คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 17: พระคัมภีร์


บทที่ 17

พระคัมภีร์

ทุกๆ คืน ประธานบริคัม ยัง จะสั่นกระดิ่งสวดอ้อนวอนและให้ครอบครัวของท่านมารวม ยันรอบๆ ตัวท่านเพื่อร้องเพลงและฟังคำแนะนำ ศึกษาพระคำของพระผู้เป็นเจ้า และ สวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว ท่านเชื่อในการศึกษาพระคัมภีร์ และเปรียบเทียบพระคัมภีร์ ยับ “นิ้วที่ชี้บอกถนนสายที่เราควรเดิน มันชี้ไปที่ไหนหรือ? ชี้ไปที่แหล่งกำเนิดของความ สว่าง” (DBY, 127) ท่านเตือนสิทธิชนว่า “พี่น้องชายหญิงของข้าพเจ้า ท่านอ่านพระ คัมภีร์ราวกับว่าท่านกำลังเขียนพระคัมภีร์เล่มนี้เมื่อหนึ่งพัน สองพัน หรือห้าพันปีก่อน หรือไม่? ท่านอ่านพระคัมภีร์ราวยับว่าท่านปีนแทนที่ชายผู้ที่เขียนพระคัมภีร์เล่มนี้หรือไม่? หากท่านไม่รู้สึกเช่นนั้น นี่เป็นสิทธิพิเศษของท่านที่จะหาเช่นนั้น เพื่อท่านจะคุ้นเคยก้บ วิญญาณและความหมายของพระคำของพระผู้เป็นเจ้าที่บันทึกไว้เช่นเดียวกับที่คุ้นเคย กับชีวิตและรูปแบบการคำเนินชีวิตในแต่ละวัน หรือเหมือนกับที่ท่านคุ้นเคยยับเพื่อนร่วม งาน หรือคนในบ้านของท่าน” (DBY, 128)

คำสอนของบริคัม ยัง

การเรียนรู้และการดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระคัมภีร์นำการดลใจ และการนำทางมาสู่ชีวิตของเรา

เป็นหน้าที่และสิทธิพิเศษของท่านที่จะดำเนินชีวิตจนทำให้เข้าใจเรื่องของพระผู้เป็นเจ้ามี พันธะสัญญาเดิม พันธสัญญาใหม่ พระคัมภีร์มอรมอน ตลอดจนคำสอนและพันธสัญญา ซึ่งใจเซฟให้ไว้กับเรา นับเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งต่อผู้คนที่ดำเนินชีวิตในบาปและความโง่เขลา พระคัมภีร์เหล่านี้เป็นเหมือนกับประภาคารในมหาสมุทร หรือเป็นนิ้วที่ชี้บอกถนนสายที่เรา ควรเดิน มันชี้ไปที่ไหนหรือ? ชี้ไปที่แหล่งกำเนิดของความสว่าง (DBY, 127)

ข้าพเจ้าเชื่อถ้อยคำในพระคัมภีร์ไบเบิล…ข้าพเจ้าเชื่อว่าคำสอนที่เกี่ยวกับความรอดตามที่ มีอยู่ในพระคัมภีร์เล่มนั้นเป็นความจริง และการดำเนินชีวิตตามคำสอนเหล่านั้นจะยกระดับ ผู้คน ประชาชาติหรือครอบครัวบนผืนแผ่นดินโลกให้สูงขึ้น คำลอนที่มีอยู่ในพระคัมภีร์ใบเบิลจะยกระดับผู้คนที่ปฎิบัติตามให้อยู่ในสภาพที่สูงกว่า มันจะให้ความรู้ ปัญญา ความใจ บุญแก่พวกเขา เดิมพวกเขาด้วยความเมตตาสงสารและทำให้รู้สึกเป็นห่วงเป็นใยต่อความ ต้องการของผู้ที่อยู่ในความเศร้าโศก หรืออยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปวดร้าวหรือตกตา ผู้ที่ ปฏิบัติตามคำสอนซึ่งมีอยู่ในพระคัมภีร์จะเป็นคนเที่ยงธรรม เป็นคนจริง มีคุณธรรม และรัก สันติทั้งในบ้านและนอกบ้าน เมื่อดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิล ผู้ชายจะเป็น สามีที่น่าชมเชย ผู้หญิงจะเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยมและเด็กๆ จะเป็นลูกที่เชื่อฟัง พวกเขาจะ ทำให้ครอบครัวมีความสุข ทำให้ประชาชาติมั่งคั่งและเป็นสุข ทั้งยังยกระดับตนเองเหนือสิ่ง ต่างๆ ในชีวิตนี้ (DBY, 125)

