บทที่ 14
“อย่ามีพระเจ้าอื่นใด นอกเหนือจากเรา”
เราจะต้องไห้พระเจ้าและอุดมการณ์ของพระองค์มาเป็นอันดับแรก และหลีกเลี่ยงการนมัสการพระผู้เป็นเจ้าปลอม
จากชีวิตของสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์
ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ ชักชวนสิทธิชนยุคสุดท้ายให้พระ เจ้ามาเป็นอันดับแรกในชีวิตชองพวกเขา และอย่าให้ใจของพวกเขาหมกมุ่นอยู่ อับสิ่งของทางโลก ท่านสอนว่าการให้วัตถุ ทรัพย์สมบ้ติ ธุรกิจ กิจกรรมนันท- นาการ และลาภยศสรรเสริญมาก่อนพระเจ้าคือการนมัสการพระผู้เป็นเจ้าปลอม ท่านเน้นว่าพระผู้เป็็นเจ้าปลอมหรือรูปเคารพนั้นรวมถึง “ทุกสิ่งที่ล่อลวงมนุษย์ ออกจากหน้าที่ ความจงรักภักดี ความรักและการรับใช้พระผู้เป็นเจ้า”1
การผูกมัดตนต่อพระเจ้าด้วยความเต็มใจคือรากฐานชีวิตของประธานคิมนัลล์ และบิดามารดาท่าน ในปลายทศวรรษที่ 1890 สมัยสเปืนเซอร์ยังเป็นเด็กเล็กๆ แอนดรูว์ บิดาของท่านได้รับเรียกเป็นประธานสเตคในแอริโซนาตะวันออกเฉียง ใด้ การละทิ้งความอบอุ่นใจที่ได้อยู่อับญาติมิตรในซอลท์เลคซิตี้เพื่อไปอาศัยอยู่ ในเขตชายแดนทะเลทรายไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับครอบครัวคิมบัลล์ แต่สำหรับ แอนดรูว์ คิมนัลล์ “มีเพียงคำตอบเดียว นั่นคือต้องไป”2
หลายปีต่อมา สเปีนเซอร์ ดับเบิลยู. คิมนัลล์แสดงการอุทิศตนต่อพระเจ้าใน แบบเดียวอันนี้ เมื่อท่านได้รับเรียกให้เป็นที่ปรึกษาที่สองในฝ่ายประธานสเตค ท่านและคาบิลลา ภรรยาของท่าน “คุยอันถึงเรื่องที่ท่านจะกลับไปเรียนต่อมหา วิทยาลัยเพื่อจะเป็นนักบัญชีหรือครู” แต่การยอมรับตำแหน่งในศาสนาจักร หมายความว่าท่านต้องยกเลิกแผนดังกล่าว3
เมื่อประธานคิมบัลลัใด้รับการวางมือแต่งตั้งเป็นอัครสาวก คำแนะนำของประ ธานฮีเบอร์ เจ. แกรนท์ที่มีต่อท่านคือให้ท่านส่งเสริมหลักธรรมนี้โดยให้พระเจ้า และอาณาจักรของพระองค์มาก่อน “ขอให้ใจของท่านอยู่กับการรับใช้พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของท่าน นับจากบัดนี้เป็นต้นไปขอให้ตัดสินใจทำให้อุดมการณ์นี้ และงานนี้มาเป็นอันตับแรกและมาก่อนทุกสิงในความคิดของท่าน”4
คำลอนฃองสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์
เมื่อเรารักและวางใจสิ่งใดมากกว่าพระเจ้า เรากำลังนมัสการ พระผู้เป็นเจ้าปลอมของเราเอง
ขณะที่ข้าพเจ้าศึกษาพระคัมภีร์โบราณ ข้าพเจ้าก็ยิ่งทวีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า มีความสำคัญในข้อเท็จจริงที่ว่าพระบัญญัติ “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจาก เรา” เป็นพระบัญญัติข้อแรกของพระบัญญัติสิบประการ
