คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 34: การเพิ่มพลังสิทธิชนโดยทาง ของประทานแห่งพระวิญญาณ


บทที่ 34

การเพิ่มพลังสิทธิชนโดยทาง ของประทานแห่งพระวิญญาณ

เมื่อครั้งเป็นเด็กหนุ่ม บริคัม ยัง สนใจค้นหาศาสนาที่มีการแสดงให้ประจักษ์ถึงของประ ทานทั้งปวงแห่งพระกิตติคุณอย่างเอาจริงเอาจัง ตามที่บันทึกไว้ในพันธสัญญาใหม่ ก่อน การบัพติศมาของท่าน ท่านไค้รับประจักษ์พยานอันทรงพลังเกี่ยวกับศาสนาจักรเมื่อพระ วิญญาณบริสุทธิ์เบิกความเข้าใจของท่าน (see DNW, 9 Feb. 1854, 4) ระหว่างการ ประชุมครั้งแรกกับโจเซฟ สมิธ ในเคิร์ทแลนด์ บริคัม ยังไค้รับพรด้วยของประทานแห่ง การพูดภาษา (see MHBY–1, 4–5) ถึงแม้นั่นจะเป็นโอกาสที่หาไค้ยากในชีวิตของท่าน ท่านก็ชื่นชมตลอดเวลาในของประทานทางวิญญาณหลายอย่างที่หลั่งไหลมาสู่ท่านและ สิทธิชนยุคสุดท้าย “หากเรามีศาสนาของพระผู้ช่วยให้รอด เราก็มีสิทธิ์ที่จะไค้รับพรอย่าง แน่นอนดังที่เป็นมาแต่โบราณไม่ไค้หมายความว่าทุกคนจะไค้รับภาพที่มาปรากฏ ไม่ไค้ หมายความว่าทุกคนจะฝัน ไม่ไค้หมายความว่าทุกคนจะมีของประทานแห่งการพูดภาษา หรือการแปลภาษา แต่ทุกคนไค้รับตามความสามารถของเขาและตามพรที่พระผู้เป็นเจ้า จะประทานให้ (DNW, 27 Feb. 1856, 3)

คำสอนของบริคัม ยัง

พระเจ้าประทานของประทานแห่งพระวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังและ ประทานพรให้เรา พร้อมกับครอบครัว และศาสนาจักรของเรา

ทรงให้ของประทานแห่งพระกิตติคุณเพื่อเพิ่มพลังศรัทธาของผู้ที่เชื่อ (DBY, 161)

มีคนถามเราว่าเครื่องหมายจะติดตามผู้ที่เชื่อในสมัยของเราเหมือนดังในสมัยโบราณหรือ ไม่ เราตอบว่าใช่ คนตาบอดมองเห็น คนง่อยเดินได้ คนหูหนวกได้ยิน ของประทานแห่ง การพยากรณ์ถูกแสดงให้ประจักษ์ เช่นเดียวกับของประทานแห่งการรักษา ของประทาน แห่งการเปิดเผย ของประทานแห่งการพูด และแปลภาษา พระเยชูตรัสว่า เครื่องหมาย เหล่านี้จะติดตามพวกเขาที่เชื่อ [ดู มาระโก 16:17] ศาสนาจักรและอาณาจักรของพระองค์ มีเครื่องหมายเหล่านี้อยู่เสมอ ซึ่งติดตามผู้ที่เชื่อในทุกยุคตราบที่ศาสนาจักรที่แท้จริงยังคงอยู่ (DNSW, 19 May 1868, 1)

ข้าพเจ้าพูดไปแล้วว่าพระคริสต์ทรงจัดตั้งอัครสาวก ศาสดา รวมทั้งพระองค์ยังทรงจัดตั้ง ศิษยาภิบาล ผู้สอน และผู้ประสาทพรในศาสนาจักรของพระองค์ อีกทั้งของประทานแห่ง พระวิญญาณ เซ่น ภาษาแปลกๆ การรักษาคนป่วย การมองเห็นวิญญาณ และของประทานอื่นๆ ถึงตอนนี้ ข้าพเจ้าใคร่จะถามทั้งโลกว่า ใครบ้างได้รับการเปิดเผยว่าพระเจ้าทรง หยุดทั้งหน้าที่และของประทานเหล่านี้ในศาสนาจักรของพระองค์? ข้าพเจ้าไม่ได้รับ ข้าพเจ้าได้รับการเปิดเผยว่าสิ่งเหล่านี้ควรจะอยู่ในศาสนาจักร และว่าไม่มีศาสนาจักร [ที่แท้จริง] แห่งใดที่ไม่มีสิ่งเหล่านี้ (DBY, 136).