ข้าพเจ้ากล่าวว่าเราใช้พระคัมภีร์ [ไบเบิล] เป็นเครื่องนําทางของเรา เป็นกฎแห่งการ ปฎิบัติของเรา เราใช้มันเป็นรากฐานแห่งศรัทธาของเรา มันชี้ทางไปสู่ความรอดเช่นเดียวกับ นี้วที่ชี้ไปยังเมือง หรือแผนที่ซึ่งระบุที่ตั้งของภูเขา แม่นํ้า หรือเส้นรุ้งและเส้นแวงของสถานที่ ต่างๆ บนพื้นผิวโลกที่เราต้องการจะค้นหา และเราไม่มีเหตุผลใดที่ดีไปกว่าการเชื่อพระ คัมภีร์เล่มนี้ดังนั้น ข้าพเจ้ากล่าวว่าสิทธิชนยุคสุดท้ายมีศรัทธาและความเชื่อที่เป็นธรรมชาติ และไม่เสริมแต่งมากที่สุดในบรรดาผู้คนบนพื้นแผ่นดินโลก (DBY, 125)

เราถือว่าพระคัมภีร์ไบเบิล…เป็นเครื่องน่าทาง..ที่ชี้ไปลู่จุดหมายปลายทางที่แน่นอนแห่ง หนึ่ง พระคัมภีร์เล่มนี้คือคำสอนที่แท้จริงซึ่งเราประกาศอย่างอาจหาญ หากท่านจะทำตาม คำสอนดังกล่าว และให้คำสอนในพระคัมภีร์เล่มนั้นนําทางท่าน มันจะนําท่านไปยังสถานที่ ที่ท่านจะเห็นดังที่ท่านถูกเห็น ชื่งที่นั่นท่านจะสนทนากับพระเยซูคริสต์ ไค้รับการมา เยือนของเทพ ได้ฝัน ได้ภาพที่มาปรากฏ ได้รับการเปิดเผย เช้าใจและรู้จักพระผู้เป็นเจ้า ด้วยตัวของท่านเอง พระคัมภีร์เล่มนั้นไม่ไค้เป็นสิ่งยังชีวิตและสิ่งคํ้าจุนชีวิตของท่านหรือ? ใช่มันเป็น มันจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่าท่านกำลังเดินตามรอยเท้าของผู้คนในสมัยโบราณ ท่านจะไค้เห็นสิ่งที่พวกเขาเห็นและเช้าใจในสิ่งที่พวกเขาไค้รับ (DBY, 126)

ไม่มีความขัดแย้งระหว่างหลักธรรมที่เปิดเผยไวในพระคัมภีร์ใบเบิล พระคัมภีร์มอรมอน ตลอดจนคำลอนและพันธสัญญา [ไข่มุกอันลํ้าค่ายังไม่ไค้รับการประกาศให้เป็นพระคัมภีร์ มาตรฐานในเวลาที่แถลงข้อความนี้] และจะไม่มีความขัดแย้งระหว่างคำสอนใดๆ ที่สอน โดยโจเซฟ สมิธศาสดา กับคำสอนที่สอนโดยเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในปัจจุบันนี้หากทุกคนจะ ดำเนินชีวิตอยู่ในทางที่ควบคุมโดยพระวิญญาณของพระเจ้า แต่เป็นเพราะทุกคนไม่ไค้ดำเนินชีวิตเพื่อให้มีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่กับพวกเขาตลอดเวลา ผลก็คือสิทธิชนยุคสุด ท้ายบางคนจึงพลัดหลงทางไป (DBY, 126)

