บทที่ 47
ประจักษ์พยานของ ประธานบริคัม ยัง เกี่ยวกับศาสดาโจเซฟ สมิธ
หนึ่งในคำเทศนาหลายๆ ครั้งที่ห่านกล่าวต่อสิทธิชนเกี่ยวกับงานและภารกิจของโจเซฟ สมิธ ประธานบริคัม ยัง เป็นพยานว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกอยากจะตะโกนฮาเลลูยาห์ ตลอด เวลา เมื่อข้าพเจ้าคิดว่าข้าพเจ้าเคยรู้จักโจเซฟ สมิธ ศาสดาที่พระเจ้าทรงยกขึ้นและแต่ง ตั้ง ศาสดาที่พระองค์ทรงให้กุญแจและอำนาจในการเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็น เจ้าบนแผ่นดินโลกและคํ้าจุนอาณาจักรนั้น” (DBY, 456) ตลอดชีวิตของห่านในฐานะผู้นำ ของศาสนาจักร ห่านแสดงความรักและชื่นชมศาสดาโจเซฟ สมิธเสมอ “ข้าพเจ้าเป็น พยานได้อย่างแห้จริงว่า ข้าพเจ้าพบคุณลักษณะของความเป็นศาสดาอย่างไม่มีใครจะ เสมอเหมือนอยู่ในตัวห่านตลอดเวลา แม้ห่านจะมีความอ่อนแอ แต่ใครเล่าที่เคยมีชีวิต อยู่บนแผ่นดินโลกนี้จะไม่มีความอ่อนแอ?” (Brigham Young to David P. Smith, 7 June 1853, BYP) ความเชื่อมั่นถึงการเป็นผู้พยากรณ์และงานของโจเซฟ สมีธที่ประธาน ยังมีมาตลอดชีวิตได้รับการยืนยันขณะที่ห่านอยู่ในเตียงก่อนจะเสียชีวิต ห่านกล่าวคำพูด ที่แสดงถึงการยกย่องและการคาดหวังครั้งสุดห้ายว่า “โจเซฟ โจเซฟ โจเซฟ” (LSBY, 362)
คำสอนของบริคัม ยัง
ศาสดาโจเซฟ สมิธวางรากฐานศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์ในสมัยการประทานนี้
มีดําประกาศิตในแผนการของนิรันดร เป็นเวลานานก่อนการวางรากฐานของแผ่นดินโลก ว่า ใจเซฟ สมิธเป็นชายผู้นั้นที่จะนำพระคำของพระผู้เป็นเจ้ามาสู่ผู้คนในสมัยการประทาน สุดท้ายของโลกนี้ ได้รับความสมบูรณ์ของกุญแจและอำนาจฐานะปุโรหิตของพระบุตรของ พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าทรงเฝ้าสังเกตท่าน บิดาท่าน และบิดาของบิดาท่าน ตลอดจนบรรพบุรุษของท่านไปจนถึงอับราฮัม จากอับราอัมไปถึงช่วงเวลานํ้าท่วม และจากช่วงเวลานํ้าท่วม ไปจนถึงอีนิค จากสมัยของอีนิคไปจนถึงอาอัม พระองค์ทรงเฝัาดูครอบครัวนั้นและสายเลือด นั้นที่ไหลเวียนตั้งแต่แหล่งกำเนิดของมันจนถึงการกำเนิดของชายผู้นั้นท่านได้รับการเเต่งตั้ง ล่างหน้าในนิรันดรให้ปกครองดูแลสมัยการประทานสุดท้ายนี้ (DBY, 108)
[พระเจ้า] ทรงเรียกผู้รับใช้ของพระองค์โจเชฟ สมิธ จูเนียร์ เมื่อท่านยังเป็นเพียงเด็กหนุ่ม ให้วางรากฐานของอาณาจักรของพระองค์ในยุคสุดท้าย ทำไมพระองค์จงทรงเรียกใจเซฟ สมิธ ให้ทำงานนี้? เพราะพระองค์ทรงต้องประสงค์ให้ทำ ใจเซฟ สมิธเป็นบุคคลเดียาบน แผ่นดินโลกที่ทำงานนี้ได้หรือ? ไม่ต้องสงลัยเสยว่ามีคนอื่นอีกหลายคนที่ทำงานนั้นไค้ภายใต้ การนำทางของพระเจ้าแต่พระเจ้าทรงเลือกคนที่ทำให้พระองค์ทรงพอพระทัย และนั้นก็ เพียงพอแล้ว (DBY, 460)