มีห้อยคนนักที่เลือกปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้าและพรของพระองค์ทั้งที่รู้และไตร่ ตรองอย่างรอบคอบ ทว่าเราเรียนรู้จากพระคัมภีร์ว่าเป็นเพราะการใช้ศรัทธามักจะ ดูเหมือนยากกว่าการพึ่งพาในสิ่งที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมเสมอ มนุษย์ธรรมดามีแนว โห้มที่จะหันไปวางใจวัตถุมากกว่าพระผู้เป็นเจ้า ตังนั้นในทุกยุคสมัยเมื่อมนุษย์ ตกอยู่ใต้อำนาจของซาตานและสูญเสืยศรัทธา พวกเขาจะมีความหวังใน “แขน แห่งเนื้อหนัง” และใน “พระที่ทำด้วยเงิน ทองคำ ทองลัมถุทธิ์ เหล็ก ไห้ และหิน ซึ่งจะดูหรีอฟังหรือรู้เรื่องก็ไม่ไต้” (ดาเนียล 5:23) มั่นคือรูปเคารพ ข้าพเจ้าพบว่าสิ่งนี้เป็นหัวข้อโดดเด่นในพระคริสตธรรมคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิม สิ่งใดก็ตามที่มนุษย์มีใจหมกมุ่นและไว้วางใจมากที่สุดสิ่งนั้นคือพระผู้เป็นเจ้า ของเขา และล้าพระผู้เป็นเจ้าของเขาไม่ใช่พระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริงและทรงพระ ชนม์ของอิสราเอล มนุษย์ผู้นั้นกำลังสร้างรูปเคารพ
ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าเมื่อเราอ่านพระคัมภีร์เหล่านี้และพยายาม “เปรียบข้อความ นั้นกับตัว[ของเรา]” ดังที่นืไฟแนะนำ (1 นืไฟ 19:24) เราจะเห็นสิ่งเดียวกัน ระหว่างการนมัสการรูปแกะสลักในสมัยโบราณและแบบแผนการปฏิบัติในประ สบการณ์ของเราเอง5
การบูชารูปเคารพนับเป็นบาปร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่ง ….
รูปเคารพและพระผู้เป็นเจ้าปลอมในป้จจุบันได้แก่ เสัอผ้า บ้าน ธุรกิจ เครื่องจักร รถยนต์ เรือสำราญ และสิ่งเย้ายวนทางวัตถุอื่นๆ ที่ล่อดวงให้ออก ไปจากทางของความเป็นพระผู้เป็นเจ้า …
สิ่งที่ไม่อาจสัมผัสไต้เป็นพระเจ้าปลอมที่เห็นไต้ง่าย ใบปริญญาบัตร รางวัล และชื่อเสิ่ยงอาจเป็นรูปเคารพได้ ….
มีหลายคนทีสร้างและตกแต่งบ้านหรือซื้อรถยนต์เป็นอันดับแรก—และพวก เขาสี “ไม่มีเงินพอ” จ่ายส่วนสิบ พวกเขานมัสการใคร แน่นอนว่าไม่ใช่พระ เจ้าแห่งสวรรค์และแผ่นดินโลก ….
มีหลายคนที่บูชาการล่าสัตว์ ตกปลา และการท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ การไปป็คนิคสุดสัปดาห์ และการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน คนอนๆ มืรูปเคารพเป็นเกมกีฬา เบสบอล ฟุตบอล การผู้วัว หรือกอล์ฟ ….
