ้าต้องการน้ญญา ความรู้ และอำนาจของพระผู้เป็น เจ้า ต้องการศาสนาที่ยกข้าพเจ้าให้สูงขึ้นในระดับของความรู้แจ้งโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อให้ อำนาจแก่ข้าพเจ้าที่จะอดทน—เพื่อเวลาที่ข้าพเจ้าจะได้รับสภาวะแห่งสันติและการพักผ่อน ที่เตรียมไว้ลำหรับคนชอบธรรม ข้าพเจ้าจะชื่นชมลังคมของผู้ที่ได้รับการชําระให้บริสุทธิ์ไป ทุกนิรันดร (DBY, 451)
ข้าพเจ้ารู้สึกมีความสุข “ลัทธิมอรมอน” ทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าเป็นได้พระคุณ พระอำนาจ และปรีชาญาณของพระผู้เป็นเจ้าจะทำให้ข้าพเจ้าเป็นทุกสิ่งที่ข้าพเจ้าจะเป็นได้ ไม่ว่าในกาลเวลาหรือในนิรันดร (DBY, 451)
พระเจ้าทรงอวยพรข้าพเจ้า พระองค์ประทานพรให้ข้าพเจ้าเสมอ นับตั้งแต่เวลาที่ข้าพเจ้า เริ่มเสรีมสร้างไชอัน ข้าพเจ้าได้รับพรอย่างเหลือล้น ข้าพเจ้าสามารถเล่าถึงสถานการณ์ที่ แปลกประหลาดซึ่งเกี่ยวข้องกับความอารักขาของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อข้าพเจ้า จนพี่น้องชาย หญิงของข้าพเจ้าจะคิดในใจ “ยากที่ฉันจะเชื่อเรื่องนี้” แต่ใจของข้าพเจ้ามั่นคงที่จะทำตาม พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยการเสรีมสร้างอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลก จัดตั้งไซอันและกฎต่างๆ ของมัน และเพื่อช่วยให้ผู้คนรอด…ข้าพเจ้าไม่ได้รัก รับใช้ หรือ เกรงกลัวพระเจ้าเพราะเหตุว่าข้าพเจ้าจะได้ไม่ถูกกล่าวโทษ หรือเพื่อว่าจะได้รับของประทาน ใหญ่ยิ่งหรือพรในนิรันดร แต่โดยแท้แล้วเพราะหลักธรรมซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยเพื่อ ความรอดของผู้อาศัยของแผ่นดินโลกบริสุทธิ์ ศักดิสิทธิ์และสูงค่าในลักษณะที่แท้จริงมี เกียรติและการเพิ่มพูนนิรันดร์อยู่ในนั้น หลักธรรมดังกล่าวนำความสว่างสู่ความสว่าง ความ เข้มแข็งสู่ความเข้มแข็ง รัศมีภาพสู่รัศมีภาพ ความรู้สู่ความรู้ และอำนาจสู่อำนาจ (DBY, 452)
ข้าพเจ้าขอบพระทัย…ที่ข้าพเจ้ามีสิทธิพิเศษของการได้คบหากับสิทธิชน และของการเป็น สมาชิกในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และที่ข้าพเจ้ามีเพื่อนๆ ในศาสนาจักรของพระผู้เป็น เจ้าผู้ทรงพระชนม์ (DBY, 452)
“ลัทธิมอรมอน” ได้ทำทุกอย่างเพื่อข้าพเจ้าเหมือนกับที่เคยทำเพื่อข้าพเจ้ามาก่อนแล้ว บนแผ่นดินโลก สิ่งนี้ทำให้ข้าพเจ้ามีความสุข…ทำให้ข้าพเจ้าเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดี มีทั้ง ความเบิกบานและความชื่นชมยินดี ตรงกันข้าม ก่อนที่ข้าพเจ้าจะครอบครองวิญญาณของ พระกิตติคุณ ข้าพเจ้าเป็นทุกข์กับเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้ยินคนอื่นบ่นถึง มั่นคือในบางครั้งเกิด ความรู้สึกหมดอาลัยตายอยากหดหู่สิ้นหวังกับทุกสิ่งที่เกิดกับข้าพเจ้าและบางเวลามีลักษณะ ซึมเศร้า (DBY, 452)
นับแต่ข้าพเจ้ายอมรับพระกิตติคุณ เท่าที่ข้าพเจ้าจำได้ ไม่มีแม้ลักนาทีเดียวที่ทำให้ ข้าพเจ้ารู้สึกหดหู่เศร้าหมอง (DBY, 453)
เมื่อถูกล้อมด้วยกลุ่มคนร้าย ด้วยความตายและความพินาศคุกคามรอบด้าน ข้าพเจ้าไม่รู้ สึกอะไรนอกจากความรู้สึกเบิกบาน รู้สึกดีในวิญญาณของข้าพเจ้าดังที่รู้สึกอยู่ในเวลานี้ อนาคตดูเหมือนจะยึดมั่นและไม่แน่นอน แต่ไม่มีสักครั้งที่ข้าพเจ้าจะไม่รู้ว่าผลพวงของพระกิตติคุณมีประโยชน์ต่ออุดมการณ์ของความจริงและต่อคนที่รักความชอบธรรม ข้าพเจ้า สำนึกอยู่เสมอที่จะยอมรับอย่างปลื้มปีติว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่ในทุกสิ่ง (DBY, 453)