บ่อยเพียงใดที่บางคนเหยียดหยามเอ็ลเดอร์เมื่อพากเขาไปลอนยังต่างแดนว่าโจเซฟ สมิธ ผู้ก่อตั้งศาสนาจักรและศาสนาของพวกเขา เป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ยากจนและไม่มีการศึกษา สิงนี้เคยนำมาเป็นข้อโต้แย้งที่แข็งแกร่งที่สุดที่นำมาต่อสู้กับคำสอนแห่งความรอด โดยคนที่ ฉลาดและมีการศึกษาของโลกนี้ แม้ว่าไม่ควรมีข้อโต้แย้งใดๆ เลย พากเขากล่าวว่าพระเจ้า นำจะทรงเปิดเผยพระองค์เองต่อปุโรหิตที่มีการศึกษาหรือชายที่มีพรสวรรค์ ผู้สูงอายุ ผู้ที่เคย ทำสิ่งดีและนำพระกิตติคุณออกมาสู่ซัยชนะได้โดยอิทธิพลและการเรียนรู้ของเขา ไม่ใช่กับ เด็กหนุ่มที่ยากจน ไม่รู้เรื่องรู้ราว และไม่มีการศึกษา เมื่อพูดตามลักษณะคนทั่วไป คน ฉลาดไม่กี่คน คนยิ่งใหญ่ไม่กี่คน คนสูงศักดิ์ไม่กี่คนที่ถูกรียก แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสิ่ง โง่เขลาของโลกเพื่อทำให้คนฉลาดจำนน สิ่งอ่อนแอของโลกที่ทำให้ความยิ่งใหญ่จำนน และสิ่งที่อยู่เบื้องล่างของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่โลกดูถูกเหยียดหยาม พระผู้เป็นเจ้า ทรงเลือกในพระปรีชาญาณของพระองค์ แท้จริงแล้ว สิ่งที่ไม่ไค้เป็นอะไรเลย สิ่งที่ไร้ค่า เพื่อว่าจะไม่มีมนุษย์คนใดอาดอ้างในที่ประทับของพระองค์ไค้ [ดู 1 โครินธ์ 1:26–29] (DBY, 321–22)
ข้าพเจ้ารู้สึกในสมัยนั้น [ก่อนที่จะเข้าร่วมกับศาสนาจักร] ว่าหากข้าพเจ้าจะไค้เห็น ใบหน้าของศาสดา ดังเช่นคนที่มีชีวิตในโลกเมื่อสมัยก่อน ชายที่ไค้รับการเปิดเผย ผู้ที่สารรค์ เปิดสําหรับเขา ผู้ที่รู้จักพระผู้เป็นเจ้าและพระลักษณะของพระองค์ข้าพเจ้าจะเดินไปทั่วโลก ด้ายมือและเข่าของข้าพเจ้าอย่างเต็มใจ ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มีความยากลำบากใดที่ข้าพเจ้าจะ ไม่ยอมประสบ หากข้าพเจ้าไค้เห็นคนหนึ่งที่รู้ว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นอย่างไรและพระองค์ ทรงอยู่ที่ไหน พระลักษณะของพระองค์เป็นเช่นไร และความเป็นนิรันดรคืออะไร (DNW, 8 Oct. 1856, 3)
ลักษณะและความงดงามในภารกิจของใจเซฟคืออะไร?…เมื่อข้าพเจ้าไค้ยีนท่านลอนครั้ง แรก ท่านนำสวรรค์และแผ่นดินโลกมารวมกัน (DBY, 458)
ใจเซฟ สมิธวางรากฐานของอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสุดท้าย คนอื่นๆ จะช่วย กันสร้างส่วนของอาคารที่อยู่บนรากฐานนั้น (DBY, 458)
ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นใครจนกระทั่งมาพบกับใจเซฟ สมิธที่สามารถบอกข้าพเจ้าเกี่ยวกับ พระลักษณะพระบุคลิกและสถานที่ที่พระผู้เป็นเจ้าประทับอยู่ หรือสิ่งใดที่น่าพึงพอใจเกี่ยว กับเทพ หรือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระผู้สร้าง กระนั้นข้าพเจ้าก็ยังพากเพียรเช่น เดียวกับคนอื่นๆ ที่ต้องพยายามค้นหาสิ่งเหล่านี้ (DBY, 458)
