คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 1:‘เพื่อพำนักกับพระอีก’


บทที่ 1

“เพื่อพำนักกับพระอีก”

วิธีเดียวที่เราจะพบความปีติยินดี ความจริง และสัมฤทธิผลคือดำเนินชีวิต สอดคล้องกับแผนของพระบิดาบนสวรรค์

จากชีวิตของสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

สมาชิิกศาสนาจักรทั่วโลกชื่นชอบเพลงปฐมวัย “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า” พร้อมด้วยข่าวสารที่เรียบง่ายทว่าลึกซึ้งซึ่งบอกว่าเราเป็นใคร ทำไมเรามาอยู่บน โลกนี้และพระเจ้าทรงสัญญาอะไรกับเราถ้าเราซืึ่อสัตย์ ซิสเตอร์นาโอมี ดับเบิลยู. แรนดอลล์เขียนเนื้อร้องของเพลงนี้ในปี ค.ศ. 1957 เมื่อเอ็ลเดอร์สเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์เป็นสมาชิกในโควรัมอัครสาวกสิบสอง ตอนนั้นสร้อยเพลง ลงท้ายดังนี้ “สอนฉันทุกอย่างที่ต้องรู้เพื่อพำนักกับพระอีก”

ระหว่างเยี่ยมการประชุมใหญ่สเตค เอ็ลเดอร์คิมบัลล์ได้ฟังเด็กปฐมวัยกลุ่ม หนึ่งร้องเพลง “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า” ไม่นานหลังจากนั้นท่านได้แสดงความ เห็นเกี่ยวกับเพลงดังกล่าวในการสนทนากับสมาชิกในคณะกรรมการปฐมวัยระ ดับสามัญ “ผมชอบเพลงเด็ก” ท่านกล่าว “แต่มีอยู่คำหนึ่งที่รบกวนจิตใจผม ซิสเตอร์แรนดอลล์จะว่ากระไรไหมครับถ้าเปลี่ยนคำว่า รู้ เป็นคำว่า ทำ1

ซิสเตอร์แรนดอลล์ยอมให้เปลี่ยนเนื้อเพลง ปัจจุบันสร้อยเพลงลงท้ายดังนี้ “สอนฉันทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อพำนักกับพระอีก”2 เนื้อร้องเหล่านี้สะท้อนหลัก ธรรมที่ประธานคิมบัลล์เนันตลอดการปฎิมัติศาสนกิจของท่านนั่นคือ “ชีวิตใน อาณาจักรชั้นสูงจะเป็นของจิตวิญญาณทุกดวงที่ทำตามข้อกำหนด รู้ เท่านั้นไม่ พอ เราต้อง ทำ ความชอบธรรมสำคัญยิ่งและพิธีการจำเป็น”3 ท่านสอนว่า พระ กิตติคุณคือ “ทางแห่งชีวิต แผนแห่งความรอดส่วนตัว และมีรากฐานอยู่บน ความรับผิดชอบส่วนตัว พระกิตติคุณมีไว้เพื่อมนุษย์ ทายาทของพระผู้เป็นเจ้า มนุษย์คือผู้มีศักยภาพจะเป็นเหมือนพระผู้เป็นเจ้าและมีเมล็ดพันธุ์ุแห่งความ เป็นพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในตัวเขา และเขาสามารถขึ้นถึงจุดสูงชุดได้ถ้าเขาจะทำ”4

คำสอนของสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์

ในชีวิตก่อนเกิด พระบิดาบนสวรรค์ทรงสอน แผนของพระองค์เพื่อความสูงส่งของเรา

เมื่อเราดำรงอยู่ทางวิญญาณ มีองค์ประกอบครบถ้วนสมบูรณ์ สามารถคิด ศึกษา และเข้าใจพร้อมกับพระองค์ พระบิดาบนสวรรค์ของเราตรัสกับเราใน ทำนองนี้ “บุตรที่รักของเรา ในสภาพวิญญาณ เจ้าก้าวหน้าเท่าที่เจ้าจะทำได้ เพื่อให้เจ้าพัฒนาต่อไป เจ้าต้องมีร่างกาย เราตั้งใจว่าจะเตรียมแผนหนึ่งให้เจ้า เพื่อเจ้าจะเติบโตต่อไป ดังที่เจ้ารู้ คนๆ หนึ่งจะโตได้ก็โดยเอาชนะเท่านั้น