พระผู้เป็นเจ้า เหล่าเทพ และคนดีเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่มีวันหยุดพยายาม แม้สักนิดจนกว่าเราจะบรรลุจุดประสงค์ของพระองค์และครอบครองอาณาจักร นั่นคือ ความรู้สึกและศรัทธาของข้าพเจ้า เราจะทำสิ่งนี้ให้สำเร็จ ข้าพเจ้าจะพยากรณ์ในพระนาม ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ว่า เราจะครอบครองอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนทั้งแผ่นดิน โลก (DBY, 453)
ประธานยังให้พรที่เป็นสัญญาแก่สิทธิชนที่ซื่อสัตย์
พี่น้องชายและพี่น้องหญิง ตราบที่ข้าพเจ้ามีสิทธิ์และอภิสิทธิ์ โดยทางฐานะปุโรหิต ข้าพเจ้าอวยพรท่านในพระนามของพระเจ้า และกล่าวว่า ขอให้ท่านได้รับพร นี่คือความรู้สึก ของข้าพเจ้าที่มีต่อสิทธิชนยุคสุดท้าย และต่อครอบครัวทั้งหมดของมนุษย์ หากเขาจะได้รับ พรของข้าพเจ้า (DBY, 456)
พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรคนดีทุกคน พระผู้เป็นเจ้าทรงอวยพรงานของธรรมชาติ พระผู้ เป็นเจ้าทรงอวยพรงานของพระองค์เอง ทรงโค่นล้มคนชั่ว คนที่ไม่เป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้า และคนที่ทำลายเพื่อนมนุษย์ของเขา เพื่อลงครามและการขัดแย้งจะยุติบนแผ่นดินโลก โอ้ พระเจ้า ทรงกำจัดคนเหล่านี้ออกจากตำแหน่งหน้าที่และมอบหมายให้คนดีเป็นหัวหน้าของ บรรดาประชาชาติ เพี่อเขาจะไม่เรียนรู้การลงครามอีกต่อไป แต่จะเป็นเหมือนคนที่มี่เหตุผล และเจริญแล้ว เพื่อสร้างสันติบนแผ่นดินโลกและทำดีต่อกัน [ดู อิสยาห์ 2:4] (DBY, 456)
ข้าพเจ้ารู้สึกอยากให้พรท่านอยู่เสมอ ชีวิตของข้าพเจ้าอยู่ที่นี่ ความลนใจของข้าพเจ้า รัศมีภาพของข้าพเจ้า ความภาคภูมิใจของข้าพเจ้า ความสะดวกสบายของข้าพเจ้า ทุกสิ่งที่ ข้าพเจ้ามือยู่ที่นี่ และทกสิ่งที่ข้าพเจ้าหวังว่าจะมี จนถึงนิรันดรมือยู่ท่ามกลางศาสนาจักรนี้ (DBY, 456)
หากข้าพเจ้ามือำนาจ ข้าพเจ้าจะอวยพรผู้คนอย่างแน่นอน ด้วยทุกสิ่งที่ใจของเขาปรารถนา หากเขาจะไม่ทำบาป…และหากมันอยู่ในอำนาจของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้พรผู้อาศัยทุกคน ของแผ่นดินโลก ด้วยทุกสิ่งที่เขาจะถวายรัศมีภาพแด่พระผู้เป็นเจ้าได้ และทำให้ใจของเขา บ่ริสุทธิ์ (DBY, 457)
หากพระเจ้ามีคนบนแผ่นดินโลกที่พระองค์ทรงเชื่อมั่นอย่างสมบูรณ์ คงจะไม่มีพรในนิรันดรของพระผู้เป็นเจ้าของเรา ที่เขาจะรับได้ในเนื้อหนัง ที่พระองค์จะไม่หลั่งลงมาให้เขา ลิ้น ไม่อาจ บอกได้ถึงพรที่พระเจ้าทรงมีให้คนที่พิสูจน์ตนต่อพระพักตร์พระองค์ [ดู 1 โครีนธ์ 2:9–14] (DBY, 455)
แทนที่คนชอบธรรมจะถูกผูกไว้แน่นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เขาจะมีเสรีภาพมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่เรามีความชื่อสัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ได้รับอำนาจจากสวรรค์มากขึ้นและได้รับอำนาจ ของพระผู้เป็นเจ้ามากขึ้นขอให้เราแสวงหาพระเจ้าอย่างพากเพียรจนกว่าเราจะได้รับศรัทธา ของพระเยขูคริสต์ในความสมบูรณ์ของศรัทธาดังกล่าว เพื่อให้ผู้คนที่ครอบครองสิ่งนี้เป็น อิสระอย่างแท้จริง (DBY, 455)
ข้าพเจ้าปรารถนาให้ผู้คนรู้ว่าเขาเดิน มีชีวิต และอยู่ในที่ประทับของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ได้คนชื่อสัตย์จะเห็นดังที่เขาถูกเห็น ท่านจะเห็นว่าท่านอยู่ท่ามกลางความเป็นนิรันดร์ และ ในที่พำนักของมนุษย์ที่บริสุทธิ์ สามารถอยู่ในสังคมและที่พำนักของเขาได้ตราบนานเท่า นานท่านได้รับพรอย่างมากทีเดียว (DBY, 454–55)