ยังมีรูปเคารพอื่นๆ ที่มนุษย์บูชาอีก อาที การมีอำนาจและสิทธิพิเศษ ….พระเจ้าแห่งอำนาจ ความมั่งคั่ง และอิทธิพลเหล่านี้เอาเวลาจากเราไปมาก ดัง นั้นจึงเป็นเหมือนวัวทองคำของชนชาติอิสราเอลในแดนทุรกันดาร6
การยีดติดอยู่อับสิ่งทางโลกอาจทำให้เราตกอยู่ภายใตั อิทธิพลของซาตาน
ถ้าเรายินดีต่อการเรียกตัวเองว่าเป็นผู้พันสมัย และมีแนวโบ้มที่จะคิดว่าเรามี ความรู้้ในเรื่องจากทางโลกมากมายอย่างที่ผู้คนในอดีตไม่เคยมืมาล่อน ถ้าเราคิด เช่นนี้เราทั้งหมดก็เป็นผู้คนที่นมัสการรูปเคารพ ซึ่งเป็นสภาพที่ทำให์พระเจ้าทรง ลุ่นเคืองอย่างที่สุด7
ข้าพเจ้านึกถึงบทความหนึ่งที่ข้าพเจ้าอ่านเมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับชายกลุ่ม หนึ่งที่เข้าไปจับลิงในป่า พวกเขาพยายามจับลิงด้วยวิธีต่างๆ รวมถึงการใช้ตา ข่าย แต่ก็พบว่าตาข่ายอาจทำให้สืงมีชีวิตตัวน้อยเหล่านี้บาดเจ็บ พวกเขาจึงได้ ข้อสรุปอันหลักแหลม พวกเขาทำกล่องขนาดเล็กขึ้นมาหลายใบ และด้านบน ของกล่องแต่ละใบพวกเขาเจาะรูขนาดใหญ่พอที่ลิงจะล้วงลงไปในกล่องได้ จากนั้นพวกเขาก็วางกล่องไวได้ต้นไม้โดยใส่ถั่วที่ลิงโปรดปรานเป็นพิเศษไว้ใน กล่องแต่ละใบด้วย
เมื่อคนจากไป ลิงเริ่มลงมาจากด้นไม้และสำรวจกล่อง ลิงพบว่าในกล่องมี ถั่วที่พวกมันจะกินได้จึงยื่นมือเข้าไปหยิบถั่วในกล่อง แต่เมื่อลิงพยายามเอามือ ออกจากกล่องโดยที่มืถั่วอยู่ในมือ มันไม่สามารถเอามือออกจากกล่องได้เพราะ มือเล็กๆ ที่กำถั่วไว้ใหญ่เกินไป
ในเวลาเดียวกันนั้น มนุษย์จะออกมาจากพุ่มไม้และเข้ามาจับลิง สิงที่น่าสง ลัยคือ เมื่อลิงเห็นคนเข้ามา พวกมันจะส่งเสืยงร้องและตะเกียกตะกายเพราะ คิดว่าจะด้องหนี ทั้งที่ง่ายแสนง่ายแด่พวกมันก็ไม่ยอมปล่อยถั่วทิ้งเพื่อให้สามารถ เอามือออกจากกล่องและหนีไป มนุษย์จึงจับพวกมันได้โดยง่าย
และดูเหมือนว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับผู้คนบ่อยครั้งความปรารถนาอย่างแรงกล้าใน วัตถุทางโลก ซึ่งเป็นอาณาจักรชั้นด้น ไม่ว่าจะมีแรงกระตุ้นมากเท่าไรและจะ เป็นเรื่องฉุกเฉินขนาดไหนก็ไม่สามารถชักจูงพวกเขาให้ละทิ้งเพื่อจะได้สิงซึ่ง เป็นของอาณาจักรชั้นสูง ซาตานกุมพวกเขาไว้ในอุ้งมืออย่างง่ายดาย ย้าเรายืน กรานที่จะไข้เวลาและทรัพยากรของเราทั้งหมดไปในการสร้างอาณาจักรทางโลก ให้กับตัวเรา เราจะได้รับสิ่งนั้นเป็นมรดกอย่างแน่นอน8
แทนที่เราจะเอาใจหมกมุ่นอยู่กับวัตถุทางโลก เราควรใช้ทรัพยากรของเราในการสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า
การครอบครองความรํ่ารวยไม่ได้ก่อให้เกิดบาปเสมอไป แต่บาปอาจเกิดขึ้น จากความอยากได้และจากการใช้ความมั่งคั่ง ….
