การแต่งงานระหว่างชายและหญิงได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า

คำนำ

พระบิดาบนสวรรค์ทรงสถาปนาแบบแผนอันศักดิ์สิทธิ์ของการแต่งงานไว้กับอาดัมและเอวาในสวนเอเดน ในสมัยของเรา ฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองยืนยันรูปแบบนี้โดยกล่าวว่า “การแต่งงานระหว่างชายและหญิงได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า” (“ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 165) ถึงแม้กฎของมนุษย์อาจพยายามปรับเปลี่ยนนิยามนี้ แต่กฎของพระผู้เป็นเจ้ายังคงเหมือนเดิมตลอดไป

ความรู้พื้นฐานที่ควรอ่าน

ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สัน, “หลักคำสอนของพระคริสต์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 50–53
ดัลลิน เอช. โอ๊คส์, “ห้ามมีพระผู้เป็นเจ้าอื่น,” เลียโฮนา, พ.ย. 2013, 72–75
เชอรี แอล. ดิว, “มันไม่ดีที่ชายหรือหญิงจะอยู่คนเดียว,”เลียโฮนา, ม.ค. 2002, 14–17
“The Divine Institution of Marriage,” mormonnewsroom.org/article/the-divine-institution-of-marriage.
Gospel Topics, “Same-Sex Marriage,” lds.org/topics.

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 49:15–17; โมเสส 3:21-24

การแต่งงานระหว่างชายและหญิงได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า

เขียนหลักคำสอนต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: “การแต่งงานระหว่างชายและหญิงได้รับการแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า” ถามนักศึกษาว่า คำว่า แต่งตั้ง ในประโยคนี้หมายถึงอะไร (คำตอบอาจได้แก่ บัญชา ประกาศิต หรือกำหนดโดยผู้มีสิทธิอำนาจเหนือกว่า) ถามนักศึกษาว่านิยามดังกล่าวช่วยให้พวกเขาเข้าใจความหมายของหลักคำสอนบนกระดานอย่างไร ขอให้นักศึกษาอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 49:15–17 ในใจเพื่อหาการกล่าวย้ำหลักคำสอนนี้ในพระคัมภีร์

ขอให้นักศึกษาหนึ่งคนอ่านออกเสียง โมเสส 3:21–24 เชื้อเชิญให้นักศึกษาที่เหลือหาดูว่าข้อพระคัมภีร์เหล่านี้พูดถึงขั้นตอนสำคัญขั้นใดในแผนแห่งความรอด (ขณะที่นักศึกษาตอบ ให้อธิบายว่าการอ้างถึงซี่โครงของอาดัมเป็นการอ้างเชิงสัญลักษณ์—พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงดึงซี่โครงของอาดัมออก ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักศึกษาเขียนนิยามต่อไปนี้ของคำว่า แนบสนิท ไว้ตรงช่องว่างริมหน้าพระคัมภีร์ของพวกเขา: “สร้างเอกภาพที่ใกล้ชิด ยั่งยืน และไม่สั่นคลอน”)

ท่านคิดว่าพระผู้เป้นเจ้าทรงต้องการสอนอะไรเราโดยตรัสถึงการสร้างร่างกายของเอวาในลักษณะนี้ (เอ็ลเดอร์รัสเซลล์ เอ็ม. เนลสัน แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองสอนว่า “ซี่โครงที่ดึงมาจากสีข้าง ดูเหมือนจะหมายถึงการเป็นหุ้นส่วน ซี่โครงมิได้หมายถึงการควบคุมหรือการจำยอม แต่หมายถึงความสัมพันธ์จริงๆ ในฐานะหุ้นส่วน ทำงานและดำเนินชีวิตเคียงข้างกัน” [“Lessons from Eve,” Ensign, Nov. 1987, 87])
เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจาก โมเสส 3:24 (เอ็ลเดอร์ดี. ทอดด์ คริสทอฟเฟอร์สันแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองกล่าวว่าพระผู้เป็นเจ้าทรง “รวม [อาดัมกับเอวา] ไว้เป็นสามีภรรยา ไม่ว่าเราหรือมนุษย์มรรตัยคนใดก็ตามไม่สามารถเปลี่ยนระเบียบอันสูงส่งนี้ของการแต่งงานได้ การแต่งงานไม่ใช่การประดิษฐ์คิดค้นของมนุษย์” [“เหตุผลที่แต่งงาน เหตุผลที่มีครอบครัว,” เลียโฮนา, พ.ค. 2015, 52])