จงท่าทุกสิ่งที่ท่านรู้ อย่ายอมตนทำสิ่งใดนอกจากพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าที่อยู่ ภายในท่านจะบอกให้ท่านทำ [ดู โมเสส 6:60] หากท่านดำเนินชีวิตประจำวันตามความ สว่างและความเข้าใจที่ท่านครอบครองอย่างดีที่สุด ถวายรัศมีภาพแด่พระผู้เป็นเจ้า พระบิดา บนสวรรค์ของเรา ความรู้ของท่านจะขยายเพิ่มขึ้นข้าพเจ้าสัญญาว่าท่านจะได้รับชีวิตนิรันดร์ ในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า (DBY, 455)
ขอพระผู้เป็นเจ้าประทานพรแก่ท่าน! สันติจงพำนักอยู่กับท่าน! จงกระตือรือร้นในวิญญาณถ่อมใจ ว่านอนสอนง่าย และเต็มไปด้วยการสวดอ้อนวอน ดูแลตนเอง พยายามช่วย ตนเองและทุกคนที่ท่านมีอิทธิพลเหนือกว่าเขาให้รอด นี่คือคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้าสำหรับท่านในพระนามของพระเยซู เอเมน (DBY, 456)
ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา
สานุศิษย์ที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์พยายามเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมีใจเดียวและความคิดเดียว
-
ผู้ติดตามพระคริสต์จะต้องเป็น“ คนดีพร้อม” หรือ “มีใจเดียวและความคิดเดียว” หมาย ความว่าอย่างไร? (ดู ยอห้น 17:20–21 ด้วย)
-
ทำไมจึงจำเป็นที่สิทธิชนจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหากเราจะเสริมสร้างอาณาจักร ของพระผู้เป็นเจ้า? ทำไมจึงไม่มีใครรอดได้ในอาณาจักรชั้นสูงหากเราไม่เป็นหนึ่งเดียว กัน?
-
พระกิตติคุณทำให้สมาชิกของศาสนาจักรที่มีความแตกต่างทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในงานของพระเจ้าได้อย่างไร?
-
เราจะมี “ใจเดียวและความคิดเดียว” อย่างแท้จริงกับพี่น้องสิทธิชนของเราและกับพระผู้ ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ของเราได้อย่างไร?
ประธานยังแสดงประจักษ์พยานถึงพระกิตติคุณ ของพระเยซูคริสต์อย่างไม่หยุดยั้ง
-
ประธานยังบรรยายถึงผลกระทบใดของพระกิตติคุณ? ท่านเห็นได้อย่างไรว่าผลกระทบ เหล่านี้จะเกิดนี้นในชีวิตของท่านหรือในชีวิตของคนที่อยู่รอบตัวท่าน?
-
พระกิตติคุณช่วยเรา “นำสวรรค์มาสู่แผ่นดินโลก และยกแผ่นดินโลกนี้นสู่สวรรค์” ใน ทางใด?
-
ประธานยังกล่าวถึงศาลนาของท่านว่าเป็น “งานเลี้ยงที่ต่อเนื่อง” เราจะชื่นชมพระกิตติคุณได้อย่างไร? ในหลักสูตรการศึกษานี้คำสอนใดของประธานยังที่ช่วยให้ท่านเข้าใจ และชาบชึ้งในพระกิตติคุณมากนี้น?
-
พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ทำให้ท่านเต็มไปด้วยความเบิกบานและความชื่นชมยินดี อย่างไร?
ประธานยังให้พรที่เป็นสัญญาแก่สิทธิชนที่ซื่อสัตย์
-
สมาชิกของศาสนาจักรจะพิสูจน์ตนต่อพระพักตร์พระเจ้าและแสดงให้เห็นว่าเขามีค่าควร ต่อพรอันยิ่งใหญ่ที่พระองค์ทรงมีเพี่อเขาได้อย่างไร?
-
การเป็น “คนชื่อสัตย์มากขึ้นเรื่อยๆ” นำไปสู่ “เสรีภาพมากขึ้นเรื่อยๆ” และมีอำนาจมาก ขึ้นได้อย่างไร? ทำไมการเชื่อพังและศรัทธาทำให้เราเป็นอิสระ?
-
ท่านจะ “ดำเนินชีวิตตามความสว่างและความเข้าใจที่ท่านครอบครองอยู่อย่างดีที่สุดทุก วัน” ได้อย่างไร?
-
ประจักษ์พยานที่ไม่หวั่นไหวของประธานยังและความกระตือรือร้นเพี่อพระกิตติคุณส่ง ผลต่อชีวิตของท่านอย่างไร?