“บัดนี้” พระเจ้าตรัส “เราจะนำสารประกอบต่างๆ ที่มีอยู่มาจัดระเบียบไว้ ในแผ่นดินโลก วางต้นหมากรากไม้และสิงสาราสัตว์ไว้บนนั้น และอนุญาตให้ เจ้าลงไปอยู่ที่นั่น นี่จะเป็นสถานที่ทดสอบเจ้า เราจะให้แผ่นดินโลกที่อุดมสม บูรณ์แก่เจ้า จัดเตรียมทุกอย่างไว้เพื่อประโยชน์และความเพลิดเพลินของเจ้า และเราจะดูว่าเจ้าจะพิสูจน์ให้เห็นหรือไม่ว่าเจ้าแน่วแน่และทำสิงที่เราขอให้เจ้า ทำ เราจะทำสัญญากับเจ้า ถ้าเจ้าจะยอมควบคุมความปรารถนาของเจ้าและเติบ โตต่อไปสู่ความดีพร้อมและความเป็นพระผู้เป็นเจ้าตามแผนซึ่งเราจะเตรียมไว้ ให้เจ้า เราจะให้ร่างกายที่เป็นเนื้อหนังและกระดูก แผ่นดินโลกที่อุดมสมบูรณ์ และบังเกิดผล ดวงอาทิตย์ นํ้า ป่าไม้ แร่ธาตุต่างๆ ดิน และสิงสารพัดที่จำเป็น เพื่อให้อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่พักอาศัยแก่เจ้า และจะประทานความเพลิด เพลินทุกอย่างที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์แก่เจ้า นอกจากนี้ เราจะทำให้เจ้า ได้กลับไปหาเราในที่สุดเมื่อเจ้าปรับปรุงชีวิตเจ้า โดยเอาชนะอุปสรรคและเข้า ใกล้ความดีพร้อม”

เราในฐานะบุตรและธิดาของพระบิดาบนสวรรค์ต่างตอบรับข้อเสนอที่เปี่ยม ด้วยพระกรุณาอย่างที่สุดนี้ด้วยความกดัญญ5

พระเจ้าทรงวางโครงร่างแผน เงื่อนไข และประโยชน์ของแผนนั้นไว้อย่าง ชัดเจน .… พระองค์ประทานสิทธิ์เสรีให้มนุษย์เพื่อเขาจะเลือกได้ด้วยตนเอง

ชีวิตมีอยู่สามส่วนหรือสามสถานะได้แก่ ชีวิตก่อนเกิด ชีวิตมรรดัย และชีวิต อมตะ.… การประพฤติปฏิบัติในสถานะหนึ่งจะมีผลอย่างมากต่อสถานะหลัง จากนั้น ถ้าบุคคลหนึ่งรักษาสถานะแรก เขาจะได้รับอนุญาตให้อยู่ในสถานะที่ สองหรือชีวิตมรรตัยซึ่งเป็นอีกช่วงหนึ่งของการทดลองและประสบการณ์ ถ้า เขาขยายสถานะที่สองหรือประสบการณ์บนโลกนี้ ชีวิตนิรันดร์รอเขาอยู่6

แม้เราจะจำเรื่องราวชีวิตก่อนเกิดไม่ได้ แต่ก่อนมายังโลกนี้เราต่างก็เข้าใจ ชัดเจนถึงจุดประสงค์ของการดำรงอยู่ที่นี่ พระองค์ทรงคาดหวังให้เราตักตวง ความรู้ ให้การศึกษาแก่ตนเอง และฟึกฝนตนเอง เราต้องควบคุมความทะยาน อยากและความปรารถนาของเรา เป็นนายและควบคุมกิเลสตัณหาของเรา เอา ชนะความอ่อนแอของเรา ทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ เราต้องขจัดบาปของการ ละเลยและการทำผิด ทำตามกฎและพระบัญญัติที่พระบิดาประทานแก่เรา .…

