บทที 13
การเชื่อฟ้งเคิดจาก ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า
ศรัทธาในพระเจ้าจะช่วยให้เราดำเนินชีวิตตามพระบัญญ้ติ ด้วยความเต็มใจและใต้รับพรนับไม่ถ้วน
จากชีวิตของสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์
ใมเดือนมีนาคม ค.ศ. 1972 เมื่อสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์รักษาการ ประธานโควรัมอัครสาวกสิบสอง ท่านประสบปัญหาร้ายแรงที่หัวใจ ขณะนั้น แพทย์คนหนึ่งของท่านคือรัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันผู้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวก สิบสองในเวลาต่อมา เอ็ลเดอร์เนลสันเล่าว่า
“เมื่อหัวใจของประธานคิมบัลล์ล้มเหลวและท่านรู้สึกว่าความตายใกล้เข้ามา แล้ว ท่านจึงหารือกับผู้นำในศาสนาจักรซึ่งก็คือฝ่ายประธานสูงสุด และได้เชิญ ข้าพเจ้าอับดร. เออร์เนสต์ แอล. วิลคินสันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจที่ตั้งอก ตั้งใจท่างานมาให้ข้อมูลการรักษาตามคําฃอ
“ประธานคิมบัลล์หายใจถี่ด้วยความอ่อนเพลียและเริ่มพูด ‘ผมกำลังจะตาย ผมรู้สึกได้ว่าชีวิตกำลังจะจากไปอย่างเงียบๆ ตามอัตราความเสือมถอยในเวลานี้ ผมเชื่อว่าผมจะอยู่ได้อีกประมาณสองเดือนเท่านั้น ตอนนี้ผมอยากให้แพทย์ ประจำตัวผมแสดงความเห็น’
“จากนั้นดร. วิลคินสันก็ยืนยันความรู้สึกของประธานคิมบัลล์อีกครั้งโดยสรุป ว่าคงไม่มีทางหายและความตายจะเกิดขึ้นแน่นอนในอนาคตอันใกล้นี้
“ต่อจากนั้นประธานคิมบัลล์ก็ถามข้าพเจ้าในฐานะศัลยแพทย์ว่า ‘การผ่าดัด จะช่วยอะไรได้บ้าง’
“ข้าพเจ้าชี้แจงว่าการผ่าดัด ล้าต้องทำ จะประกอบด้วยสองส่วนคือหนึ่งจะ ต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก สอง ควรทำบายพาสให้แก่เสันเลือดหัวใจเสัน สำคัญที่อุดตัน
ประธานฮาโรลด์ บี. ลีแห่งฝ่ายประธานสูงสุดถามคำถามที่สำคัญยิ่งต่อจาก นั้นว่า ‘ขั้นตอนที่ว่าบีความเที่ยงตรงไหนบ้างครับ’
“ ‘ผมไม่ทราบครับ’ ข้าพเจ้าตอบ ‘ในผู้ชายวัยเจ็ดสิบเจ็ด การผ่าตัดไม่ว่าจะ ขั้นตอนไหนก็เที่ยงทั้งนั้น แด่การทำทั้งสองขั้นตอนใบ้คนที่หัวใจกำลังล้มเหลว นับว่ามีความเที่ยงสูงมากจนไม่แนะนำใบ้ผ่าตัดครับ … ’
“ขณะประธานคิมบัลล์ซึ่งอ่อนเพลียมากตอบรับว่า ‘ผมแก่แล้วครับและใกล้ ตายเต็มที’ ประธานลีตัดบท ท่านลุกขึ้นยืน เอากำปั้นทุบโต๊ะ และพูดด้วยพลัง แห่งการพยากรณ์ของท่านว่า ‘สเป็นเซอร์ คุณได้รับเรียกแล้ว คุณต้องไม่ตาย คุณต้องทําทุกที่งที่จ0าเปีนต้องท่าเพื่อดูแลตนเองและบีชีวิตต่อไป’
