คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 16: วันแซบัธ—วันปีติยินดี


บทที่ 16

วันแซบัธ—วันปีติยินดี

วันแซบัธเป็นวันสำหรับการนมัสการด้วยความยินดีและกระตือรือร้น

จากชีวิตบองสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

ขณะที่ประธานสเป็ีนเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์ เดินทางไปทั่วศาสนาจักร ท่านพอใจที่เห็นสิทธิชนยกย่องวันแซบัธ ท่านเล่าถึงการพบชายสองคนที่ได้รับ พรจากความพยายามของพวกเขาในการรักษาวันแซบัธให้คักดิ์ึ๋สิทธิ์

“เมื่อไม่นานมานี้ ที่สเตคแห่งหนึ่งข้าพเจ้าสัมภาษณ์ชายคนหนึ่งเพื่อรับตำ แหน่งสำคัญในการจัดสเตคใหม่ ข้าพเจ้าพูดกับเขาว่า ‘คุณมีอาชีพอะไรครับ’ เขาตอบว่า ‘ผมเป็นเจ้าของปั๊มนํ้ามันครับ’ และข้าพเจ้าถามว่า ‘คุณเปิดปั๊มใน วันแซบัธหรือเปล่าครับ’ คำตอบของเขาคือ ‘ไม่ครับ ผมไม่เปิด’ ‘แล้วกิจการอยู่ ได้อย่างไรล่ะ ดูเหมือนเจ้าของปั๊มนํ้ามันเกือบทุกคนจะคิดว่าพวกเขาต้องเปิดใน วันแซบัธ’ ‘กิจการของผมดำเนินไปได้ด้วยดีครับ’ เขากล่าว ‘พระเจ้าทรงเมตตา ผม’ ‘คณไม่มีคู่แข่งรายใหญ่เหรอครับ’ ข้าพเจ้าถาม ‘มีครับ’ เขาตอบ ‘ฝั่งตรง ข้ามมีปั๊มหนึ่งที่เปิดวันแซบัธทั้งวัน’ ‘แล้วคุณไม่เคยเปิด’ ข้าพเจ้าถาม ‘ไม่เคย ครับ’ เขาตอบ ‘และผมขอบพระทัยพระเจ้าที่ทรงเมตตาช่วยให้ผมมีเพียงพอ ต่อความต้องการ’

“ข้าพเจ้าอยู่ที่อีกสเตคซึ่งเป็นโปรแกรมจัดสเตคใหม่ด้วย สมาชิกชายอีกคน ได้รับพิจารณาสำหรับตำแหน่งสูงสุดตำแหน่งหนึ่ง และเมื่อข้าพเจ้าถามเขาเกี่ยว คับอาชีพการงาน เขาบอกว่าเขาเป็นเจ้าของร้านขายของชำ ‘ร้านส่วนใหญ่จะ เปิดวันแซบัธ ร้านของคุณเปิดไหม’ ‘เราปิดร้านวันแซบัธครับ’ เขากล่าว ‘แล้ว คุณแข่งขันกับคนที่เปิดร้านสัปดาห์ละเจ็ดวันได้อย่างไร’ ‘เราแข่งกับเขา อย่าง น้อยร้านเราก็ขายได้ดี’ เขาตอบ ‘แต่วันแซบัธเป็นวันที่ฃายดีที่สุดไม่ใช่หรือ’ ‘ครับ’ เขาตอบ ‘เราอาจจะขายได้มากเป็นสองเท่าในวันแซบัธเมื่อเทียบคับยอด ขายในวันธรรมดา แต่เราก็อยู่ได้โดยไม่ต้องทำเช่นนั้น พระเจ้าทรงมีพระเมตตา พระองค์ทรงมีพระกรุณา พระองค์ทรงดีต่อเรา’ … และ ข้าพเจ้าอดพูดไม่ได้ว่า ‘ขอพระผู้เป็นเจ้าอวยพรท่าน พี่น้องผู้ซื่อสัตย์ของผม พระเจ้าจะไม่ทรงเมินเฉย ต่อสิ่งที่เป็นการเสียสละเหล่านี้ เงินของท่านสะอาด เงินนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อ ท่านในการค้นหาหนทางเข้าสุ่อาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า’ ”1

ประธานคิมบัลล์มองว่าวันแซบัธเป็นวันสำหรับการนมัสการด้วยความยินดี และความกระดือรือร้น—เป็นเวลาละทิ้งเรื่องทางโลกไว้เบื้องหลังและเติมวัน นั้นด้วยกิจกรรมที่ชอบธรรม ท่านอ้างพระคัมภีร์เพื่อส่งเสริมให้สิทธิชนทำวัน แซมัธให้เป็น “วันปีติยินดี” และเริ่มต้นวันด้วย “ใจและสีหน้ารื่นเริง” (อิสยาห์ 58:13; ค.พ. 59:15)2