เราเข้าใจด้วยว่าหลังจากช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจากวินาทีเป็นทศ วรรษของชีวิตมรรตัย เราจะตาย ร่างกายของเราจะกลับสู่แผ่นดินแม่ที่สร้างมัน ขึ้นมา วิญญาณของเราจะไปสู่โลกแห่งวิญญาณ ที่ซึ่งเราจะฟึกปรือเพิ่มเติมเพื่อ จุดหมายนิรันดร์ของเรา หลังจากนั้น จะมีการฟื้นคืนชีวิตหรือการกลับมารวม กันของร่างกายและวิญญาณ ซึ่งจะทำให้เราเป็นอมตะและปีนสูงขึ้นสู่ความดี พร้อมและความเป็นพระผู้เป็นเจ้า การฟื้นคืนชีวิตครั้งนี้มีผลต่อเราโดยผ่านการ เสียสละของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ พระผู้สร้างโลกนี้ ผู้ทรงปฎิบัติการรับใช้อัน หาใดเทียบได้นี้เพื่อเรา—การอัศจรรย์ที่เราไม่สามารถกระทำด้วยตนเอง เพราะ เหตุนี้ทางจึงเปิดรับความเป็นอมตะของเราและ—ถ้าเราพิสูจน์ว่ามีค่าควร นั่นคือ ความสูงส่งอันไม่คาดฝันในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า7

เราเข้าใจดีก่อนมาสู่หุบเขาแห่งนํ้าตานี้ว่าจะมีความเศร้าโศก ความผิดหวัง งานหมัก เลือด หยาดเหงื่อ และนํ้าตา แต่ทั้งๆ ที่รู้ เราก็ยังมองลงมาและเห็น ว่าโลกนี้กำลังถูกเตรียมไว้เพื่อเรา และเรากล่าวในทำนองนี้ “พระบิดาเจ้าข้า แม้ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้น แต่ลูกก็เห็นพรมากมายที่จะมาถึงลูกในฐานะบุตรหรือ ธิดาคนหนึ่งของพระองค์ ในการรับร่างกายนั้น ลูกเห็นได้ว่าในที่สุดลูกจะเป็น อมตะเช่นพระองค์ ลูกจะเอาชนะผลของบาปได้และถูกทำให้ดีพร้อม และด้วย เหตุนี้ลูกจึงอยากจะไปที่โลกนั้นเมื่อมีโอกาส” และด้วยเหตุนี้เราจึงมา8

ความเป็นมรรตัยคือเวลาเตรียมพบพระผู้เปืนเจ้า

เราซึ่งเป็นมนุษย์อยู่บนแผ่นตินโลกเวลานี้อยู่ใน สถานะที่สอง ของเรา การ อยู่ที่นึ่ในร่างมรรตัยยืนยันข้อเท็จจริงที่ว่าเรา “รักษา” สถานะแรกของเรา สสารวิญญาณของเราเป็นนิรันดร์และดำรงอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า แต่พระบิดาบน สวรรค์ทรงจัดองค์ประกอบสสารนั้นใหเป็นร่างวิญญาณ ร่างวิญญาณของเราผ่าน ช่วงเวลาอันยาวนานของการเติบโต การพัฒนา และการฟึกฟน ผ่านการทด สอบมาได้ด้วยดี และในที่สุดก็ได้รับอนุญาตให้มายังโลกนี้มาสู่ความเป็นมรรตัย

จุดประสงค์ที่แน่ชัดประการหนึ่งของการมายังโลกนี้ของวิญญาณของเราและ รับเอาสภาพมรรตัยคือเพื่อรับร่างกาย ร่างกายจะต้องขึ้นอยู่กับความอ่อนแอ การ ล่อลวง จุดอ่อนและขีดจำกัดทุกอย่างของความเป็นมรรตัย และต้องเผชิญการ ท้าทายเพื่อเอาชนะตนเอง9

ท่านถูกส่งมายังโลกนี้ไม่ใช่เพื่อมีความสุขสบายหรือเพื่อสนองความทะยาน อยากหรือกิเลสตัณหาหรือความปรารถนา… และมีสิ่งที่โลกเรีอกว่า “ควาน สนุกสนาน” เท่านั้น

ท่านถูกส่งมายังโลกนี้พร้อมจุดประสงค์ที่สําคญมาก นั่นคือ ท่านถูกส่งมาโรง เรียนเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าวเริ่มตั้งแต่เป็นทารกและเติบโตตามสัดส่วนที่ยาก จะเชื่อได้ในปัญญา วิจารณญาณ ความรู้ และพลัง10

