คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที 23: ผู้เลี้ยงแกะ


บทที 23

ผู้เลี้ยงแกะ

ปีความปลอดภัยในการสนับสนุนและทําตามศาสดา ตลอดจนผู้นำท่านอื่นๆ ของศาสนาจักร

จากชีวิตของสเป็ีนเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

ประธานสเป็็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์มักจะสอนถึงความสำคัญของการ สนับสนุนผู้นำศาสนาจักรทั้งในระดับท้องที่และระดับสามัญ ระหว่างการประชุม ใหญ่สามัญภาคฐานะปุโรหิตในเดือนเมษายนคริสต์คักราช 1978 ท่านพูดถึง ความรู้สืกเมื่อครั้งเยาว์วัยเกี่ยวกี่บชายแต่ละคนที่รับใช้เป็็นอธิการของท่านดังนี้ “เรามีอธิการที่ดีเสมอ เรารักท่านเสมอ มีอธิการชันเดล อธิการมูดี้ อธิการไทเลอร์ อธิการวิลคินส์ ช้าพเจ้ารักอธิการทุกคนของช้าพเจ้า ข้าพเจ้าหวังว่าพี่น้อง ชายทุกคนที่ยังเยาว์วัยจะรักอธิการของเขาเช่นเดียวคับข้าพเจ้า”1

ท่านกล่าวในการปราศรัยอีกครั้งหนึ่งว่า “ข้าพเจ้าจำได้เมื่อมาที่แทเบอร์นาเคิล แห่งนี้ [ซอลท์เลคแทเบอร์นาเคิล] สมัยเป็็นเด็กหนุ่มจากแอริโซนา พร้อมก้บ คุณพ่อเพี่อเช้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญ ข้าพเจ้าตื่นเด้นที่จะได้ฟ้งเจ้าหน้าที่ชั้น ผู้ใหญ่ทุกท่านพูด … ข้าพเจ้าตื่นเด้นคับคำพูดของพวกท่านและรับคำเดือนของ พวกท่านอย่างจริงจังแน้จะเป็็นเด็กหนุ่มก็ตาม ชายเหล่านี้อยู่ท่ามกลางศาสดา ของพระผู้เป็็นเจ้า เฉกเช่นศาสดาในพระคัมภีร์มอรมอนและพระคัมภีร์ไบเบิล”2

ประธานคิมบัลล์กล่าวขอบคุณสมาชิกเสมอสำหรับความเต็มใจของพวกเขา ที่จะสนับสนุนท่านและผู้นำศาสนาจักรท่านอื่นๆ “ทุกแห่งที่ข้าพเจ้าไปมีความ รักและความกรูณาท่วมท้น ข้าพเจ้าน้อมขอบคุณ นั่นคือมานาสำหรับจิตวิญญาณ ข้าพเจ้า คำสวดอ้อนวอนของท่านและความรักของท่านคํ้าจุนข้าพเจ้า พระเจ้า ทรงได้ยินคำสวดอ้อนวอนของท่านและประทานพรข้าพเจ้าตลอดจนเจ้าหน้าที่ ชั้นผู้ใหญ่ให้มีสุขภาพดี มีพละกำลัง และทรงนำทางเราในกิจการงานของอาณา จักรบนแผ่นดินโลก เราทุกคนรู้สืกซาบซึ้งยิ่งนัก”3 ท่านพูดถึงความรักที่ท่าน และผู้นำศาสนาจักรท่านอื่นๆ มีต่อสิทธิชนด้วย “เรารักพวกท่านและขออวยพร ให้ท่านทั้งหลายมีความเจริญก้าวหน้า ความปิ่ติยินดี และความสุข ซึ่งเรารู้ว่าจะ เกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อพวกท่านทำตามพระดำรัสตักเตือนของพระผู้เป็ีนเจ้าที่ประกาศ ผ่านศาสดาและผู้นำของพระองค์”4

คำสอนของสเป็ีนเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

พระเจ้าทรงกำกับดูแลศาสนาจักร ของพระองค์ผ่านผู้นำที่ไดรับแต่งตั้งจากสวรรค์

พระอาจารย์และพระผู้ช่วยให้รอด พระเจ้าพระเยซูคริสต์ทรงเป็ีนประมุขของ ศาสนาจักรนี้ในเดชานุภาพและรัศมีภาพทั้งหมดของพระองค์ พระองค์ทรงกำกับ ดูแลกิจการงานของพระองค์ผ่านศาสดาและอัครสาวกผู้ได้รับการสนับสนุนและ การแต่งตั้งจากเบื้องบน5

กิจการงานของศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์บริหารโดยฝ่ายประธานของศาสนาจักรและอัครสาวกสิบสอง โดยมีเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่อีกจำนวนมากคอยช่วย เหลือ และผ่านประธานสเตค ประธานคณะเผยแผ่ และอธิการด้วย ชายเหล่า นี้คือผู้เลี้ยงแกะ พระเจ้าทรงกำหนดให้ชายเหล่านี้นำอาณาจักรของพระองค์บน แผ่นดินโลก ทรงมอบอำนาจและหน้าที่รับผิดชอบให้พวกท่านตามขอบข่าย ความรับผิดชอบของแต่ละคน พระองค์ประทานฐานะปุโรหิตแห่งฌ็ลคิเซเด็ค ให้คนเหล่านี้ ซึ่งคือพลังและสิทธิอำนาจของพระองค์ที่มอบให้มนุษย์ พระองค์ ทรงยอมรับและอนุมัติการกระทำของผู้รับใช้ที่ได้รับเลือกและได้รับการเจิม เหล่านี้6

ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานต่อท่านว่าผู้นำในศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์ ได้รับเรียกจากเบื้องบนและได้รับการวางมือมอบหน้าที่ให้นำโดยวิญญาณแห่ง การพยากรณ์เช่นเดียวกับสมัยการประทานอื่นๆ7

พระเจ้าประทานผู้นำให้สมาชิกทุกคนของศาสนาจักรนี้สามระดับได้แก่ อธิการหรือประธานสาขา ประธานสเตคหรือประธานคณะเผยแผ่ และเจ้าหน้าที่ ชั้นใหญ่ ผู้นำเหล่านี้เชื่อถือได้ คนหนึ่งอาจมีช้อจำกัดด้านความรู้ การคืกษาหรือ การฝึกฝน แต่เขามีสิทธิ์ร้บการเปิดเผยจากพระเจ้าสำหรับผู้คนของเขาและเขามี ช่องทางเปิดถึงพระผู้เป็ีนเจ้า8

นับแต่การตรึงกางเขน มีชายหลายหมื่นคนได้รับเรียกจากพระผู้ช่วยให้รอดให้ ดำรงตำแหน่งความรับผิดชอบ ไม่บีส้กคนดีพร้อม แด่ทุกคนได้รับเรียกจากพระ เจ้า และต้องไต้รับการสนับสนุนช่วยเหลือจากผู้ที่ต้องการเป็็นสานุศึษย์ของพระ เจ้า นั่นคือวิญญาณที่แท้จริงของพระกิตติคุณ9

ผู้นำที่ไต้รับเลือก ไต้รับอนุมัติ และไต้รับการวางมือแต่งตั้งจะป้องกันเราจาก “เล่ห์กลของมนุษย์ตามอุบายฉลาด” [เอเฟซัส 4:14] คนๆ หนึ่งจะไม่มีวันถูก หลอกถ้าเขาป้องกันตนเองจากคนนำทางตาบอดหรือชั่วร้ายโดยทำตามพระวิญญาณและผู้นำที่ถูกต้องของศาสนาจักร10

ไม่มืใครอยากไต้รับการนำทางเท่าเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ผู้เป็นหัวหน้าของศาสนาจักรนี้เช่นที่พระเจ้าจะประทานแก่เขาเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติและเพื่อ ผู้คนของศาสนาจักร11

ข้าพเจ้าทราบว่าพระเจ้าทรงติดต่อกับศาสดาของพระองค์ และพระองค์ทรง เปีดเผยความจริงต่อผู้รับใช้ของพระองค์ไนทุกวันนี้เช่นเดียวกับที่ทรงเปีดเผย ตลอดมาในสมัยของแอดัม เอบราแฮม โมเสส เปโตร โจเซฟ และอีกหลาย คน มนุษย์ไต้รับข่าวสารแห่งความสว่างและความจริงของพระผู้เป็นเจ้าในทุกวัน นี้ เช่นเดียวกับในสมัยการประทานอื่นๆ12