เราเชื่อในพระคัมภีร์มอรมอน และพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญาที่พระเจ้าประทาน ให้โจเซฟ สมิธและประทานให้กับศาสนาจักรโดยผ่านท่าน เราเชื่อด้วยว่าหากเราปราศจาก พระวิญญาณของพระเจ้า และขาดความเช้าใจหรือไม่มีการมองเห็นทางวิญญาณจนเราไม่ สามารถมองเห็นและเช้าใจสิ่งต่างๆ ดังที่มันเป็นอยู่โดยพระวิญญาณแห่งการเปิดเผยเราก็ ควรกล่าวคำอำลาพระคัมภีร์เหล่านี้เลีย โดยไม่สำคัญว่ามันจะมีมากขนาดไหน หากเรามี การเปิดเผยทั้งหมดที่ประทานให้นับตั้งแต่สมัยของอาดัม แต่ไม่มีพระวิญญาณแห่งการเปิด เผยอยู่และสถิตท่ามกลางผู้คน ก็ไม่มีทางที่เราจะรอดไดัในอาณาจักรชั้นสูงของพระผู้เป็น เจ้า (DBY, 128)

ประทานพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญาให้สิทธิชนยุคสุดท้ายโดยเฉพาะเพื่อการดำเนิน ชีวิตและการปฏิบัติตนในแต่ละวันของพวกเขา (DBY, 128)

พระคัมภีร์ไบเบิลบรรจุคำสอนแห่งความรอด

พระคัมภีร์เล่มนี้ เป็นพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ นับตั้งแต่ปฐมกาลถึงวิวรณ์ สอนคำเทศนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น (DBY, 126)

คำสอนที่เราสอนคือคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิล เป็นคำสอนที่พระเจ้าทรงเปิดเผยเพื่อ ความรอดของลูกๆ ของพระผู้เป็นเจ้า เมื่อมนุษย์ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเชื่อฟัง กลับปฏิเสธ พวกเขา ก็ปฏิเสธทั้งๆ ที่มีความเข้าใจอันสมบูรถ! และรู้ว่าพวกเขาปฏิเสธความจริงและเห็นว่า พระ คำของพระผู้ทรงฤทธานุภาพไร้ประโยชน์ (DBY, 126)

พระคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริง มันอาจจะไม่ได้รับการแปลอย่างถูกต้องทั้งหมด และสิ่ง ที่มีค่ายิ่งหลายอย่างถูกเอาออกไปเมื่อมีการรวบรวมและแปลพระคัมภีร์ไบเบิล [ดู 1 นิไฟ 13:24–27] แต่เราเข้าใจจากงานเชียนของอัครสาวกท่านหนึ่งว่า หากจะบันทึกพระดำรัสและ การปฏิบัติทั้งหมดของพระผู้ช่วยให้รอด ทั้งโลกนี้ก็จะไม่มีที่พอเก็บบันทึกเหล่านั้น [ดู ยอห์น 21:25] ข้าพเจ้าขอกล่าวว่าโลกไม่ลามารถเข้าใจบันทึกเหล่านั้นได้พวกเขาไม่เข้าใจสิ่ง ที่เราบันทึกไว้ ทั้งไม่เข้าใจพระลักษณะของพระผู้ช่วยให้รอดคังที่พรรณนาไว้ในพระคัมภีร์ แต่กระนั้นมันก็ยังเป็นสิ่งที่เรียบง่ายที่สุดในโลก เมื่อเข้าใจพระคัมภีร์ไบเนิลก็จะพบว่านึ่คือ หนังสือที่เรียบง่ายที่สุดในโลก เพราะตราบที่มีการแปลอย่างถูกต้อง [ดู หลักแห่งความเชื่อ ข้อที่ 8] ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดนอกจากความจริง และในความจริงไม่มีสิ่งใดที่ลึกสับนอกจากกับคน ที่ไม่สนใจใยดีการเปิดเผยของพระเจ้าต่อมนุษย์ถูกปรับให้เหมาะกับระดับความเข้าใจชั้นตํ่า สุด และการเปิดเผยเหล่านั้นจะนำชีวิตและความรอดมาสู่ทุกคนที่เต็มใจยอมรับมัน (DBY, 124)