ข้อบกพร่องร้ายแรงนึ่สุดอย่างหมึ่งของมนุษย์ทุกยุคทุกสมยคือการผัดวัน ประกันพรุ่ง การไม่เต็มใจยอมรับความรับผิดชอบส่วนตัว เดี๋ยวนี้ มนุษย์มายัง แผ่นดินโลกโดยมีสํานึกว่าต้ องศึกษาหากวามรู้ ฟึกผ่น พัฒนาตนเอง และทําให้ ตนดีพร้อม แต่คนจำนวนมากยอมให้ตนหันเหไปทางอื่นและ… มัวเมาลุ่มหลง อยู่ในความเกียจคร้านทางจิตใจ ทางวิญญาณ และการเสาะแสวงหาความพอใจ ทางโลก11

ชีวิตมรรตัยคือเวลาเตรียมพบพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งเป็นความรับผิดชอบอันดับ แรกของเรา เราได้รับร่างกายซึ่งเป็นที่อยู่ถาวรของวิญญาณเราชั่วนิรันดร์ จึงเป็น เวลาที่ต้องฟึกร่างกาย ความคิด และวิญญาณของเรา สิ่งสำคัญที่สุดคือเราต้อง ใช้ชีวิตนี้เพื่อทำให้ตัวเราดีพร้อม พิชิตเนื้อหนัง ทำให้ร่างกายอยู่ใต้อำนาจของ วิญญาณ เอาชนะความอ่อนแอทุกอย่าง ปกครองตนเองทั้งนี้เพื่อเราจะเป็นผู้นำ ให้แก่คนอื่นๆ และประกอบพิธีการทั้งหมดที่จำเป็น12

พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์นี้นำวิสีของเรา เพื่อกลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ของเรา

เพื่อตรวจหาจุดหมายที่เราไม่เคยไปมาก่อนเรามักจะใช้แผนที่… พระเจ้าพระ เยซูคริสต์ พระผู้ไถ่และพระผู้ช่วยให้รอดของเราประทานแผนที่แก่เรา—ประ มวลกฎและพระบัญญ้ติเพื่อให้เราบรรลุถึงความดีพร้อมและความเป็นพระผู้เป็น เจ้าในที่สุด กฎและพิธีการชุดนี้คือสิ่งที่รู้จักกันว่าเป็นพระกิตติคุณของพระเยซู คริสต์ และเป็นแผน เดียว ที่จะทำให้มนุษยชาติสูงส่ง ศาสนาจักรของพระเยซู คริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้ายคือแหล่งที่อุดมสมบูรณ์เพียงแหล่งเดียวของโปรแกรมอันลํ้าค่านี้ ซึ่งมีผลต่อผู้ยอมรับ13

พระเจ้าทรงฟื้นฟูอาณาจักรของพระองค์ในวันเวลาเหล่านี้ พร้อมของประทาน พลัง และพรทั้งหมด ศาสนาจักรอื่นที่ท่านรู้จักอาจจะสามารถพาท่านไปได้ไกล นำสันติสุข ความสุข และพรมาใหุ้ท่านได้ในระดับหนึ่ง และสามารถพาท่านไป ถึงม่านได้แต่จะปล่อยท่านลงตรงนั้น ศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์มารับท่าน ในด้านนี้ของม่านและถ้าท่านดำเนินชีวิตตามพระบัญญัติ จะพาท่านผ่านม่าน ราวกับไม่มีม่านอยู่ตรงนั้นและเดินทางต่อผ่านความเป็นนิรันดร์สู่ความสูงส่ง14

พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์คือแผนนิรันดร์แห่งความรอด คือแผนที่พระ ผู้เป็นเจ้า พระบิดานิรันดร์ของเราทรงออกแบบและประกาศเพื่อความรอดของ ทุกคนที่จะเชื่อและเชื่อฟัง15