สมมุติว่าท่านเชื่อฟังพิธีการต่างๆ ของพระกิตติคุณ และไม่ได้พูดในภาษาต่างๆ ในปัจจุบัน นั่นไม่เป็นไร สมมุติว่าท่านไม่มีวิญญาณแห่งการพยากรณ์ นั่นไม่สำคัญ สมมุติว่าท่าน ไม่ได้รับของประทานพิเศษจำเพาะใดๆ ที่บังเกิดขึ้นพร้อมกับลมอันมีพลังดังเซ่นในวันเพนเทศศเตไม1มีความจำเป็นใดที่ท่านจะต้องมี ในวันเพนเทคศเตมีความจำเป็นพิเศษสำหรับสิ่ง นั่น เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ยากเป็นพิเศษ การแสดงให้ประจักษ์อย่างทรงพลังและเป็น พิเศษบางอย่างในอำนาจของพระผู้ทรงฤทธานุภาพจำเป็นต้องเปิดตาของผู้คนเพื่อให้เขาเข้า ใจเรื่องทางวิญญาณและทำให้เขารู้ว่าพระเยชูทรงจ่ายหนี้โดยการชดใช้บาปให้แก่มนุษยชาติ และผู้ที่ตรึงพระองค์ และกลับเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก สิ่งนี้เรียกร้องการแสดงให้ ประจักษ์อันทรงพลังและพิเศษบางอย่างในอำนาจของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ณ เวลานั่น เพื่อทำให้ผู้คนตระหนัก (DBY, 161–62)

ศรัทธา เมื่อท่านเชื่อหลักธรรมของพระกิตติคุณและบรรลุถึงศรัทธา ซึงเป็นของประทาน ของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะทรงทำให้ศรัทธาเพิ่มมากขึ้น เพิ่มศรัทธาสู่ศรัทธา พระองค์ ประทานศรัทธาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างเพื่อเป็นของประทาน แต่ผู้ที่พระองค์ทรงสร้างครอบ ครองสิทธิ์โดยกำเนิดที่จะเชื่อว่าพระกิตติคุณเป็นจริงหรือเท็จ (DBY, 154)

ของประทานแห่งการรักษา ข้าพเจ้าอยู่ที่นี่เพื่อเป็นพยานถึงตัวอย่างมากมายของชาย หญิงและเด็กที่ได้รับการรักษาโดยอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า โดยการวางมือบนศีรษะ ข้าพเจ้าเห็นหลายคนลุกขึ้นจากประตูแห่งความตาย และถูกนำกลับจากหนทางแห่งความตาย ตามความเป็นจริงบางคนที่วิญญาณออกจากร่างกายของเขาไปแล้ว ก็กลับมาอีก ข้าพเจ้า เป็นพยานว่าข้าพเจ้าได้เห็นคนเจ็บป่วยได้รับการรักษาให้หายโดยการวางมือบนศีรษะ ตาม สัญญาของพระผู้ช่วยให้รอด (DBY, 162)

เมื่อข้าพเจ้าวางมือบนศีรษะคนเจ็บป่วย ข้าพเจ้าคาดหวังว่าอำนาจแห่งการรักษาและ อีทธิพลของพระผู้เป็นเจ้าจะผ่านจากข้าพเจ้าไปยังผู้ป่วย และโรคร้ายจะอันตรธานไป ข้าพเจ้าไม่ได้พูดว่าข้าพเจ้ารักษาทุกคนให้หายเมื่อข้าพเจ้าวางมือลงไปบนศีรษะของเขา แต่หลาย คนได้รับการรักษาภายใต้การปฎิน้ติของข้าพเจ้า (DBY, 162)

เมื่อเราพร้อม เมื่อเราเป็นภาชนะที่ศักดิ์สิทธิ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า กระแสแห่งอำนาจของ พระผู้ทรงฤทธานุภาพจะผ่านจากร่างกายของผู้ปฏิบัติไปยังร่างกายของผู้ป่วย และคนเจ็บ ป่วยก็จะสมบูรณ์แข็งแรง อาการปวดศีรษะ อาการไข้ และโรคร้ายอื่นๆ ก็จะหมดไป (DBY, 162)

ข้าพเจ้าถูกส่งมาอยู่ประจำที่นี่ แม้ข้าพเจ้าจะออกไปเป็นครั้งคราว เพราะมันเป็นสิทธิ พิเศษของบิดาทุกคน ผู้เป็นเอ็ลเดอรในอิสราเอล ที่จะมีศรัทธาเพื่อรักษาครอบครัวของเขา มันเป็นสิทธิพิเศษของข้าพเจ้าเช่นกันที่จะมีศรัทธาเพื่อรักษาครอบครัวของข้าพเจ้า หากเขา ไม่ทำดังนี้ เขาก็ไม่ได้ทำให้สิทธิพิเศษของเขาบรรลุผล เป็นเหตุผลอันควรสำหรับเขาที่จะขอ ให้ข้าพเจ้าช่วยเหลือเขาในความยากสำบากและเกื้อกูลครอบครัวของเขา แต่หากตัวเขามี ศรัทธาเขาจะไม่รบกวนข้าพเจ้าโดยทำให้ข้าพเจ้าต้องละทิ้งหน้าที่อื่นๆ เพื่อทำในสิ่งที่เขา ร้องขอ (DBY, 163)

