บทที่่ 12
ความซื่อตรง
ขอให้เราพัฒนาความซื่อตรงในตัวเรา—คุณสมบัติของจิตวิญญาณ ซึ่งเราเห็นค่าสูงมากในตัวผู้อื่น
จากชีวิตฃองสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์
ก่อนการเริยกเป็นอัครสาวก สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัิลล์ดําเนินธุรกิจ และรับใช้ชุมชนในแอริโซนา ท่านเป็นผู้มีกรรมสิทธิ้ร่วมในธุรกิจประกันภัยและ อสังหาริมทรัพย์ และมีส่วนร่วมในองค์กรบำเพ็ญประโยชน์ระดับท้องที่และระ ดับรัฐ ด้วยเหตุนี้คนทั่วไปจึงรู้ถึงความซื่อสัตย์สุจริตของท่าน มีคนเขียนถึงท่าน ว่า “ความเที่ยงธรรมในตัวตนของท่านคือคุณลักษณะสำคัญที่ผู้คนสังเกตเห็น ในสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ … ท่านคือลูกศรที่ตรงเสมอ ทำตามสัญญา และเจรจาอย่างตรงไปตรงมาไม่มีเจตนาบิดพลิ้ว”1
ความซื่อตรงคืออุปนิสัยส่วนหนึ่งของท่านตั้งแต่วัยเยาว์ ดังเรื่องราวต่อไปนี้ “สเป็นเซอร์กับเด็กผู้ชายบางคนยืมรถม้าเก่าๆ กับม้าตัวหนึ่งไปใช้เมื่อชั้นเรียน วิทยาศาสตร์ที่โรงเรียนไปเที่ยวทุ่งนา ขณะรถม้าแล่นไปบนถนนฃรุฃระสปริงก็ หัก วันรุ่งขึ้นสเป็นเซอร์อธิบายให้เพื่อนๆ ฟ้งว่า ‘เราทุกคนน่าจะช่วยกันออก เงินซื้อสปริงที่ชำรุด’ แต่ไม่มีใครเสนอตัวช่วยเหลือ ท่านเกลี้ยกล่อมพวกเขา โดยกล่าวว่า ‘เราต้องจ่ายค่าสปริงตัวนั้นแน่ ถ้ายังไงผมจะจ่ายเอง’”2
เมื่อพูดที่การประชุมฐานะปุโรหิตสามัญในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1974 ประธาน มาเรียน จี. รอมนีย์ที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสูงสุดยกตัวอย่างของประธาน คิมมัลล์ตังนี้ “ตลอดหลายปีมานี้ท่านเป็นแบบอย่างของความซื่อตรง ไม่มีใคร สงสัยว่าท่านจะปฎิบััติตนสมกับความไว้วางใจอันศักดึ๋สิทธิที่พระเจ้าทรงมอบให้ ท่านแม้มีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่… บุรุษแห่งฐานะปุโรหิตทั้งหลาย ช่างน่ายินดี เพียงใดถ้าเราทุกคนมีความซื่อตรงเช่นประธานคิมมัลล์”3
คำสอนฃองสเป็ีนเชอร์ ดับเบิลยู. คิมบิลล์
ความซื่อตรงคือรากฐานของอุปนิสัยที่ดี
ความซื่อตรง (ความเต็มใจและความสามารถที่จะดำเนินชีวิตตามความเชื่อ และคำมั่นสัญญาของเรา) คือหนึ่งในสิลารากฐานของอุปนิสัยที่ดี และหากปราศ จากอุปนิสัยที่ดี เราก็ไม่อาจหวังที่จะได้ชื่นชมพระสิริของพระผู้เป็นเจ้าไม่ว่าที่นึ่ หรือในนิรันดร4
ความชื่อตรงคือสภาพหรือคุณสมมัติของความครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่ถูกแบ่ง แยก และไม่ขาดตอน คือความสมบูรณ์และไม่บอบชํ้า คือความบริสุทธี้และ ความมั่นคงทางสิลธรรม คือความบริสุทธิ์ใจและความจริงใจ คือความกล้าหาญ คุณธรรมมนุษย์ที่มีค่าเกินประมาณ คือความชื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา และชอบ ธรรม ถ้าเอาสิงเหล่านี้ออกไปย่อมเหลือแต่เปลือกเปล่าๆ…