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของชีวิตนิรันดร์และความสูงส่งและความเป็นพระผู้ เป็นเจ้า เราต้องเริ่มเข้าสู่อาณาจักรโดยบัพติศมาที่ประกอบพิธีอย่างถูกต้อง เรา ต้องได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ้โดยการวางมือของผู้มีอำนาจ ผู้ชายต้องไต้รับการ วางมือแต่งตั้งสู่ฐานะปุโรหิตโดยผู้ดำรงฐานะปุโรหิตที่ไต้รับมอบอำนาจ เราต้อง ได้รับการประสาทพรและการผนึกในพระนิเวศของพระผู้เป็นเจ้าโดยศาสดาผู้ถือ กุญแจและโดยผู้ไต้รับมอบกุญแจ และเราต้องดำเนินชีวิตในความชอบธรรม ความสะอาด ความบริสุทธี้ และการรับใช้ ไม่มีใครเข้าสู่ชีวิตนิรันดร์ใด้โดยทาง อื่นนอกจากทางประตูที่ถูกด้อง นั่นคือ พระเยซูคริสต์และพระบัญญ้ติของพระ องค์16

พระเยซูทรงทำให้พระชนม์ชีพของพระองค์ดีพร้อมและทรงเป็นพระคริสต์ ของเรา พระโลหิตลํ้าค่าของพระผู้เป็นเจ้าองค์หนึ่งถูกหลั่ง และพระองค์ทรงเป็น พระผู้ช่วยให้รอดของเรา พระองค์ทรงสละพระชนม์ชีพที่ดีพร้อมของพระองค์ และทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเรา การชดใช้ของพระองค์ทำให้เราสามารถกลับไปหา พระบิดาบนสวรรค์ของเราไต้17

ประโยชน์อันยิ่งใหญ่ ยอดเยี่ยม และน่าอัศจรรย์แห่งการชดใช้ของพระผู้ช่วย ให้รอดจะมีผลอันสมบูรณ์ของการช่วยให้เรารอดไม่ได้หากเราไม่กลับใจ18

เรารู้สึกซาบซึ้งที่พระบิดาบนสวรรค์ประทานพรเราด้วยพระกิตติคุณแห่งการ กลับใจ อันเป็นศูนย์กลางของทั้งหมดที่ประกอบเป็นแผนพระกิตติคุณ การกลับ ใจคือกฎแห่งการเติบโตของพระเจ้า หลักธรรมแห่งการพัฒนาของพระองค์ และ แผนแห่งความสุขของพระองค์ เรารู้สึกซาบซึ้งยิ่งที่เรามืคำสัญญาอันแน่ชัดของ พระองค์ว่าที่ใดมืบาปและความผิด ที่นั่นจะต้องมีการกลับใจที่จริงใจและมาก พอเพื่อจะได้รับการอภัยเป็นการตอบแทน

“บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา และเราจะให้ ท่านทั้งหลายหายเหนื่อย” พระอาจารย์ตรัส (มัทธิว 11:28)

เรื่องน่ายินดีเกี่ยวกับสาระทั้งหมดของการกลับใจคือ พระคัมภีร์เต็มไปด้วย พระดำรัสรับรองของพระเจ้าที่ว่าพระองค์จะทรงอภัยเท่าๆ กับเต็มไปด้วยพระ บัญชาให้เรากลับใจ เปลี่ยนแปลงชีวิต และทำชีวิตให้สอดคล้องกับคำสอนที่ ยอดเยี่ยมของพระองค์

พระผู้เป็นเจ้าทรงคุณความดี พระองค์ทรงกระตือรือร้นที่จะให้อภัย พระองค์ ทรงประสงค์ให้เราทำตนดีพร้อมและควบคุมตนเอง พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้ ซาตานและคนอื่นๆ ควบคุมชีวิตเรา เราต้องเรียนรู้ว่าการรักษาพระนัญญ้ติของ พระบิดาบนสวรรค์เป็นเล้นทาง เดียว สู่การควบคุมตนเองทั่วทุกด้าน เป็นวิธี เดียวที่จะพบความปีติยินดี ความจริง และสัมฤทธิผลในชีวิตนี้และในนิรันดร19

คลังแห่งความสุขถูกไขให้ผู้ดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไน ความบริสุทธิ์และความเรียบง่าย… ความมั่นใจถึงความสุขสูงสุด ความแน่ นอนของชีวิตที่ประสบความสำเร็จที่นี่และความสูงส่งและชีวิตนิรันดร์หลังจาก นี้ มาถึงผู้มีแผนจะดำเนินชีวิตในความสอดคถ้องโดยสมบูรณ์กับพระกิตติคุณ ของพระเยซูคริสต์—และดำเนินตามวิถีที่วางไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย20