หากเราเจ็บป่วย และทูลขอให้พระเจ้ารักษา เราทำทุกอย่างที่จำเป็นต้องทำให้เสร็จเพื่อ ตัวเราเองตามความเข้าใจในพระกิตติคุณแห่งความรอดที่ข้าพเจ้ามีอยู่ ข้าพเจ้าคงจะทูลขอ ให้พระเจ้าทรงทำให้ข้าวสาลีและข้าวโพดของข้าพเจ้างอกงาม โดยไม่ต้องรดนํ้าพรวนดิน และหว่านเมล็ด มันดูเหมือนว่าข้าพเจ้าต้องนำเอาวิธีการเยียวยาทุกอย่างที่เข้ามาภายใน ขอบเขตแห่งความรู้ของข้าพเจ้าไปประยุกต์ใช้ และทูลขอพระบิดาบนสวรรค์ ในพระนาม ของพระเยชูคริสต์ ให้ชำระคำร้องขอนั้นให้บริสุทธิ์เพื่อการเยียวยารักษาร่างกายของข้าพเจ้า (DBY, 163)

แต่สมมุติว่าเรากำลังเดินทางไปในภูเขา..และมีหนึ่งหรือสองคนล้มป่วยโดยไม่สามารถ หาสิ่งใดมาเยียวยารักษาเขาได้ในเวลานี้น เราควรทำอะไร? ตามศรัทธาของข้าพเจ้า ก็คง ทูลขอให้พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ…รักษาคนป่วย นี่คือสิทธิพิเศษของเรา เมื่อเผชิญกับ สถานการณ์ที่เราไม่ลามารถหาสิ่งใดมาช่วยตัวเองได้ ต่อจากนี้นพระเจ้าและผู้รับใช้ของ พระองค์จึงจะทำทุกอย่างแต่นี่คือหน้าที่ที่ข้าพเจ้าต้องทำ เมื่อข้าพเจ้ามีสิ่งนี้อยู่ในอำนาจ ของข้าพเจ้า (DBY, 163)

เราวางมือบนศีรษะคนเจ็บป่วยและปรารถนาให้เขาได้รับการรักษา เราลวดอ้อนวอนต่อ พระเจ้าเพื่อทำให้เขาหาย แต่เราไม่ลามารถพูดได้เสมอไปว่าพระองค์จะทำให้เขาหาย (DBY, 162)

การพยากรณ์ การเปิดเผย และความรู้ ชายและหญิงทุกคนจะเป็นผู้เปิดเผย และมี ประจักษ์พยานถึงพระเยซู ซึ่งเป็นวิญญาณแห่งการพยากรณ์ และรู้ล่วงหน้าถึงพระดำริและ พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวกับพวกเขา หลีกเลี่ยงความชั่วร้ายและเลือกสิ่งที่ดี (DBY, 131)

หากท่านจะทำตามคำสอนของพระเยชูคริสต์และอัครสาวกของพระองค์ตามที่บันทึกไว้ ในพันธสัญญาใหม่ ความรู้ของข้าพเจ้าคือชายและหญิงทุกคนจะอยู่ในการครอบครองของ พระวิญญาณบริสุทธิ์…พวกเขาจะรู้เรื่องต่างๆ ที่เป็นอยู่ ที่จะเป็น และที่เป็นมาแล้ว เขาจะ เข้าใจเรื่องราวในสวรรค์บนแผ่นดินโลก และใต้แผ่นดินโลก เรื่องของกาลเวลา และนิรันดร ตามการเรียกและตามความลามารถที่หลากหลายของเขา [ดู ค.พ. 88:78–79] (DBY, 161)

จงแสวงหาอย่างพากเพียรเพื่อรู้ถึงพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ท่านจะรู้ได้อย่างไร? ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านเองเป็นส่วนบุคคล ท่านจะได้รับโดยตรงจากพระผู้เป็นเจ้า แต่ ในเรื่องที่เกี่ยวกับส่วนรวม [ของศาลนาจักร] พระประสงค์ของพระองค์จะเป็นที่รู้แน่ชัดโดย ผ่านวิถีทางที่ถูกต้อง และจะเป็นที่รู้โดยคำแนะน่าทั่วไปที่ประทานให้กับท่านจากแหล่งที่ถูก ต้อง (DBY, 136)

หากพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพจะทรงเปิดเผยแก่มหาปุโรหิต หรือหัวหน้าคนใดนอกเหนือ จากประธานของศาลนาจักร ถึงเรื่องที่เป็นอยู่จริง หรือที่เป็นมาแล้ว และกำลังจะเป็นและ แสดงให้เขาเห็นจุดหมายปลายทางของคนพวกนี้อีกยี่สิบห้าปีนับจากนี้ หรือเปิดเผยคำลอน ใหม่ที่อีกห้าปี สิบปี หรือยี่สิบปีจะกลายเป็นคำลอนของศาลนาจักรนี้และอาณาจักรแห่งนี้ แต่คำลอนดังกล่าวยังไม่ได้เปิดเผยแก่ผู้คน ทรงเปิดเผยต่อหัวหน้าคนนั้นโดยพระวิญญาณ เดียวกัน ทูตคนเดียวกัน เลียงเดียวกัน อำนาจเดียวกันกับที่ประทานการเปิดเผยแก่โจเซฟ เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ มันจะเป็นพรแก่มหาปุโรหิตคนนั้น หรือเฉพาะบุคคลแต่เขาต้องไม่ แถลงมันต่อบุคคลที่ลองบนแผ่นดินโลก จนกว่าพระผู้เป็นเจ้าจะเปิดเผยมัน โดยแหล่งที่ เหมาะลมเพื่อให้เป็นกรรมสิทธิ์ของคนส่วนใหญ่ด้วยเหตุนี้เมื่อท่านได้ยินเอ็ลเดอร์พูดว่าพระ ผู้เป็นเจ้าไม่ทรงเปิดเผยโดยผ่านประธานของศาลนาจักรถึงสิ่งชึ่งเอ็ลเดอร์รู้ และเมื่อเอ็ลเดอร์ บอกถึงเรื่องอัศจรรย์ โดยทั่วไปท่านจะแน่ใจได้เช่นเดียวกับความจริงจากพระผู้เป็นเจ้าว่า การเปิดเผยที่เขาได้รับมาจากมาร ไม่ใช่จากพระผู้เป็นเจ้า หากเขาได้รับจากแหล่งที่ถูกต้อง อำนาจเดียวกันกับที่เปิดเผยแก่เขาจะแสดงให้เขาเห็นว่าเขาต้องเก็บเรื่องต่างๆ ที่เปิดเผยนั้น ไว้ในใจของเขา และเขาจะหมดความปรารถนาที่จะแพร่งพรายเรื่องที่เขาได้รับแก่บุคคลที่ ลอง (DBY, 338)

ของประทานอื่นๆ ของประทานแห่งการมองเห็นด้วยตาฝ่ายธรรมชาติเป็นของประทาน เช่นเดียวกับของประทานแห่งการพูดภาษา พระเจ้าทรงให้ของประทานนั้นและเราจะทำได้ ตามที่เราพอใจในเรื่องของการมองเห็น เราจะใช้ลายตาไปสู่รัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าหรือ ไปสู่ความพีนาศของเราเองก็ได้

ของประทานแห่งการติดต่อลื่อสารระหว่างกันเป็นของประธานของพระผู้เป็นเจ้า เช่น เดียวกับของประทานแห่งการพยากรณ์ การมองเห็นวิญญาณ การพูดภาษา การรักษา หรือของประทานอื่นๆ แม้การมองเห็น การลิ้มรส และคำพูด ล้วนเป็นของประทานโดยทั่ว ไปเพื่อเราจะไม่คิดว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์เดียวกับของประทานเหล่านั้นที่อ้างถึงในพระกิตติคุณ

เราจะใช้ของประทานเหล่านี้ และของประทานอื่นๆ ทุกอย่างที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ เรา ได้เพื่อถวายเกียรติและรัศมีภาพแด่พระผู้เป็นเจ้า เพื่อรับใช้พระองค์ หรือเราจะใช้เพื่อ ทำให้พระองค์และกิจการงานของพระองค์เลื่อมเลียก็ได้…

หลักธรรมเหล่านี้ถูกต้องเกี่ยวกับของประทานซึ่งเราได้รับเพื่อจุดประสงค์เฉพาะของการ ใช้มัน เพื่อว่าเราจะอดทนและได้รับความสูงล่ง เพื่อว่าจิตวิญญาณแห่งชีวิตที่เราได้รับจะไม่ถึงจุดจบ แต่จะอดทนตลอดนิรันดร

โดยการใช้ของประทานที่ทรงให้เราอย่างสุขุมรอบคอบ เราจะมั่นใจได้ถึงการฟื้นคืนชีวิต ของร่างกายที่เราครอบครองอยู่เวลานี้ ที่วิญญาณอยู่ในเรา และเมื่อเราฟื้นคืนชีวิตทั้งร่างกายและวิญญาณจะถูกทาให้บริลุทเละศักดิ“สทธิ้ เพื่อจะอยู่ได้จนตลอดนิรันดร (DNW, 27 Aug. 1956, 2)