ความชื่อตรงในแต่ละบุคคลและหบู่ คณะคือไม่ด้องถามว่า “คนอื่นจะคิดอย่างไรกับตัวฉันและการปฎิบััติของฉัน” แต่ “ฉันจะคิดอย่างไรกับตัวเองถ้าฉัน ทำสิงนี้หรือไม่ทำสิงนั้น” สมควรไหม ถูกต้องไหม พระอาจารย์จะทรงเห็นชอบ หรือไม่…
ความชื่อตรงในมนุษย์ควรนำมาซึ่งสันติสุขในใจ ความแน่นอนแห่งจุดประ สงค์ และความเชื่อลือได้ในการกระทำ การขาดความชื่อตรงก่อให้เกิดสิ่งตรง กันข้าม ได้แก่ ความร้าวฉาน ความกลัว ความเศร้าโศก และความไม่แน่นอน5
คงจะดีถ้าเราทุกคนจะสำรวจบ่อยๆ เพื่อดูว่าเราซ่อนร่องรอยบางอย่างของ ความหน้าชื่อใจคด ความน่าขยะแขยง หรือความผิดพลาดไวัใด้พรมผืนเล็กๆ หรือในซอกมุมของชีวิตเราหรือไม่ หรือมีความไม่ชอบมาพากลและความทุจริต เล็กๆ น้อยๆ บางอย่างซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มของการแก้ตัวและการหาเหตุผลเข้าข้าง ตนเองหรือไม่ มีใยแมงมุมในเพดานและตามซอกมุมต่างๆ ซึ่งเราคิดว่าจะไม่มี ใครสังเกตเห็นหรือไม่ เรากำลังพยายามปกปีดความใจแคบเล็กๆ น้อยๆ และ การสนองความพอใจเล็กๆ น้อยๆ ที่เราแอบทำหรือไม่—โดยหาเหตุแก้ตัวขณะ นั้นว่ามันไม่สลักสำคัญและไม่มีความหมายอะไร มีสํวนใดในความคิดของเรา การกระทำ และเจตคติของเราหรือไม่ซึ่งเราอยากปีดมังไม่ให้คนที่เราเคารพที่สุด ล่วงรู้6
เราแสดงความซื่อตรงโดยรักษาฟันธสัญญา ของเราด้วยเกียรติยศ
เมื่อเราทำพันธสัญญาหรือข้อตกลงกับพระผู้เป็ีนเจ้า เราต้องรักษาไม่ว่าจะ เรียกร้องให้เราทำอะไรก็ตาม ขอเราอย่าเป็นเหมือนนักเรียนที่รับปากว่าจะดำเนิน ชีวิตตามมาตรฐานความประพฤติบางอย่างแล้วฝ่าแนคำสาบานและพยายามดูว่า เขาจะหลอกลวงไต้นานเท่าใดโดยไม่ถูกจับไต้ ขอเราอย่าเป็นเหมือนผู้สอนศาสนา ที่รับปากว่าจะรับใช้พระเจ้าสองปี แล้วปล่อยเวลาให้สูญไปกับความเกียจคร้าน และการหาเหตุแก้ตัว ขอเราอย่าเป็นเหมือนสมาชิกศาสนาจักรที่รับส่วนคืลระลึก ในตอนเข้า แล้วละเมิดวันแซบัธตอนบ่าย7
การรับพันธสัญญาของเราโดยไม่ตระหนักถึงความสำคัญย่อมทำให้ตัวตนนิรันดรของเราบาดเจ็บ… การหาเหตุผลเข้าข้างตนเองทำไต้ง่ายและการหาเหตุ แก้ตัวน่าดึงดูดใจ แต่พระเจ้าทรงอธิบายไว้ในการเปีดเผยยุคปัจจุบันว่า “เมื่อเรา พยายามปกปีดบาปของเรา หรือทำให้สมกับความจองหองของเรา [หรือ] ความทะเยอทะยานอันไร้ประโยชน์ของเรา … ท้องฟ้าย่อมถอนตัว พระวิญญาณ ของพระเจ้าโศกเศร้า และ … [มนุษย์] ถูกทิ้งอยู่กับตัวเขาให้เตะต่อยปฎัก” (ค.พ. 121:37–38)