เราเชื่อพันธสัญญาใหม่ ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกัน เราจึงต้องเชื่อในการเปิดเผยใหม่ รวมทั้งภาพที่มาปรากฏ เทพ และของประทานแห่งพระวิญญาณบริลุทธิ้ทั้งหมด ตลอดจน สัญญาทั้งหมดที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์เหล่านี้ และเชื่อสิ่งต่างๆ ตามที่บันทึกไว้ในนั้น (DBY, 124)

เรามีความคารวะอันบริสุทธิ์และมีความเชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิล (DBY, 124)

โดยการอ่านพระคัมภีร์ไบเบิลเราพบว่าพระกิตติคุณไม่ได้มีบันทึกไว้ในพันธสัญญาใหม่ เท่านั้น แต่ในพันธสัญญาเติมด้วย โมเสสและศาสดาทั้งหลายมองเห็นและพยากรณ์ถึงการ ละทิ้งความเชื่อของศาสนาจักร พวกท่านมองเห็นว่าพระเจ้าจะทรงพยายามช่วยลูกหลาน มนุษย์ครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าพระองค์จะทรงส่งความจริงและฐานะปุโรหิตไปให้พวกเขา พวก ท่านยังเห็นอีกว่าเนื่องจากความชั่วร้ายของผู้คนพวกเขาจะเปลี่ยนพิธีการ ทำลายพันธสัญญา และล่วงละเมิดกฎของพระองค์ [ดู อิสยาห์ 24:5] จนกระทั่งฐานะปุโรหิตจะถูกนำไปจากโลก และผู้อาศัยของแผ่นดินโลกจะถูกทิ้งไว้ในการละทิ้งความเชื่อและความมีด (DBY, 124–25)

เราในฐานะสิทธิชนยุคสุดท้ายสารภาพต่อสวรรค์ ต่อไพร่พลสวรรค์ และต่อผู้อาศัยของ แผ่นดินโลกว่าเราเชื่อจริงๆ ในพระคัมภีร์ดังที่ประทานให้เรา ตามความเข้าใจและความร้ที่ดี ที่สุดที่เรามีเกี่ยวกับการแปล และวิญญาณ รวมทั้งความหมายของพันธสัญญาเดิมและ พันธสัญญาใหม่ (DBY, 125–26)

พระคัมภีร์มอรมอน…ประกาศว่าพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นความจริง และพิสูจน์พระคัมภีร์ ไบเบิลและพระคัมภีร์ทั้งสองเล่มพิสูจน์กันและกันว่าทั้งสองเล่มเป็นความจริง พันธสัญญา เดิมและพันธสัญญาใหม่คือไม้ของยูดาห์ [ดู เอเสเคียล 37:15–19] ท่านคงจำได้ว่าเผ่ายูดาห์ ยังอาศัยอยู่ในเยรูซาเล็มและพระเจ้าทรงอวยพรยูดาห์ และผลที่ออกมาคืองานเขียนพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ แต่ไม้ของโยเซฟอยู่ที่ไหน? ท่านบอกได้ไหมว่ามันอยู่ ที่ไหน? ใช่แล้ว ผู้คนที่ข้ามผืนนํ้ามาสู่ทวีปนี้ [อเมริกา] คือลูกหลานของโยเซฟ และแผ่นดิน นี้ก็เต็ม่ไปด้วยผู้คน และพระคัมภีร์มอรมอนหรือไม้ของโยเซฟบันทึกงานเขียนของพวกเขา และงานเขียนเหล่านั้นอยู่ในมือของเอฟราอีม แล้วชาวเอฟราอีมอยู่ที่ไหน? คนเหล่านี้ ปะปนอยู่ในบรรดาประชาชาติของแผ่นดินโลก พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกพวกเขามารวมกัน พระองค์กำลังรวมพวกเขาเป็นหนึ่ง และพวกเขากำลังให้พระกิตติคุณแก่ทั้งโลก (DBY, 127)

