คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 19: เสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้ครอบครัวของเรา


บทที่ 19

เสริมสร้างความเข้มแข็ง ให้ครอบครัวของเรา

เราต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งและคุ้มครองครอบครัวของเรา โดยสอนและดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณในบ้านของเรา

จากชีวิตของลเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

ประธานสป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์เน้นบ่อยครั้งถึงความจำเป็นของ การทำให้ครอบครัวเข้มแข็งผ่านการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณในบ้าน เมื่อพูด ถึงประสบการณ์ของตนเอง ท่านกล่าวดังนี้ “สมัยเป็นหนุ่ม กับภรรยาและลูกๆ ในบ้านของเรา ข้าพเจ้าจำกิจกรรมครอบครัวที่เราชื่นชอบได้ สวรรค์อยู่ในบ้านเรา เมื่อแต่ละคนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะร้องเพลง นำเกม ท่องหลักแห่งความเชื่อ เล่าเรื่อง แสดงความสามารถพิเศษ หรือทำงานมอบหมาย ที่นั่นมีการเติบโต และความรู้สึกที่ดี”1

ประธานคิมมัลล์กับคาบิลลาภรรยาเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ลูกๆ โดยสอน แต่ละให้กำลังใจพวกเขา แล้วปล่อยให้พวกเขารับผิดชอบการเลือกของตน โอลีฟ เบ็ธบุตรสาวของพวกท่านจำได้ว่าพ่อแม่ “นำทางไม่ใช่ผลักเราเข้าไปในเล้นทาง ที่ท่านต้องการให้พวกเราไป”2

ประธานและซิสเตอร์คิมบัลล์แสดงความรักอย่างมากต่อลูกๆ แด่ละคน เอ็ดเวิร์ดบุตรชายคนหนึ่งกล่าวว่า “คุณพ่อรักใคร่ห่วงใยเรามากเสมอ ผมรู้ว่าท่านรักผม” เอ็ดเวิร์ดหวนนึกถึงประสบการณ์ที่เขาได้รับเมื่อเข้าร่วมการชุมนุมดิ์กดี้สิทธี์ ในพระวิหารซอลท์เลค “มีชายหลายพันคนอยู่ที่นั่น เมื่อการประชุมสิ้นสุด [คุณพ่อผม] จำได้ว่าผมร้องเพลงอยู่ตรงไหนในคณะมักร้อง เมื่อออกจากการประชุม ท่านเดินมาหาผม โอบกอดและจุมพิตผม”3

คำสอนของสเป็ีนเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

ครอบครัวเป็นศูนย์กลางในแผนของพระบิดา และเป็นรากฐานของสังคม

ชีวิตครอบครัวเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการบรรลุความสุขในโลกนี้ และเป็น เฌบเเผนชัดเจนที่พระเจ้าประทานแก่เราเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องเป็นในโลกหน้า4

พระเจ้าทรงวางแผนทั้งหมดตั้งแต่ด้นโดยมีบิดาเป็นผู้ไห้กำเนิด จัดหา รัก และนำทาง มารดาเป็นผู้ตั้งครรภ์ คลอด ทะนุถนอม และกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู พระเจ้าจะทรงวางแผนเป็นอย่างอื่นก็ได้ แต่ทรงเลือกให้มีหน่วยหนึ่งพร้อมความ รับผิดชอบและความสัมพันธ์แบบมีจุดประสงค์เพื่อลูกๆ จะสอนระเบียบวินัย ให้กัน รักกัน ให้เกียรติและชื่นชมกัน ครอบครัวคือแผนอันยิ่งใหญ่ของชีวิตดัง ที่พระบิดาบนสวรรค์ทรงดำริและกำหนดไว้5

ครอบครัวคือหน่วยพื้นฐานในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก ศาสนาจักรจะเจริญรุ่งเรืองมากกว่าครอบครัวในศาสนาจักรไม่ได้6

ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้ายเน้นชีวิตครอบครัวมาตั้ง แด่ต้น เราเข้าใจตลอดมาว่ารากฐานของครอบครัวอันเป็นหน่วยนิรันดร์ถูกวางไว้ แม้ก่อนสร้างโลกนี้ สังคมที่ปราศจากชีวิตครอบครัวพื้นฐานย่อมปราศจากราก ฐานและจะแตกสลายไปสํความว่างเปล่า …