แน่นอนว่าเราเลือกไต้ สิทธี้เสรีเป็นของเรา แต่เราจะหนีไม่พ้นผลจากการ เลือกของเรา และก้ามืช่องโหว่ในความซื่อตรงของเรา นั่นคือจุดที่มารจ้องโจมตี8
พันธสัญญาที่เราทำกับพระผู้เป็นเจ้าเกี่ยวข้องกับสัญญาว่าจะ ทำ ไม่ใช่เพียง แต่เลิกทำเท่านั้น แต่ทำความชอบธรรมเช่นเดียวกับหลีกเลี่ยงความชั่วร้าย ลูก หลานอิสราเอลทำพันธสัญญาเช่นนั้นผ่านโมเสสโดยกล่าวว่า “สิงทั้งปวงที่พระ เจ้าตรัสนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำตาม” (อพยพ 19:8; เน้นตัวเอน) แต่ โมเสสยังไม่ทันหันหลังพวกเขาก็ไต้ฝ่าแนคำสัญญาโดยทำผิดเสืยแล้ว ในนํ้า บัพติศมาเราให้คำนั่นสัญญาคล้ายกัน และเราปฏิญาณตนอีกครั้งในพิธีคืลระลึก การไม่ให้เกียรติคำปฏิญาณเหล่านี้ การไม่ยอมรับใช้หรือยอมรับหน้าที่รับผิดชอบ และทำน้อยกว่าที่เราจะทำไต้ดึที่สุด นั่นคือบาปของการละเลย…
ผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็คและผู้ไต้รับเอ็นดาวเมนท์พระวิหารมา แล้วไค้ปฏิญาณตนเพิ่มเติมและเฉพาะเจาะจงว่าจะ ทำ ทำความชอบธรรม พระ เจ้าทรงชี้แจงว่าคำปฏิญาณร่วมกันระหว่างพระบิดาบนสวรรค์กับผู้ดำรงฐานะปุ โรหิตคือ “คำสาบานและพันธสัญญา” [ค.พ. 84:39]…เราฝ่าฝืนพันธุสัญญา ฐานะปุโรหิตโดยละเมิดพระบัญญ้ต–––และไม่ท่าหน้าที่ให้สำเร็จด้วย ดังนั้น การ ฝ่าฝืนพันธพัญญานี่ก็เพียงแต่คนๆ นั้นไม่ต้องทำอะไรเลย9
จงรักษาสัญญาฃฺองท่าน ธำรงความซื่อตรงของท่าน ยึดมั่นพันธสัญฺญาฃอง ท่าน ถวายความซื่อสัตย์จงรักภกคีของท่านและแสดงศรัทธาอย่างเต็มที่ต่อพระ เจ้าในปีนี้และทุกๆ ปี ทํา “ให้สมเกียรติของท่าน” และท่านจะได้รับพรในเวลา นี้และตลอดกาล10
หากเราไม่ซื่อสัตย์ แสดงว่าเราโกงตนเอง
ความไม่ซื่อสัตย์เกือบทั้งหมดดำรงอยู่และเติบโตก็เพราะการมิดเบือนในตัว เราที่เรียกว่าการหาเหตุผลเขาข้างตนเอง รูปแบบแรกที่แย่ที่ชุดและร้ายกาจที่สุด ของการโกงคือการที่เราโกงตนเอง11
การหาเหตุผลเข้าข้างตนเองคือสัดรูฃองการกลับใจ พระวิญญาณของพระผู้ เป็นเจ้ายงคงอยู่กบคนที่ซื่อสัตย์ในใจเพื่อเสรีมสร้าง ช่วยเหลือ และช่วยให้เขา รอด แต่พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้ามักจะเลิกพยายามกับมนุษย์ที่แก้ตัวเมื่อ ทำผิด12
พระผู้สร้างของเราตรัสไว้ในข่าวสารที่สลักบนภูเขาซีนายว่า “อย่าลักทรัพย์” [อพยพ 20:15] และตรัสยํ้าอีกครั้งในข่าวสารสำคัญของการฟื้้เนฟูว่า “เจ้าจะไม่ ลักขโมย” (ค.พ. 59:6)
ในตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือในชีวิตส่วนตัว พระดำรัสของพระเจ้าตังกึกก้อง “เจ้าจะไม่ลักขโมย … หรือไม่ทำอะไรที่เหมือนกันนี้” (ค.พ. 59:6)