สิ่งอัศจรรย์เพิ่มพลังและทำให้ศรัทธาของผู้ที่รักและ รับใช้พระผู้เป็นเจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

สิ่งอัศจรรย์ หรือการแสดงให้ประจักษ์ที่ไม่ธรรมดาของอำนาจของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ ลำหรับผู้ที่ไม่เชื่อ สิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อปลอบโยนสิทธิชน เพื่อเพิ่มพลังและทำให้ศรัทธาของผู้ ที่รักเกรงกลัว และรับใช้พระผู้เป็นเจ้าได้เข้มแข็งยิ่งขึ้น มิใช่เพื่อคนที่ไม่เชื่อ (DBY, 341)

ท่านได้ความคิดจากข้าพเจ้าไปแล้วว่ามันไม่ใช่สิ่งอัศจรรย์ที่ปรากฏต่อลายตาของบุคคลที่ ทำให้เขาเชื่อมั่นว่านั้นเป็นของพระผู้เป็นเจ้า หรือของมาร แต่ทว่า หากพระเจ้าประสงค์ให้ บุคคลหนึ่งรักษาคนเจ็บป่วย บุคคลนั้นจะทำได้ แต่นั้นทำให้คนชั่วเชื่อมั่นว่าผู้ให้พรถูกล่งมา จากพระผู้เป็นเจ้าหรือ? เปล่าเลย มันเป็นพรแก่เหล่าสิทธิชน และคนชั่วไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขาไม่มีหน้าที่ที่จะฟังสิ่งอัศจรรย์ นั้นมีไว้ลำหรับสิทธิชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์ ของเขาและเพื่อตัวเขาเท่านั้น (DBY, 340)

แผนพระกิตติคุณได้รับการออกแบบไว้แล้ว ส่วนสิ่งอัศจรรย์ที่ทำให้ผู้คนหลงเชื่อก็มีแต่จะ เป็นการพิพากษาพวกเขาเท่านั้น เมื่อท่านได้ยินผู้คนเล่าถึงสิ่งที่เขาเห็น—ว่าพวกเขาเห็นสิ่ง อัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังเกิดขึ้น และพวกเขาไม่มีทางจะเชื่อ จำไว้ว่า “มารเชื่อและ ตัวลั่น” เพราะเขาไม่มีทางที่จะไม่เชื่อ [ดู ยากอบ 2:19] เมื่อได้ยินสุรเสียงของคนเลี้ยงที่ดี คนที่มีใจชื่อสัตย์จะเชื่อและรับมัน เป็นการดีที่จะรับประลบการณ์บางสิ่งด้วยความลามารถ ในการรับรู้ของบุคคลนั้น และเพื่อชื่นชมกับความรู้สึกของวิญญาณที่มีชีวิตตลอดกาล ไม่มี บุคคลใดต้องการสิ่งอัศจรรย์ นอกจากเขาจะเป็นคนคิดคดทรยศ [ดู มัทธิว 12:39] คนล่วง ประเวณี คนโลภ หรือคนนับถือรูปเคารพ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่มีคนดีและชื่อสัตย์คนใด ต้องการ (DBY, 340)

ชายในศาลนาจักรนี้ที่ประกาศอย่างเปิดเผยว่าเขาได้เห็นมามาก รู้และเข้าใจมามาก ผู้ที่ เป็นพยานต่อหน้าที่ประชุมขนาดใหญ่ ในพระนามของพระผู้เป็นเจ้าของอิสราเอลว่าเขาได้ เห็นพระเยชู ฯลฯ เขาเป็นคนที่ละทิ้งอาณาจักรนี้โดยลิ้นเชิง ขณะอยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ ที่ ดำเนินชีวิตด้ายศรัทธา [ดู แอลมา 32:21] (DBY, 342)

การอารักขาของพระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งอัศจรรย์ต่อครอบครัวมนุษย์จนกว่าพากเขาจะเข้าใจ มัน ไม่มีสิ่งอัศจรรย์ โดยเฉพาะต่อผู้ที่โง่เขลา สิ่งอัศจรรย์เป็นผลที่ปราศจากเหตุ แต่ไม่มีสิ่ง ดังกล่าว มีเหตุลำหรับผลทุกประการที่เราเห็น และหากเราเห็นผลโดยไม่เข้าใจเหตุเราจะ เรียกมันว่าสิ่งอัศจรรย์ (DBY, 339)