ข่าวสารของพระคัมภีร์เรียบง่ายและผู้ที่แสวงหา พระวิญญาณของพระเจ้าจะเข้าใจได้โดยง่าย

เราอยู่ในสภาพที่ไม่เหมือนกับผู้คนเมื่อสองสามพันปีก่อน—พวกเขาต้องพึ่งพาศาสดา หรือเหล่าศาสดา หรือพึ่งพาการเปิดเผยโดยตรงเพี่อที่จะรู้ถึงพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อ พวกเขาโดยไม่มีบันทึกของบรรพบุรุษ ขณะที่เรามีบันทึกของผู้ที่มีชีวิตอยู่ก่อนเราและมี ประจักษ์พยานของพระวิญญาณอันคักติ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับทุกคนที่ปรารถนาจะ มีประจักษ์พยาน คือเราสามารถเปิดพระคัมภีร์และอ่านสิ่งที่เราเชื่อ เรียนรู้จุดประสงค์ของ การดำเนินชีวิต จุดหมายปลายทางที่เราคาดหวังว่าจะบรรลุ—เส้นชัยในความเป็นมตะและ ความสมบูรณ์ของรัศมีภาพที่อยู่เบื้องหลังหุบเขาแห่งนํ้าตา ดังนั้นเราจึงไค้เปรียบผู้ที่มีชีวิต อยู่ก่อนเรา (DBY, 128)

ผู้คนทุกหนทุกแห่งถามว่า “พระคัมภร์ฃ้อนี้หมายความว่าอย่างไร และเราจะเข้าใจข้อ ความนี้หรือข้อความนั้นไค้อย่างไร?” บัดนี้ พี่น้องชายหญิง ข้าพเจ้าอยากให้พวกเราเข้าใจ สิ่งต่างๆ อย่างถูกต้องแม่นยำคังที่มันเป็นอยู่และไม่เป็นไปตามจินตนาการซึ่งเปลี่ยนแปลง ไปมาของความคิดมนุษย์ (DBY, 128)

ผมขอถามคุณ บราเดอร์ บี. (บราเดอร์บริคัม) ว่าผมต้องเชื่อพระคัมภีร์ไบเบีลอย่างไร และคุณกับผู้ติดตามคนอื่นๆ ของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ จะเชื่อพระคัมภีร์เล่มนี้อย่างไ?… ข้าพเจ้าเชื่อพระคัมภีร์เล่มนี้ดังที่มันเป็นอยู่ ข้าพเจ้าไม่เชื่อการเพิ่มเติมหรือการตีความของ มนุษย์คนใดลงในพระคัมภีร์เล่มนี้ไม่ว่าจะเป็นอะไร นอกเสียจากว่าการติความนั้นจะไค้รับ การน่าทางจากพระเจ้าเองด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าเราจำเป็นต้องมีผู้ติความและ ผู้อธิบายพระคัมภีร์ซึ่งจะบิดเบือนไปจากความหมายที่แท้จริงและเรียบง่าย (DBY, 126)

พระคัมภีร์ไบเบีลเรียบง่ายและเข้าใจง่ายเช่นเดียวกับการเปิดเผยที่ข้าพเจ้าเพิ่งอ่านให้ท่าน พัง [ดู ค.พ. 58] หากท่านเข้าใจพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า—พระวิญญาณแห่งการ เปิดเผย และรู้ว่าพระกิตติคุณแห่งความรอดไค้รับการปรับให้เหมาะกับความสามารถที่จะ เรียนรู้ของมนุษย์ที่อ่อนแออย่างไร (DBY, 128)