หากจะพรรณนาด้วยคำพูด ท่านนำสวรรค์ลงมายังแผ่นดินโลก และนำแผ่นดินโลกขึ้นสู่ สวรรค์ ท่านเปิดเผยเรื่องของพระผู้เป็นเจ้าในความเรียบง่าย และนั้นคือความงดงามใน ภารกิจของท่าน ข้าพเจ้ามีประจักษ์พยานเป็นเวลานานก่อนหน้านั้นว่าท่านคือศาสดาของ พระเจ้า และนั้นคือสิ่งปลอบโยนใจ โจเซฟไม่ไค้ทำสิ่งเดียวกันนี้กับความเข้าใจของท่านหรือ? ท่านไม่น่าพระคัมภีร์ออกมาและทำให้มันเรียบง่ายจนทุกคนเข้าใจไค้หรือ? ทุกคนกล่าวว่า “ใช่ เป็นเรื่องน่ายกย่องสรรเสริญ มันเชื่อมโยงสวรรค์และแผ่นดินโลกให้เป็นอันหนึ่งอัน เดียวกันและในเวลานี้ ไม่มีสิ่งใดนอกจากจะสอนพวกเราถึงวิธีดำเนินชีวิตในนิรันดร (DBY, 458–59)
ข้าพเจ้าให้เกียรติและเคารพนามของโจเซฟ สมิธ ข้าพเจ้าชื่นชมที่ไค้ยินชื่อนี้ ข้าพเจ้ารัก ชื่อนี้ ข้าพเจ้ารักคำสอนของท่าน (DBY, 458)
สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากพระเจ้า ข้าพเจ้าได้รับโดยทางโจเซฟ สมิธ ท่านเป็นเครื่องมือที่ใช้ ประโยซนได้ หากข้าพเจ้าเลิกเชื่อท่าน ข้าพเจ้าต้องเลิกเชื่อหลักธรรมเหล่านี้ด้วย หลักธรรม เหล่านี้ไม่เคยได้รับการเปิดเผย ประกาศ หรืออธิบายโดยผู้อื่นใดนับตั้งแต่สมัยของอัครสาวก หากข้าพเจ้าไม่เชื่อในพระคัมภีร์มอรมอน ข้าพเจ้าจะต้องไม่รับว่าโจเซฟคือศาสดา และหาก ข้าพเจ้าไม่เชื่อคำสอนและเลิกสอนเรื่องการรวมอิสราเอลและการเสริมสร้างไซอัน ข้าพเจ้า ต้องเลิกเชื่อพระคัมภีร์ไบเบิล และด้งนั้น ข้าพเจ้าจะต้องกลับบ้านโดยไม่สอนทั้งสามเรื่อง นั้น (DBY, 458)
ไม่มีชายคนใดที่เคยมีสิทธิพิเศษในการได้ยินวิถีแห่งชีวิตและความรอดที่ตั้งไว้ต่อหน้าเขา ด้งที่เขียนไว้ในพันธสัญญาใหม่และในพระคัมภีร์มอรมอน รวมทั้งคำสอนและพันธสัญญา โดยสิทธิชนยุคสุดท้ายที่สามารถพูดได้ว่าพระเยซูทรงพระชนม์ พระกิตติคุณของพระองค์ เป็นความจริง และในขณะเดียวกันบอกว่าโจเซฟ สมิธไม่ได้เป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า นั่นคือประจักษ์พยานที่แข็งแกร่ง แต่มันเป็นความจริง ไม่มีใครจะพูดได้ว่าพระคัมภีร์เล่มนี้ (พระคัมภีร์ไบเบิล) เป็นความจริง เป็นพระคำของพระเจ้า เป็นทาง เป็นบ้ายบอกทาง และ เป็นเอกสารที่เราจะเรียนรู้พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า และในขณะเดียวกันก็บอกว่า พระคัมภีร์มอรมอนไม่เป็นความจริง หากเขาผู้นั้นมีลิทธิพิเศษที่จะได้อ่านหรือได้ยินผู้อื่น อ่านให้พัง และเรียนรู้คำสอนของมัน ไม่มีใครเลยบนแผ่นดินโลกผู้ที่มีสิทธิพิเศษในการเรียน รู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จากพระคัมภีร์สองเล่ม ที่จะกล่าวได้ว่าเล่มหนึ่งเป็นความ จริงและอีกกลุ่มหนึ่งเป็นเท็จ ไม่มีลิทธิชนยุคสุดท้ายคนใด ชายหรือหญิงคนใด จะพูดได้ว่า พระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง และขณะเดียวกันบอกว่าพระคัมภีร์ไบเบิลไม่เป็นความ จริง หากเล่มใดเล่มหนึ่งเป็นจริง ทั้งสองเล่มก็จะต้องจริงด้วย และหากเล่มใดเล่มหนึ่งเป็น เท็จทั้งสองเล่มก็ต้องเป็นเท็จด้วย หากพระเยซูทรงพระชนม์ และเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของ โลกใจเซฟ สมิธ คือศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า และมีชีวิตอยู่ในอกของอับราฮัมบิดาของท่าน แม้ว่ามนุษย์จะฆ่าร่างกายของท่าน แต่ท่านก็ยังมีชีวิตอยู่และเข้าเฟ้าต่อพระพักตร์พระบิดา บนสวรรค์ อาภรณ์ของท่านบริสุทธิ์เช่นเดียวกับเทพที่ล้อมรอบบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้าไม่มี ใครบนแผ่นดินโลกจะกล่าวได้ว่าพระเยซูทรงพระชนม์และปฏิเสธการยืนยันของข้าพเจ้าเกี่ยว กับศาสดาโจเซฟในขณะเดียวกัน นี่คือประจักษ์พยานของข้าพเจ้า และมันแข็งแกร่ง (DBY, 459)