พวกเราในบรรดาคนทั้งหลาย …ไม่ควรคล้อยตามคำสอนที่ว่าหน่วยครอบ ครัวจะเปลี่ยนแปลงไปตามการพัฒนาของสังคมมนุษย์ เรามีอิสระที่จะต่อต้าน การเคลื่อนไหวเหล่านั้นซึ่งบิดเบือนความสำคัญของครอบครัวและเน้นความสำ กัญของความเป็นป้จเจกแบบเห็นแก่คัว เรารู้ว่าครอบครัวเป็นนิรันดร เรารู้ว่า เมื่อเกิดความผิดพลาดในครอบครัว ย่อมเกิดความผิดพลาดในสลาบันอื่นทั้ง หมดในสังคมด้วย …

สถาบันการเมืองของเรา …จะช่วยชีวิตเราไม่ได้ถ้าสถาบันพื้นฐานของเรา หรือครอบครัวอังไม่สมบูรณ์ สนธิสัญญาสันติภาพจะช่วยให้เรารอดไม่ได้เมื่อมี ความนุ่งร้ายในบ้านแทนที่จะมีความรัก โปรแกรมสงเคราะห์คนว่างงานจะช่วย ชีวิตเราไม่ได้เมื่อคนมากมายไม่ได้รับการสอนให้ทำงานหรือไม่มีโอกาสทำงาน หรือบางรายไม่อยากทำงาน การบังกับใช้กฎหมายจะคุ้มครองเราไม่ได้ล้ามีคน มากมายเหลือเกินไม่ยอมสร้างวินัยให้ตนเองหรือไม่ถูกฟึกให้มีวิบัย7

เราไม่มีทางเลือก … แต่ต้องยึดมั่นอุดมการณ์ของครอบครัวสิทธิชนยุคสุดท้าย ต่อไป ข้อเท็จจริงที่ว่าบางคนไม่มีโอกาสอยู่ในครอบครัวเช่นนั้นไม่มีเหตุผลเพียง พอที่จะยุติการพูดเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี เราพูดถึงชีวิตครอบครัวต้วยความรู้สืกละเอียดอ่อน โดยตระหนักว่าปัจจุบันนี้คนจำนวนมาก … ไม่บืโอกาสเป็นส่วนหนึ่ง หรือมีส่วนในครอบครัวเช่นนั้น แต่เราจะทิ้งมาตรฐานนี้ไม่ไต้ เพราะมีอีกมาก มายหลายเรื่องขึ้นอยู่กับมาตรฐานดังกล่าว8

บิดามารดาต้องสร้างแหล่งสำรองพลังทางวิญญาณ เพื่อประคับประคองลูกๆ ผ่านประสบการณ์ของชีวิต

มีแหล่งสำรองหลายชนิดในชีวิตเรา แหล่งสำรองบางอย่างไข้เก็บนํ้า บางอย่าง ไข้เก็บอาหารเช่นที่เราำำ ทำโครงการสวัสดิการในครอบครัวและเช่นที่โยเซฟทำใน แผ่นดินอียิปต์ระหว่างเจ็ดปีของความอุดมสมบูรณ์ ควรมีแหล่งสำรองความรู้ เพื่อสนองความต้องการในอนาคตด้วย แหล่งสำรองความกล้าหาญเพื่อเอาชนะ กระแสความกลัวที่นำความไม่แน่นอนเข้ามาในชีวิต แหล่งสำรองพละกำลัง ทางร่างกายเพื่อช่วยเรารับภาระของงานและความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แหล่งสำรองความดี แหล่งสำรองความทรหดอดทน แหล่งสำรองศรัทธา โดย เฉพาะอย่างยิ่งแหล่งสำรองศรัทธานี้ที่เราต้องมีไว้เผื่อว่าเมื่อโลกกดดันเรา เราจะ ยืนหยัดมั่นคงและเข้มแข็ง เมื่อการล่อลวงของโลกที่เพื่อมถอยรอบตัวเราดึง พลังงานของเราไป ทำให้กำลังวังชาทางวิญญาณของเราถดถอย และพยายาม ลากเราลงมา เราจะต้องมีแหล่งสำรองศรัทธาเพื่อจะพาเยาวชนซึ่งจะเป็นผู้ใหญ่ ต่อไปในภายหน้าให้ผ่านพ้นความมีดม้ว ความยากลำบาก ช่วงเวลาอันน่าหวาด หวั่น ความผิดหวัง ความเพ้อฝันที่สุญสลาย และหลายปีของความลำบากยาก แค้น ความขาดแคลน ความสับสน และความล้มเหลว …

