บทที่ 21
การเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความรักและความชอบธรรม
คำนำ
“บิดามารดามีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความรักและความชอบธรรม” (“ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 165) บิดามารดาช่วยทำหน้าที่นี้ให้สำเร็จเมื่อพวกเขาแสดงความรักและประจักษ์พยานในคำพูดและการกระทำ สร้างนิสัยของการจัดสังสรรค์ในครอบครัว การสวดอ้อนวอนกับครอบครัว และการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวเป็นประจำ
ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน
-
ริชาร์ด จี. สก็อตต์, “ทำให้การใช้ศรัทธาเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2014, 92–95
-
เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “การสวดอ้อนวอนให้เด็ก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 107–110
ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน
ลูกา 15:11–20; เอเฟซัส 6:4
ความรับผิดชอบของบิดามารดาคือรักและดูแลบุตรธิดาของตน
เล่าคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง
“เมื่อลูกสาวคนเล็กของเราอายุราวสี่ขวบ ข้าพเจ้ากลับบ้านหลังจากเลิกงานที่โรงพยาบาลค่ำวันหนึ่ง ข้าพเจ้าเห็นภรรยาที่รักเหนื่อยมาก … ข้าพเจ้าจึงอาสาพาลูกสี่ขวบของเราเข้านอน ข้าพเจ้าเริ่มออกคำสั่ง “‘ถอดเสื้อแขวนไว้ตรงนั้น สวมชุดนอน แปรงฟัน สวดอ้อนวอน และอื่นๆ สั่งแบบนายสิบในกองทหาร เธอเอียงศีรษะไปด้านหนึ่งทันที มองข้าพเจ้าสายตาละห้อย และถามว่า ‘พ่อคะ พ่อเป็นเจ้าของหนูหรือคะ’
“เธอสอนบทเรียนสำคัญแก่ข้าพเจ้า … ไม่ เราไม่ได้เป็นเจ้าของลูกๆ ของเรา สิทธิพิเศษของการเป็นบิดามารดาคือ รักพวกเขา นำพวกเขา และปล่อยพวกเขาไป” (“Listen to Learn,” Ensign, May 1991, 22)
-
เอ็ลเดอร์เนลสันสอนหลักธรรมอะไรจากประสบการณ์นี้ (บิดามารดามีสิทธิพิเศษของการรักและนำบุตรธิดาของพวกเขา)
อ่านหรือให้ดูข้อความต่อไปนี้จากถ้อยแถลงเรื่องครอบครัว ะขอให้นักศึกษาระบุคำและประโยคสำคัญ “สามีและภรรยามีความรับผิดชอบสำคัญที่จะรักและดูแลกันรวมทั้งรักและดูแลบุตรธิดาของตน … บิดามารดามีหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่จะเลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความรักและความชอบธรรม” (“ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 165) ถามนักศึกษาว่าคำสำคัญอะไรเด่นชัดที่สุดและเหตุใด หากจำเป็น ให้ถามว่า
-
ท่านคิดว่าเหตุใดจึงใช้คำว่า “สำคัญ” และ “ศักดิ์สิทธิ์” เพื่อพูดถึงความรับผิดชอบและหน้าที่ของบิดามารดา
บอกนักศึกษาว่าพระผู้ช่วยให้รอดทรงสอนอุปมาที่แสดงให้เห็นว่าบุตรธิดาที่ได้รับการเลี้ยงดูด้วยความรักสามารถวางใจในสัมพันธภาพครอบครัวของเขาต่อไปได้อย่างไร เชื้อเชิญให้นักศึกษาอ่าน ลูกา 15:11–20 ในใจโดยมองหาหลักฐานยืนยันว่าบุตรเสเพลรู้ว่าบิดารักเขา หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้ว เชื้อเชิญให้นักศึกษาแบ่งปันสิ่งที่พบ
เพื่อช่วยให้นักศึกษาเข้าใจบิดาในอุปมา เชิญนักศึกษาคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์โรเบิร์ต ดี. เฮลส์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง
“ในอุปมาเรื่องบุตรที่หายไป เราพบบทเรียนอันทรงพลังสำหรับครอบครัวและโดยเฉพาะบิดามารดา หลังจากบุตรคนเล็ก ‘สำนึกตัว’ [ลูกา 15:17] เขาก็ตัดสินใจกลับบ้าน