เฉพาะผู้กล้าและผู้ซื่อสัตย์เท่านั้นจึงจะได้รับความสูงส่ง

ถ้าเราแน่วแน่และซื่อสัตย์ เราจะฝื้เนขึ้นมาไม่เฉพาะในความเป็นอมตะเท่า นั้นแต่สู่ชีวิตนิรันดร์ด้วย ความเป็นอมตะคือการมีชีวิตอยู่ตลอดกาลในอาณาจักร ที่ได้รับ ชีวิตนิรันดร์คือการได้ความสูงส่งในสวรรค์สูงสุดและมีชีวิตอยู่ในหน่วย ครอบครัว21

ชายคนหนึ่งพูดเมื่อหลายวันก่อนว่า สิงเดียวที่เขาไม่ชอบศาสนาจักรมอรมอน คือ ศาสนาจักรนี้อ้างวุ่นป็นแห่งเดียวที่มนุษย์จะรอดได้ ข้าพเจ้ากล่าวว่า “โอ้ ไม่ เราไม่ได้อ้างเช่นนั้น เราพูตว่าคนดีทุกคนในทุกศาสนาและคนดีทุกคนที่ไม่ นับถือศาสนาใดจะรอดแต่มีความรอดหลายระดับ…”22

คนที่ดำเนินชีวิตตามแบบของโลกจะไปสู่อาณาจักรชั้นต้นซึ่งมีรัศมีภาพเท่า ดวงดาว

คนที่ประพฤติชอบ ซื่อตรง มีชีวิตที่ดีและน่าเคารพนับถือจะไปสู่อาณาจักร ชั้นกลางซึ่งมีรัศมีภาพเท่าดวงจันทร์

คนที่เชื่อในพระคริสต์ ละทิ้งโลก รับเอาพระวิญญาณคักดิ์สิทธิ์เป็นผู้นำทางเขา และยอมวางทุกสิ่งไว้บนแท่น คนที่รักษาพระนัญญ้ติของพระผู้เป็นเจ้า— เขาจะไปสู่อาณาจักรชั้นสูงซึ่งมีรัศมีภาพเท่าดวงอาทิตย์23

ถนนแห่งชีวิตมีเครื่องหมายชัดเจนตามชุดประสงค์ของพระเจ้า แผนที่พระ กิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไว้ให้แก่นักเดินทาง ชุดหมายปลายทางของชีวิตนิรันดร์ถูกกำหนดไว้อย่างชัดเจน พระบิดาทรงรออยู่ตรงปลายทางนั้นโดยหวังว่า จะไต้ต้อนรับลูกๆ ที่กำลังกลับมา แต่น่าเสืยดายที่จะมีหลายคนไปไม่ถึง24

เหตุใดจึงมีเพียงไม่กี่คนบรรลุความสูงส่งในอาณาจักรชั้นสูง ไม่ใช่เพราะอา ณาจักรนั้นไม่มีไว้ให้เขา ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้ว่ามีอาณาจักรไว้ให้ ไม่ใช่เพราะเขา ไม่ได้รับประจักษ์พยาน แต่เพราะเขาไม่พยายามเต็มที่เพื่อวางแบบฉบับชีวิต ทำให้เหมือนพระชนม์ชีพของพระผู้ช่วยให้รอด และสร์างชีวิตให้มั่นคงเพื่อจะ ไม่มีการเดินออกนอกลู่นอกทางจนถึงที่สุด25

มี… สมาชิกจำนวนมากของศาสนาจักรที่ย่อหย่อน เฉื่อยชา และผัดวันประ กันพรุ่งอยู่เป็นประจำ พวกเขาดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณอย่างผิวเผินแต่ไม่ ทุ่มเท พวกเขาทำตามข้อกำหนดบางอย่างแต่ไม่กล้าหาญ พวกเขาไม่ทำผิดร้ายแรง เพียงแต่ไม่ทำสิ่งที่เรียกร้อง—เช่น การจ่ายส่วนสิบ ดำเนินชีวิตตามพระวาจาแห่งปัญญา สวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว อดอาหาร เข้าร่วมการประชุม รับ ใช้…