คำสอนของสเป็ีนเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

พระเจ้าทรงบัญชาผู้คนของพระองค์อยู่เสมอให้เคารพวันแซบัธ

โมเสสลงมาจากภูเขาซีนายที่สั่นไหว ปกคลุมไปด้วยหมอกควันและนำพระ บัญญัติสิบประการมาให้ลูกหลานพเนจรของอิสราเอล พระบัญญัติดังกล่าวเป็น กฎพื้นฐานในการดำเนินชีวิต อย่างไรก็ตามพระบัญญัติเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ เป็นที่รู้จักนับแต่สมัยแอดัมและลูกหลานของเขา ผู้ได้รับบัญชาให้รักษาพระ บัญญัติเหล่านี้นับแต่กาลเริ่มต้น และพระเจ้าตรัสยํ้าก้บโมเสสเท่านั้น พระมัญ ญัติมีมาก่อนชีวิตบนแผ่นดินโลกและเป็นส่วนหนึ่งของการทดสอบมรรต้ยซึ่ง สถาปนาไว้ในสภาสวรรค์

พระบัญญัติข้อแรกของพระบัญญัติสิบประการเรียกร้องให้มนุษย์นมัสการ พระเจ้า ข้อสิ่ระบุว่าวันแซบัธเป็นวันพิเศษเพื่อการนมัสการ

“อย่ามีพระเจ้าอื่นใดนอกเหนือจากเรา […]

“จงระลึกถึงวันสะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธี์

“จงทำการงานทั้งสิ้นของเจ้าหกวัน

“แต่วันที่เจ็ดนั้นเป็นสะบาโตของพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการงาน ใดๆ ไม่ว่าเจ้าเอง หรือบุตรชายบุตรหญิงของเจ้า หรือทาสทาสีของเจ้า หรือสัตว์ ใข้งานของเจ้า หรือแขกที่อาศัยอยู่ในประตูเมืองของเจ้า

“เพราะในหกวันพระเจ้าทรงสร้างฟ้าและแผ่นดิน ทะเล และสรรพสิ่งซึ่งมี อยู่ในที่เหล่านั้น แต่ในวันที่เจ็ดทรงพัก เพราะฉะนั้นพระเจ้าทรงอวยพระพรวัน สะบาโต และทรงตั้งวันนั้นไว้เป็นวันบริสุทธี์” (อพยพ 20:3, 8–11)

สำหรับหลายคนการไม่รักษาวันแซบัธถือเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับพระ บิดาบนสวรรค์ของเราถือเป็นการไม่เชื่อฝังพระบัญญ้ติสำคัญข้อหนึ่ง นี่คือหลัก ฐานสำคัญที่แสดงถึงความล้มเหลวของคนในการทดสอบส่วนตัวที่จัดไว้ให้เรา แต่ละคนก่อนการสร้างโลก “เพื่อดูว่าเขาจะทำสิ่งทั้งหมดอะไรก็ตามที่พระเจ้า พระผู้เป็นเจ้าของเขาจะบัญชาเขาหรือไม่” (เอบราแฮม 3:25)

พระบัญชาที่เคร่งครัดมาพร้อมกับเสืยงฟ้าร้องบนภูเขาซีนายว่า “จงระลึกถึง วันสะบาโต ถือเป็นวันมริสุทธิ์” พระบัญญ้ติข้อนั้นไม่เคยมีการยกเลิกหรือแก้ไข แต่กลับเน้นหนักในยุคป้จอุบัน

“แต่จำไว้ว่าในวันนี้วันของพระเจ้า เจ้าจงถวายเครื่องสักการะของเจ้า และ ศีลระลึกของเจ้าแค่พระผู้สูงสุด สารภาพบาปกับพื่น้องของเจ้าและต่อพระพักตร์ พระเจ้า

“และในวันนี้ เจ้าจะไม่ทำสิ่งใดอื่นเพียงให้อาหารของเจ้ามีเตรียมไว้ด้วยใจมุ่ง อย่างเดียว … เพื่อความสุขของเจ้าจะเต็มเปี่ยม” (ค.พ. 59:12–13)3

วันแซบัธไม่ใช่วันทำธุรกิจหรือนันทนาการ

ข้าพเจ้า… กระตุ้นให้สิทธิชนทุกหนแห่งรักษาวันแซบัธอย่างเคร่งครัดขึ้น วันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าสูญเสียความหมายอันศักดิ์สิทธี์ไปทั่วโลก… มนุษย์ ทำลายจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์ของวันแซบัธมากขึ้นทุกทีเพื่อแสวงหาความรํ่า รวย ความเพลิดเพลิน กิจกรรมนันทนาการ และการนมัสการพระเจ้าเทียมที่ เป็นวัตถุ เรากระตุ้นให้สิทธิชนทุกคนและคนที่เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้าทุกหนแห่ง รักษาวันแซบัธและทำให้วันนี้เป็นวันศักดิ์สิทธิ์ต่อไป ธุรกิจจะดำเนินการไม่ได้ ถ้าพวกเขาไม่ไปอุดหนุนในวันศักดิ์สิทธิ์นั้น เรื่องนี้เป็นความจริงเช่นเดียวกับ บ้านพักตากอากาศ การแข่งขันกีฬา และสถานที่นันทนาการทุกประเภท ดู เหมือนว่าการแสวงหาเงินจะชนะพระบัญญ้ติของพระเจ้า “จงรักษาสะบาโตทั้ง หลายของเรา และเคารพต่อสถานนมัสการของเรา” (เลวีนิติ 19:30)4