“เขารู้ได้อย่างไรว่าบิดาจะไม่ปฏิเสธเขา เพราะเขารู้จักบิดา เนื่องด้วยความเข้าใจผิดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความขัดแย้ง และความโง่เขลาในวัยเยาว์ของบุตรชาย ข้าพเจ้านึกภาพบิดาเขาคงมีใจเมตตาและคงจะอยู่ที่นั่นพร้อมคำตอบที่อ่อนโยน หูที่คอยฟัง ใจที่เข้าใจ และอ้อมกอดที่ให้อภัย ข้าพเจ้าจินตนาการได้เช่นกันว่าบุตรชายคงรู้ว่าเขากลับบ้านได้เพราะเขารู้จักบ้านที่คอยเขาอยู่ว่าเป็นบ้านแบบไหน” (“ด้วยความรู้สึกทั้งหมดของบิดามารดาที่ปรานีบุตร: ข่าวสารแห่งความหวังที่มาถึงครอบครัว,” เลียโฮนา, พ.ค. 2004, 110-111)
-
เอ็ลเดอร์เฮลส์บอกอะไรที่เป็นการแสดงความรักจากบิดา บิดามารดาทำอะไรอีกบ้างซึ่งทำให้เกิดสภาพแวดล้อมที่รักและดูแลกันในบ้าน (ท่านอาจจะใช้ เอเฟซัส 6:4 เสริมการสนทนาคำถามนี้ในชั้นเรียน)
-
ท่านเคยเห็นแบบอย่างอะไรบ้างของบิดามารดาผู้แสดงความรักต่อบุตรธิดา
-
ท่านทำอะไรตอนนี้เพื่อเตรียมรักและดูแลบุตรธิดาของท่านเองในวันข้างหน้า
หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:25-28; 93:36-40
การเลี้ยงดูบุตรธิดาในความชอบธรรม
ให้ดูรูปเด็กเล็ก อาจเป็นรูปลูกของท่านเอง
-
คำสอนอะไรบ้างที่เด็กคนหนึ่งจำเป็นต้องรู้เพื่อพัฒนาทางวิญญาณ
ขอให้นักศึกษาพิจารณาคำถามข้อนี้ขณะศึกษาและเปรียบเทียบคำสอนที่พบใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 93:36-40 และ 68:25-28 (หมายเหตุ: “ข้อความพระคัมภีร์หรือหลักคำสอนหรือหลักธรรมมักจะกระจ่างชัดเมื่อนำมาเปรียบเทียบ” กับพระคัมภีร์อีกข้อหนึ่ง [Gospel Teaching and Learning (2012), 22])
-
เราสามารถเรียนรู้หลักธรรมอะไรจากข้อเหล่านี้เกี่ยวกับความรับผิดชอบของบิดามารดา (ถึงแม้นักศึกษาจะใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรเข้าใจหลักธรรมต่อไปนี้ บิดามารดาเชื่อฟังพระบัญชาของพระเจ้าเมื่อพวกเขาเลี้ยงดูบุตรธิดาในความสว่างและความจริง อธิบายว่าในบริบทของข้อเหล่านี้ “ความสว่าง” หมายถึงความรู้ทางวิญญาณและการเข้าใจหลักธรรมที่ชอบธรรม)
-
เหตุใดบิดามารดาจึงจำเป็นต้องสอนบุตรธิดาให้รู้หลักธรรมและศาสนพิธีแห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในบ้าน
เพื่อช่วยตอบคำถามนี้ ให้แบ่งปันข้อความต่อไปนี้จากประธานบอยด์ เค. แพคเกอร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง
“พระคัมภีร์พูดถึง ‘โล่แห่งศรัทธาซึ่งด้วยสิ่งนั้น’ พระเจ้าตรัส ‘เจ้าจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของคนชั่วร้าย’ (คพ. 27:17)
“โล่แห่งศรัทธาผลิตได้ดีที่สุดในอุตสาหกรรมครัวเรือน [ในบ้าน] แม้โล่จะถูกขัดเงาในชั้นเรียนและกิจกรรมของศาสนจักร แต่ต้องทำด้วยฝีมือคนในบ้านและสวมให้พอดีตัวแต่ละคน” (ดู “อย่ากลัว,”เลียโฮนา, พ.ค. 2004, 97-98)
-
ท่านเคยเห็นบิดามารดาสอนหลักธรรมอย่างมีประสิทธิภาพแก่บุตรธิดาซึ่งนำพวกเขาไปสู่ความสว่างและความจริงอย่างไร
-
ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:25 บอกว่าจะเกิดผลอะไรกับบิดามารดาผู้รู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์แต่ไม่สอนหลักธรรมพระกิตติคุณแก่บุตรธิดาของตน (ช่วยให้นักศึกษาเข้าใจหลักธรรมนี้ บิดามารดาผู้รู้พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์จะต้องชี้แจงต่อพระผู้เป็นเจ้าถ้าพวกเขาไม่สอนหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณแก่บุตรธิดาของตน
อธิบายว่าผู้นำศาสนจักรได้บอกหลักปฏิบัติอันชอบธรรมหลายต่อหลายครั้งที่บิดามารดาควรนำมาใช้ในบ้านเพื่อสอนหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณแก่บุตรธิดาของตน