ประวัติศาสตร์ในพระคัมภีร์มอรมอนเปีดเผยด้วยวาทะอันคมคายถึงผลของ หายนะอันเนื่องจากความลุ่มหลงในทรัพย์สมมัติ ในแต่ละครั้งเมื่อผู้คนเป็นคน ชอบธรรมพวกเขาจะรุ่งเรือง จากนั้นจะตามด้วยการเปลี่ยนแปลงจากความรุ่ง เรืองไปสู่ความมั่งคั่ง ความมั่งคั่งไปล่ความรักในทรัพย์สมบัติ จากนั้นไปสู่ความ รักความสะดวกสบายและความหรูหราฟุ่มเฟือย แล้วจึงเข้าสู่ความเฉื่อยชาทาง วิญญาณ จากนั้นไปสู่การทำบาปหยาบข้าและความชั่วร้าย และแล้วก็ใกล้ ถึงความพินาศจากศัตรูของพวกเขา … ล้าผู้คนไข้ความมั่งคั่งเพื่อจุดประสงค์ที่ดี พวกเขาจะมีความสุฃอยู่ในความรุ่งเรืองสืบไป9
พระเจ้าประทานพรเราด้วยความรุ่งเรืองเท่ากับผู้คนในอดีต ทรัพยากรที่อยู่ใน อำนาจของเรานั้นดีและจำเป็นต่องานของเราบนแผ่นดินโลก แด่ข้าพเจ้าเกรงว่า พวกเราหลายคนได้รับฝูงสัตว์และปศุสัตว์ ที่ดินและยุ้งฉาง ความมั่งคั่ง และเริ่ม นมัสการสิงเหล่านั้นว่าเป็นพระเจ้าปลอม และให้สิ่งเหล่านั้นมีอำนาจเหนือเรา … เราลืมว่าอันที่จริงงานมอบหมายของเราคือไข้ทรัพยากรต่างๆ เหล่านี้กับ ครอบครัวและโควรัมของเราเพื่อสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อทำให้งาน เผยแผ่ศาสนา งานลำดับการสืบเชื้อสาย และงานพระวิหารประสบความสำเร็จ เพื่อเลี้ยงดูลูกๆ ของเราชื้นมาให้เป็นผู้รับใข้ที่สร้างสรรค์คุณูปการแต่พระเจ้า เพื่อเป็นพรแก่ผู้อื่นในทุกๆ ด้าน เพื่อจะอำนวยประโยชน์อื่นๆ ได้ด้วย ในทาง กลับกันเราใช้พรในสิงที่เราปรารถนา เหมือนกับที่โมโรไนกล่าวว่า “เหตุใดท่าน จึงตกแต่งตัวด้วยสิงซึ่งไม่มีชีวิต และยังยอมให้คนหิวโหย และคนขัดสน และคนเปลือยเปล่า และคนป่วย และคนที่เป็นทุกข์ผ่านท่านไป และหาเหลียว แลเขาไม่” (มอรมอน 8:39)
ดังที่พระเจ้าพระองค์เองตรัสในสมัยของเราว่า “เขาแสวงหาพระเจ้าไม่เพื่อ ความชอบธรรมของพระองค์ แต่มนุษย์ทุกคนเดินในทางของตนเอง และตาม รูปลักษณะของพระผู้เป็นเจ้าของตนเอง ซึ่งรูปลักษณะนั้นเป็นตามลักษณะของ โลก และ ร่างกายเป็นของรูปเคารพ และซึ่งแก่นสารของมันคือสิงที่เป็นรูปเคารพ ซึ่งเก่าลงและจะตายในแบบิลอน แม้แบบิลอนใหญ่นั้นซึ่งจะตก” (ค.พ. 1:16 เพิ่มตัวเอน)10
พระเจ้าตรัสว่า “… แต่ท่านทั้งหลายจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และ ความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเดิมสิงทั้งปวงเหล่า นี้ให้” (มัทธิว 6:33) ถึงแม้ว่าบ่อยเหลือเกินที่เราต้องการ “วัตถุ” ก่อน11