ศาสดาสอนข่าวสารคล้ายกัน

บางคนอาจสงสัยว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่จึงพูดเรื่องเดียวกันในการประ ชุมใหญ่แต่ละครั้ง ขณะที่ข้าพเจ้าคืกษาคำพูดของศาสดาตลอดหลายศตวรรษที่ ผ่านมา รูปแบบของพวกท่านชัดเจนมาก ในถ้อยคำของแอลมา เราพยายาม สอนผู้คนให้ “เกลียดบาปและความเลวร้ายอันเป็นนิจ” เราสั่งสอน “การกลับ ใจ และศรัทธาในองค์พระเยซูคริสต์” (แอลมา 37:32, 33) เราสรรเสริญความ อ่อนน้อมถ่อมตน เราพยายามสอนผู้คนให้ “ต้านทานการล่อลวงทุกอย่างของ มารด้วยศรัทธาของเขาอันมืต่อองค์พระเยซูคริสต์” (แอลมา 37:33) เราสอน ผู้คนของเรา “มิให้เบื่อหน่ายการงานที่ดี”(แอลมา 37:34)

ศาสดากล่าวเรื่องเดียวกันเพราะโดยพื้นฐานแจ้วเราประสบปัญหาอย่างเดียว กัน พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย วิธีแห้ไขปัญหาเหล่านี้ยังไม่เปลี่ยน มืแต่ประภาคาร ไร้คุณภาพที่ล่งสัญญาณแตกต่างกันเพื่อนำทางเรือทุกลำเข้าเทียบท่า มืแต่มัคคุเทศก์ไร้ความสามารถ ทั้งที่รู้ว่ามีเส้นทางปลอดภัยตามไหล่เขา แด่ก็ยังพาคนที่ เขารับผิดชอบขึ้นไปตามเส้นทางอันตรายที่ไม่อาจคาดเดาได้ ซึ่งจากเส้นทางนั้น จะไม่มีมักเดินทางคนใดกลับมา13

ทุกครั้งที่เราสอนท่าน ผู้นำศาสนาจักรไม่สามารถเสนอเส้นทางใหม่หรือดึง ดูดใจกว่านั้นได้เพื่อจะนำท่านกลับไปยังที่ประทับของพระบิดาบนสวรรค์ เส้น ทางยังคงเหมือนเดิม ด้วยเหตุนี้จึงต้องกระตุ้นเรื่องเดิมอยู่บ่อยๆ และต้องยํ้าเตือน การกล่าวยํ้าความจริงไม่ได้ทำให้ความจริงนั้นสำคัญน้อยลงหรือจริงน้อยลงแต่ กลับเป็นในทางตรงก้นข้าม14

ข้าพเจ้านึกภาพออกถ้าพระเจ้าทรงยืนบนภูเขามะกอกเทศและถ้าพระองค์กำลังตรัสแนะนำผู้คน พระองค์จะต้องตรัสเรื่องเดิมที่เคยพูดแล้วและจะพูด [ใน การประชุมใหญ่ของเรา] ข้าพเจ้านึกภาพออกถ้าพระองค์ทรงยืนบนทะเลกาลิลี โดยมืเรืออยู่ในนํ้าและผู้คนยืนห้อมส้อมพระองค์อยู่ พระองค์จะตรัสเรื่องเดิม เป็นส่วนใหญ่ อาทิ ดำเนินชีวิตตามพระบัญญ้ติของพระผู้เป็นเจ้า รักษาตัวให้ หมดจดจากโลก และดำเนินชีวิตตามพระบัญญ้ติทุกข้อที่พระผู้เป็นเจ้าประทาน แก่เรา นั่นคือสิ่งที่พระองค์จะตรัส และทุกวันนี้พระองค์กำลังตรัสเรื่องเหล่านี้ ผ่านผู้รับใช้ของพระองค์15

ศาสดามักถูกเพิกเฉยหรือไม่เป็ีนที่ยอมรับ ในสมัยของพวกท่าน

เมื่อโลกทำตามศาสดา โลกจะเจริญรุดหน้า เมื่อโลกไม่สนใจใยตืศาสดา ผล ที่ได้คือความหยุดนิ่ง ความเป็นทาส ความตาย16

แม้แต่ในศาสนาจักร หลายคนก็ยังมืแนวโน้มว่าจะประตับอุโมงค์ฟ้งศพของ ศาสดาในอดีตและขว้างหินใส่ศาสดาที่ยังมืชีวิต [ดู มัทธิว 23:29–30, 34]17

ขอพวกเราอย่าได้ทำผิดพลาดเหมือนคนสมัยก่อน นิกายมากมายยุคป้จจุมัน เชื่อในเอบราแฮม โมเสส และเปาโล แต่ต่อด้านการเชื่อในศาสดาของวันนี้ คนสมัยโบราณยอมรับศาสดาสมัยก่อน แต่ประณามและแช่งด่าศาสดาผู้อยู่ร่วม สมัยคับพวกเขา18