ข้าพเจ้ารู้สึกซาบซึ้งต่อบิดามารดา เพราะพวกท่านสร้างแหล่งสำรองให้ข้าพเจ้ากับพี่ๆ น้องๆ ของข้าพเจ้า แหล่งสำรองเต็มไปด้วยนิสัยชอบสวดอ้อนวอน การศึกบา กิจกรรม การรับใข้ที่สร้างสรรค์ ความจริงและความชอบธรรม ทุกเข้าและทุกทำเราคุกํเข่าที่เก้าอี้รอบโต๊ะและผลัดกันสวดอ้อนวอน เมื่อข้าพเจ้า แต่งงาน นิสัยยังติดตัว และครอบครัวใหม่ของเรายังคงถือปฏิบัติ9

ชีวิตครอบครัว การสอนที่ถูกต้องในบ้าน การนำทางและการเป้นผู้นำของบิดา มารดา—สิ่งเหล่านี้คือยาอเนกประสงค์ที่ใข้รักษาความเจ็บไข้ของชาวโลกและ บุตรหลานของพวกเขา คือการรักษาโรคทางวิญญาณและทางอารมณ์และการ เยืยวยาบิญหาต่างๆ บิดามารดาไม่ควรปล่อยให้คนอื่นอบรมสั่งสอนลูกๆ ของตน

ดูเหมือนแนวโน้มที่ครอบครัวจะป้ดความรับผิดชอบนี้ไปให้อิทธิพลภายนอก เช่นโรงเรียนและคาสนาจักรจะเพิ่มขึ้นทุกวัน และที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือ ป้ด ความรับผิดชอบไปให้หน่วยงานและสถาบันดูแลเด็ก ที่สำคัญคืออิทธิพลภาย นอกเหล่านี้ไม่มีวันแทนที่อิทธิพลของมารดาและบิดาได้มากพอ การอบรมสั่ง สอนอย่างต่อเนื่อง ความระแวดระวังอย่างต่อเนื่อง ความเป็นเพี่อน และการ เฝ้าดูแลลูกๆ ของเราล้วนจำเป็นทั้งนี้เพี่อรักษาครอบครัวเราให้คงสภาพสมบุรณ์ และเป็นพรแก่บุตรหลานในทางของพระเจ้า10

องค์การช่วยของศาสนาจักรมีความสำคัญมาก และเราควรรับพรที่มอบให้ แต่เราไม่ควร ไม่ควรอย่างยึ๋งที่จะให้องค์การช่วยทำหน้าที่แทนบิดามารดาหรือลด หน้าที่รับผิดชอบของบิดามารดาในการสอนพระกิตติคุณของพระเยชุคริสต์แก่ บุตรหลานของตน้11

ผู้นำและครูองค์การช่วยของเยาวชนควรถามว่าคันจะช่วยเยาวชนเหล่านี้ให้ รักและเชื่อฟ้งบิดามารดา ให้เกียรติบิดามารดา และทำหน้าที่รับผิดชอบใน ครอบครัวได้อย่างไร เราจะจัดการประชุม การปฎิบัติ และกิจกรรมอย่างไรเพื่อจะ ไม่ทำลายความสัมพันธ์และความรับผิดชอบในครอบครัว และให้ครอบครัวมี เวลาทำกิจกรรมด้วยกัน

คำมั่นสัญญาของเราที่จะดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณโดยมีครอบครัวเป็น ศูนย์กลางควรเป็นข่าวสารที่ชัดเจนของโปรแกรมทุกอย่างของฐานะปุโรหิตและ องค์การช่วย หากจำเป็นให้ลดกิจกรรมบางอย่างซึ่งอาจเบี่ยงเบนความสนใจไป จากครอบครัวและบ้าน12

การวางแผนและวางผังชีวิตครอบครัวอย่างเหมาะสมเท่านั้นที่เราจะนำทาง บุตรหลานและช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากหลุมพรางซึ่งนำไปลู่บาปและความ พินาศได้ และวางเขาไว้บนเสันทางส่ความสุขและความลู่งส่ง ในการนี้ไม่มีสิ่ง ใดได้ผลเท่าแบบอย่างของบิดามารดาและอิทธิพลของชีวิตครอบครัว ชีวิตลูกๆ จะเหมือนมากกับสิ่งที่เขาเห็นในบ้านขณะเติบโตเป็นบุรุษและสตรี ด้วยเหตุนี้ เราจึงควรวางผังวิถีของเราตามเสันทางที่เราอยากให้บุตรหลานเจริญรอยตาม13