ให้ดูคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์เดวิด เอ. เบดนาร์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง และเชิญนักศึกษาคนหนึ่งอ่านออกเสียง ขอให้ชั้นเรียนมองหาข้อคิดว่าเหตุใดพระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้การแต่งงานเกิดขึ้นเฉพาะระหว่างชายกับหญิงเท่านั้น

“หลังจากสร้างโลก อาดัมถูกวางไว้ในสวนเอเดน แต่ที่สำคัญคือ พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ไม่ดีเลยที่ชายคนนี้จะอยู่คนเดียว’ (โมเสส 3:18; ดู ปฐมกาล 2:18ด้วย) และเอวากลายเป็นภรรยาและผู้ช่วยที่เหมาะสมของอาดัม ความผสมผสานที่ลงตัวของความสามารถทางวิญญาณ ร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของทั้งชายและหญิงจำเป็นต่อการกำหนดแผนแห่งความสุข ‘ในองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ชายก็ขาดผู้หญิงไม่ได้ และผู้หญิงก็ขาดผู้ชายไม่ได้’ (1 โครินธ์ 11:11) ความประสงค์คือให้ชายและหญิงเรียนรู้ เสริมสร้างความเข้มแข็ง เป็นพร และเติมเต็มกันและกัน” (“เราเชื่อในการเป็นคนบริสุทธิ์,” เลียโฮนา, พ.ค. 2013, 41–42)

ตามความเข้าใจของท่านเกี่ยวกับแผนแห่งความสุขของพระบิดาบนสวรรค์ เหตุใดการแต่งงานระหว่างชายและหญิงจึงได้รับแต่งตั้งจากพระองค์

โมเสส 3:18; 5:1–5, 12, 16

สามีภรรยาเป็นหุ้นส่วนเท่าๆ กัน

มีประโยชน์อันใดในการทำตามแบบแผนเมื่อกำลังทำบางสิ่งบางอย่างเช่นตัดเย็บเสื้อผ้า
มีประโยชน์อันใดในการศึกษาแบบแผนในอุดมคติของการแต่งงาน

อธิบายว่าการแต่งงานของอาดัมและเอวานำเสนอแบบแผนการแต่งงานที่ควรเป็นของพระเจ้า ขอให้นักศึกษาหนึ่งคนอ่านออกเสียง โมเสส 3:18

ท่านเข้าใจว่า “ผู้ช่วยที่เหมาะสม” คืออะไร (“ผู้ช่วย” แปลมาจากการผสมรากศัพท์ภาษาฮีบรูสองคำ ความหมายหนึ่งคือช่วยชีวิต และอีกความหมายหนึ่งคือเข้มแข็ง “ที่เหมาะสม” แปลมาจากคำฮีบรูที่บอกว่าเหมาะสมและเท่าเทียม ด้วยเหตุนี้ “ผู้ช่วยที่เหมาะสม” คือคู่ชีวิตที่เหมาะสมและเท่าเทียมผู้มีพลังความสามารถในการช่วยชีวิต เสนอแนะให้นักศึกษาเขียนนิยามนี้ในพระคัมภีร์ใกล้กับ โมเสส 3:18 ดู ฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์, “การเป็นสามีและบิดาที่ชอบธรรม,” เลียโฮนา, ม.ค. 1995, 53 ด้วย)
คำนี้บ่งบอกความสัมพันธ์แบบใดสำหรับสามีภรรยา (สรุปคำตอบของนักศึกษาโดยเขียนหลักคำสอนต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: พระบิดาบนสวรรค์ทรงแต่งตั้งให้สามีภรรยาเป็นหุ้นส่วนเท่าๆ กัน)
ท่านคิดว่าสามีภรรยาเป็นหุ้นส่วนเท่าๆ กันหมายถึงอะไร