มืข้อแก้ตัวต่างๆ นานาตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมาเพื่อตัดรอนผู้ส่งข่าวจาก พระเจ้า [ศาสดาที่มืชีวิต] มีการปฏิเสธเพราะศาสดามาจากสถานที่ห่างไกลไม่มื ใครรู้จัก “สิ่งตือันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ” (ยอห์น 1:46) พระเยซูทรง เผชิญกับคำถามนี้ด้วย “คนนี้เป็นลูกข่างไน้บิใช่หรือ” (มัทธิว 13:55) ไม่ว่าจะ รูปแบบใดก็ตาม วิธีปฏิเสธศาสดาผู้บริสุทธี้อย่างเร็วที่สุดคือหาข้ออ้าง ไม่ว่าจะ ผิดหรือเหลวไหลไร้สาระอย่างไรก็ตาม เพื่อตัดรอนชายคนนั้นทั้งนี้จะได้ตัดรอน ข่าวสารของท่านด้วย ศาสดาที่พูดไม่คล่อง แต่พูดช้าๆ กลายเป็นคนไร้ค่า แทน ที่จะตอบรับข่าวสารของเปาโล บางกนกจ้บเห็นว่าร่างกายของท่านอ่อนแอและ ถือว่าคำพูดของท่านใช้ไม่ได้ [ดู 2 โครินธ์ 10:10] บางทีพวกเขาอาจตัดสิน เปาโลจากนํ้าเสืยงหรือลิลาการพูดของท่านก็เป็นได้ ไม่ใช่จากความจริงที่ท่าน บอกกล่าว

… ความห่วงกังวลของโลกมีมากเหลือเกินและยุ่งเหยิงไปหมด แม้แต่คนที ดืมากๆ ก็ยังหันเหออกจากการดำเนินตามความจริงเพราะเขาห่วงกังวลวัดกุทาง โลกมากเกินไป …

บางครั้งผู้คนปล่อยให้ใจหมกมุ่นอยู่กับวัตกุและเสียรติของโลกนี้จนเขาไม่ สามารถเรียนรู้บทเรียนที่เขาจำเป็นต้องเรียนรู้มากที่สุดฺ ความจริงกันเรียบง่ายมัก จะถูกปฏิเสธเพื่อสน้บสนุนปรัชญาของมนุษย์ซึ่งเป็นที่ด้องการน้อยกว่ามาก และ นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งของการไม่ยอมรับศาสดา …

ศาสดาผู้บริสทธื้ใม่เพียงปฏิเสธที่จะทำตามความโน้มเอียงผิดๆ ของมนุษย์ เท่านั้น แต่ได้ชี้ให้เห็นความผิดเหล่านี้ด้วย มิน่าเล่าการตอบรับศาสดาจึงไม่ใช่ ความเฉยเมยแต่อย่างเดียว บ่อยเหลือเกินที่ศาสดาไม่เป็นที่ยอมรับเพราะพวก ท่านไม่ยอมรับวิธีผิดๆ ในสังคมของพวกท่านแต่แรกเริ่ม …

ศาสดามีวิธีำทำให้ผู้มิจิตใจมากด้วยตัณหาเกิดความรู้สืกไม่สบายใจ บ่อยเหลือ เกินที่ศาสดาผู้บริสุทธิ์ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนเข้มงวดและรีบร้อนอยากทำบันทึก เพื่อจะพูดว่า “ผมบอกคุณแล้ว” ศาสดาเหล่านั้นที่ข้าพเจ้ารู้จักคือผู้มีความรัก มากที่สุดต่อมวลมนุษย์ เนื่องจากความรักและความซื่อตรงของพวกท่าน พวก ท่านจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขข่าวสารของพระเจ้าเพียงเพื่อทำให้ผู้คนรู้สืก สบายใจ พวกท่านมีเมตตาเกินกว่าจะโหดร้ายเช่นนั้น ข้าพเจ้ารู้สีกซาบซึ้งยิ่งที่ ศาสดาไม่อยากได้ความนิยมชมชอบ19