เด็กจะนำส่วนใหญ่ที่เขาเห็นในชีวิตครอบครัวเข้ามาในชีวิตเขา ถ้าเขาเห็น บิดามารดาไปพระวิหารบ่อยๆ เขาจะเริ่มวางแผนชีวิตพระวิหาร ถ้าเขาได้รับการ สอนให้สวดอ้อนวอนเพื่อผู้สอนศาสนา เขาจะถูกดึงเข้าลู่โปรแกรมผู้สอนศาสนา ทีละน้อย สิ่งนี้เรียบง่ายมาก แต่คือทางแห่งชีวิต และเราสัญญากับท่านว่าลูกๆ จะนำเกียรติและความปลาบปลื้มใจมาให้ท่านขณะที่ท่านให้แบบอย่างและการ อบรมสั่งสอนที่ถูกต้องแก่เขา14

บางครั้งข้าพเจ้าเคยเห็นบุตรหลานของครอบครัวที่ดึชัดขืน ต่อต้าน หลงผิด ทำบาป และถึงกับต่อสัพระผู้เป็นเจ้า ในการนี้พวกเขานำความเศร้าโศกมาลู่บิดา มารดาผู้ทำสุดความสามารถเพื่อ… สอนและดำเนินชีวิตเป็นแบบอย่าง แต่หลายครั้งข้าพเจ้าเห็นเด็กแบบนี้หลายคนเป็นผู้ใหญ่ สำนึกว่าตนทำผิดหลังจาก หลงทางอยู่หลายปี กลับใจ และทำคุณประโยชน์อย่างมากต่อชีวิตทางวิญญาณ ของชุมชน เหตุผลที่ข้าพเจ้าเชื่อว่าเรื่องเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ก็คือแม้คนเหล่า นี้จะตกอยู่ใต้อำนาจของกระแสตรงกันข้าม แต่พวกเขายังคงได้รับอิทธิพลจาก กระแสแห่งชีวิตในบ้านที่เลี้ยงดูเขามามากกว่าและมากเกินกว่าจะรู้ตัว ในปีต่อๆ มาเมื่อเขาปรารถนาจะสร้างบรรยากาศในครอบครัวของตนเองให้เหมือนกับที่ เขาชื่นชอบสมัยเด็ก เป็นไปได้ว่าเขาจะหันไปหาศรัทธาที่ให้ความหมายแก่ชีวิต บิดามารดา15

บิดามารดาทั้งหลาย ความรับผิดชอบอันดับแรกสุดของท่านคือครอบครัว ความร่วมมือกันจะช่วยให้ท่านมีบ้านในแบบที่พระเจ้าทรงคาดหวังให้ท่านมี การ แสดงความรักและความเห็นอกเห็นใจต่อกันและต่อลูกๆ จะสร้างแหล่งสำรอง ความเข้มแข็งทางวิญญาณที่ไม่มีวันแห้งเหือด16

เราต้องเสริมกำลังครอบครัวเราต้านทานความชั่วร้ายรอบด้าน

เวลาจะมาถึงเมื่อผู้เชื่อในครอบครัวอย่างลึกซึ้งและจริงจังเท่านั้นจึงจะสามารถ ปกป้องครอบครัวตนท่ามกลางความชั่วร้ายที่รวมกันอยู่รอบด้าน17

คนชั่วคนนั้นรู้ว่าจะโจมตีตรงจุดไหน เขาจะโจมตีครอบครัว เขาจะทำลาย ครอบครัว นั่นคือสิ่งที่เขาอยากทำ … ขอให้เราตัดสินใจว่าจะไม่ยอมให้เขาทำ เช่นนั้นในครอบครัวเรา18

เราต้องเสริมกำลังบ้านและครอบครัวเราอย่างต่อเนื่อง ป้องกันเขาจากการบุก โจมตีของความชั่วร้ายต่างๆ เช่น การหย่าร้าง ครอบครัวแตกแยก ความป่า เถื่อน และการทารุณกรรม โดยเฉพาะต่อภรรยาและบุตรธิดา เราต้องบุ่งนั่น ป้องกันการผิดคีลธรรม ลื่อลามก และความสมยอมทางเพศซึ่งจะทำลายความ บริสุทธึ์ของสมาชิกในครอบครัว ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ …

… เราพบกองกำลังความชั่วร้ายเหล่านี้เกือบทุกแห่งที่เราไป และมีให้เห็น เกือบตลอดเวลา เรานำจากโรงเรียน จากสนามเด็กเล่น จากโรงภาพยนตร์ ที่ ทำงาน และตลาดเข้ามาในบ้าน มีสถานที่เพียงไม่กี่แห่งที่เราไปในโลกทุกวันนี้ ซึ่งเราจะหลบเลี่ยงความชั่วร้ายเหล่านั้นได้