พระเจ้าทรงสอนโจเซฟ สมิธผู้รับใช้ของพระองค์โดยฝานการเปิดเผย “จากความจริงหนึ่งสู่ความจริงหนึ่ง”
นับตั้งแต่เวลาที่โจเซฟได้รับแผ่นจารึก และก่อนหน้านั้น พระเจ้าทรงให้การนำทางท่าน พระองค์ทรงลอนท่านวันแล้ววันเล่าชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าอย่างต่อเนื่อง (DBY, 461)
โจเซฟ ได้รับการเปิดเผยหนึ่งสู่การเปิดเผยหนึ่ง วิธีการหนึ่งสู่วิธีการหนึ่ง ความจริงหนึ่งสู่ ความจริงหนึ่งอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งท่านได้รับสิ่งที่จำเป็นทั้งหมดต่อความรอดของ ครอบครัวมนุษย์ (DBY, 461)
พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกผู้อาศัยของแผ่นดินโลกทั้งหมด พวกเขาถูกเรียกให้กลับใจและรับ บัพติศมาเพื่อการปลดบาป (DBY, 461)
เราผ่านจากสิ่งหนึ่งไปอีกสิ่งหนึ่ง และข้าพเจ้าจะกล่าวจากระดับหนึ่งของความรู้ไปยังอีก ระดับหนึ่ง เมื่อโจเซฟ สมิธได้รับความรู้เกี่ยวกับแผ่นจารึกซึ่งอยู่ที่เนินเขาคาโมราเป็นครั้ง แรก เวลานั้นท่านไม่ได้รับกุญแจของฐานะปุโรหิตแห่งแอรัน ท่านเพียงแต่ได้รับความรู้ว่า แผ่นจารึกอยู่ที่นั้น และพระเจ้าจะทรงนำมันออกมา…ท่านได้รับความรู้ว่า [ผู้อาศัยอยู่ใน อเมริกา] ครั้งหนึ่งเคยมีพระกิตติคุณ และนับแต่เวลานั้นท่านก็ดำเนินต่อไป ทีละขั้นทีละ ตอนจนกระทั่งท่านได้รับแผ่นจารึก ยูรัมธัมมัมและมีอำนาจที่จะแปลมัน นี่ไม่ได้ทำให้ท่าน เป็นอัครสาวก นี่ไม่ได้ให้กุญแจแห่งอาณาจักรแก่ท่าน ทั้งไม่ได้ทำให้ท่านเป็นเอ็ลเดอร์ใน อิสราเอล ท่านเป็นศาลดา และมีวิญญาณแห่งการพยากรณ์ ท่านได้รับสิ่งทั้งหมดนี้ก่อนที่ พระเจ้าจะทรงแต่งตั้งท่าน และเมื่อพระเจ้าทรงบอกท่านให้ไปเพ็นซิลวาเนียโดยการเปิดเผย ท่านก็ทำตาม และทำงานแปลพระคัมภีร์มอรมอนจนเสร็จ และเมื่อพระเจ้าทรงบอกให้ท่าน กลับมายังนิวยอร์คในการเปิดเผยอีกครั้งหนึ่งเพื่อไปยังบ้านของคุณพ่อวิตเมอร์ผู้ชรา ซึ่ง อาศัยอยู่ในสถานที่ตรงข้ามวอเตอร์ลู และให้หยุดที่นั้น ท่านก็ทำตาม โดยจัดประชุมและ รวบรวมคนไม่กี่คนที่เชื่อในประจักษ์พยานของท่าน [see HC, 1:48–51] ท่านได้รับฐานะปุโรหิตแห่งแอรัน จากนั้นท่านก็ได้รับกุญแจฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเชเด็ค และจัดตังศาสนา จักร [ดู ค.