แบ่งชั้นเรียนออกเป็นกลุ่มเล็กๆ อาจจะมีนักศึกษาสามถึงสี่คนในแต่ละกลุ่ม ขอให้นักศึกษาอ่าน โมเสส 5:1–5, 12 และ 16 โดยมองหาวิธีที่อาดัมกับเอวาทำงานด้วยกันในฐานะหุ้นส่วนเท่าๆ กัน และสนทนาสิ่งที่พบกับกลุ่มของตน

ให้ดูข้อความต่อไปนี้จากประธานเอสรา แทฟท์ เบ็นสัน (1899-1994) และซิสเตอร์เชอรี แอล. ดิว อดีตที่ปรึกษาในฝ่ายประธานสมาคมสงเคราะห์สามัญ ขอให้นักศึกษาคนหนึ่งอ่านออกเสียง

“จากบันทึกที่ได้รับการดลใจนี้ [โมเสส 5:1–2, 4, 12, 16] เราเห็นว่าอาดัมกับเอวาให้แบบอย่างที่ดีเลิศแก่เราเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการแต่งงานในพันธสัญญา พวกท่านทำงานด้วยกัน พวกท่านมีบุตรด้วยกัน พวกท่านสวดอ้อนวอนด้วยกัน และพวกท่านสอนพระกิตติคุณแก่บุตรธิดา—ด้วยกัน นี่คือแบบฉบับที่พระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ให้ชายหญิงที่ชอบธรรมเลียนแบบ” (คำสอนของประธานศาสนจักร: เอสรา แทฟท์ เบ็นสัน [2014], 183)

“จงไตร่ตรองเรื่องราวในพระคัมภีร์เกี่ยวกับอาดัมและเอวา ดูว่าพระเจ้าทรงสอนอะไรท่านเพื่อเสริมสร้างชีวิตแต่งงานของท่าน [และ] ครอบครัวของท่าน … แบบฉบับของพระบิดาช่วยเราหลีกเลี่ยงการหลอกลวง จงพึ่งพาพระเจ้า ขออย่าได้พึ่งพาโลกในเรื่องความคิดและอุดมคติของท่านเกี่ยวกับชายและหญิง” (เชอรี แอล. ดิว, “มันไม่ดีที่ชายหรือหญิงจะอยู่คนเดียว,” เลียโฮนา, ม.ค. 2002, 17)

ท่านเคยเห็นสามีภรรยาทำงานด้วยกันในฐานะหุ้นส่วนเท่าๆ กันเมื่อใด
ท่านคิดว่าการเข้าใจแบบฉบับของพระเจ้าสำหรับการแต่งงานจะมีผลต่ออนาคตของท่านอย่างไร

ให้เวลานักศึกษาสักครู่เพื่อเขียนรายการสองรายการ ได้แก่ (1) เจตคติที่พวกเขามีในปัจจุบันซึ่งจะช่วยนำพวกเขาไปสู่การแต่งงานที่ได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า และ (2) เจตคติที่พวกเขาอาจต้องเปลี่ยนเพื่อเข้าใกล้เป้าหมายนั้นมากขึ้น แสดงความเชื่อมั่นว่าพระเจ้าจะประทานพรพวกเขาในความพยายามเหล่านี้

มอรมอน 9:9

คำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับการแต่งงานกับเพศเดียวกัน

(หมายเหตุ: จงไวต่อความรู้สึกของนักเรียนที่แสดงความเห็นที่แตกต่างเกี่ยวกับประเด็นนี้ มุ่งการสนทนาในชั้นเรียนไปที่คำกล่าวของเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของศาสนจักร)