“ประธานคิมบัลล์ตอบว่า ‘ล้าอย่างนั้นผมก็ต้องผ่าตัด’
“ท่านรับการผ่าตัดอันซับซ้อนไม่ใช่เพราะแพทย์ที่ปรึกษาของท่านบีความ เห็นว่าน่าจะปลอดภัย แต่เพราะท่านเชื่อฟ้งคำแนะนำของพระเจ้า ซึ่งผ่านมา ทางผู้นำของศาสนาจักร-แบ้จะต้องเที่ยงก็ตาม
“ผลก็อย่างที่ทราบภันดี ท่านรอดชีวิตจากการผ่าตัดซึ่งสวนทางกับสุขภาพ ที่ทรุดโทรมของท่าน”1
ประธานคิมนัลล์สอนผ่านตัวอย่างและคำแนะนำที่ใบ้สิทธิชนว่าเราไต้รับพร เมื่อเราแสดงศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าโดยเชื่อฟังพระประสงค์ของพระองค์
คำสอนของสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์
ศรัทธาพื่แห้จริงกระตุ้นเราให้ท่าตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า
การใช้ศรัทธาคือการเต็มใจยอมรับโดยไม่ต้องพิสูจน์ คือการก้าวไปข้างหน้า และท่างาน “ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติตามก็ไร้ผล” [ยากอบ 2:26] และศรัทธาที่ตายแล้วจะไม่นำคนคนนั้นใบ้ก้าวไปข้างหน้าเพื่อปรับปรุงชีวิตหรือ รับใช้อย่างกล้าหาญ ศรัทธาที่แท้จริงผลักตันเขาใบ้ก้าวไปสู่การกระทำที่สร้าง สรรค์และมีประโยชน์ประหนึ่งว่าเขารู้แน่นอน2
คนคนหนึ่งอาจไต้ประโยชน์จากปาฏิหาริย์ในโลกทางกายภาพโดยปราศจาก ความรู้อันสมบูรณ์เกี่ยวกับหลักธรรมพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เขาอาจเปลี่ยนความ มืดเป็นความสว่างไต้โดยกดปุมและอ่านหนังสือในคืนอันมืดมิด เขาไม่จำเป็น ต้องผลิตกระแสไฟฟ้าได้ หรือมีความรู้เรื่องการเดินสายไฟในบ้าน แต่เขาด้องมี ศรัทธามากพอที่จะหาโคมไฟมาให้ได้และมีศรัทธาที่จะหนุนปุ่มเมีดมีด แล้วเมื่อ นั้นเขาจะไต้รับความสว่าง… เขาอาจปรับเครื่องรับวิทยุและฟังเพลงไพเราะ จากแดนไกลได้โดยไม่ต้องออกแบบสร้างวิทยุหรือเขาใจการทำงานของมันอย่าง ถ่องแห้ แต่พรจะไม่เป็นของเขาเลยเวนแต่เขาจะเชื่อมเครื่องรับเขากับแหล่ง พลังไฟฟ้าและปรับให้ดูกช่อง ในทำนองเสียวกัน เขาจะได้รับพรและปรากฎ การณ์ทางวิญญาณด้วยการพยายามทำล่วนที่จำเป็น ศรัทธาประจักษ์ชดโดยการ สวดล้อนวอนและการทำงานคือๆญแจ3
เราสวดล้อนวอนขอความสว่างทางปัญญา แล้วดงมือทำโดยใช้พละกำลัง หน้งสือ ความลิด และความชอบธรรมทั้งหมดของเราเพื่อให้ไต้รับการดลใจ เราขอวิจารณญาณ แล้วใช้พลังอำนาจทั้งหมดของเรากระทำอย่างฉลาดและ พัฒนาปัญญา เราสวดล้อฺนวอนขอความสำเร็จในงานของเราจากนั้นกีตั้งใจคืก ษาแดะพยายามามสุดกำลังเพื่อช่วยตอบคำสวดล้อนวอนของเรา เมื่อเราสวดอ้อน วอนขอสุขภาพที่สีเราต้องดำเนินชีวิตตามกฎแห่งสุขภาพและทำทั้งหมดใน อำนาจของเราเพื่อดูแลร่างกายให้สมนูรณ์แข็งแรง เราสวดล้อนวอนขอความ คุ้มครองและจาก็นั้นกึใช้มาตรการมีองกันที่สมเหตุสมผลเพื่อหลีกเลี่ยงกันตราย แต่เราตองทำงานควบคู่กับศรัทธา4