บิดามารดาควรสอนบุตรหลานให้สนับสบุน และทำตามผู้นำศาสนาจักร

ท่านสอนบุตรหลานให้รักผู้มีสิทธิอำนาจของศาสนาจักรอย่างไร ล้าท่านพูดแต่ เรื่องดีๆ เกี่ยวกับฝ่ายประธานสาขา ฝ่ายประธานท้องถิ่น ฝ่ายประธานคณะ เผยแผ่ และฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนาจักร บุตรหลานของท่านจะรักผู้นำมาก ขึ้น20

เราสวดอัอนวอนให้ผู้นำศาสนาจักร ล้าเด็กๆ นึกถึงผู้นำศาสนาจักรต่อเบื้อง พระพักตร์พระเจ้าตลอดวันเวลาของพวกเขาทั้งในการสวดอัอนวอนเป็นครอบ ครัวและในการสวดอัอนวอนล่วนตัว พวกเขาจะไม่มีวันตกไปสุ่การละทิ้งความ เชื่อ…

เด็กที่สวดอัอนวอนให้ผู้นำจะรักผู้นำเหล่านั้นมากขึ้น จะพูดถึงผู้นำในทางที่ ดี ให้เกียรติและทำตามแบบอย่างของพวกเขา ผู้ที่ได้ยินอำสวดอัอนวอนเอ่ยถึง ผู้นำศาสนาจักรด้วยความรักทุกวันมักเชื่อคำสั่งสอนและคำตักเตือนที่พวกเขาจะ ได้ยิน

เมื่อเด็กผู้ชายทูลพระเจ้าเกี่ยวกับอธิการของเขา พวกเขาจะจริงจังมากเมื่อ สัมภาษณ์กับอธิการเพื่อสนทนาเกี่ยวกับการเลื่อนขั้นฐานะปุโรหิต งานเผยแผ่ และพรพระวิหาร เด็กผู้หญิงจะให้ความเคารพเป็นอย่างดีต่อการดำเนินงานทั้ง หมดของศาสนาจักรเมื่อพวกเธอสวดก้อนวอนให้ผู้นำศาสนาจักร21

คนที่ทำตามผู้มีสิทธิอำนาจของศาสนาจักร จะพบความปลอดภัย

การเป็ีนสมาชิกของศาสนาจักรจะปลอดภัยเสมอถ้าเขาทำตามคำแนะนำ คำ ตักเตือน และการนำของผู้มีสิทธิอำนาจของศาสนาจักรอย่างใกล้ชิด22

ผู้มีสิทธิอำนาจซึ่งพระเจ้าทรงวางไว้ในศาสนาจักรของพระองค์จะเป็นที่พักพิง ที่หลบภัย และเสาหลักสำหรับผู้คนของศาสนาจักร ไม่มีใครในศาสนาจักรนี้ หลงทางถ้าเขาผูกนัดตนเหนียวแน่นกับผู้มีสิทธิอำนาจของศาสนาจักรผู้ที่พระ เจ้าทรงวางไว้ในศาสนาจักรของพระองค์ ศาสนาจักรนี้จะไม่มีวันหลงทาง โควรัม อัครสาวกสืบสองจะไม่มีวันนำท่านไปผิดทาง ไม่เคยและใม่มีวัน อาจจะมีบาง คนสั่นคลอน แต่สภาสิบสองส่วนใหญ่จะไม่อยู่ผิดข้างเด็ดขาด พระเจ้าทรงเลือก พวกท่าน พระองค์ประทานความรับผิดชอบที่เฉพาะเจาะจงให้พวกท่าน คนที่ ยืนชิดพวกท่านจะปลอดภัย และในทางกลับกัน เมื่อใดก็ตามที่คนคนหนึ่งเริ่ม กระทำโดยพลการขัดกับสิทธิอำนาจ เขาย่อมอยู่ในอันตรายร้ายแรง ข้าพเจ้าจะ ไม่พูดว่าผู้นำเหล่านี้ที่พระเจ้าทรงเลือกเป็นคนฉลาดปราดเปริ่องที่สุด หรือได้รับ การฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่พวกท่านคือผู้ได้รับเลือก และเมื่อพระเจ้าทรงเลือก พวกท่านคือผู้มีสิทธิอำนาจที่พระองค์ทรงยอมรับ และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดพวกท่าน จะมีความปลอดภัย23

ถ้าเราจะดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและทำตามคำแนะนำของผู้นำศาสนา จักร เราจะได้รับพรให้หลีกเลี่ยงป้ญหามากมายที่ระบาดอยู่ทั่วโลก24