พ. 13: 20; 128:20] ท่านได้รับอำนาจที่จะให้นัพติศมาเป็นครั้งแรก และยังคงไม่ ทราบว่าท่านต้องได้รับอีก จนกระทั่งพระเจ้าทรงบอกท่านว่ามีสิ่งอื่นอีกที่ท่านต้องได้รับ จากนั้นท่านก็ได้รับกุญแจุฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลดิเซเด็ค และมีอำนาจที่จะยืนยันหลังจาก ท่านให้บัพติศมา ซึ่งอำนาจนี้ท่านไม่เคยมีมาก่อน ท่านจะยังคงมีอำนาจเดียวกันกับอำนาจ ของยอห์นผู้ถวายบัพติศมาโดยถูกต้องเท่านั้น หากพระเจ้าไม่ได้ทรงล่งทูตคนอื่นๆ อีกลาม คนลงมา ปีเตอร์ เจมส์ และจอห์น เพื่อประลาทฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลดิเซเด็คให้ท่าน..และ จากนั้น [เรา] จึงได้รับพิธีการอื่นๆ (DBY, 461–62)
ในเวลานี้ [1840] การเปิดเผยมาถึงเมื่อเราสามารถได้รับบัพติศมาแทนเพื่อนของเราที่ล่วง ลับไปแล้ว แต่ในตอนแรกไม่ได้มีการเปิดเผยว่าควรมีการเก็บบันทึกของคนเหล่านั้นผู้ที่จะ รับบัพติศมา แต่เมื่อต่อมาท่านได้รับการเปิดเผยเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดประสงค์นั้น จึงได้มี การเก็บบันทึก (DBY, 462–63)
ศาสดาโจเซฟ สมิธ สอนความจริงของพระกิตติคุณอย่างเรียบง่าย
ทั้งหมดที่ใจเซฟ สมิธทำคือการสอนความจริงของพระกิตติคุณดังที่พระเจ้าทรงเปิดเผย แก่ท่านและบอกผู้คนถึงวิธีที่จะได้รับความรอด ผู้ที่มีความชื่อสัตย์ในใจเข้ามารวมกับท่าน อยู่รอบๆ ท่านและรักท่านเท่ากับชีวิตของตนเอง ท่านทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการลอนหลัก ธรรมที่แท้จริง และหลักธรรมที่จะรวมสิทธิชนในยุคสุดท้าย แม้ผู้ที่มีความชื่อสัตย์ในใจทุก คนที่เชื่อและทำตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์คือพยานของพระองค์ต่อความจริงของ เรื่องเหล่านี้ (DBY, 463)
ความดีเลิศแห่งรัศมีภาพของบุคลิกลักษณะของบราเดอร์โจเซฟ สมิธคือท่านลามารถนำ เรื่องแห่งสวรรค์ลงมาสู่ความเข้าใจของมนุษย์ที่มีความเข้าใจอย่างจำกัด เมื่อท่านลอนผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดเผยเรื่องราวของพระผู้เป็นเจ้า พระดำริของพระผู้เป็นเจ้า แผน แห่งความรอด พระประสงค์ของพระเยโฮวาห์ ความสัมพันธ์ที่เรามีต่อพระองค์ และบุคคล แห่งสวรรค์ทั้งหมด ท่านลดคำลอนของท่านลงให้เท่ากับความลามารถของชาย หญิง และ เด็กทุกคน โดยทำให้มันเรียบง่ายเช่นเดียวกับเส้นทางที่ได้รับการกำหนดขอบเขตไว้อย่างดี สิ่งนี้น่าจะทำให้ทุกคนที่เคยได้ยินเรื่องอำนาจและพลังอันศักดิ์สิทธิ์ของท่านเชื่อว่าเป็นจริง เพราะไม่มีใครอื่นลามารถลอนด้งที่ท่านลอน และไม่มีผู้ใดจะเปิดเผยเรื่องราวของพระผู้เป็น เจ้าได้นอกจากโดยการเปิดเผยของพระเยซูคริสต์ (DBY, 463)
เราไม่เคยพบใครที่สามารถสอนเรื่องการกลับใจ บัพติศมาเพื่อการปลดบาป ด้วยอำนาจ ที่จะปฏิบัติพิธีการตามนั้น จนกระทั้งพระผู้เป็นเจ้าทรงมอบอำนาจให้โจเซฟ สมิธ และล่ง ท่านไปพร้อมด้วยพระบัญญัติของพระองค์ให้ผู้คน ก่อนเวลานั้น ข้าพเจ้าค้นหาทุกสิ่งที่เกี่ยว ข้องกับศาลนาจักรต่างๆ ข้าพเจ้าค้นไปทั่วทุกหนทุกแห่งเพื่อหาว่ามีลิ่งใดที่เป็นศาลนา ปริลุทธิ์บนแผ่นดินโลกหรือไม่ ข้าพเจ้าค้นหาคนที่จะบอกข้าพเจ้าได้ถึงบางสิ่งเกี่ยวกับพระผู้ เป็นเจ้า สวรรค์ เทพ และชีวิตนิรันดร ข้าพเจ้าเชื่อในพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา และในพระ เยซูคริสต์ แต่ข้าพเจ้ามีอาจเชื่อได้ว่าศาลนาจักรของพระคริสต์เคยมีอยู่บนแผ่นดินโลกก่อน หน้าโจเซฟ สมิธ (DBY, 463)