แจกเอกสารที่อยู่ท้ายบทให้นักศึกษาแต่ละคน และอ่านคำแนะนำในเอกสารแจก หลังจากให้เวลาพอสมควรแล้วและเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์กระตุ้นเตือน ให้ถามคำถามทำนองนี้
-
ท่านได้ประโยชน์อย่างไรจากการปฏิบัติทั้งสามอย่างนี้ในครอบครัว
-
ท่านคิดว่าเหตุใดจึงสำคัญที่ต้องพัฒนานิสัยของการสวดอ้อนวอน การศึกษาพระคัมภีร์ และการจัดสังสรรค์ในครอบครัวก่อนที่ท่านจะแต่งงานและเริ่มมีบุตร
เพื่อช่วยให้นักศึกษาเข้าใจว่ามีสภาวะแวดล้อมอื่นอีกที่บิดามารดาสามารถสอนหลักธรรมพระกิตติคุณแก่บุตรธิดาได้ ให้แบ่งปันคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์และเอ็ลเดอร์เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์
“บิดามารดาพึงระแวดระวังและเอาใจใส่ทางวิญญาณในการหาโอกาสแสดงประจักษ์พยานแก่ลูกๆ ให้เป็นปกติวิสัย ไม่จำเป็นต้องวางแผน กำหนดเวลา หรือเขียนบท อันที่จริง ยิ่งเตรียมการน้อยเท่าใด การแบ่งปันประจักษ์พยานยิ่งจรรโลงใจและส่งผลยั่งยืนเท่านั้น …
“ตัวอย่างเช่น การสนทนาในครอบครัวที่เกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติที่โต๊ะอาหารอาจเป็นบรรยากาศเหมาะให้บิดามารดาเล่าและเป็นพยานถึงพรใดพรหนึ่งที่ได้รับระหว่างการดำเนินชีวิตประจำวันของวันนั้น” (เดวิด เอ. เบดนาร์, “จงระวังตัวด้วยความเพียรทุกอย่าง,”เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 52)
“จงดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณให้เห็นชัดที่สุด รักษาพันธสัญญาที่ลูกรู้ว่าท่านทำไว้ ให้พรฐานะปุโรหิต และแสดงประจักษ์พยานของท่าน! อย่าทึกทักว่าลูกจะเข้าใจความเชื่อของท่านด้วยตัวเขาเอง …
“… ลูกของเรารู้หรือไม่ว่าเรารักพระคัมภีร์ เขาเห็นหรือไม่ว่าเราอ่านพระคัมภีร์ ทำเครื่องหมาย และนำมาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ลูกของเราเคยไม่ตั้งใจเปิดประตูที่ปิดไว้และเห็นเราคุกเข่าสวดอ้อนวอนหรือไม่ เขาเคยได้ยินเราไม่เพียงสวดอ้อนวอน กับ พวกเขาเท่านั้นแต่สวดอ้อนวอน ให้ พวกเขาอันเกิดจากความรักที่เรียบง่ายของพ่อแม่หรือไม่ ลูกของเรารู้หรือไม่ว่าเราเชื่อเรื่องการอดอาหาร … เขารู้หรือไม่ว่าเราชอบอยู่ในพระวิหาร … เขารู้หรือไม่ว่าเรารักและสนับสนุนผู้นำที่ไม่ดีพร้อม ทั้งระดับท้องที่และระดับสามัญ … เด็กเหล่านั้นรู้หรือไม่ว่าเรารักพระผู้เป็นเจ้าสุดหัวใจ เราปรารถนาจะเห็นพระพักตร์—และกราบแทบพระบาท—พระบุตรองค์เดียวที่ถือกำเนิดจากพระองค์ ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนให้เขารู้เช่นนั้น” (เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “การสวดอ้อนวอนให้เด็ก,”เลียโฮนา, พ.ค. 2003, 109-110)
-
ท่านเคยเห็นบิดามารดาของท่านหรือบิดามารดาของผู้อื่นใช้โอกาสที่เกิดขึ้นสอนหลักธรรมพระกิตติคุณอย่างไร
-
เหตุใดจึงสำคัญที่บิดามารดาต้องดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณให้เห็นชัดที่สุด
-
ท่านกำลังทำอะไรเวลานี้เพื่อให้ความรู้ในพระกิตติคุณลึกซึ้งขึ้นทั้งนี้เพื่อท่านจะสามารถสอนความสว่างและความจริงแก่ลูกๆ ได้
เป็นพยานว่าบิดามารดาสามารถ “เลี้ยงดูบุตรธิดาด้วยความรักและความชอบธรรม” โดยนำทางพวกเขากลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ผ่านการรักพวกเขา สอนหลักธรรมพระกิตติคุณแก่พวกเขา และเป็นแบบอย่างที่ดี
สิ่งที่นักศึกษาควรอ่าน
-
ลูกา 15:11–20; เอเฟซัส 6:4; 2 ทิโมธี 3:15; 3 นีไฟ 18:21; หลักคำสอนและพันธสัญญา 68:25–28; 93:36–40
-
เจฟฟรีย์ อาร์. ฮอลแลนด์, “การสวดอ้อนวอนให้เด็ก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2003, 107–110