บางทีบาปไม่ได้อยู่ใน “วัตถุ” แต่อยู่ในเจตคติของเราและการนมัสการของ เราที่มีต่อ “วัตถุ” นอกเสืยจากว่าผู้ที่ละโมบสามารถสั่งสมและดำรงความมั่ง คั่งขณะที่ยังมอบความจงรักภักดีอย่างเต็มที่ต่อพระผู้เป็นเจ้าและโปรแกรมของ พระองค์ นอกเสียจากวํ่าคนรารวยสามารถรักษาวันแซบัธ ทำให้จิตใจ ร่างกาย และวิญญาณสะอาดบรีชุทธิ์ และทุ่มเทรับใช้เพื่อนมนุษย์โดยวิธีที่พระผู้เป็นเจ้า ทรงกำหนด นอกจากคนมั่งคั่งจะควบอุมอย่างเต็มที่และสามารถครอบครอง ทรัพย์สินทั้งหมดให้เป็นประโยชน์ ยอมต่อการเรียกของพระเจ้าผ่านผู้รับใช้ที่ได้ รับสิทธิอำนาจ จากนั้นเพื่ออุณความดีของจิตวิญญาณเขา ชายผู้นั้นควร “ไปขาย บรรดาสิงของซึ่งท่านมีอยู่แจกจ่ายให้กนอนาถา … แล้วจงดามเรามา” (มัทธิว 19:21)
“เพราะว่าทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย” (มัทธิว 6:21)12
พรที่เราไห้รับจากการรับใช้พระเช้ามีมากกว่า รางวัลที่โลกเสนอให้มากมายนัก
ช้าพเจ้ารู้จักชายผู้หนึ่งที่ได้รับเรียกเช้าสิต่าแหน่งรับใช้ในศาสนาจักร แต่เขา รู้สีกว่าเขาไม่สามารถรับได้เพราะเขาด้องดูแลและให้เวลาแก่การลงทุนของเขา มากเกินกว่าที่เขาจะมีเวลาเหลือให้แก่งานของพระเจ้า เขาละทิ้งการรับใช้พระ เจ้าไปแสวงหาเงินทอง และวันนี้เขาเป็นมหาเศรษฐี
แต่มื่อไม่นานมานี้ข้าพเจ้าเรียนรู้ถึงความจริงที่น่าสนใจประการหนึ่ง ถ้าคนมี ทองคำมูลค่าหนึ่งล้านเหรียญในวันนี้ เขาครอบครองทองคำมูลค่าประมาณหนึ่ง ในสองหมื่นเจ็ดพันล้านของทองคำที่มีอยู่ในเปลือกโลกบางๆ แห่งนี้เท่านั้น จำนวนดังกล่าวเป็นอัตราส่วนที่เล็กน้อยจนมนุษย์นึกไม่ถึง แต่มีสิงที่มากกว่านี้ พระเจ้าผู้ทรงสร้างและทรงมีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกทรงสร้างสิ่งต่างๆ บนผืน แผ่นดินโลกเช่นกัน กระทั่ง “โลกนับไม่ถ้วน” (โมเสส 1:33) และเมื่อมนุษย์ ผู้นี้ได้รับคำสาบานและพันธสัญญาของฐานะปุโรหิต (ค.พ. 84:33–44) เขาได้ รับคำสัญญาจากพระเจ้าว่าจะมี “สารพัดสิ่งที่พระบิดาของเรามี” (ข้อ 38) การ ละทิ้งสัญญาอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ทั้งหมดเพื่อไปตามหาทองคำและความรู้สืกมั่นคง ในกิเลสตัณหาเป็นข้อผิดพลาดอย่างมหันต์ไนด้านวิสัยทัศน์และความรู้ การที่ จะคิดว่าเขาพอใจในสิ่งน้อยนิดที่ตนมีอยู่เป็นมุมมองที่น่าเศร้าและน่าสมเพช จิตวิญญาณของมนุษย์มีค่ากว่านี้มากมายนัก