เราต้องมีศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้มนุษย์ชำระชีวิตตนให้สะอาด ลืม นึกถึงตนเองในการรับใช้เพื่อนมนุษย์และเอาชนะความอ่อนแอทั้งหมดของเนื้อ หนัง ศรัทธาที่จะทำให้เกิดการกลับใจซึ่งก็คือความต่อเนื่องทั้งหมด และจะนำ เขามาส่บัพติศมา ฐานะปุโรหิต และพิธีการพระวิหาร5
มื่คืออัจฉริยภาพแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ที่มองเห็นได้ด้วยตาทาง วิญญาณเท่านั้น ภายใต้กฎที่เอื้อประโยชน์ของพระกิตติคุณ ทุกคนไม่ว่ารำรวย หรือยากจน มีการศึกษาหรือไม่มี ล้วนได้รับการกระตุ้นให้มองด้วยดวงตาแห่ง ศรัทธาก่อน จากนั้นก็พยายามแสดงศรัทธาดังกล่าวในชีวิตที่ดีขึ้นและสูงส่งขึ้น6
การเชื่อฟ้งบนพื้นฐานของศรัทธา ไม่ใช่การเชื่อฟ้ง แบบหลับหูหลับตา
เราให้การเชื่อฟ้งที่สร้างสรรค์และชาญฉลาดเมื่อเราเชื่อ้ฝังพระบัญชาของ พระเจ้าอย่างมีความสุข ด้วยความอ่อนน้อม และด้วยความสมัครใจ7
จงเชื่อฟัง! จงรับฟัง! ช่างเป็นการเรียกร้องที่ยากอะไรเช่นนี้! เราได้ยินบ่อย ครั้งว่า “ไม่มีใครบงการฉันได้ว่าด้องสวมเอื้อผ้าชุดไหน ต้องกินหรือต้องดื่มอะไร ไม่มีใครกะเกณฑ์ได้ว่าฉันต้องทำอะไรในวันแซบัธ ต้องใช้เงินที่หาได้อย่างไร และไม่มีใครจำกัดเสรีภาพส่วนตัวของฉันได้ ฉันทำตามที่ฉันพอใจ ฉันจะไม่ เชื่อฟังแบบหลับหูหลับตา เป็นอันขาด”
การเชื่อพิงแบบหลับหูหลับตารั้นหรือ! พวกเขาช่างมีความเช้าใจห้อยนัก! …
เมื่อมนุษย์เชื่อฟังพระบัญชาของพระผู้สร้าง นั่นไม่ใช่การเชื่อฟังแบบหลับหู หลับตา ความกลัวจนหัวหดภายใต้อำนาจเผด็จการช่างแตกต่างเหลือเกินกับการ เชื่อฟังด้วยความเต็มใจและอย่างสมศักดิ์ศรืที่คนคนหนึ่งมีต่อพระผู้เป็นเจ้าของ เขา ผู้เผด็จการจะมักใหญ่ใฝ่สูง เห็นแก่ตัว และมีเจตนาอื่นแอบแฝง พระบัญ- ชาทุกข้อของพระผู้เป็นเจ้าล้วนชอบธรรม มีจุดประสงค์ตรงไปตรงมา และเพื่อ ประโยชน์ของผู้อยู่ใต้ปกครอง อย่างแรกอาจเป็นการเชื่อฟังแบบหลับหูหลับตา แต่อย่างหลังเป็นการเชื่อฝ้งด้วยศรัทธาแน่นอน…
เมื่อคนคนหนึ่งสนใจป้ายที่บอกว่า “ไฟฟ้าแรงสูง—อย่าเช้าใกล้” ตามความ เห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ทราบดีถึงอันตราย นั่นคือการเชื่อฟังแบบหลับหูหลับตา หรือเป็นการเชื่อพิงด้วยศรัทธา