เราพบตัวเรากำลังหาเหตุแก้ตัวในความไม่ซื่อสัตย์ทุกรูปแบบ รวมถึงการ ขโมยของตามร้านค้าซึ่งเป็ีนการกระทำที่ชั่วช้าและต่ำทรามของหลายล้านคนที่ อ้างตนว่าเป็นคนมืเกียรติและมีหน้ามีตา
ความไม่ซื่อสัตย์มาในหลายรูปแบบ… ในการประจบประแจงเพื่อผลประ โยชน์ด้านการเงิน ยักยอกเงินในลิ้นชักหรือขโมยสินค้าของนายจ้าง ปลอมแปลง บัญชี … เลี่ยงภาษี กู้เงินจากรัฐบาลหรือเอกชนโดยไม่คิดจะจ่ายคืน ประกาศ การล้มละลายอย่างไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยเหตุผลเพื่อไม่ด้องจ่ายคืนส่วนที่ภู้ ยืมมา การปล้นจี้ตามท้องถนนหรือในบ้านเพื่อให้ได้เงินและของมีค่าอื่นๆ ขโมย เวลา ทำงานไม่เต็มวันแต่ด้องการค่าชดเชยเต็มวัน ขึ้นรถเมล์โดยไม่จ่ายเงิน และความไม่ซื่อสัตย์ทุกรูปแบบในทุกแห่งและในทุกสถานการณ์…
พวกเขามักแก้ตัวว่า “ใครๆ ก็ทำทั้งนั้น” ไม่มีสังคมใดเจริญรุ่งเรืองได้หาก ปราศจากความซื่อสัตย์ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และการพึ่งพาตนเอง13
คนไม่ซื่อสัตย์จะซื้อมากกว่าที่คิดว่าตนจะจ่ายไหว นี่คือการฉ้อโกง คนที่ไม่ ชำระหนี้อย่างซื่อสัตย์คนนั้นไม่มีเกียรติเลย สำหรับช้าพเจ้าแล้วดูเหมือนว่าสิง ของฟุ่มเพืเอยที่คนๆหนึ่งได้มาด้วยการสูญเสืยความน่าเชื่อถือของตนถือว่าคนๆ นั้นไม่ซื่อสัตย์โดยลิ้นเชิง… การเป็ีนหนี้ใช่ว่าจะทำใท้เส์อมเสืยซื่อเสืยงเสมอ ไป แต่การไม่ชำระหนี้ต่างหากที่ทำให้เลี่อมเสืยซื่อเสืยง14
คนที่ขโมยเงินไม่ว่ามากหรือน้อยหรือขโมยสินค้าอาจไม่ทำให้คนทีถูกขโมย ยากจนแบ้แต่น้อย แต่จะทำให้คนขโมยไม่เจริญและตกตํ่า15
มาตรฐานความซื่อตรงชองเรามีอิทธิพลต่อครอบครัวเราเเละผู้อื่น
บิดามารดาที่บอกอายุบุตรต่ำกว่าความเป็ีนจริงเพื่อจะไม่ต้องจ่ายค่าเข้าชมการ แสดง หรือจ่ายค่าโดยสารเครื่องบิน รถไฟ และรถประจำทางเท่าผู้ใหญ่กำลัง สอนบุตรเรื่องความไบ่ชี่อสัตย์ บุตรจะไม่ลืมบทเรียนเหล่านั้น บิดามารดาบาง คนยอมให้บุตรฝ่าปีนกฎหมายเกี่ยวกับประทัด การใช้ปีน การตกปลาและล่าสัตว์ โดยไม่มีใบอนุญาต อนุญาตให้บุตรขับรถโดยไม่มีใบฃับฃี่หรือโกงอายุ คนที่หยิบ ฉวยสิงของเล็กๆ น้อยๆ โดยไม่บอกให้ฐุ้ เช่น ผลไม้จากสวนของเพื่อนบ้าน ปากกาจากโต๊ะ หมากฝรั่งจากหิ้ง ทั้งหมดนี้ล้วนกำลังถูกสอนอย่างเงียบๆ ว่าการ ลักขโมยและความไมซอสัตย์เล็กๆ น้อยๆ ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย16
บิดามารดาที่ “ปกปิีด” แทนบุตร แก้ตัวแทนเขา และจ่ายชดเชยสิ่งที่ยัก ยอกมาจะพลาดโอกาสสำคัญในการสอนบทเรียนบทหนึ่งและการทำเช่นนั้น เป็นผลเสืยต่อบุตรหลานมากกว่าจะทำให้พวกเขาสำนึก ก้าต้องการให้บุตรคืน เงินหรือดินสอหรือผลไม้พร้อมคำขอโทษที่เหมาะสม อาจเป็นไปไต้ว่าเขาจะเลิก นิสัยชอบลักขโมย แต่ล้าทำให้เขารู้สึกว่าตนเป็นคนสำคัญและเป็นวีรบุรุษ ล้า เห็นการยักยอกของเขาเป็นเรื่องตลก เขาอาจลักขโมยมากขึ้น17