หากจะตั้งข้อสังเกตพระคัมภีร์ไบเบิล เราจะเห็นว่าลีลาการใช้ถ้อยคำเป็นไปตามประเพณี นิยมเมื่อหลายศตวรรษก่อน แต่ไม่สำคัญว่าสำนวนโวหารจะเป็นอย่างไร เพราะนั้นเป็นเพียง แค่ประเพณีนิยมเท่านั้น อย่างไรก็ตามข้าพเจ้าจะกล่าวว่าคำลอนที่สอนในพันธสัญญาเติม และพันธสัญญาใหม่เกี่ยวข้องกับพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่มีต่อลูกๆ ของพระองค์บน แผ่นดินโลก ประวัติศาสตร์ของเรื่องราวที่พระองค์ทรงกระทำสิ่งต่างๆ เพื่อความรอดของ พวกเขา วิธีการที่พระองค์ทรงสถาปนาขึ้นเพื่อการไถ่พวกเขา ของประทานของพระบุตรและ การชดใช้ของพระองค์—สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นความจริง และเราซึ่งเป็นสิทธิชนยุคสุดท้าย เชื่อในสิ่งเหล่านี้ (DBY, 129)

เมื่อเราไตร่ตรองและเช้าใจอย่างถูกต้อง เราจะเรียนรู้ว่าพระกิตติคุณนั้นเช้าใจง่ายเพียง ใด แผนของพระกิตติคุณนั้นเรียบง่ายเพียงใด ทุกๆ ส่วนและหลักธรรมทุกข้อเหมาะสมกับ ความสามารถในการเรียนรู้ของมนุษยชาติอย่างสมบูรณ์ ดังนั้น เมื่อมีการแนะนำพระกิตติคุณให้กับผู้ที่รักความจริง มันจะปรากฏให้เห็นในลักษณะที่เรียบง่ายมาก ผู้ที่แสวงหาความ จริงอย่างชื่อสัตย์จึงพร้อมอย่างยิ่งที่จะยอมรับมัน (DBY, 129)

เราทุกคนควรดำเนินชีวิตในลักษณะที่พระวิญญาณแห่งการเปิดเผยสามารถสึอสารกับ จิตใจของเราและบอกถึงสิ่งที่เราควรทำ…แต่การทำเช่นนี้ไค้เราต้องเป็นเหมือนกับเด็กเล็กๆ และพระเยซูจะตรัสว่าหากเราไม่ได้เป็นเช่นนั้นเราก็เข้าในอาณาจักรสวรรค์ไม่ได้ ช่างเรียบ ง่ายเหลือเกิน! ดำเนินชีวิตให้ปลอดจากความอิจฉาริษยา ความอาฆาตพยาบาท ความโกรธ การแก่งแย่งชิงดี ความรู้สึกขมขื่น ตลอดจนการใช้วาจาชั่วร้ายในครอบครัวกับเพื่อนบ้าน และเพื่อนๆ ของเรา และผู้อาศัยของแผ่นดินโลกทุกคน ไม่ว่าเราจะพบพวกเขาที่ไหนจง ดำเนินชีวิตในลักษณะที่ทำให้จิตสำนึกของเราเป็นอิสระ และใสสะอาด (DBY, 36)

ข้อแนะนำสำหรับการศึกษา

การเรียนรู้และการดำเนินชีวิตตามคำสอนในพระคัมภีร์นำการดลใจ และการนำทางมาสู่ชีวิตของเรา

  • จากคำพูดของประธานยัง ทำไมเราจึงควรศึกษาคำสอนของพระเจ้าตามที่มีบันทึกไว้ใน พระคัมภีร์? ประธานยังให้สัญญากับผู้ที่ปฏิบัติตามคำสอนของพระคัมภีร์ไบเบิลและพระ คัมภีร์เล่มอื่นว่าอย่างไร?