เมื่อผู้โดยสารเครื่องบินคาดเข็มขัดนิรภัยขณะเห็นสัญญาณเตือน นั่นคือการ เชื่อฟังแบบหลับหูหลับตาหรือเป็นความมั่นใจในประสบการณ์และปัญญาของผู้ ที่รู้จักภัยและอันตราย
เมื่อเด็กเล็กๆ กระโดดจากโต๊ะเข้าสู่อ้อมแขนที่แข็งแกร่งของบิดาด้วยความ ดีอกดีใจ นั่นคือการเชื่อฟังแบบหลับหูหลับตาหรือเป็นความไว้วางใจต่อบิดาผู้ เปียมด้วยความรัก ผู้รู้สึกนั่นใจว่าตนสามารถรับตัวลูกได้และรักลูกยิ่งกว่าชีวิต…
นั่นคือการเชื่อฟังแบบหลับหูหลับตาหรือไม่เมื่อเราผู้มีวิสัยทัศน์จำกัด มีความรู้เบื้องต้น มีความปรารถนาที่เห็นแก่ตัว มีเจตนาอื่นแอบแฝง และมีกิเลส ตัณหายอมรับและทำตามการนำทางและเชื่อฟังพระบัญชาของพระบิดาผู้เปี่ยม ด้วยความรัก ผู้…ทรงสร้างโลกเพื่อเรา ทรงรักเรา และทรงมีโปรแกรมที่สร้าง สรรค์เพื่อเราโดยไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ผู้ชื่งความปีติยินดีและความปลาบปลื้ม ที่สุดของพระองค์คือเพื่อ “ทำให้เกิดความเป็นอมตะและชีวิตนิรันดร์” ของ ลูกๆ ทั้งหมดของพระองค์ [ดู โมเสส 1:39]8
การทำตามพระบิดาผู้ทรงพิสูจน์พระองค์แล้วนั้นไม่ใช่การเชื่อฟังแบบหลับหู หลับตาแม้เราจะไม่เข้าใจทั้งหมดก็ตาม9
พระคัมภีร์ให้ตัวอย่างของการเชื่อฟังที่เกิดจากศรัทธา
บิดามารดาที่ชอบธรรมและชาญฉลาดของเรา แอตัมและอีฟ เป็นแบบอย่าง ในเรื่องของการเชื่อฟ้งที่เกิดจากศรัทธาเช่นเด็กเล็กๆ
“… และแอตัมเชื่อฟังบัญญ้ติของพระเจ้า
“และหลังจากนั้นหลายวันเทพของพระเจ้ามาปรากฎต่อแอตัม โดยกล่าว: ท่านถวายเครื่องบูชาพระเจ้าทำไม? และแอคัมกล่าวกับท่าน: ข้าพเจ้าหารู้ไม่ นอกจากพระเจ้าทรงบัญชาข้าพเจ้า
“และเมื่อนั้นเทพพูดมีความว่า: สืงนี้เป็นแบบ1ของการเสืยสละ1ของพระองค์ เดียวที่ถือกำเนิดของพระบิดาซึ่งเต็มไปด้วยพระคุณและความจริง” (โมเสส 5:5–7)
เป็นการเชื่อฟังแบบหลับหูหลับตาอย่างนั้นหรือ ไม่ใช่แน่นอน พวกท่านรู้จัก พระเยโฮวาห์ ได้ยินสุรเสืยงของพระองค์ เดินกับพระองค์ในสวนอีเด็น และรู้ ถึงพระกรุณาธิคุณ ความยุติธรรม และความเข้าพระทัยฃองพระองค์ และเป็น เวลา “หลายวัน” ที่พวกท่านฆ่าลูกแกะถวายโดยหารู้ไม่ว่าเพราะเหตุใด แต่ เชื่อนั่นเต็มที่ว่ามีจุดประสงค์อันชอบธรรมในกฎและจะทราบเหตุผลหลังจาก เชื่อฟัิง10
เปาโลกล่าวกับชาวฮีบรูว่า
“เพราะโนอาห์มีความเชื่อ ฉะนั้นเมื่อพระเจ้าทรงเตือนให้รู้ถึงเหตุการณ์ที่ยัง ไม่ปรากฎท่านจึงยำเกรงและต่อเรือใหญ่เพื่อช่วยครอบครัวของตนให้รอดพ้น จากความตาย” (ฮีบรู 11:7)