บิดามารดาสามารถสอนบุตรหลานที่กำลังโตให้เคารพทรัพย์สินและสิทธิ้ของ ผู้อื่นด้วยตัวอย่างและการอบรมสั่งสอน บิดามารดาที่ต้องการให้บุตรวัยรุ่นขอ โทษ ชดใช้ และคืน—อาจจะสองเท่าหรือสามเท่า—สิ่งที่เขาหยิบฉวยมา ทำ แตกหักหรือเสืยหาย—บุตรเหล่านั้นจะเป็นพลเมืองที่น่ายกย่องและจะนำเกียรติ ยศชื่อเสืยงมาล่วงศ์ตระกูล บิดามารดาที่เคารพกฎหมาย เคารพกฎระเบียบและ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทุกขอจะสร้างวินัยและป้องกันบุตรไม่ให้เป็นคนไร้ระเบียบ และดื้อดึง18
เราขอให้ท่านสอนบุตรหลานเรื่องความหยิ่งในศักดื้ศรี ความชื่อตรง และ ความชื่อสัตย์ เป็นไปไต้หรือที่บุตรหลานบางคนของเราจะไม่ร้ว่าการขโมยเป็น บาป ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะไม่รุ้ว่าพฤติกรรมชอบทำลาย ลักขโมย และการปล้น จี้เป็นบาป จงป้องกันครอบครัวท่านไม่ให้ทำสิ่งนี้ต้วยการสอนที่ถูกต้อง19
ขอให้แน่ใจว่าเราสอดแทรกบทเรียนเรื่องความชื่อสัตย์สุจริตที่การสังสรรค์ไน ครอบครัวของเรา20
เราอาจกำลังต้านกระแสนํ้าเชี่ยวกรากอยู่ก็ไต้ แต่เราต้องสอนบุตรหลานของ เราว่าบาปก็คือบาป หากเด็กไม่ถูกลงโทษเมื่อทำผิดกติกากีฬาและโกงการแข่ง ขัน การโกงนี้จะดำเนินต่อไปในวิทยาลัย ในงานอาชีพ และในธุรกิจ นอก จากจะผิดมากๆ แล้ว การโกงยังบ่อนทำลายโครงสร้างทางวัฒนธรรมและอุปนิสัยของพวกเขาอีกด้วย21
ระหว่างโดยสารรถไฟจากนิวยอร์กไปบัลติมอร์ เรานั่งในตู้เสบียงตรงข้ามนัก ธุรกิจคนหนึ่งและแสดงความเห็นว่า “นานๆ ครั้งฝนจะตกแบบนี้ในซอลท์เลค ชีตี้”
ไม่นานการสนทนาก็นำไปสู่่คำถามทองคำ “คุณรู้จักศาสนาจักรมากแค่ไหน”
“ผมแทบไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับศาสนาจักร” เขาตอบ “แด่ผมรู้อยู่อย่างหนึ่ง เกี่ยวกับผู้คนของศาสนาจักร” เขากำลังจัดสรรที่ดินในนิวยอร์ก “มีผู้รับเหมา คนหนึ่งทำงานให้ผม” เขากล่าวต่อ “เขาซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาจนผมไม่ อยากให้เขาไปประมูลงานที่อื่น เขาเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรี ถ้าคนมอรมอนเป็น เหมือนชายคนนี้ ผมก็อยากรู้จักศาสนาจักรที่สร้างคนได้น่ายกย่องขนาดนั้น” เราฝากหนังสือให้เขาอ่านและส่งผู้สอนศาสนาไปสอนเขา22
พระคัมสืร์ให้ตัวอย่างของความองอาจกล้าหาญ และความซื่อตรง