… พระเจ้าจะไม่ทรงตีความหวัง ความปรารถนา และความตั้งใจดีของใครก็ ตามเป็นผลงาน แต่ละคนต้องทำสิ่งเหล่านั้นด้วยตนเอง …

เฉพาะผู้กล้าเท่านั้นจึงจะได้รับความสูงส่งและรัศมีภาพระดับสูงสุด เพราะ เหตุนี้ “หลายคนจึงถูกเรียก แต่น้อยคนได้รับเลือก” (ค.พ. 121:40) ดังที่พระ ผู้ช่วยให้รอดตรัสว่า “… ประตูซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็คับและทางก็แคบ ผู้ที่หาพบก็มีห้อย” ตรงกันข้าม “… ประตูใหญ่ และทางกว้างซึ่งนำไปถึงความพินาศ และคนที่เข้าไปทางนั้นมีมาก” (มัทธิว 7:13, 14)

เป็นจริงที่ว่าสิทธิชนยุคสุดท้ายจำนวนมาก ทั้งที่รับบัพติศมาและการยืนยัน เป็นสมาชิกของศาสนาจักร และบางคนถึงกับได้รับเอ็นดาวเม้นท์ แต่งงาน และผนึกในพระวิหารศักดี้สิทธิ์แล้ว รู้สึกว่าพวกเขาจะต้องได้รับพรแห่งความ สูงส่งและชีวิตนิรันดร์อย่างแน่นอน แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ มีข้อกำหนดเบื้อง ต้นสองประการที่จิตวิญญาณทุกดวงต้องทำมิฉะนั้นเขาจะไม่ได้พรมากมายที่ มอบให้เขา ต้อง ได้รับพิธีการและเขา ต้อง ซื่อสัตย์ โดยเอาชนะความอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ใช่ทุกคนที่อางเป็นสิทธิชนยุคสุดท้ายจะได้รับความสูงส่ง

แต่สำหรับสิทธิชนยุคสุดท้ายเหล่านั้นที่กล้าหาญ ทำตามข้อกำหนดอย่างซื่อ สัตย์และครบล้วน คำสัญญาเหล่านั้นน่าชื่นชมเกินพรรณนา

“เมื่อนั้นเขาจะเป็นพระผู้เป็นเจ้า เพราะเขาไม่มีที่สุด ฉะนั้นเขาจะเป็นอยู่จาก ความเป็นนิจถึงความเป็นนิจ เพราะเขาดำเนินต่อไป เมื่อนั้นเขาจะอยู่เหนือทุก สิง เพราะทุกสิงขึ้นอยู่กับเขา เมื่อนั้นพวกเขาจะเป็นพระผู้เป็นเจ้าเพราะเขามี อำนาจทั้งหมดและเทพขึ้นอยู่กับเขา” (ค.พ. 132:20)26

เมื่อคนๆ หนึ่งตระหนักถึงความกว้างใหญ่ไพศาล ความอุดม และรัศมีภาพ ของ “ทั้งหมด” ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาจะมอบให้ผู้ซื่อสัตย์ ย่อมคุ้มค่าที่จะทำ ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในความอดทน ศรัทธา การเสืยสละ หยาดเหงื่อ และนํ้าตา พรของนิรันดรใน “ทั้งหมด” นี้จะนำความเป็นอมตะและชีวิตอันเป็นนิจ การ เติบโตนิรันดร การเป็นผู้นำที่สูงส่ง การเพิ่มพูนนิรันดร์ ความดีพร้อม และ ความเป็นพระผู้เป็นเจ้ามาให้มนุษย์27

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ–ⅸ

  • อ่านทวนย่อหน้าที่สามในหน้า 2 และย่อหน้าที่สามทั้งหมดในหน้า 3 ซึ่ง ประธานคิมนัลล์พูดถึงการตอบรับแผนของพระบิดาบนสรรค์ก่อนเราเกิด ท่านคิดว่าเหตุใดเราจึงตอบรับแบบนั้น

  • อ่านทวนย่อหน้าที่สองและสามในหน้า 4 ท่านทำอะไรเพื่อหาความเพลิด เพลินในชีวิตโดยไม่มองข้าม “จุดประสงค์ที่สำคัญ” ของท่าน