เมื่อยังไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกและนํ้าจะท่วม ผู้คนต่างพากันเยาะเย้ยท่านและ เรียกท่านว่าคนโง่ พวกเขาไม่ยอมฟังการสั่งสอนของท่าน กลับเห็นว่าเสืยงเตือน ของท่านน่ารำคาญุ ไม่มีลางบอกเหตุ ไม่เคยรู้มาก่อนว่านํ้าจะท่วมแผ่นดินโลก ได้ ช่างโง่เขลาสินดีที่สร้างเรือลำใหญ่บนผืนดินแห้งผาก ดวงอาทิตย์ล่องสว่าง และชีวิตก้าวไปข้างหน้าตามปกติ ทว่าเวลาหมดแล้ว เรือลำใหญ่สร้างเสรีจ นํ้า ไหลหลาก คนไม่เชื่อฟังและคนดื้อรั้นจมนํ้าตาย ปาฏิหาริย์ของเรือลำมหึมาเกิด ตามหลังศรัทธาที่ประจักษ์ชัดขณะสร้างเรือ
เปาโลกล่าวอีกครั้งว่า
“เพราะนางซาราห์มีความเชื่อ นางจึงได้รับพลังตั้งครรภ์เมื่อชรามากแล้ว เพราะนางถือว่าพระองค์ผู้ได้ทรงประทานพระสัญญานั้นทรงเป็นผู้สัตย์ชื่อ” (ฮีบรู 11:11) …
น่าชันสิ้ินตืเมื่อบอกว่าจะมีเด็กเกิดจากคนที่อายุร่วมหนึ่งร้อยปีซึ่งแม้แต่ซา- ราห์เองก็สงสัยในทีแรก แต่ศรัทธาของสามีภรรยาผู้มีจิตใจประเสริฐคู่หนึ่งมีมาก กว่า และบุตรชายที่น่าพิศวงถือกำเนิดมาเพื่อเป็นบิดาของประชาชาติทั้งหลาย
เอบราแฮมแสดงให้เห็นศรัทธาล้นเหลือเมื่อท่านได้รับการทดสอบเหนือคน ธรรมดา “บุตรแห่งคำสัญญา” ที่ยังเล็กของท่านซึ่งถูกกำหนดให้เป็นบิดาของ อาณาจักรทั้งหลาย บัดนี้ด้องถูกถวายบนแท่นบูชา นั่นคือบัญชาของพระผู้เป็น เจ้า แต่ดูเหมือนจะชัดแย้งกัน อิสอัคบุดรชายของท่านจะเป็นบิดาของลูกหลาน นับไม่ถ้วนได้อย่างไรถ้าชีวิตมรรตุ้ยของเขาสิ้นสุดในวัยเยาว์ เหตุใดเอบราแฮมจึง ถูกขอให้ทำเรื่องน่ารังเกียจเช่นนั้น ไม่เข้ากันเลย เป็นไปไม่ได้ แต่ท่านเชื่อพิง พระผู้เป็นเจ้า ศรัทธาที่ไม่สะทกสะห้านของท่านทำให้ท่านต้องแบกทุกข์หนัก ไปจนถึงแผ่นดินโมริยาห์พร้อมบุตรชายที่ยังเยาว์วัย …
“ท่านมิได้หวั่นไหวแคลงใจในพระสัญญาของพระเจ้า แต่ท่านมีความเชื่อ นั่นคงยิ่งขึ้น จึงถวายเกียรติแต่พระเจ้า
“ท่านเชื่อมั่นว่า พระเจ้าทรงฤทธิ์อาจกระทำให้สำเร็จได้ตามที่พระองค์ตรัส สัญญาไว้” (โรม 4:20–21)
คุณพ่อเอบราแฮมและคุณแม่ซาราห์รู้-รู้ว่าคำสัญญาจะบังเกิดสัมฤทธิผล พวกท่านไม่รู้และไม่ด้องการรู้ว่าจะบังเกิด อย่างไร อิสอัคจะมีชีวิตจนได้เป็นบิดา ของลูกหลานมากมายแน่นอน พวกท่านรู้ว่าเขาจะเป็นเช่นนั้นแม้จะต้องตาย พวกท่านรู้ว่าเขาจะยังคงถูกยกขึ้นจากความตายเพื่อให้สัญญาบังเกิดสัมฤทธิผล และศรัทธามาก่อนสิ่งอัศจรรย์11