ขอให้เราตั้งใจฟังผู้ที่เราสนับสนุนในฐานะศาสดาและผู้พยากรณ์ เช่นเดียวกับ ผู้นำท่านอื่นๆ ประหนึ่งว่าชีวิตนิรันดร์ฃองเราขึ้นอยู่กับสิ่งนั้น เพราะเป็นเช่น นั้น!25

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ–ⅸ

  • พิจารณาว่าชีวิตท่านได้รับพรอย่างไรเมื่อท่านสนับสนุนผู้นำศาสนาจักรทั้งสาม ระตับตามที่ประธานคิมนัลล์อธิบายไว้ (ดูหน้า 269) ขณะพิจารณาเรื่องนี้ ท่านนึกถึงประสบการณ์ใดบ้าง

  • อ่านทวนหัวข้อที่เริ่มต้นในหน้า 270 ท่านสังเกตว่ามีข่าวสารใดน้างที่กล่าวซํ้า หลายครั้งในการประชุมใหญ่สามัญครั้งล่าสุด

  • อ่านทวนย่อหน้าที่สองและสามในหน้า 272 ท่านคิดว่าเหตุใดบางคนจึงไม่ อยากทำตามศาสดาที่มีชีวิต ในระยะนี้มีตัวอย่างใดน้างที่ท่านนึกออก

  • เราจะทำอะไรไต้บ้างเพื่อสนับสนุนบุตรหลานและผู้อื่นให้เคารพและทำตามผู้ นำศาสนาจักร (ดูตัวอย่างในหน้า 273)

  • อ่านทวนหัวข้อสุดท้ายของบทเรียน เหตุใดจึงมีความปลอดภัยในการทำตาม คำแนะนำของผู้นำศาสนาจักร

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: เอเฟซัส 2:19–20; 4:11–16; ฮีลามัน 13:24–29; ค.พ. 1:14, 38; 21:4–6; 121:16–21

อ้างอิง

  1. ใน Conference Report, Apr. 1978, 68; หรือ Ensign, May 1978, 45.

  2. ใน Conference Report, Apr. 1978, 115; หรือ Ensign, May 1978, 76.

  3. ใน Conference Report, Oct. 1978, 110–11; หรือ Ensign, Nov. 1978, 73.

  4. ใน Conference Report, Apr. 1974, 65; หรือ Ensign, May 1974, 46.

  5. ใน Conference Report, Apr. 1976, 7; หรือ Ensign, May 1976, 6.

  6. The Miracle of Forgiveness (1969), 325.

  7. ใน Conference Report, Oct. 1958, 57.

  8. That You May Not Be Deceived, Brigham Young University Speeches of the Year (Nov. 11, 1959), 12–13.

  9. The Miracle of Forgiveness, 274.

  10. That You May Not Be Deceived, 13.

  11. “Second Century Address,” Brigham Young University Studies, summer 1976, 447.

  12. ใน Conference Report, Oct. 1976, 164; หรือ Ensign, Nov. 1976, 111.

  13. ใน Conference Report, Apr. 1976, 7; หรือ Ensign, May 1976, 6.

  14. President Kimball Speaks Out (1981), 89.

  15. ใน Conference Report, Manila Philippines Area Conference 1975, 4.

  16. ใน Conference Report, Apr. 1970, 121; หรือ Improvement Era, June 1970, 94.

  17. “… To His Servants the Prophets,” Instructor, Aug. 1960, 257.

  18. ใน Conference Report, Apr. 1977, 115; หรือ Ensign, May 1977, 78.

  19. ใน Conference Report, Apr. 1978, 115, 116; หรือ Ensign, May 1978, 76–77.

  20. The Teachings of Spencer W. Kimball, ed. Edward L. Kimball (1982), 460.

  21. The Teachings of Spencer W. Kimball, 121.

  22. The Teachings of Spencer W. Kimball, 461.

  23. ใน Conference Report, Apr. 1951, 104.

  24. ใน Conference Report, Apr. 1980, 128; หรือ Ensign, May 1980, 92.

  25. ใน Conference Report, Apr. 1978, 117; หรือ Ensign, May 1978, 77.

President Kimball greeting people

ประธานภิบบัลล์ท้กทายฟู้ภนข๗ะเบ้าชอลท์เลภเเทเลอร์นาเภิลเพิ่อเบ้าร่วบการประชุบใทํญ่สาบัญ

Paul teaching

แทนที่จะตอบรับบ่าวสารบองเปาโล บางภนกลับเห็นว่าร่าอกายของท่านอ่อนแอและถิอว่าำทำพูดของท่านใซ้ไบ่ไ๑้