ข้าพเจ้าอาจดำเนินต่อไปในการศึกษาพระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์ทุกเล่มที่เคยมีการ บันทึกมา และโดยปราศจากการเปิดเผยจากพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าก็เหมือนกับฆ้องหรือ ฉาบที่กำลังล่งเลียง โดยไม่มีความรู้เรื่องพระผู้เป็นเจ้า ศาลนาที่แท้จริง การไล่คนเป็นหรือ คนตาย ข้าพเจ้าคงจะมีชีวิตและเลียชีวิตในความโง่เขลา และนี่คือสภาพของผู้อาศัยบนแผ่น ดินโลกทุกคน (DBY, 463)
มีบรรดาสุภาพบุรุษที่มาพบท่านและผู้คนของท่านถามโจเซฟ สมิธหลายครั้งว่า “เป็นไป ได้อย่างไรที่ท่านควบคุมผู้คนของท่านได้ง่ายดายเช่นนี้? ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ทำอะไร นอกจากสิ่งที่ท่านบอก เป็นไปได้อย่างไรที่ท่านสามารถปกครองพวกเขาได้ง่ายเช่นนี้?” ท่านตอบว่า “ผมไม่ได้ปกครองพวกเขาเลย พระเจ้าทรงเปิดเผยหลักธรรมบางอย่างจาก สวรรค์ซึ่งเราต้องดำเนินตามนั้นในยุคสุดท้ายนี้ เวลามาใกล้แล้วที่พระเจ้าจะทรงรวบรวม ผู้คนของพระองค์ออกจากคนชั่วร้าย และพระองค์จะทรงทำงานอันชอบธรรมให้เสร็จโดยเร็ว พลัน หลักธรรมที่พระองค์ทรงเปิดเผยมานั้นผมได้ลอนให้ผู้คนและพวกเขาพยายามดำเนิน ชีวิตตามหลักธรรมนั้น พวกเขาควบคุมตนเอง”
ท่านสุภาพบุรุษ นี่คือความลับที่ยิ่งใหญ่ในการควบคุมผู้คนเหล่านี้ หลายคนคิดว่าข้าพเจ้าควบคุมพวกเขา แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย มันจะมีค่าเช่นนั้นตราบที่ข้าพเจ้าลามารถ ควบคุมตนเองและทำตนเองให้เคร่งครัดรวมทั้งลอนหลักธรรมที่ควรดำเนินตามให้กับผู้คน (DBY, 470)
เมื่อพิจารณาถึงหลายคนที่จะเข้ามาในอาณาจักรและออกไปอีก ข้าพเจ้าระลึกถึงหลาย ครั้งเมื่อบราเดอร์โจเซฟจะกล่าวว่า “พี่น้อง ข้าพเจ้ายังไม่ได้ละทิ้งความเชื่อ และไม่มีความ รู้สึกอยากจะทำเช่นนั้นด้วย” ไม่ต้องลงลัยเลย พวกท่านหลายคนลามารถระลึกถึงคำพูดของ ท่านใจเซฟต้องลวดอ้อนวอนหลายครั้ง ปึกฝนศรัทธา ดำเนินชีวิตตามศาลนาและทำการ เรียกของท่านให้ลมบูรณ์ เพี่อจะได้รับการแสดงให้ประจักษ์ของพระเจ้า และทำให้ท่านมั่น คงแน่วแน่อยู่ในศรัทธา (DBY, 469)
บัดนี้ตัวข้าพเจ้าเองและพี่น้องของข้าพเจ้ายิ่งจะเลียใจ เมื่อเรายิ่งออกจากเป้าหมายที่จะ เป็นคนดีพร้อม และจากสิทธิพิเศษที่เราควรได้รับ หากใจเซฟ สมิธ จูเนียร์ ศาลดาลามารถ มองเห็นผู้คนในวันเวลาของท่าน เต็มใจที่จะเชื่อฟังเสียงของท่าน ดังที่พวกเขาเชื่อฟังเสียง ประธานของพวกเขาในวันนี้ท่านก็คงจะเป็นคนที่มีความสุข ท่านดำเนินชีวิต ลงแรงตรากดรำ และทำงาน ความกล้าหาญของท่านเหมือนความกล้าหาญของเทพ ความตั้งใจของ ท่านเหมือนกับพระประสงค์ของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ท่านรับใช้จนกระทั้งพวกเขาฆ่าท่าน (DBY, 464)