ถ้าเช่นนั้นเราจะตอบสนองอย่างไร เราต้องทำอะไร เราต้องตื่นตัวตลอดเวลา ต่อความชั่วร้ายที่อยู่ในบ้านของเราและทำลายมันเฉกเช่นทำลายเชื้อโรคและ ความสกปรกของโรค เราต้องตามล่าตั้งแต่ห้องลับของความคิดเราโดยทำให้ตัว เราเป็นอิสระจากความเป็นของโลก ดับไฟที่ยังคุอยู่ของความชั่วร้ายก่อนจะ กลายเป็นเพลิงเผาผลาญ เราจะทำเช่นนี้ไต้อย่างไร

ถ้าเราอยากหลบเลี่ยงการจ้วงแทงถึงตายของคนชั่วคนนั้น อีกทั้งรักษาบ้าน และครอบครัวเราให้เป็นอิสระตลอดจนได้รับการเสริมกำลังแน่นหนาต้านทาน อิทธิพลทำลายล้างทุกอย่างที่ลุกลามรอบตัว เราต้องมีความช่วยเหลือของผู้ก่อ ตั้งและผู้จัดตั้งแผนครอบครัว นั่นก็คือ พระผู้สร้าง มีเพียงวิธีนี้เท่านั้น และนั่น คือโดยผ่านพระกิตติอุณของพระเจ้าพระเฃชุคริสต์และการเชื่อฟ้งคำสอนที่ลึกซึ้ง และได้รับการดลใจของพระกิตติอุณ โดยแท้แล้วเราต้องตระหนกว่าราคาที่ต้อง จ่ายเพื่อให้ครอบครัวเป็นอิสระจากอิทธิพลชั่วร้ายเช่นนั้นคือการรักษานัญญ้ติของ พระผู้เป็นเจ้า19

ขณะที่บิดามารดาอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสาร และเห็นสิ่งที่โลกกำลงพยายามสอนบุตรหลานของเขา เขาควรตั้งใจแน่วแน่มากซึ้นว่าจะไม่ยอมให้บาป และความผิดพลาดเช่นนั้นทำลายบุตรหลานของตน ต่อจากนั้นบิดามารดาจะ สร้างชีวิตครอบครัว วางระเบียบวินัย และอบรมชั่งสอนเพื่อห้กล้างและลบล้าง ความชั่วร้ายที่คำลงเกิดขึ้นในโลก ขณะที่บุตรหลานเรียนรู้จากชั่งน่าเกลึยดใน โลก พวกเขาต้องเรียนรู้จากชั่งดีๆ ในโลก และการตอบสนองที่ถูกต้องตลอด จนเจตคติที่ลูกต้องด้วย20

หลายปีก่อนเราไปเยือนประเทศหนึ่งที่สอนรูปแบบความคิดแปลกๆ และเผย แพร่ “คำสอนชั่วร้าย” ทุกวันในโรงเรียนและในสิ่อที่รัฐบาลควบคุม เด็กๆ ฟ้ง คำสอน ปรัชญา และอุดมคติที่ครูถ่ายทอดทุกวัน

มีคนกล่าวว่า “นํ้าหยดลงหินทุกวันยังทำให้หินแข็งที่สุดกร่อนได้” ข้าพเจ้า ทราบดี ด้วยเหตุนี้จึงถามถึงเด็กๆ ว่า “พวกเขายังคงมีศรัทธาอยู่หรือ พวกเขา ไม่พ่ายแพ้ต่อความกดดันที่ไม่ขาดสายของครูหรอกหรือ คุณจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าเด็กๆ จะไม่ทิ้งศรัทธาอันบริสุทธึ๋ในพระเจ้า”

คำตอบพอจะสรุปได้ว่า “เราซ่อมอ่างเก็บนํ้าที่เสืยหายทุกคืน เราสอนความ ชอบธรรมที่เอื้อประโยชน์ต่อลูกๆ ของเราทั้งนี้เพื่อเขาจะไม่ยึดถือปรัชญาผิดๆ ลูกๆ ของเรากำลังเติบโตในศรัทธาและความชอบธรรมแม้จะมีความกดดันอย่าง ท่วมท้นจากภายนอก”