เป็นธรรมชาติของข้าพเจ้าที่จะเชื่อว่า หากข้าพเจ้าไถดินและหว่านเมล็ดข้าวลาลี ในฤดูที่ เหมาะลมข้าพเจ้าจะเก็บเกี่ยวผลของข้าวลาลี นี่เป็นผลทางธรรมชาติ มันเป็นเช่นนั้นกับสิ่ง อัศจรรย์ที่พระเยซูทรงกระทำบนแผ่นดินโลก ในงานลมรสที่คานาแห่งกาลีลี [ดู ยอห์น 2: 1–11] เมื่อพวกเขาดื่มเหล้าองุ่นจนหมด พากเขาไปหาพระผู้ช่วยให้รอดและถามพระองค์ว่า พากเขาควรทำอะไร พระองค์ทรงบัญชาให้เขาเติมนํ้าให้เต็มโอ่ง และหลังจากทำดังนี้ เขา ดื่มนํ้านั้นและพบว่ามันเป็นเหล้าองุ่น ข้าพเจ้าเชื่อว่าเป็นเหล้าองุ่นจริง ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่ามัน ถูกทำขึ้นบนหลักธรรมที่ว่าเรื่องดังกล่าวถูกกระทำขึ้นในยุคลมัยนั้นโดยคนชั่ว โดยอาศัยสิ่งที่ พากเขาเรียกว่าจิตวิทยา ไฟฟ้าชีววิทยา การละกดจิต ฯลฯ ผู้ซึ่งมีอิทธิพลต่อมนุษย์และทำ ให้เขาเชื่อว่านํ้าเป็นเหล้าองุ่น หรือเรื่องอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกันนี้ พระผู้ช่วยให้รอดทรงเปลี่ยน นํ้าเป็นเหล้าองุ่น พระองค์ทรงรู้วิธีที่จะเรียกธาตุที่จำเป็นมารามกันเพื่อทำให้นํ้าเป็นเหล้า องุ่น ธาตุต่างๆ มีอยู่รอบตัวเรา เรากิน ดื่มและหายใจเอาพากมันเข้าไป พระเยชูทรงเข้า พระทัยกระบานการในการเรียกสิ่งเหล่านี้มารามกัน กระทำสิ่งอัศจรรย์ต่อผู้ที่ไม่รู้อะไรเลย เกี่ยวกับกระบานการนี้ มันเป็นเช่นเดียวกันกับหญิงที่ได้รับการรักษาโดยการแตะชายฉลอง พระองค์ [ดู มัทธิว 9:20–22] เธอได้รับการรักษาโดยศรัทธา แต่ไม่ใช่สิ่งอัศจรรย์ลำหรับ พระเยซู พระองค์ทรงเข้าพระทัยกระบานการ และแม้ว่าฝูงชนจะเบียดเสียดพระองค์ ทั้ง หน้าและหลัง ตลอดจนด้านข้าง จนกระทั่งพระองค์ไม่ลามารถผ่านออกไปได้ ทันใดนั้น เธอก็ได้ส้มผัสพระองค์ พระองค์ทรงรู้สึกเหมือนฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์ และทรงถามว่า ใครถูกต้องพระองค์ นี่ไม่ใช่สิ่งอัศจรรย์ลำหรับพระองค์ พระองค์ทรงมีอำนาจแห่งชีวิตและ ความตาย พระองค์ทรงมีอำนาจที่จะสละชีวิตและมีอำนาจที่จะรับเอาชีวิตคืนมาอีก [ดู ยอห์น 10:17–18] นี่คือสิ่งที่พระองค์ตรัส และเราต้องเชื่อสิ่งนี้หากเราเชื่อประวัติของพระผู้ ช่วยให้รอดและคำกล่าวของเหล่าอัครสาวกตามที่บันทึกไว้ในพันธสัญญาใหม่ พระเยซูทรงมี อำนาจนี้ในพระองค์และอำนาจนี้เป็นของพระองค์พระบิดาทรงยกให้เป็นสิ่งตกทอดแด่พระ องค์ มันเป็นมรดกของพระองค์ และพระองค์ทรงมีอำนาจที่จะสละชีวิตของพระองค์และรับ คืนมาอีก พระองค์ทรงมีอำนาจแห่งชีวิตภายในพระองค์ และเมื่อพระองค์ตรัสว่า “จงมี ชีวิต” กับบุคคล เขาจะมีชีวิต (DBY, 340–41)

หากเรามีศรัทธาที่จะรู้สึกว่าอำนาจนี้แห่งชีวิตและความตายอยู่ในเรา เราจะพูดกับโรค ร้ายว่า ‘ในพระนามของพระเยซู เจ้าจงหยุด จงปล่อยให้ชีวิตและสุขภาพเข้ามาสู่ร่างกาย ของบุคคลคนนี้ที่มาจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อสกัดกั้นโรคร้ายนี้” และศรัทธาของเราจะทำให้ สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยการวางมือบนศีรษะ โดยการปฏิบัติพิธีการของพระกิตติคุณอันคักดิ์สิทธิ์ (DBY, 342)