เราสังเกตว่าโลกชาวคริสต์ของเราในหลายๆ แห่งยังมีองค์กรธุรกิจเปิดทำการ ในวันแซบัธอันศักดิ์สิทธิ์ เราแน่ใจว่าวิธีการแก้ไขสิ่งนี้อยู่ที่ตัวเราเอง ซึ่งเป็นผู้ ซื้อ แน่นอนว่าธุรกิจห้างร้านจะไม่เปิดฺถ้าเราไม่เป็นผู้ไปซื้อของจากพวกเขา ทุก ท่านจะพิจารณาเรื่องนี้ไหม นําเรื่องนี้ไปที่การสังสรรค์ในครอบครัวและสนทนา กับลูกๆ ของท่าน จะดีมากถ้าทุกครอบครัวตกลงกันว่าต่อไปนี้จะไม่มีการซื้อ ของในวันแซบัธ5

เรากลายเป็ืนคนส่วนใหญ่ในโลกที่ละเมิดวันแซบัธ ในวันแซบัธมีเรือเต็ม ทะเลสาบ ชายหาดแน่นขนัด โรงละครมีคนเข้าชมมากที่สุด สนามกอล์ฟ เกลื่อนไปด้วยผู้เล่น วันแซบัธกลายเป็นวันแข่งขันขี่ม้า วันประชุม วันปีคนิค กับครอบครัว กระทั่งฟุตบอลก็แข่งขันในวันอาทิตย์ “เปิดทำการตามปกติ” กลายเป็นคำขวัญสำหรับหลายร้าน และวันศักดิ์สิทธี์ของเรากลายเป็นวันหยุด เพราะผู้คนจำนวนมากปฎินัติต่อวันแซบัธเหมือนวันหยุด จึงมีคนมากมายออก มาตอบสนองความต้องการของคนรักสนุกและผู้หวังกอบโกย …

การล่าสัตว์และตกปลาในวันของพระเจ้าถือว่าไม่ได้รักษาวันนั้นให้ศักดิ์สิทธิ์ การเพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยวพืชผลในวันแซบัธถือว่าไม่ได้รักษาความศักดิ์สิทธิ์ ในวันของพระเจ้า การไปปิคนิคที่หุบเขา ไปดูการแข่งขันกีฬา การแข่งขันขี่ม้า การแข่งรถ การแสดง หรือสิ่งบันเทิงอื่นๆ ในวันนั้นถือว่าไม่ระลึกว่าวันนั้นเป็น วันศักดี้สิทธี์

อาจจะดูแปลกที่สิทธิชนยุคสุดท้ายบางคนซื่อสัตย์ในทุกด้าน เข้าข้างตัวเอง เมื่อขาดการประชุมที่โบสถ์บางครั้งเพื่อจุดประสงค์ด้านนันทนาการ โดยรู้สึกว่า เขาจะพลาดการตกปลาในช่วงเวลาซึ่งดีที่สุดถ้าเขาไม่ได้ไปอยู่ที่ลำนํ้าในวันที่เปิด ฤดูกาลตกปลา หรือการไปตากอากาศจะไม่นานพอถ้าเขาไม่เริ่มต้นเดินทางใน วันอาทิตย์ หรือเขาจะพลาดภาพยนตร์ที่เขาอยากดูถ้าเขาไม่ไปดูในวันแซบัธ และการละเมิดวันแซบัธของพวกเขามักจะพาครอบครัวไปด้วย …

ไม่มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ใดเกี่ยวกับความฤูกตัองทางกฎหมายด้านนันทนาการ —กีฬา ปิคนิค ละครเวที และภาพยนตร์ ทุกอย่างมีศักยภาพในการสร้างความ ชื่นบานให้ชีวิต และศาสนาจักรซึ่งเป็นองค์กรได้อุปถัมภ์กิจกรรมเช่นนี้อย่างเต็ม ที่ แต่ต้องเป็นเวลาและสถานที่ซึ่งเหมาะสมสำหรับทุกสิ่งอันทรงคุณค่า—เวลา ทำงาน เวลาเล่น เวลานมัสการ …

เป็นความจริงที่ว่าบางคนต้องทำงานในวันอาทิตย์ และอันที่จริงงานอาชีพบาง อย่างก็มีความจำเป็นจริงๆ—เช่นการดูแลคนป่วย—อาจต้องทำงานในวันแซบัธ อันศักดิ์สิทธี์ อย่างไรก็ตามกิจกรรมเช่นนี้เหตุจูงใจของเราเป็นสิ่งสำคัญที่สุดใน การพิจารณา6

บางครั้งการถือปฏิบัติวันแซบัธเป็นการบอกถึงการเสืยสละและการปฏิเสธ ตนเอง แต่บางครั้งก็ไม่ใช่ สิ่งนี้เป็นเพียงการจัดเวลาและการเลือกสิ่งที่เราจะทำ มีเวลาเพียงพอโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมัยของเราในประวัติศาสตร์โลก ระหว่างหก วันในสัปดาห์ซึ่งเราทำงานและเล่น เราสามารถทำหลายสิ่งหลายอย่างให้ลุล่วง เพื่อจัดและส่งเสริมกิจกรรมระหว่างสัปดาห์โดยหลีกเลี่ยงวันแซวัธ7

วันแซบัธเป็นวันที่เราได้รับการสร้างเสริมทางวิญญาณ ผ่านการนมัสการและการกระทำที่มีค่าควร

วันแซมัธเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ในการทำสิ่งที่มีค่าควรและศักดิ์สิทธิ์ การบังคับใจ ตนเองไม่ให้ทำงานและทำกิจกรรมนันทนาการเป็นสิ่งที่สำคัญแต่ยังไม่พอ วัน แซมัธเรียกร้องความคิดและการกระทำที่สร้างสรรค์ ถ้าใครพักผ่อนโดยไม่ทำ อะไรเลยในวันแซมัธ เท่ากับเขาไม่รักษาวันแซบัธ การถือปฏิบัติในวันแซมัธ คือการคุกเข่าสวดอ้อนวอน เตรียมบทเรียน ศึกษาพระคัมภีร์ ตรึกตรอง เยี่ยม คนป่วยและคนทุกข์ยาก เขียนจดหมายถึงผู้สอนศาสนา นอนหลับพักผ่อนพอ ประมาณ อ่านหนังสือที่ดี และเข้าการประชุมที่จัดไว้สำหรับเราในวันนั้นทุกการ ประชุม8

ใข้เวลา [ในวันแซบัธ] อยู่ด้วยกันเป็นครอบครัวเพื่อพูดคุยกัน เพื่อศึกษา พระคัมภีร์ เพื่อเยี่ยมเยียนมิตรสหาย ญาติ คนป่วย และคนที่ต้องการกำลังใจ นี่เป็นโอกาสพิเศษในการเขียนบันทึกส่วนตัวและทำลำดับการสืบเชื้อสาย9

ในภาษาฮีบรูคำว่า แซบัธ หมายถึง “พักผ่อน” คำนี้ทำให้นึกถึงความเงียบ สงบ สันติสุขในใจและวิญญาณ เป็นวันที่จะขจัดเรื่องราวของความเห็นแก่ตัว และกิจกรรมที่ต้องทุ่มเทความสนใจ

วันแซบัธประทานให้มนุษย์ทุกรุ่นเพื่อเป็นพันธสัญญาที่ต่อเนื่อง [ดู อพยพ 31:16] เป็นสัญลักษณ์ระหว่างพระเจ้ากับลูกๆ ของพระองค์ตลอดไป [ดู อพยพ 31:17] เป็นวันนมัสการ แสดงความขอบพระทัยและแสดงความกตัญญต่อพระ เจ้า เป็นวันที่ละทิ้งจากความสนใจทางโลกทุกอย่างและสรรเสริญพระเจ้าอย่าง นอบน้อมถ่อมตน เพราะความนอบน้อมถ่อมตนคือจุดเริ่มต้นของความสูงส่ง เป็นวันที่ไม่มีความทุกข์ทรมานหรือภาระหนักแต่เพื่อการพักผ่อนและความรื่น เริงอันชอบธรรม ไม่ใช่วันแห่งการจัดเลี้ยงฟุ่มเพืเอยแต่เป็นวันแห่งมื้ออาหารอัน เรียบง่ายและงานเลี้ยงทางวิญญาณ… เป็นวันสวยงามที่พระบิดาบนสวรรค์ประ ทานให้เรา เป็นวันที่สัตว์ถูกปล่อยให้อยู่ในทุ่งหญ้าและพักผ่อน เก็บคันไถไว้ ในยุ้งและพักเครื่องจักรอื่นๆ เป็นวันที่นายจ้างกับลูกจ้าง เจ้านายกับคนรับใช้จะ เป็นอิสระจากการไถ ชุด ตรากดรำ เป็นวันที่สำนักงานปิดประตูใส่กลอน เลื่อน ธุรกิจออกไป และลืมความยุ่งยาก เป็นวันที่มนุษย์ไค้รับการปลดชั่วคราวจากคำ สั่งแรก “เจ้าต้องหากินด้วยเหงื่ออาบหน้าจนเจ้ากลับเป็นดินไป…” (ปฐมกาล 3:19) เป็นวันที่ร่างกายไค้พักผ่อน จิตไจไค้ผ่อนคลาย วิญญาณไค้เติบโต เป็นวันที่ร้องเพลง สวดอ้อนวอน ฟ้งโอวาท และแสดงประจักษ์พยาน และ เป็นเวลาที่มนุษย์อาจไต่ขึ้นสูง เกือบเหนือกาลเวลา ช่องว่าง และระยะทาง ระหว่างเขากับพระผู้สร้างของเขา

“แซบัธเป็นวันของการประเมิน—เพื่อวิเคราะห์ความอ่อนแอของเรา เพื่อ สารภาพบาปของเรากับมิตรสหายและกับพระเจ้าของเรา วันแซบัธเป็นวันที่เรา อดอาหารโดย ‘นุ่งห่มผ้ากระสอบและนั่งบนขื้เฤ้า’ แซบัธเป็นวันของการอ่าน หนังสือดีๆ วันแห่งการครุ่นกิดไตร่ตรอง เป็นวันศึกษาบทเรียนสำหรับฐานะปุโรหิตและองค์การช่วย เป็นวันที่ศึกษาพระคัมภีร์และเตรียมคำผูด เป็นวันแห่งการ นอนหลับพักผ่อนและผ่อนคลาย เป็นวันเยี่ยมผู้ป่วข เป็นวันสั่งสอนพระกิฅดิ คุณ วันเผยแผ่ศาสนา วันพูดคุยกับครอบครัวอย่างเงียบๆ และสร้างความสนิท สนมกับลูกๆ ของเรา วันที่จะไค้อยู่กันคนรักอย่างเหมาะสม วันแห่งการทำความ ดี วันที่ดื่มจากแหล่งนํ้าแห่งความรู้และคำแนะนำ เป็นวันที่แสวงหาการยกโทษ บาปของเรา วันที่สร้างเสริมวิญญาณและจิตวิญญาณของเรา วันที่พื้นฟูเราไปสู่ ความสำเร็จทางวิญญาณ วันที่รับส่วนสัญลักษณ์ของการเสียสละและการชคใช้ [ของพระเจ้า] วันที่พิจารณาถึงความรุ่งโรจน์ของพระกิตติคุณและอาณาจักรอัน เป็นนิรันดร์ วันที่ปีนขึ้นสู่ความสูงส่งบนเสันทางที่มุ่งไปหาพระบิดาบนสวรรค์ ของเรา”10