ศาสดาโจเซฟ สมิธผนึกประจักษ์พยานของท่านด้วยเลือด
ศาลดาหลายท่านได้ผนึกประจักษ์พยานไว้ด้วยเลือด จนทำให้ประจักษ์พยานของท่าน เหล่านั้นออกไปด้วยพลังอำนาจ…ในสมัยโบราณเป็นเช่นไร ในสมัยบัจจุบันก็เป็นเช่นนั้น เมื่อใจเซฟ สมิธผนึกประจักษ์พยานของท่านด้วยเลือด ประจักษ์พยานของท่านได้ออกไป ทั่วโลกด้วยพลังอำนาจในชั่ววินาทีนั้น และวิบัติแก่ผู้ที่ต่อด้านมัน (DBY, 467)
เมื่อ [ใจเซฟ สมีธ] ไปคาร์เทจ ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าไปสู่ความตาย ข้าพเจ้าไปเหมือน กับลูกแกะไปสู่การฆ่า ข้าพเจ้าไปสู่ชะตากรรมของข้าพเจ้า” (DBY, 467)
ใครเล่าปลดปล่อยใจเซฟ สมิธจากมือศัตรูของท่าน [จนกระทั่ง] วันแห่งความตายของ ท่าน? พระผู้เป็นเจ้า แม้ว่าท่านจะชักนำไปสู่ขอบเหวแห่งความตายหลายครั้งหลายคราว และตามความคิดความเข้าใจของคนทั่วไป ท่านไม่มีวันได้รับการปลดปล่อย และไม่มีโอกาส ที่จะรอดชีวิต เมื่อท่านอยู่ในคุกที่มิสชูรี ไม่มีผู้ใดคาดหวังว่าท่านจะหนีรอดจากมือของศัตรู ได้ข้าพเจ้ามีศรัทธาเช่นเดียวกับศรัทธาของอปราฮัม และบอกกับพี่น้องว่า “แม้ดังที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงพระชนม์” ท่านจะหลุดออกมาจากมือของศัตรูดังนั้น” แม้ท่านจะ พยากรณ์ว่าท่านจะมีชีวิตไม่ถึงลี่สิบปี แต่เราทุกคนต่างก็หวังอย่างมุ่งมั่นว่านั้นอาจเป็นคำ พยากรณ์ที่ผิดและเราจะพิทักษ์ท่านไว้กับเราตลอดไป เราคิดว่าศรัทธาของเราจะขยายอายุ ของท่านเท่านั้น แต่เราคิดผิดเพราะในที่สุดท่านก็เป็นมรณสักขีให้ศาลนาของท่าน ข้าพเจ้า กล่าวว่า “ไม่เป็นไรหรอก บัดนี้ประจักษ์พยานมีพลังอำนาจเต็มที่แล้ว ท่านผนึกประจักษ์ พยานด้วยเลือดของท่าน” (DBY, 469–70)
ตำแหน่งของท่านไม่ได้ถูกนำไปจากท่าน ท่านเพียงแต่จากไปเพื่อไปรับใช้งานในด้านอื่น ของพระผู้ทรงฤทธานุภาพ ท่านเป็นอัครสาวก และยังคงเป็นศาลดา ท่านกำลังทำงานของ อัครสาวกและศาลดา ท่านก้าวไปหนึ่งก้าวนำหน้าเราและได้รับชัยชนะที่ท่านและข้าพเจ้ายัง ไม่ได้รับ (DBY, 468)
ข้าพเจ้ารู้ว่า [ใจเซฟ สมีธ] ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้ารู้ลี่งนี้โดยการเปิดเผย ของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อข้าพเจ้า และโดยประจักษ์พยานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ถ้า ข้าพเจ้าไม่ได้เรียนรู้ความจริงนี้ ข้าพเจ้าจะไม่มีวันเป็นผู้คนที่เรียกกันว่า “ชาวมอรมอน” ทั่งข้าพเจ้าจะไม่มาอยู่ที่นี่วันนี้ (DNW, 22 Oct. 1862, 2)
ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา
ศาสดาโจเซฟ สมิธวางรากฐานศาสนาจักรของ พระเยซูคริสต์ในสมัยการประทานนี้
-
อะไรคือบทบาทของบรรพบุรุษของใจเซฟ สมิธในการเตรียมท่านเพื่อเป็นศาสดาคนแรก ในสมัยการประทานนี้? ศรัทธาของบรรพบุรุษของท่านมีอิทธิพลต่อชีวิตท่านในทางใด บ้าง? ท่านจะทำอะไรเพื่อเป็นอิทธิพลอันชอบธรรมต่อลูกหลานของท่าน?