จำไว้ว่าเอบราแฮม โมเสส อิไลจะ และคนอื่นๆ ไม่สามารถเห็นนั้นปลายได้ ชัดเจนจากชุดเริ่มด้น พวกท่าน … เดินด้วยศรัทธาและไม่เห็น จำไว้อีกครั้งว่า ไม่มีประตูบานใดเปีด เลบันไม่เมา และขณะนั้นยังไม่สมหวังทางโลก มีไพ่ใช้ ศรัทธาและในที่สุดก็เริ่มเดินทางไปเอาแผ่นจารึก ไม่มีชุดกันไพ่หรือเครื่องคุ้มกัน ใดๆ ในเตาไพ่เพื่อป้องกันชาวฮีบรูสามคนให้รอดพ้นจากความตาย ไม่มีตะกร้อ หนังหรือตะกร้อโลหะครอบปากสิงห์เมื่อดาเมียลถูกชังอยู่ในถํ้า …
… จำไว้ว่าไม่มีเมืองใหญ่น้อย ไม่มีฟาร์มและสวน ไม่มีม้านและคลังสินด้า ไม่มีทะเลทรายที่ผลิดอกออกผลในยูท่าห์เมื่อผู้บุกเบิกที่ถูกข่มเหงข้ามทุ่งราบมา และจำไว้ว่าไม่มีทูตสวรรค์ไนพอลไมรา บนซัสเควฮันนาหรือบนคาโมราห์เมื่อ โจเซฟผู้หิวโหยทางวิญญาณเข้าไปในป้าอย่างเงียบๆ คุกเข่าสวดอ้อนวอนริมตลิ่ง และปีนขึ้นทางลาดชันของเนินเขาสักดี้สิทธิ้12
ศรัทธามาก่อนสิ่งอัศจรรย์
ในศรัทธาเราหว่านเมล็ด และไม่นานเราก็เห็นสิ่งอัศจรรย์ของการผลิดอกออก ผล มนุษย์มักเข้าใจผิดและกลับกระบวนการ พวกเขาอยากเก็บเกี่ยวก่อนปลูก อยากได้รางวัลก่อนการรับใช้ อยากเห็นสิ่งอัศจรรย์ก่อนศรัทธา… พวกเราหลาย คนอยากมีกำลังวังชาโดยไม่รักษากฎสุขภาพ อยากได้รับความรุ่งเรืองผ่านหม้า ต่างสวรรค์ที่เปีดไว้โดยไม่จ่ายส่วนสิบ เราอยากมีความสนิทสนมกับพระบิดาโดย ไม่อดอาหารและสวดอ้อนวอน เราอยากให้ฝนตกตามฤดูกาลและมีสันติสุขใน แผ่นดินโดยไม่รักษาวันแซบัธและรักษาพระบัญญัติข้ออื่นของพระเจ้า เราอยาก เด็ดดอกกุหลาบก่อนลงราก เราอยากเกี่ยวข้าวก่อนปลูกด้นกล้า
ฤ้าเราจะเพียงตระหนักในสิ่งที่โมโรไนเขียนไว้ก็คงจะด็ไม่ม้อย
“เพราะหากไม่มีศรัทธาในบรรดาลูกหลานมนุษย์แล้ว พระผู้เป็นเจ้าจะทรง ทำสิงอัศจรรย์ไนบรรดาพวกเขาไม่ได้ …
“และทั้งไม่ว่าเวลาใดย่อมไม่มีผู้กระทำสิ่งอัศจรรย์เลยจนหลังจากเขามีศรัทธา ดังนั้นเขาจึงเชื่อในพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าเสืยก่อน” (อีเธอร์ 12:12, 18)13
หากเวลานี้เราดำเนินได้ด้วยศรัทธา หากเราเชื่อในดำสัญญาอันลํ้าเลิศของ พระผู้เป็นเจ้า หากเราเชื่อฟ้งและรอคอยอย่างอดทน พระเจ้าจะทรงทำให้คำ สัญญาอันลํ้าเลิศที่ทรงทำกับเราบังเกิดสัมฤทธิผลโดยครบถ้วน
“… สิงที่ตาไม่เห็น หูไม่ได้ยิน และสิ่งที่มนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าได้ ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับคนที่รักพระองค์” (1 โครินธ์ 2:9)14