  • บันทึกที่มีอายุหลายร้อยหลายพันปีสามารถนำทางชีวิตปัจจุบันของเราในทางใดไค้บ้าง? พระคัมภีร์นำทางชีวิตของท่านอย่างไร?

  • จากคำพูดของประธานยัง ทำไมเราจึงไค้รับพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา? คำสอน และพันธสัญญาเคยช่วยท่านใน “การดำเนินชีวิตและการปฏิบัติตนในแต่ละวัน” อย่างไร บ้าง ? (ดู ค.พ. 4:3–4; 84:43–44; 86:11; 121:41–42, 45)

พระคัมภีร์ไบเบิลบรรจุคำสอนแห่งความรอด

  • ประธานยังสอนว่าพระคัมภีร์ใบเบิล “ตั้งแต่ปฐมกาลจนถึงวิวรณ์สอนคำเทศนาเพียง อย่างเดียวเท่านั้น” คำเทศนานั้นคืออะไร?

  • พระคัมภีร์ช่วยให้ท่านเข้าใจ “พระลักษณะของพระผู้ช่วยให้รอด” อย่างไร?

  • ไม้ของยูดาห์และโยเซฟคืออะไร? พระคัมภีร์ไบเบิลและพระคัมภีร์มอรมอนมีความเกี่ยว ข้องกันอย่างไร? จากคำพูดของประธานยัง ไม้ของโยเซฟถูกนำไปไว้ใน “มือของเอฟราธิม” เพื่อจุดประสงค์อะไร?

ข่าวสารของพระคัมภีร์เรียบง่ายและผู้ที่แสวงหา พระวิญญาณของพระเจ้าจะเข้าใจไดโดยง่าย

  • ประธานยังแนะนำผู้ที่แสวงหาการดีความพระคัมภีร์โดยมนุษย์อยู่เสมอว่าอย่างไร?

  • เรามีข้อได้เปรียบอย่างไรเมื่อเรามีบันทึกของศาสดาในพระคัมภีร์?

  • ประธานยังชักชวนให้เรามองข้ามภาษาของพระคัมภีร์ซึ่งบางครั้งก็ยากที่จะเข้าใจเพื่อเรา จะพบหลักธรรมและคำสอนที่มีค่าในการนำทางชีวิตของเรา ท่านกล่าวถึงคำสอนใด โดย เฉพาะ?ในทุกวันนี้ทำไมคำสอนด้งกล่าวจึงสำคัญต่อเราเป็นพีเศษ?

  • จากคำพูดของประธานยัง พระคัมภีร์มีความเรียบง่ายและเข้าใจง่ายสำหรับใคร?

  • ประธานยังสอนว่าเราควร “ดำเนินชีวิตในลักษณะที่พระวิญญาณแห่งการเปิดเผยสามารถสื่อสารกับจิตใจของเราและบอกถึงสิ่งที่เราควรทำ” เราจะฝึกฝนให้มีพระวิญญาณ แห่งการเปิดเผยในชีวิตของเราเพื่อเราจะสามารถเข้าใจข่าวสารในพระคัมภีร์ได้ชัดเจนยิ่ง ขึ้นอย่างไร?

Book of Mormon

โดยการอ่านพระคัมภีร์มอรมอนและสวดอ้อนวอนทูลถามเกี่ยวกับพระคัมภีร์เล่มนี้ บริคัม ยังได้รับประจักษ์พยาน เกี่ยวคับความจริงของพระคัมภีร์ดังกล่าว ท่านสอนว่าหากผู้อื่นจะทำตามตัวอย่างของท่าน “ด้วยความซื่อสัตย์ และจริงใจ [พวกเขา] จะรู้ว่าพระคัมภีร์มอรมอนเป็นความจริง” (DBY, 109)

original Book of Mormon manuscript

ภาพถ่ายต้นฉบับเดิมส่วนหนึ่งของพระคัมภีร์มอรมอน