เราหวังว่า … ไม่ว่าก่อนหรือหลังการประชุมที่ต่อเนื่องอันในวันอาทิตย์ ซึ่ง ขึ้นอยู่อับตารางการประชุมเฉพาะของท่าน ท่านจะทำสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรง ขอให้สานุศิษย์ชาวนีไฟทำหลังจากที่พระองค์ทรงสอนพวกเขา พระองค์ทรงขอ ให้พวกเขาไปที่บ้าน ไตร่ตรองพร้อมกับสวดอ้อนวอนถึงสิ่งที่พระองค์ตรัส (ดู 3 นีไฟ 17:3) ขอให้เราระลึกถึงแบบแผนนั้นไว้11

วันแซบัธที่เพียบพร้อมและลโมบูรณ์รวมถึงการ เข้าประชุมของศาสนาจักรและรับส่วนศีลระลึก

ดูเหมือนว่าแนวคิดของพระเจ้าเกี่ยวกับวันแซบัธที่เพียบพร้อมและสมบูรณ์ คือการนมัสการ การเรียนรู้เกี่ยวกับพระองค์ และการรับส่วนคืลระลึกของพระ องค์ พระองค์ทรงประสงค์ให้เราเติมวันให้เต็มด้วยกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทาง วิญญาณ พระองค์ทรงประสงค์ไห้เราทำสิ่งเหล่านี้ด้วยการน้อมขอบพระทัยด้วย ใจและสืหน้ารื่นเริง มิใช่ด้วยการหัวเราะมาก พระองค์ทรงประสงค์ให้ผู้ชายและ เด็กหนุ่มของเราเข้าการประชุมฐานะปุโรหิตของพวกเขาโดยได้เตรียมบทเรียน ของพวกเขาและมีจิตใจเบิกบาน พระองค์ทรงประสงค์ให้ผู้คนของพระองค์เช้า ชั้นเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์และเรียนเกี่ยวกับแผนแห่งความรอดของพระองค์ที่ นั่น พระองค์ทรงประสงค์ให้ผู้คนของพระองค์เข้าประชุมศีลระลึกเพื่อร้องเพลง กับสิทธิชนและเพื่อสวดอ้อนวอนด้วยวิญญาณกับผู้สวดอ้อนวอน และรับส่วน เครื่องหมายของศีลระลึก กล่าวคำปฏิญาณอีกครั้งว่าจะจงรักภักดีทุกอย่าง ยิน ยอมอย่างไม่มีเงื่อนไข ทำงานอย่างแน่วแน่ เพื่อเป็นการระลึกถึงพระองค์ตลอด เวลา12

ใครควรเข้าร่วมการประชุมศีลระลึก พระบัญญัติที่พูดผ่านศาสดาถึง “คนที่ เท้าของเขาอยู่บนแผ่นดินไซอัน” นั่นคือสมาชิกศาสนาจักรของพระองค์ [ดู ค.พ. 59:3,9] ช้อเรียกร้องไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้นแต่รวมถึงเยาวชนและ คนสูงอายุด้วย … บิดามารดาสามารถทำอะไรได้ดีกว่านี้เพื่อช่วยครอบครัวไม่ ว่าเล็กหรือใหญ่ให้แข็งแกร่งเพื่อไปอาคารประชุมและเข้าการประชุมศีลระลึก พร้อมกัน ที่นั่นลูกจะเรียนรู้นิสัยเข้าร่วมประชุมเป็นประจำ จะช่วยป้องกันไม่ให้ ละเมิดวันแซบัธ ถึงแม้อายุน้อยแต่พวกเขาก็จะซึมซับคำสอน ประจักษ์พยาน และพระวิญญาณที่อยู่ที่นั่น ผู้นำสเตค ผู้นำวอร์ด และผู้นำโควรัมควรเป็นแบบ อย่างให้กับผู้คนในเรื่องนี้13

สมัยที่ข้าพเจ้ายังเด็ก ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่จะไปร่วมการประชุมศีลระลึกจนเป็น นิสัย คุณแม่พาข้าพเจ้าไปกับท่านเสมอ ในยามบ่ายที่อบอุ่น ไม่นานมักข้าพเจ้า ก็สลึมสลือและนอนหนุนตักของคุณแม่ ข้าพเจ้าอาจเรียนรู้จากคำเทศนาไม่มาก นัก แต่ข้าพเจ้าเรียนรู้นิสัย “ไปประชุม” นิสัยนี้ติดตัวข้าพเจ้าไปจนตลอดชีวิต14