ต้องใช้ศรัทธาอย่างมากเพื่อจ่ายส่วนสิบเมื่อเงินขาดมือและมีความจำเป็น มากมาย ต้องใช้ศรัทธาเพื่ออดอาหาร สวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว และรักษา พระวาจาแห่งปัญญา ต้องใช้ศรัทธาเพื่อทำการสอนประจำบ้าน งานสอนศาสนา [ของสมาชิก] และการรับใช้อื่นๆ เมื่อเรียกร้องการเสืยสละ ต้องใช้ศรัทธาเพื่อ ทำงานเผยแผ่เต็มเวลา แด่จงรู้เถิด—ว่าทั้งหมดนี้คือการปลูก ส่วนครอบครัวที่ เปี่ยมด้วยศรัทธาและอุทิศตน ความมั่นคงทางวิญญาณ สันติสุข และชีวิตนิรันดร์ คือการเก็บเกี่ยว …
… ศรัทธาอันไม่สะทกสะท้านปีดปากสิงห์ กันเปลวไฟที่ลุกโชนไม่ให้เผา ผลาญ เบิกทางแห้งข้ามแม่นํ้าและทะเล ป้องกันนํ้าท่วมและความแห้งแล้ง และทำให้เกิดปรากฏการณ์สวรรค์ตามดำขอของศาสดาฉันใด ศรัทธาในชีวิตเรา แค่ละคนจะรักษาคนป่วย นำการปลอบโยนมาสู่ผู้เศร้าโศก เสริมเจตนารมณ์อัน แน่วแน่ที่จะด้านทานการล่อลวง ปลดปล่อยจากการตกเป็นทาสนิสัยที่อันตราย ให้ความเข้มแข็งเพื่อกลับใจและเปลี่ยนชีวิต และนำไปส่ความรู้อันแน่นอนถึง ความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์ฉันนั้น ศรัทธาที่ห้าวหาญจะช่วยให้เราดำ เนินชีวิตตามพระบัญญัติด้วยความเต็มใจและด้วยเหตุนี้จึงนําพรนับไม่ล้วนมา ให้เรา พร้อมด้วยสันติสุข ความดีพร้อม และความสูงส่งในอาณาจักรของพระผู้ เป็นเจ้า15
ฃ้อเสนอแนะสำหรับคึกษาและสอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หบ้า ⅴ–ⅸ
-
ดูชื่อบทเรียนบทนี้ เหตุใดการเชื่อฝ้งจึงเป็นการกระทำแห่งศรัทธา
-
อ่านเกี่ยวกับการตัดสินใจของประธานคิมบัลล้ไนเดือนมีนาคม ค.ศ. 1972 (หน้า 145, 147) ท่านคิดว่าจะใช้หลักธรรมพระกิตติคุณข้อใดเมื่อเราเผชิญ กับการตัดสินใจที่ยาก
-
ขณะที่ท่านอ่านการเปรียบเทียบของประธานคิมบัลล์ระหว่าง “การเชื่อฟัง แบบหลับหูหลับตา” กับ “การเชื่อฟังด้วยศรัทธา” ท่านเห็นความแตกต่าง อะไรน้าง (ดู หน้า 149-150) เรารู้อะไรน้างเกี่ยวกับพระบิดาบนสวรรค์ที่ จะช่วยให้เราเชื่อฟังพระองค์ “อย่างมีความสุข ด้วยความอ่อนน้อม และ ด้วยความสมัครใจ” ท่านจะพูดอย่างไรกับคนที่อ้างว่าสมาชิกศาสนาจักรหลับ หูหลับตาทำตามผู้นำของเขา
-
ทบทวนเรื่องราวพระคัมภีรัในหน้า 150-152 ผู้คนในเรื่องเหล่านี้มีอะไรเหมือน กันน้าง ท่านมีอะไรเหมือนคนเหล่านั้น ท่านเรียนรู้อะไรจากพวกเขา
-
ท่านเคยเห็นศรัทธามาก่อนสิ่งอัศจรรย์เมื่อใด (ดูตัวอย่างหน้า 152-153) เรา จะสอนครอบครัวได้อย่างไรว่าศรัทธามาก่อนสิ่งอัศจรรย์
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: โยชูวา 22:5; ยากอบ 2:14–26; อีเธอร์ 12:4–21; โมโรไน 7:33; ค.พ. 130:20–21