ชายหนุ่มคนหนึ่งเมื่อได้รับการเรียกเป็นผู้สอนศาสนา เขาตอบว่าเขาไม่มีพร สวรรค์มากพอจะทำงานนั้น สิ่งที่เขาทำได้เก่งคือการดูแลรักษารถยนต์ดันใหม่ สมรรถนะดีให้อยู่ในสภาพที่ดีเยี่ยม เขาชอบพลังและความเร็ว เมื่อเขาขับรถ ไปเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เขาจินตนาการว่าเขาจะ ไปถึงจุดหมาย
บิดาของเขาพูดด้วยความพอใจว่า “เขาชอบทำสิ่งต่างๆ ด้วยตนเอง สำหรับ เขามั่นก็ดีพอแล้ว”
มั่นดีพอแล้วหรือสำหรับลูกชายของพระผู้เป็นเจ้า ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้รู้ว่า พลังของรถยนต์เขานั้นน้อยเกินกว่าจะเปรียบเทียบกับพลังของทะเล หรือดวง อาทิตย์ มีดวงอาทิตย์อยู่มากมาย ทุกดวงถูกควบคุมด้วยกฎและฐานะปุโรหิต ซึ่งในที่สุดก็คืออำนาจฐานะปุโรหิตที่เขาควรจะปรับปรุงให้ดีขึ้นด้วยการรับใช้ พระเจ้า เขาพึงพอใจพระเจ้าที่น่าสมเพชซึ่งประกอบด้วยเหล็ก ยาง และโลหะ ขัดเงา
คู่สามีภรรยาสูงอายุเกษียณจากงานทางโลกและจากศาสนาจักรด้วย พวกเขา ซื้อรถกระบะและอุปกรณ์พักแรมพร้อมดับปลีกตนออกจากภาระหน้าที่ ออกไป เผชิญโลกเพียงเพื่อมีความสุขกับสิ่งเล็กน้อยที่พวกเขาเก็บเกี่ยวในวันเวลาที่ เหลืออยู่ของพวกเขา พวกเขาไม่มีเวลาไปพระวิหาร มีงานยุ่งเกินกว่าจะค้นคว้า ลืบลำดับเชื้อสายและงานเผยแผ่ศาสนา เขาไม่ได้ติดต่อกับโควรัมมหาปุโรหิต และไม่ได้อยู่บ้านนานพอที่จะทำประวิดิส่วนตัว ประสบการณ์และความเป็นผู้นำ ของพวกเขาเป็นที่ต้องการอย่างยิ่งในสาขาของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่สามารถ “อดทนจนถึงที่สุด” พวกเขาไม่ว่าง13
เราควรรักและทำตามพระเจ้าด้วยสุดใจของเรา
การที่เรารู้ว่าพระเจ้าทรงเป็นพระผู้สูงสุดและการที่เราหลีกเลี่ยงการนมัสการ รูปเคารพนั้นไม่เพียงพอ เราควรรักพระเจ้าด้วยสุดใจ ความสามารถ ความคิด และกำลังของเรา เราควรยกย่องพระองค์และตามพระองค์ไปสู่งานแห่งชีวิตนิ รันดร์ พระองค์จะทรงมีความสุขเพียงใดในความชอบธรรมของลูกๆ พระองค์!14
งานมอบหมายของเราชัดเจนนั่นคือการละทิ้งวัตถุทางโลกเพราะนั่นคือเจตนา รมยในตัวมันเอง เพื่อหลีกเลี่ยงการบูชารูปเคารพและมุ่งหน้าต่อไปด้วยศรัทธา เพื่อนำพระกิตติคุณไปสู่ศัตรูของเราเพื่อพวกเขาจะไม่เป็นศัตรูกับเราอีกต่อไป
เราจะต้องละทิ้งการนมัสการรูปเคารพในยุคปัจจุมันและละทิ้งความเชื่อนั่น ใน “แขนแห่งเนื้อหนัง” เพราะพระเจ้าตรัสกับทุกคนทั่วโลกในสมัยของเราว่า “เราจะไม่เว้นใครที่คงอยู่ในแบบิลอน” (ค.พ. 64:24)