ไม่มีเด็กเล็กๆ คนใดจะตั้งใจไปรับแสงแดดโดยไม่รู้ตัวว่าแสงนั้นนำพลังมาสู่ ร่างกายน้อยๆ ของเขา ไม่มีเด็กคนใดรู้ถึงคุณค่าของนํ้านมแม่หรืออาหารที่เปิด จากกระป๋องซึ่งให้คุณค่าทางโภชนาการแก่เขา แต่นั่นก็คือที่มาของความแข็ง แกร่งและพลังในการเติบโตและเป็นผู้ใหญ่ในที่สุด

โดยที่ไม่ได้คาดการณ์ล่วงหน้า เด็กทุกคนสามารถซึมซับได้อย่างมากจากการ ประชุมศีลระลึก พวกเขาจะซึมซับบางอย่างตลอดเวลา15

จะไม่เป็นการเสียเวลาและเสียแรงอย่างมากหรือถ้าทุกเช้าวันอาทิตย์เราต้อง หยุดชะงักและพูดว่า “ฉันจะไปประชุมฐานะปุโรหิตดีหรือไม่ ฉันจะไปประชุม ศีลระลึกวันนี้ดีหรือไม่ ฉันจะไปดีหรือไม่” ช่างเสียแรงเปล่าจริงๆ … จงตัดสิน ใจให้เด็ดขาดเพียงครั้งเดียว16

เพื่อนคนหนึ่งของข้าพเจ้าอยู่ม้านทุกวันแซมัธและแก้ตัวโดยพูดว่าเขาได้ประ โยชน์จากการอ่านหนังสือดีๆ มากกว่าการไปเข้าร่วมประชุมศีลระลึกและการฟัง เทศน์ที่น่าเบื่อ แต่ม้านถึงจะศักดิ์สิทธี์อย่างที่เป็นแต่ก็ไม่ใช่ม้านแห่งการสวด อ้อนวอน ที่ม้านไม่มีการปฏิบัติศีลระลึก ที่ม้านไม่มีการผูกมิตรกับสมาชิก หรือไม่มีการสารภาพบาปกับเจ้าหน้าที่ ภูเขาอาจมีความหมายเป็นพระวิหารของ พระผู้เป็นเจ้า และป่าไม้ ลำธารคืองานฟีพระหัตถ์ของพระองค์ แต่ในอาคาร ประชุมหรือม้านแห่งการสวดอ้อนวอนเท่านั้น ที่สามารถทำให้ข้อเรียกร้องของ พระเจ้ามีสัมฤทธิผล พระองค์จึงทรงยํ้ากับเราว่า “เป็นการสมควรที่ศาสนาจักร จะพบกันบ่อยๆ เพื่อรับส่วนขนมป้งและนํ้าองุ่นในความระลึกถึงพระเจ้าพระ เยซู” [ค.พ. 20:75]17

เราไม่ได้ไปการประชุมในวันแซบัธเพื่อได้รับความเพลิดเพลินหรือกระทั่งได้ รับการสั่งสอนแต่เพียงอย่างเดียว เราไปเพื่อนมัสการพระเจ้า นี่คือความรับผิด ชอบส่วนตัว โดยไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่พูดจากแท่นพูด ถ้าคนเราปรารถนาจะ นมัสการพระเจ้าด้วยวิญญาณและความจริง เขาจะต้องทำโดยการเข้าร่วมการ ประชุมของเขา รับส่วนคืลระลึก และครุ่นคิดถึงความงดงามของพระกิตติคุณ ฤ้าพิธีศีลระลึกเป็นความล้มเหลวสำหรับท่าน ท่านก็ได้ล้มเหลวแล้ว และไม่มี ใครจะนมัสการแทนท่านได้ ท่านต้องรอคอยพระเจ้าด้วยตนเอง18

พระเจ้าทรงมีพรสัญญาไว้แก่คนทั้งหลายผู้รักษาวันแซบัธด้วย

จุดประสงค์ของพระบัญญัติ [การรักษาวันแซมัธให้ศักดิ์สิทธี์] ไม่ได้ถอดถอน มนุษย์จากบางสิ่งบางอย่าง พระบัญญัติทุกข้อที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ผู้รับไข้ ของพระองค์ก็เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้รับและเชื่อฟ้งพระบัญญัตินั้น มนุษย์เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติตามอย่างรอบคอบและเคร่งครัด มนุษย์ จะเป็นผู้ทุกข์ทรมานจากการละเมิดกฎของพระผู้เป็นเจ้า …

จากการเดินทาง ข้าพเจ้าพบผู้คนที่ชื่อสัตย์ซึ่งละเว้นจากการแสวงหากำไรใน วันแซบัธและการส่งของต้องห้าม ข้าพเจ้าพบกับคนเลี้ยงสัตว์เพื่อการค้าไม่ได้ ต้อนสัตว์ไปขายในวันแซบัธ แผงขายผลไมัที่ตั้งอยู่ข้างถนนปกติจะเปิดขายทั้ง วันทั้งคืนตลอดหน้าผลไม้จะปิดในวันแซบัธ ร้านขายยา ร้านอาหาร และแผง ขายของข้างทางปิดในวันของพระเจ้า—เจ้าของร้านดูเหมือนจะมีรายได้พอเพียง ในเวลาเดียวกันก็มีความพึงพอใจอย่างแท้จริงจากการปฏิบัติตามกฎ ทุกครั้งที่ ข้าพเจ้าเห็นคนดีละเว้นจากการหารายได้ด้วยวิธีนี้ ข้าพเจ้ายินดีและอวยพรให้ พวกเขาในใจสำหรับศรัทธาและความแน่วแน่ของพวกเขา19