แม้เขื่อนจะมีรอยร้าวแต่ก็ยังซ่อมแซมและช่วยกู้ไว้ได้ ถุงทรายกั้นนํ้าท่วมได้ ด้วย ความจริงที่พร่ำสอน การสวดอ้อนวอนครั้งแล้วครั้งเล่า การสอนพระ กิตติคุณ การแสดงความรักและความเอาใจใส่ของผู้ปกครองจะช่วยเด็กๆ ไว้ได้ และช่วยให้เขาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องต่อไป21

บ้านเป็นสถานที่ซึ่งควรสอนและปลูกฝังความเข้มแข็งทางวิญญาณ

ม้านสิทธิชนยุคสุดท้ายที่แท้จริงคือสถานที่หลบมรสุมและการดิ้นรนของชีวิต ความเข้มแข็งทางวิญญาณถือกำเนิดและได้รับการปลูกฝังด้วยการสวดอ้อนวอน ทุกวัน การคึกษาพระคัมภีร์ การสนทนาพระกิตติคุณในม้านและกิจกรรมที่เกี่ยว ข้อง การสังสรรค์ไนครอบครัว สภาครอบครัว ทำงานและเล่นด้วยคัน รับใช้คัน และแบ่งปันพระกิตติคุณคับคนรอบข้าง ความเข้มแข็งทางวิญญาณได้รับการปลูก ผ้งในการกระทำที่เกิดจากความอดทน ความเมตตา และการให้อภัยคันและใน การประยุกต์ไข้หลักธรรมพระกิตติคุณในแวดวงครอบครัว บ้านคือสถานที่ซึ่งเรา จะเป็นผู้เชี่ยวชาญและผู้รอบรู้ในความชอบธรรมของพระกิตติคุณ โดยเรียนรู้ และดำเนินชีวิตตามความจริงในพระกิตติคุณด้วยคัน22

ม้านควรเป็นสถานที่ซึ่งการพึ่งพาพระเจ้าเป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นได้เสมอ มิได้ สงวนไว้สำหรับโอกาสพิเศษ วิธีหนึ่งของการสร้างสิ่งนี้คือสวดอ้อนวอนด้วย ความจริงใจเป็นประจำ ไม่ใช่แค่สวดอ้อนวอนเท่านั้น แต่เราจำเป็นด้องพูดคับ พระเจ้าจริงๆ โดยมีศรัทธาว่าพระองค์จะทรงเปีดเผยต่อบิดามารดาอย่างเราถึงสิ่ง ที่เราต้องรู้และทำเพื่อความผาสุกของครอบครัว23

การศึกษาพระคัมภีร์เป็นส่วนตัวและเป็นครอบครัวมีความสำคัญที่สุดต่อการ เรียนพระกิตติคุณ การอ่านและสนทนาพระคัมภีร์ด้วยคันทุกวันได้รับการเสนอ มานานให้ใช้เป็นเครื่องมือคันทรงพลังต่อต้านความไม่รู้และการล่อลวงของซาตาน การปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้เกิดความสุขอย่างยิ่งและจะช่วยให้สมาชิกครอบครัวรัก พระเจ้าและพระกรุณาธิคุณของพระองค์

เกี่ยวกับการปกครองครอบครัว เราไค้รับการสอนอย่างถูกต้องว่าสภาครอบ ครัวคือสภาพื้นฐานที่สุดของศาสนาจักร ภายใต้การกำกับดูแลของบิดาและมารดาผู้ควรหารือคัน สภาครอบครัวจะสนทนาเรื่องต่างๆ ในครอบครัว สนทนา เรื่องการเงินในครอบครัว วางแผน สนับสนุนและทำให้สมาชิกในครอบครัวเข้ม แข็ง24

เกี่ยวกับการสังสรรค์ในครอบครัว การสังสรรค์คับครอบครัวหรือการออกไป สังสรรค์นอกบ้านกับครอบครัวจะสนองความต้องการของการสังสรรค์ในครอบ ครัวไค้เพียงบางส่วน สิ่งสำคัญพื้นฐานคือการสอนลูกๆ ให้รู้ทางแห่งชีวิตซึ่งมี ความสำคัญอย่างยิ่ง การไปดูภาพยนตร์หรือไปงานเลี้ยงด้วยกัน หรือไปตกปลา สนองความค้องการที่แท้จริงไต้เพียงครึ่งเดียว แต่การอยู่บ้านและสอนลูกๆ ให้ รู้พระกิตติคุณ พระคัมภีร์ รักกันและรักบิดามารดามีความสำคัญที่สุด25