เมื่อเปโตรสั่งสอนข่าวสารนื้ให้แก่ผู้คนในวันเพีนเทคอสต์ พวกเขาหลายคน “รู้สืกแปลบปลาบใจ จึงกล่าวแก่เปโตรและอัครทูตอื่นๆ ว่า พี่น้องเอ๋ย เราจะ ทำอย่างไรดี” (กิจการของอัครทูต 2:37)
และเปโตรตอบว่า “จงกลับใจใหม่และรับมัพติศมาในพระนามแห่งพระเยซู คริสต์สิ้นทุกคน เพื่อพระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของท่านเลีย แล้ว…รับ พระราชทานพระวิญญาณบริสุทธิ์ิ” (ข้อ 38)
… ข่าวสารของเราเหมือนกับข่าวสารที่เปโตรใบ้ไว้ และนอกจากนั้นพระเจ้า พระองค์เองยังประทาน “ถึงที่สุดของแผ่นดินโลก เพื่อทุกคนที่จะฟังจะได้ยิน
“เจ้าจงเตรียม เจ้าจงเตรียม เพื่อสิ่งซึ่งจะมาถึง เพราะพระเจ้าอยู่ใกล้” (ค.พ. 1:11–12)
เราเชื่อว่าวิธีที่แต่ละคนและแต่ละครอบครัวเตรียมพร้อมตามที่พระเจ้าทรง นําเราคือเริ่มใช้ศรัทธาใบ้มากขึ้น กลับใจ และเข้าสู่งานแห่งอาณาจักรพระองค์ บนแผ่นดินโลก อันได้แก่ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ในตอนแรกสิ่งนื้ดูเหมือนยากแต่เมื่อเริ่มเข้าใจงานที่แท้จริง เมื่อเขาเริ่มเห็นส่วน เล็กน้อยของนิรันดรด้วยมุมมองที่แท้จริง พรจะเริ่มมืค่าเหนือกว่าราคาของการ ละทิ้ง “โลก” ไว้เบื้องหลัง15
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ–ⅸ
-
เหตุใดท่านจึงคิดว่า “อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา” เป็นพระบัญญัติ ข้อแรกในพระบัญญัติสิบประการ
-
ไตร่ตรองข้อความต่อไปบื้ “สิงใดก็ตามที่มนุษย์มีใจหมกมุ่นและไว้วางใจมาก ที่สุดสิ่งนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าของเขา” (หน้า 157) มีอะไรบ้างที่เป็นพระผู้ เป็นเจ้าปลอมในโลกป้จจุบันนี้ (ดูตัวอย่างในหน้า 157–158)
-
เราเรียนรู้สิ่ิงใดจากเรื่องของกับตักลิง (ดูหน้า 158–159) เราจะด้องเที่ยงกับ อะไรบ้างถ้าเรายึดมั่นมากเกินไปกับวัตถุทางโลก
-
ทบทวนหน้า 159–161 มีอันตรายใดบ้างที่เกิดจากการเป็นคนมั่งคั่งรํารวย มี วิธีใดบ้างที่เราจะใช้ทรัพยากรที่พระเจ้าประทานให้เราอย่างชอบธรรม
-
ทบทวนเรื่องราวในหน้า 161–163 ท่านคิดว่าเหตุใดคนบางคนจึงเต็มใจละทิ้ง พรของการรับใช้ในอาณาจักรของพระเจ้า เราควรมีเหตุจูงใจเช่นไรเมื่อเรารับ ใช้
-
ท่านคิดว่า “รักพระเจ้าด้วยสุดใจ ความสามารถ ความคิด และกำลังของ เรา” หมายความว่าอย่างไร (หน้า 163) บิดามารดาจะช่วยให้ลูกๆ รักพระ เจ้าได้อย่างไร
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: อพยพ 20:3–6; บัทธิว 6:24; 22:36–38; โคโลสี 3:1–5; 2 นีไฟ 9:30, 37; ค.พ. 133:14