เราชื่นชมเปโตรมากเพียงใด … เมื่อเห็นท่านยืนอย่างสง่าผ่าเผย ด้วยความ องอาจกล้าหาญและพลังต่อหห้าข้าราชการและผู้ปกครองเหล่านั้นที่อาจจับท่าน ขังคุก เฆี่ยนท่าน และแม้สังหารท่าน ดูเหมือนเราจะได้ยินถ้อยคำที่ไร้ความ เกรงกลัวเหล่านั้นขณะที่ท่านเผชิญหน้าศัตรูและกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟ้ง พระเจ้ายิ่งกว่าเชื่อฟ้งมนุษย์” (กิจการ 5:29)
เปโตรมองเข้าไปในดวงตาของฝูงชนและแสดงประจักษ์พยานต่อพวกเขาถึง พระผู้เป็นเจ้าที่พวกเขาตรีงกางเขนพระองค์ [ดู กิจการ 3:13–15] …
ในบรรดาผู้ได้ยินประจักษ์พยานและคำสั่งสอนเรื่องนี้ มีคน 5,000 คนเห็น ความกล้าหาญที่เหนือชั้นกว่าและความชื่อตรงอันเป็นเลิศ และมืคนเชื่อ 5,000 คน
ย้อนกลับไปที่ดาเนืยล เชลยและทาสแต่เป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าด้วยผู้ ยอมตายเพื่อความเชื่ออันนั่นคงของท่าน ความชื่อตรงเปีนคุณธรรมอันสูงส่ง ตลอดกาล พระกิตติคุณคือชีวิตของดาเนืยล…ในราชสำนักของพระราชา ท่าน อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไม่มากนัก แต่แห้จะอยู่ต่อหน้าขุนนางทั้งหลายท่านก็ไม่ ดื่มเหถ้าองุ่นของพระราชาหรือกินเนื้อและอาหารมากเกินไป ความพอดีของท่าน และความบริสุทธิ้แห่งศรัทธาทําให้ท่านมีสุขภาพดี มีสติปัญญา ความรู้ ความ สามารถ และความเข้าใจ ศรัทธาของท่านทําให้ท่านมีความสัมพันธ์ไกถ้ชิดกับ พระบิดาในสวรรค์ และการเปีดเผยมาถึงท่านบ่อยครั้งเท่าที่ต้องการ การเปีดเผย ความฝันของพระราชาและคำแก้ฝันทำให้ท่านไต้รับเกียรติ เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ ของขวัญ และตำแหน่งสูงส่งเช่นที่ชายหลายคนยอมขายจิตวิญญาณตนเพื่อให้ ไต้มา แต่เมื่อท่านต้องเลือกว่าจะหยุดสวดอ้อนวอนหรือยอมถูกโยนลงในถํ้าสิงห์ ท่านกลับสวดอ้อนวอนอย่างเปีดเผยและยอมรับโทษ [ดู ดาเปียล 1–2, 6]
เราเตือนตนเองให้ปึกถึงความซื่อตรงของชาวฮีบรูสามคนชื่อชัดรัค เมชาคและ อาเบดเนโก ผู้ถูกประชาชนและขุนนางต่อต้านอย่างโจ่งแจ้งเช่นเดียวลับดา เปียล แต่แน่วแน่และมั่นคงในศรัทธา พวกท่านจะต้องคุกเข่ากราบไหว้ปฏิมากร ทองคำตามกฤษฎีกาที่พระราชาทรงกำหนด นอกจากจะสูญเสียฐานะทางสังคม สูญเสืยตำแหน่ง และทำให้พระราชากริ้วแก้ว พวกท่านยังยอมเผชิญลับเตาไฟ ที่ลุกโชนแต่ไม่ยอมปฏิเสธพระผู้เป็ีนเจ้า
“… เมื่อเสืยงเขาสัตว์ ปี่ พิณ และเครื่องดนตรีชนิดอื่นที่จัดเตรียมไว้ดังกระ หึ่มทั่วบริเวณนั้น ชายหญิงจำนวนมากไม่ว่าจะอยู่ในบานและตามท้องถนนจะ คุกเข่ากราบไหว้ปฏิมากรทองคำ แต่ชายสามคนไม่ยอมลบหลู่พระผู้เปืนเจ้าที่ แท้จริงของพวกเขา พวกเขาสวดอ้อนวอนพระผู้เปีนเจ้าและเมื่ออยู่ต่อหน้าพระ ราชาที่กำลังเดือดดาลด้วยโทสะ พวกท่านก็ตอบอย่างกล้าหาญแน้ด้องเผชิญหน้า กับความตายว่า