โดยตั้งใจว่าจะจัดสังสรรค์ในครอบครัวที่ให้แรงบันดาลใจเป็นประจำและโดย วางแผนเนื้อหาของการสังสรรค์นั้นอย่างรอบคอบ เรากำลังส่งสัญญาณให้ลูกๆ ซึ่งเขาจะจดจำไปชั่วกาลนาน ด้วยเหตุนี้เมื่อเราให้เวลาลูกๆ เราจึงแสดงให้ลูกๆ เห็นว่าเรากำลังให้ตัวเราอยู่ที่นั่น นี่คือของขวัญที่เห็นไต้ตลอดเวลา26

ข้าพเจ้าชอบเปรียบสิ่งต่อไปนี้กับร่ม ไค้แก่ การสังสรรค์ในครอบครัว การ สวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว และกิจกรรมอื่นที่สัมพันธ์กันของศาสนาจักรสำหรับการช่วยครอบครัวให้รอดเมื่อดำเนินการอย่างจริงจัง ถ้าเราไม่กางร่ม ร่มย่อม เป็นไค้มากกว่าไม้เท้าเล็กน้อยและป้องกันพายุธรรมชาติไค้เพียงเล็กน้อย ทำนอง เดียวกัน แผนที่พระผู้เป็นเจ้าประทานจะมีค่าเพียงเล็กน้อยหากไม่ใช้

ร่มที่กางออกจะทำให้ผ้าร่มตึง เมื่อฝนตก น้ำฝนจะไหลออกไป เมื่อหิมะตก หิมะจะลื่นไหลออกไป เมื่อลูกเห็บตก ลูกเก็บจะกระดอนออกไป เมื่อลมพัด ลมจะพัดวนอยู่รอบๆ ร่ม ในทำนองเดียวกัน ร่มทางวิญญาณจะสกัดกั้นศัตรูอัน เกิดจากความไม่รู้ การเชื่อถือโชคลาง ความสงสัย การละทิ้งความเชื่อ การผิด ศีลธรรม และรูปแบบอื่นของความไม่เชื่อพระเจ้า

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนว่าเราทุกคนจะกางร่มทางวิญญาณเพื่อป้องกันครอบครัว เรา27

เราควรรักลูกๆ ดังพระผู้เป็นเจ้าทรงรักเรา

พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาของเรา พระองค์ทรงรักเรา พระองค์ทรงทุ่มเท อย่างมากขณะทรงพยายามอบรมสั่งสอนเรา และเราควรทำตามแบบอย่างของ พระองค์ รักลูกๆ ของเราอย่างจริงจังและเลี้ยงดูพวกเขาในความชอบธรรม28

นานเท่าใดแล้วที่ท่านนำลูกๆ มาอยู่ในอ้อมแขน ไม่ว่าเขาจะตัวโตเพียงไร และบอกเขาว่าท่านรักเขาและดีใจที่เขาจะได้เป็นลูกของท่านตลอดไป29

โอ้ พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ครอบครัวสามารถอยู่ด้วยกันชั่วนิรันดร์ อย่า ปล่อยให้สิ่งล่อใจในขณะนั้นดึงท่านออกห่างพวกเขา ความเป็นพระเจ้า ความเป็นนิรันดร และ ครอบครัว จูงมือเดินไปพร้อมๆ กัน และเราต้องเป็นเช่น มั้ํน30

จ้อเสนอแนะสำหรับสีกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมไค้ที่หน้า ⅴ—ⅸ

  • เมื่อพูดถึงชีวิตครอบครัวตนเอง ประธานคิมบัลล์กล่าวว่า “สวรรค์อยู่ในบ้าน ของเรา” (หน้า 218) เราจะสร้างบรรยากาศในบ้านให้เหมือนสวรรค์ไค้ อย่างไร ชีวิตครอบครัวเตรียมเราให้พร้อมรับชีวิตนิรันดรใค้อย่างไร

  • สิ่งสำกัญที่สุดที่บิดามารดาทําไค้เพื่อสร้างแหล่งสำรองความเข้มแข็งทางวิญญาณสำหรับลูกๆ ของเขามีอะไรบ้าง (ดูตัวอย่างในหน้า 220–226)

  • บิดามารดาที่ปล่อยให้คนอื่นอบรมสั่งสอนลูกๆ ของตนเสิ่ยงต่ออะไร ศาสนา จักรมีแหล่งช่วยอะไรบ้างที่จะช่วยบิดามารดาสอนลูกๆ ผู้นำและครูในศาสนา จักรจะสนับสนุนบิดามารดาได้อย่างไร (ดู ตัวอย่างในหน้า 221–222)