พระวิญญาณบริสุทธิทรงคลี่ความลับสึกของอาณาจักรแก่บรรดา ผู้แสวงหาของประทานที่ดีที่สุดและรักษาพระบัญญัติ

ความลับสึกคืออะไร? เราไม่รู้ มันอยู่นอกเหนือความเข้าใจของเรา เมื่อเราคิดถึงความ ลับสึกเรากำลังพูดถึงความคลุมเครือนิรันดร์เพราะหากมันเป็นที่รู้มันก็ไม1ใช่ความลับสึก และ ทุกสิ่งก็จะเป็นที่รู้ เราจะรู้เมื่อเราเจริญก้าวหน้าในระดับแห่งความรู้แจ้งของเรา สิ่งซึ่งอยู่นอก เหนือความเข้าใจนิรันดรของความรู้แจ้งทั้งหมดของเรา คือความลับลึก (DBY, 338–39)

หากเราได้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด เราจะเรียนรู้ว่าส่วนที่เล็กที่สุดของเรื่องเกี่ยวกับ อาณาจักรได้เคยเปิดเผยมาแล้ว แม้ให้กับสานุศิษย์ หากเราพร้อมที่จะมองความลับลึกของ อาณาจักร ด้งที่เป็นอยู่กับพระผู้เป็นเจ้าแล้ว นั่นแหละเราควรรู้ว่าส่วนที่เล็กที่สุดของมัน เท่านั่นที่ได้ประทานให้คนนี้คนนั่นที่นี่ที่นั่น พระผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยเรื่องต่างๆ มากมาย แก่ผู้คนของพระองค์โดยพระวิญญาณ แต่ในเกือบทุกกรณี พระองค์ทรงปิดภาพที่เข้ามาสู่ จิตใจโดยทันที พระองค์จะทรงปล่อยให้ผู้รับใช้ของพระองค์มองดูเรื่องอันเป็นนิรันดรชั่วครู่ แต่จะปิดภาพทันทีและพวกเขาจะถูกทั้งไว้กับเรื่องด้งที่เป็นอยู่ หรือด้งที่อัครสาวกมีอยู่ เพื่อ ให้พวกเขาเรียนร้ที่จะกระทำโดยศรัทธา ไม่ใช่โดยการมองเห็น แต่โดยศรัทธา [ด 2 โครินธ์ 5:7] (DBY, 339)

ทันทีที่ท่านจะพิสูจน์ต่อพระผู้เป็นเจ้าของท่านว่าท่านมีค่าควรที่จะได้รับความลัก หาก นั่นเป็นสิ่งที่ท่านร้องขอ เกี่ยวกับอาณาจักรแห่งสวรรค์—ว่าท่านมีความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ ในพระผู้เป็นเจ้า—ท่านจะไม่มีวันแพร่งพรายเรื่องที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบอกท่าน—ท่านจะไม่ มีวันเปิดเผยแก่เพื่อนบ้านของท่านถึงสิ่งที่ไม่ควรจะเปิดเผย ทันใดนั่นท่านก็พร้อมที่จะได้รับ เรื่องของพระผู้เป็นเจ้า มีความลับลึกที่จะมอบให้ท่าน [ดู แอลมา 26:22] (DBY, 93)

ถึงตอนนี้ พี่น้องชายจงสั่งลอนเรื่องที่เราเชื่อจริงๆ เมื่อเรามาถึงหลักธรรมของคำลอนที่ เราไม่รู้ แม้เราจะมีเหตุผลที่ดีในการเชื่อสิ่งนั่น [แม้] หากปรัชญาของเราลอนเราว่ามันจริง จงผ่านมันไป และลอนผู้คนเฉพาะสิ่งที่เรารู้เท่านั่น (DBY, 338)

หากเขาจะดำเนินชีวิตอย่างมีค่าควรเพื่อจะได้รับบางสิ่ง นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะลอน สมาชีกของศาลนาจักรชึ่งมาอยู่ที่นี่นานนับปีเพื่อเตรียมพวกเขาเข้าลู่ประตูคับและเข้าสู่ เยรูซาเล็มใหม่ และพร้อมจะชื่นชมกับลังคมของเหล่าเทพผู้บริสุทธิ์ (DBY, 339)

นี่คือความลับลึกของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก เพื่อเราจะรู้ว่าเราจะทำ อย่างไรให้แผ่นดินโลกที่เรายืนอยู่ อากาศที่เราหายใจ นํ้าที่เราดื่ม บ้านที่เราอาศัยและเมือง ที่เราสร้างบริสุทธิ์และคักดิ์สิทธิ์ และเมื่อคนแปลกหน้ามาที่ประเทศของเรา เขาจะรู้สึก ถึงอิทธิพลอันน่านับถือและยอมรับอำนาจหนึ่งชึ่งเขาไม1คุ้นเคย (DBY, 339)