  • ศึกษาคำสอนของประธานคิมบัลล์เกี่ยวกับจุดประสงค์ของความเป็นมรรตัย ในหน้า 3–5 ตามคำสอนเหล่านี้ ท่านคิดว่าเหตุใดการผัดวันประกันพรุ่งจึง เป็น “ข้อบกพร่องร้ายแรงที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์” เราจะเอาชนะนิสัยดัง กล่าวได้อย่างไร

  • ประธานคิมบัลล์สอนว่า พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์เป็นเหมือนแผนที่ซึ่ง นำเราไปส่ความสูงส่ง (หน้า 5–7) ไตร่ตรองว่าท่านอยู่ตรงไหนในการเดิน ทางครั้งนี้ และท่านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อก้าวหน้าต่อไป

  • ท่านคิดว่ากล้าหาญในพระกิตติคุณหมายถึงอะไร (ดูตัวอย่างหน้า 7–9 และ เรื่องราวในหน้า 1) เหตุใดการเป็นสมาชิกศาสนาจักรและความรูในพระกิต ติคุณจึงไม่เพียงพอที่จะได้รับความสูงส่งในอาณาจักรชั้นสูง

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: ยากอบ 1:22; แอลมา 34:30–41; 3 นีไฟ 27:13–22; ค.พ. 76:50–93; เอบราแฮม 3:22–26

อ้างอิง

  1. ใน Robert D. Hales, “Friend to Friend: I Am a Child of God,” Friend, Mar. 1978, 9.

  2. เพลงสวด บทที่ 149.

  3. ใน Conference Report, Apr. 1964, 94; หรือ Improvement Era, June 1964, 496.

  4. The Teachings of Spencer W. Kimball, ed. Edward L. Kimball (1982), 28.

  5. “Absolute Truth,” Ensign, Sept. 1978, 5.

  6. The Miracle of Forgiveness (1969), 4.

  7. The Miracle of Forgiveness, 5–6.

  8. The Teachings of Spencer W. Kimball, 31.

  9. The Miracle of Forgiveness, 5.

  10. The Teachings of Spencer W. Kimball, 31.

  11. The Miracle of Forgiveness, 7.

  12. “Beloved Youth, Study and Learn,” in Life’s Directions (1962), 177–78.

  13. The Miracle of Forgiveness, 6.

  14. The Teachings of Spencer W. Kimball, 49–50.

  15. ใน Conference Report, Oct. 1978, 108; หรือ Ensign, Nov. 1978, 71.

  16. The Miracle of Forgiveness, 6.

  17. “President Kimball Speaks Out on Profanity,” Ensign, Feb. 1981, 5.

  18. “The Gospel of Repentance,” Ensign, Oct. 1982, 5.

  19. Ensign, Oct. 1982, 2.

  20. The Miracle of Forgiveness, 259.

  21. ใน Conference Report, Oct. 1978, 109; หรือ Ensign, Nov. 1978, 72.

  22. The Teachings of Spencer W. Kimball, 50.

  23. ใน Conference Report, Oct. 1978, 109; หรือ Ensign, Nov. 1978, 72.

  24. The Miracle of Forgiveness, 19.

  25. The Teachings of Spencer W. Kimball, 51–52.

  26. The Miracle of Forgiveness, 7–8, 9.

  27. The Miracle of Forgiveness, 311.

family singing

ตามที่ประธานฤีมบัลล์แนะนำ สร้อยเพลง “ฉันลูกพระผู้เป็นเจ้า” ลงท้ายดังนี้ “สอนฉันทูกอย่างที่ต้องทำเผำนักกับพระอีก”

newborn baby

“จุดประสงฤ์ที่แน่ชัดประการหนี่งบองการมายังโลกนี้บองวีญญาณบองเรา และรับเอาสกาพมรรตัยฤือเพื่อรับร่างกาย”

Christ in Gethsemane

“พระเยซูทงทำให้พระชนม์ชีพบวงพระวงฦีพร้วม์เเละทรงเป็นพระ ฦ รีสต์บวเรา … การดใช้บวงพระ วงฦทำให้ เร าสามารฤกลัขไปหาพระบีงาบนสวรรฦ์บวงเราได้”