  • พิจารณาคำแนะนำของประธานคิมนัลล้ในหน้า 225–227 ท่านเห็นหลักฐาน อะไรบ้างที่บ่งบอกว่าการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว การสืกษาพระคัมภีร์ เป็นครอบครัว สภาครอบครัว และการสังสรรค์ในครอบครัวไต้ผลจริง

  • อ่านย่อหน้าสุดท้ายในหน้า 218 แล้วไตร่ตรองคำถามของประธานคิมบัลส์ไน หน้า 227 “นานเท่าใดแล้วที่ท่านนำลูกๆ มาอยู่ในล้อมแขน ไม่ว่าเขาจะตัว โตเพียงไร และบอกเขาว่าท่านรักเขาและดีใจที่เขาจะได้เป็นลูกของท่าน ตลอดไป”

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: เฉลยธรรมบัญญัติ 6:3–7; 2 นีไฟ 25:26; โมไซยา 4:14–15; ค.พ. 68:25–28

ค้างอิง

  1. “Therefore I Was Taught,” Ensign, Jan. 1982, 3.

  2. Olive Beth Mack, “How a Daughter Sees Her Father, the Prophet,” devotional address, Salt Lake Institute of Religion, Apr. 9, 1976, 8.

  3. ใน Gerry Avant, “As Father, Prophet Made Time Count,” Church News, June 11, 1977, 5.

  4. “Privileges and Responsibilities of Sisters,” Ensign, Nov. 1978, 103.

  5. ใน Conference Report, Apr. 1973, 151; หรือ Ensign, July 1973, 15.

  6. ใน Conference Report, Apr. 1978, 67; หรือ Ensign, May 1978, 45.

  7. ใน Conference Report, Oct. 1980, 3, 4; หรือ Ensign, Nov. 1980, 4, 5.

  8. Ensign, Nov. 1978, 103.

  9. Faith Precedes the Miracle (1972), 110–11.

  10. ใน Conference Report, Apr. 1979, 4–5; หรือ Ensign, May 1979, 5.

  11. “The Example of Abraham,” Ensign, June 1975, 5.

  12. “Living the Gospel in the Home,” Ensign, May 1978, 101.

  13. The Miracle of Forgiveness (1969), 258–59.

  14. ใน Conference Report, Seoul Korea Area Conference 1975, 35.

  15. ใน Conference Report, Oct. 1974, 160; หรือ Ensign, Nov. 1974, 111.

  16. Ensign, June 1975, 5.

  17. ใน Conference Report, Oct. 1980, 3; หรือ Ensign, Nov. 1980, 4.

  18. ใน Conference Report, Oct. 1975, 165; หรือ Ensign, Nov. 1975, 111.

  19. ใน Conference Report, Apr. 1979, 5; หรือ Ensign, May 1979, 5, 6.

  20. “Train Up a Child,” Ensign, Apr. 1978, 4.

  21. Faith Precedes the Miracle, 113–14.

  22. Ensign, Jan. 1982, 3.

  23. ใน Conference Report, Oct. 1974, 161–62; หรือ Ensign, Nov. 1974, 113.

  24. Ensign, Jan. 1982, 4.

  25. ใน Conference Report, Oct. 1977, 4; หรือ Ensign, Nov. 1977, 4.

  26. ใน Conference Report, Apr. 1978, 5; หรือ Ensign, May 1978, 5.

  27. ใน Conference Report, Oct. 1969, 23; หรือ Improvement Era, Dec. 1969, 50–51.

  28. Ensign, Apr. 1978, 5.

  29. ใน Conference Report, Oct. 1974, 161; หรือ Ensign, Nov. 1974, 112–13.

  30. ใน Conference Report, Oct. 1980, 5; หรือ Ensign, Nov. 1980, 5.

Kimball family

ประธานและชิสเตอร์ภิมบัลล์ก้ขสมาขิกในถรอบถรัว

mother reading to child

“ชิวิตครอขครัว การสอนทื่ภูกต้องในข้าน การนำทางและการเข็นฟู้นำของชิคามารคา-สื่งเหล่านื้ คือยาอเนกขระสงกัทืใช้ร้กษาภวามเจ็ขไข้ของชาวโลกและขุตรหลานของฟวกเขา”

family praying

โดยพ่าน “การสวดอ้อนวอนด้วยดวามจรงริงใจเข็นประงำ” บ้านงะเข็น “สฤานทั่ชั่งการพั่งพระเจ้าเข็นเรั่องทั่เกัคขั้นได้เสมอ”