หากท่านพูดว่าท่านต้องการความลับลึก พระบัญญัติ และการเปิดเผย ข้าพเจ้าตอบว่า เกือบทุกวันแชบัธที่ท่านมาที่นี่ท่านจะได้รับการเปิดเผยชึ่งจะหลั่งไหลมาลู่ท่านเหมือนดังนํ้า ที่อยู่บนดิน (DBY, 343)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

พระเจ้าประทานของประทานแห่งพระวิญญาณเพื่อเพิ่มพลังและ ประทานพรให้เรา พร้อมลับครอบครัว และศาสนาจักรของเรา

  • ของประทานแห่งพระวิญญาณคืออะไร? ทำไมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีสิ่งเหล่านี้ใน ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์ที่ได้รับการฟิ้นฟู? (ดู 1 โครินธ์ 12:4–11; ค.พ. 46:10–26)

  • เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเมื่อใดที่ของประทานแห่งพระวิญญาณกำลังแสดงให้ประจักษ์ใน ชีวิตของเรา? เราจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นพรต่อผู้อื่นได้อย่างไร?

  • ใครมีความรับผิดชอบต่อการมองเห็นของประทานทางวิญญาณและการใช้สิ่งเหล่านี้ ใน ศาสนาจักร? (ดู ค.พ. 46:27; 107:18) การใช้ของประทานทางวิญญาณในการเรียกของ ศาสนาจักรแตกต่างจากการใช้ของประทานเหล่านั้นในชีวิตส่วนตัวหรือในครอบครัว อย่างไร?

สิ่งอัศจรรย์เพิ่มพลังและทำให้ศรัทธาของผู้ที่รักและ รับใช้พระผู้เป็นเจ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

  • สิ่งอัศจรรย์คืออะไร? จุดประสงค์ของสิ่งนั้นคืออะไร?

  • ได้ยิน “สรเสียงของผู้เลี้ยงแกะที่ดี” และ “ชื่นชมกับความรู้สึกของวิญญาณที่มีชีวิตอยู่ ตลอดกาล” หมายความว่าอะไร? สิ่งอัศจรรย์จะทำให้ศรัทธาและประจักษ์พยานของเรา แข็งแกร่งได้อย่างไร? ทำไมการกระชิบของพระวิญญาณน่าเชื่อถือมากกว่าการแสดงให้ เห็นอำนาจอย่างเปิดเผย? เราจะใส่ใจต่อสิ่งอัศจรรย์ในชีวิตของเรามากขึ้นได้อย่างไร? (ดู 2 นีไฟ 27:23; อีเธอร์ 12:12)

พระวิญญาณบริสุทธิทรงคลี่ความลับลึกของอาณาจักรแก่บรรดา ผู้แสวงหาของประทานที่ดีที่สุดและรักษาพระบัญญัติ

  • ตามที่ประธานยังกล่าว ทำไมพระผู้เป็นเจ้าจึงทรงเปิดเผย “ส่วนที่เล็กที่สุดของเรื่องราว เกี่ยวกับอาณาจักร” ? (ดู ค.พ. 78:17–18)

  • เราจะพิลูจน์ตัวเองว่า มีค่าควรที่จะได้รับความลับสก“ ได้อย่างไร? (ดู ค.พ. 76:5–10)

  • ตามที่ประธานยังกล่าว อะไรคือความลับลึกของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า? (ดู ค.พ. 84:19–22 ด้วย) ความลับลึกสำหรับบุคคลหนึ่งเป็นความจริงที่เรียบง่ายและธรรมดาสำหรับอีกคนหนึ่งได้อย่างไร?ทำไมบางครั้งการสืบสาวเรื่องซึ่งเราไม1รู้จึงเป็นการล่อลวง?

  • ประธานยังกล่าวว่า “เกือบทุกวันแชบัธ…ท่านจะได้รับการเปิดเผยซึ่งจะหลั่งไหลมาสู่ ท่านเหมือนดังนํ้าที่อยู่บนดิน” เราจะเตรียมตัวเราเพื่อรับการเปิดเผยเหล่านั้นขณะที่เรา รับศีลระลึกและรักษาวันแชบัธให้ศักดิสิทธิ์ได้อย่างไร?

pioneers camping

ค่ายของผู้คนที่น่าสงสารตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของฝั่งแม่นํ้ามิสซิสซิปปีจากนอวู ในปี 1847 ดังที่ปรากฎในกาพเขียนนี้ ผู้คนดังกล่าวได้รับความช่วยเหลือให้รอดชีวิตเมื่อพระเจ้าทรงทำให้นกคุ่มตกจากฟ้าลงมาเป็นอาหารของพวกเขา