“ภ้าพระเจ้าของพวกข้าพระบาทผู้ซึ่งพวกข้าพระบาทปรนนิบัติพอพระทัยจะ ช่วยกู้พวกข้าพระบาทให้พ้นจากเตาที่ไฟลุกอยู่ ข้าแต่พระราชา พระองค์ก็จะ ทรงช่วยผู้พวกข้าพระบาทให้พ้นพระหัตถ์ของฝ่าพระบาท
“ถึงแม้ไม่เป็นเช่นนั้น ข้าแต่พระราชา ขอฝ่าพระบาททรงทราบว่าพวกข้า พระบาทก็ไม่ปรนนิบัติพระของฝ่าพระบาทหรือนมัสการปฏิมากรทองคำซึ่งฝ่า พระบาทได้ทรงตั้งขึ้น” (ดาเนียล 3:17–18)
ความซื่อตรง! คำสัญญาถึงชีวิตนิรันดร์จากพระผู้เป็นเจ้าแทนที่คำสัญญาทั้ง หมดของมนุษย์ถึงความยิ่งใหญ่ ความสบายใจ และการยกเว้น ชายผู้มีความ กล้าหาญและความซื่อตรงทั้งสามคนกำลังพูดว่า “เราไม่ต้องมีชีวิตก็ได้ แต่เรา ต้องแน่วแน่ต่อตนเองและต่อพระผู้เป็นเจ้า” …
ไม่มีคุณธรรมใดในความดีพร้อมซึ่งเราพยายามให้ได้มาจะสำคัญกว่าความซื่อ ตรงและความซื่อสัตย์ ฉะนั้นขอให้เราทำให้สำเร็จ ไม่ขาดตอน ปริสุทธิ์ และ จริงใจเพื่อพัฒนาคุณสมบัตินั้นของจิตวิญญาณซึ่งเราเห็นค่าสูงมากในดัวผู้อื่น23
ข้อเสนอแนะสำหรับคึกษาและสอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ–ⅸ
-
อ่านทวนย่อหน้าที่สองในหน้า 134 ปฏิกิริยาของเด็กหนุ่มสเป็นเซอร์เผยให้ เห็นคุณสมบัติใดในคัวท่าน เราเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างในทุกวันนี้ที่คล้าย กับของท่าน
-
คึกษาสี่ย่อหน้าแรกในหน้า 135 เพื่อหาคำที่ประธานคิมบัลล้ไข้นิยามความ ซื่อตรง ท่านเคยเห็นความซื่อตรงนำมาซึ่ง “สันติสุขในใจ ความแน่นอนแห่ง จุดประสงค์ และความเชื่อถือได้ในการกระทำ” เมื่อใด ท่านเคยเห็นความ ไม่ซื่อตรงก่อเกิด “ความร้าวฉาน ความกลัว ความเศร้าโศก และความไม่ แน่นอน” เมื่อใด
-
เจตคติใดบ้างเกี่ยวกับพันธสัญญาที่ขัดขวางไม่ให้คนๆ หนึ่งมีความซื่อตรง (ดู ตัวอย่างในหบ้า 136–137) เราจะเอาชนะเจตคติเหล่านี้ได้อย่างไร ไตร่ตรอง ความซื่อตรงกับการรักษาพันธสัญญาของท่าน
-
เรา “โกงตนเอง” ในทางใดบ้างถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ (ดูตัวอย่างในหบ้า 137–138)
-
อ่านทวนตัวอย่างของความไม่ซื่อสัตย์และความซื่อสัตย์ในบิดามารดาตามที่ ประธานคิมบัลล์กล่าวถึง (หน้า 138–140) พิจารณาสิ่งที่ท่านกำลังทำเพื่อ สอนบุตรหลานเรื่องความซื่อตรง
-
อ่านเรื่องที่เริ่มต้นในย่อหน้าแรกของหน้า 140 ชีวิตท่านได้รับอิทธิพลอย่างไร จากความ่ซื่อตรงของผู้กี่น
-
คึกษาย่อหน้าที่ห้าในหน้า 135 พิจารณาเรื่องการประเมินชีวิตท่านตามที่ประ ธานคิมบัลล์แนะนำ ถามตัวท่านโดยใช้คำถามที่ประธานคิมบัลล์ถาม
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: โยบ 27:5–6; สุภาษิต 20:7; แอลมา 53:20–21; ค.พ. 97:8; 136:20, 25–26