ข้าพเจ้ารู้ว่าในที่สุดมนุษย์จะไม่มีวันทุกข์ทรมานจากสิ่งใดที่ดูเหมือนว่าเป็น การเสืยสละทางการเงินซึ่งอาจทำเพราะ [พระผู้เป็นเจ้า] ทรงบัญชาให้เราดำเนิน ชีวิตตามกฎของพระองค์ จากนั้นทรงท้าทายเรา

“… จงลองดูเราในเรื่องนี้ดูทีหรือว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรด์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่” (มาลาคื 3:10)20

ด้วยความเคารพพระบัญญัติข้อนี้ ท่ามกลางบัญญัติอื่นๆ ขอให้เราทำตาม ศาสดาโยชูวา “เหตุฉะนั้น จงยำเกรงพระเจ้าและปรนนิบัติพระองค์ด้วยความ จริงใจ และด้วยความชื่อสัตย์ … จงเลือกเสียในวันนี้ว่าท่านจะปรนนิบัติผู้ใด … แต่ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้า เราจะปรนนิบัติพระเจ้า” (โยชวา 24:14–15)

จากนั้นเราสามารถหวังพรที่สัญญาไว้สำหรับลูกหลานของอิสราเอล “เจ้าจง ถือรักษาสะบาโตทั้งหลายของเราและคารวะต่อสถานศักดิ์สิทธิ์ของเรา เราคือ พระเจ้า

“ถ้าเจ้าทั้งหลายดำเนินตามกฎเกณฑ์ของเรา และรักษาบัญญัติของเรา และ กระทำตาม

“เราจะประทานฝนตามฤดูแก่เจ้า และแผ่นดินจะเกิดพืชผลและต้นไม้ในทุ่ง จะบังเกิดผล

“และเวลานวดข้าวจะเนิ่นนานถึงฤดูเก็บผลองุ่น และฤดูเก็บผลองุ่นจะเนิ่น นานไปถึงฤดูหว่าน และเจ้าจะรับประทานอาหารอย่างอิ่มหนำ และอยู่ในแผ่น ดินของเจ้าอย่างปลอดภัย

“เราจะให้ศานติภาพในแผ่นดิน เจ้าทั้งหลายจะนอนลง และไม่มีผู้ใดที่จะ ทำให้เจ้ากลัว” (เลวีนิติ 26:2–6)21

ถ้าเรารักพระเจ้า เราจะรักษาวันแซบัธและทำให้วันนี้ศักดิ์ิสิทธิ์

เหตุผลอันชัดเจนที่หลายคนไม่สามารถรักษาวันแซบัธไค้ก็เนิ่องจากวันแซบัธ ยังจารึกไว้บนแท่งศิลามากกว่าจะจารึกไว้ในใจของพวกเขา …

… ในสมัยของเราดูเหมือนว่า [พระเจ้า] ทรงตระหน้กในเชาวน์ปัญญาของ ผู้คนของพระองค์และทรงคาดหวังว่าพวกเขาจะเข้าถึงวิญญาณของการนมัสการ และการรักษาวันแซมัธเมื่อพระองค์ตรัสว่า

“เจ้าจงถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเจ้าในความชอบธรรม แม้ เครื่องบูชาอันเป็นใจที่ชอกชํ้า และวิญญาณที่สำนึกผิด” (ค.พ. 59:8)

… พระองค์ประทานพระบ้ญญ้ติข้อใหญ่และข้อต้นแก่เรา

“จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตของเจ้า และด้วยสิ้นสุด ความคิดของเจ้า” (มัทธิว 22:37)

นับเป็นเรื่องที่นึกฺไม่ถึงว่าคนที่รักพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตและด้วยสิ้นสุดความ คิด ผู้มีใจที่ชอกชํ้าและวิญญาณที่สำนึกผิดซึ่งจดจำของประทานที่ไม่จำกัดซึ่ง พระเจ้าประทานให้เขาจะล้มเหลวในการใซ้หนึ่งวันในเจ็ดวันเพื่อแสดงความ กตัญญและความขอบคุณ และนำงานดีของพระเจ้าออกไป การรักษาวันแซบัธ คือตัวบ่งชี้ถึงระดับความรักของเราที่มีต่อพระบิดาบนสวรรค์”22

ผู้คนมักจะสงสัยว่าขอบเขตอยู่ที่ไหน สิ่งใดเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมที่จะ ทำในวันแซมัธ แต่ภ้าเขารักพระเจ้าด้วยสุดใจ ความสามารถ ความคิด และ กำลัง ฤ้าเขาสามารถกำจัดความเห็นแก่ตัวและควบคุมความปรารถนา ฤ้าเขา สามารถวัดกิจกรรมแต่ละอย่างในวันแซบ้ธโดยไม้วัดของความเต็มใจนมัสการ ฤ้าเขาซื่อตรงกับพระเจ้าและกับตัวเขาเอง ฤ้าใครก็ตามถวาย “ใจที่ชอกชํ้าและ วิญญาณที่สำนึกผิด” เขาคนนั้นก็ไม่น่าจะละเมิดวันแซมัธในชีวิตของเขาเลย23

ข้อเสนอแนะสำหรับคึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ–ⅸ

  • ทบทวนหน้า 180–181 นึกถึงความสำคัญที่พระเจ้าประทานแก่วันแซบัธ และเหตุใดวันแซบัธจึงแตกด่างจากวันอื่นๆ ของสัปดาห์ อะไรทำให้วันแซบัธเป็น “วันปีติยินดี”

  • ทบทวนหน้า 181–183 ค้นหาสิ่งที่เราไม่ควรทำในวันแซมัธ เหตุใดกิจกรรม เหล่านี้จึงไม่เหมาะสมในวันแซมัธ ในหน้า 183–187 ประธานคิมมัลล์ยกตัว อย่างของ “กิจกรรมที่เป็นประโยชน์ทางวิญญาณ” สำหรับวันแซมัธ ท่าน และครอบครัวทำสิ่งใดบ้างเพื่อสร้างเสริมการรักษาวันแซมัธฃองท่าน

  • ประธานคิมบัลล์กล่าวว่า “เหตุจูงใจจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการพิจารณา” สำหรับผู้ที่ถูกเรียกร้องให้ทำงานในวันแซบัธ (หน้า 182) ผู้คนจะทำอะไรได้ บ้างเฟื่อรักษาวิญญาณของการนมัสการในวันแซบัธเมื่อพวกเขาถูกเรียกร้อง ให้ทำงาน

  • เราหมายความว่าอย่างไรเมื่อเราพูดว่าวันแซมัธเป็นวันสำหรับการพักผ่อน (ตัวอย่างบางเรื่อง ดูที่หน้า 183–185) เหตุใดการพักผ่อนอย่างเดียวโดยไม่ ทำอย่างอื่นในวันแซบัธจึงเป็นสิ่งผิด

  • ทบทวนจุดประสงค์ของการเข้าร่วมประชุมศาสนาจักรในหน้า 185–187 ท่านรู้สึกเปี่ยมไปด้วยความเคารพขณะนมัสการที่การประชุมศาสนาจักรเมื่อ ไรและเหตุใดจึงรู้สึกเช่นนั้น ท่านจะทำให้การเข้าประชุมศาสนาจักรและการ นมัสการมีความหมายมากขึ้นได้อย่างไร

  • ประธานคิมบัลล์เป็นพยานถึงพรที่เราได้รับเมื่อเรารักษาวันแซบัธให้ศักดิ์สิทธิ์ (หน้า 187–188) ดูเรื่องราวในหน้า 178–180 ด้วย พรใดที่ท่านได้รับขณะ ที่ท่านรักษาพระบัญญัตินี้

  • ที่การสังสรรค์ในครอบครัวหรือสภาครอบครัว พิจารณาดูว่าครอบครัวของ ท่านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยคันรักษาวันแซบัธให้ศักดิ์สิทธิ์

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: ปฐมกาล 2:1–3; มาระโก 2:23–28; 3:1–5; โมไชยา 13:16–19; ค.พ. 68:29

อ้างอิง

  1. ใน Conference Report ตุลาคม 1953 หน้า 55

  2. ดู “The Sabbath—A Delight” Ensign มกราคม 1978 หน้า 4–5

  3. Faith Precedes the Miracle (1972) หน้า 267–69

  4. ใน Conference Report ตุลาคม 1978 หน้า 5 หรือ Ensign พฤศจิกายน 1978 หน้า 5

  5. ใน Conference Report ตุลาคม 1975 หน้า 6 หรือ Ensign พฤศจิกายน 1975 หน้า 6

  6. Ensign มกราคม 1978 หน้า 2, 4, 5

  7. Ensign มกราคม 1978 หน้า 4

  8. Ensign มกราคม 1978 หน้า 4

  9. ใน Conference Report เมษายน 1981 หน้า 62 หรือ Ensign พฤษภาคม 1981 หน้า 45

  10. “The Fourth Commandment” ใน M Man–Gleaner Manual 1963–1964 (leader’s manual) หน้า 277–78

  11. ใน Conference Report เมษายน 1980 หน้า 5 หรือ Ensign พฤษภาคม 1980 หน้า 4

  12. “The Fourth Commandment” หน้า 279–80

  13. The Teachings of Spencer W. Kimball, ed. Edward L. Kimball (1982) หน้า 221

  14. ใน Conference Report ตุลาคม 1944 หน้า 43

  15. The Teachings of Spencer W. Kimball หน้า 517

  16. The Teachings of Spencer W. Kimball หน้า 517

  17. The Teachings of Spencer W. Kimball หน้า 220

  18. Ensign มกราคม 1978 หน้า 4–5

  19. Ensign มกราคม 1978 หน้า 4, 5

  20. ใน Conference Report ตุลาคม 1953 หน้า 56

  21. Ensign มกราคม 1978 หน้า 5

  22. “The Fourth Commandment” หน้า 275–76

  23. “The Fourth Commandment” หน้า 280

Sunday School

“เรียกสะบาโตอ่า อันปีติยินดี เเละเรียกอันบริสุทริ์บองพระเจ้าว่าวันมีเกียรดิ” (อิสยาห์ 58:13)

family entering Church

วันแชบัธ “เป็นวันนมัสการ แสองความบอบพระทัยและแสองความกตัญญูต่อพระเจ้า”

family

ประธานคิมบัอลล์สอนว่าวันแชบัธเป็นวัน “วันพูอคุยกับครอบครัวย่างเงียบๆ”