-
อะไรคือข้อได้เปรียบที่เกิดจากการที่พระเจ้าทรงเรียกเด็กหนุ่มให้วางรากฐานอาณาจักร ของพระองค์ในยุคสุดท้ายนี้? ลี่งนี้ช่วยให้ท่านเห็นพระหัตถ์ของพระเจ้าทำงานในชีวิต ของท่านอย่างไร?
-
ประธานยังกล่าวว่าศาสดาโจเซฟ สมิธวางรากฐานของศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่ง สิทธิชนยุคสุดท้ายและคนอื่นๆ จะสร้างส่วนต่างๆ ของอาคารที่อยู่บนรากฐานนั้น ราก ฐานนั้นคืออะไร? (ดู ค.พ. 5:9–10; 135:3 ด้วย) อาคารที่อยู่บนรากฐานนั้นคืออะไร? ท่านเห็นข้อพิสูจน์อะไรที่ว่าอาคารที่อยู่บนรากฐานของศาสนาจักรกำลังถูกสร้างขึ้น? เรา จะมีส่วนช่วยในงานนี้อย่างไรบ้าง?
-
ประธานยังแนะนำว่าอะไรคือ “ลักษณะและความงดงามในภารกิจของใจเซฟ” ? เราจะ ท่าตามวิธีการสอนของศาสดาโจเซฟ สมีธเมื่อเราสอนลูกๆ และคนอื่นๆ อย่างไร?
-
ศาสดาใจเซฟ สมิธสอน “วิธีดำเนินชีวิตโนนิรันดร” ไว้อย่างไร? คำสอนเหล่านี้นำมา ประยุกต์ใช้กับชีวิตของเราในความเป็นมตะอย่างไร?
พระเจ้าทรงสอนโจเซฟ สมิธผู้รับโช้ของพระองค์ โดยฝานการเปิดเผย “จากความจริงหนื่งสู่ความจริงหมื่ง”
-
ท่านคิดว่าทำไมพระเจ้าจึงทรงเปิดเผยความจริงของพระองค์จาก “การเปิดเผยหนึ่งไปสู่ อีกการเปิดเผยหนึ่ง” แทนที่จะเปิดเผยทั้งหมดทีเดียว? (ดู ค.พ. 93:11–14 ด้วย) สิ่งนี้ เป็นความจริงในชีวิตของใจเซฟ สมีธอย่างไร? สิ่งนี้เคยเป็นจริงในชีวิตของท่านอย่างไร?
ศาสดาโจเซฟ สมิธสอนความจริงของพระกิตติคุณอย่างเรียบง่าย
-
ทำไมศาสดาโจเซฟ สมีธจึงเป็นผู้สอนซึ่งเป็นที่รักและมีอิทธิพลมากเช่นนั้น? อะไรคือ “ความลับที่ยิ่งใหญ่” ของท่านในการปกครองผู้คนของพระเจ้า? เราจะประยุกต์ใช้หลัก ธรรมนี้กับความรับผิดชอบของเราที่บ้าน ที่ทำงาน และที่โบสถ์ได้อย่างไร?
-
ศาสดาโจเซฟสามารถ “ได้รับการแสดงให้ประจักษ์ของพระเจ้า และทำให้ท่านมั่นคง แน่วแน่อยู่ในศรัทธา” ได้อย่างไร? เราจะรู้พระประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับตัวเราได้ อย่างไร? ทำไมเราต้องดำเนินต่อไปในความซื่อสัตย์เพื่อจะดำรงประจักษ์พยานในพระ กิตติคุณไว้?
ศาสดาโจเซฟ สมิธผนึกประจักษ์พยานของท่านด้วยเลือด
-
ทำไมโจเซฟและไฮรัม สมิธจึงจำเป็นต้องผนึกประจักษ์พยานของท่านด้วยเลือด? (ดู ค.พ. 135; 136:39)
-
ประธานยังกล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้ว่า [โจเซฟ สมิธ] ไค้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า และ ข้าพเจ้ารู้สิ่งนี้โดยการเปิดเผยของพระเยซูคริสต์ที่มีต่อข้าพเจ้า” ท่านรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับ ศาลดาโจเซฟ สมิธ? ท่านจะเล่าความรู้สึกของท่านกับครอบครัว เพื่อน และคนที่ท่าน คบหาสมาคมด้วยอย่างเหมาะลมไค้อย่างไร? ให้พิจารณาการบันทึกความรู้สึกของท่าน เกี่ยวกับศาลดาในทางใดทางหนึ่งเพื่อลูกหลานของท่าน