แบบฉบับการแต่งงานที่พระผู้เป็นเจ้าทรงแต่งตั้งได้รับผลกระทบอย่างไรเมื่อรัฐบาลผ่านร่างกฎหมายอนุญาตให้ประพฤติขัดกับแบบฉบับนี้ (ขณะที่นักเรียนตอบ ให้ใช้ มอรมอน 9:9 แสดงให้เห็นว่าพระผู้เป็นเจ้าและกฎของพระองค์ไม่เปลี่ยน ความไม่เปลี่ยนแปลงของพระผู้เป็นเจ้าช่วยให้เรามีความเชื่อมั่นและศรัทธาในพระองค์)

แจกสำเนาข้อความต่อไปนี้จากฝ่ายประธานสูงสุดและโควรัมอัครสาวกสิบสองให้นักเรียนแต่ละคน และเชื้อเชิญให้พวกเขาหาเหตุผลว่าทำไมผู้นำศาสนจักรจึงพูดเรื่องการแต่งงานกับเพศเดียวกัน

“กระบวนพิจารณาตามกฎหมายและการออกกฎหมายในหลายประเทศได้อนุญาตให้พลเมืองมีความสัมพันธ์จากการแต่งงานกับเพศเดียวกัน และคำถามเรื่องการแต่งงานกับเพศเดียวกันยังคงเป็นที่ถกเถียงอย่างกว้างขวาง ขณะเผชิญกับปัญหานี้และปัญหาอื่นๆ เราขอให้ทุกคนจดจำจุดประสงค์ของพระบิดาบนสวรรค์ในการสร้างโลกและการจัดเตรียมการเกิดของมนุษย์และรับประสบการณ์ที่นี่ในฐานะลูกๆ ของพระองค์ [ดู ปฐมกาล 1:27-28; 2:24] … พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดการแต่งงานระหว่างชายกับหญิงและนี่สำคัญต่อแผนสำหรับลูกๆ ของพระองค์และสำหรับความผาสุกของสังคม ครอบครัวที่เข้มแข็งซึ่งนำโดยมารดาและบิดาผู้มีความรัก ทำหน้าที่เป็นสถาบันพื้นฐานสำหรับการเลี้ยงดูบุตรธิดา ปลูกฝังศรัทธา ส่งผ่านพลังและคุณค่าทางศีลธรรมให้อนุชนรุ่นหลังซึ่งสำคัญต่ออารยธรรมและสำคัญยิ่งต่อความรอดนิรันดร์

“การเปลี่ยนแปลงในกฎหมายบ้านเมืองจะไม่สามารถเปลี่ยน กฎศีลธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญญัติไว้ได้โดยสิ้นเชิง พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังให้เราสนับสนุนส่งเสริมและรักษาพระบัญญัติของพระองค์โดยไม่คำนึงถึงความคิดเห็นที่แตกต่างหรือกระแสนิยมในสังคม กฎความบริสุทธิ์ทางเพศของพระองค์ชัดเจน นั่นคือ ความสัมพันธ์ทางเพศเป็นเรื่องถูกต้องเหมาะสมระหว่างชายหญิงที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายในฐานะสามีภรรยาเท่านั้น” (อ้างใน Gospel Topics, “Same-Sex Marriage,” lds.org/topics)

การเข้าใจแผนและหลักคำสอนของพระผู้เป็นเจ้าช่วยให้เรารับรู้ความสำคัญของการแต่งงานระหว่างชายกับหญิงอย่างไร

แจกสำเนาข้อความต่อไปนี้ให้นักเรียนแต่ละคนด้วย ซึ่งมาจากเอกสารที่ศาสนจักรจัดพิมพ์ชื่อว่า “The Divine Institution of Marriage” ขอให้นักเรียนมองหาเหตุผลว่าทำไมจึงควรสงวนรักษานิยามการแต่งงานระหว่างชายกับหญิงไว้ในกฎและนโยบาย

“การแต่งงานเป็นยิ่งกว่านิติกรรมสัญญาระหว่างบุคคลเพื่อยืนยันความรักของพวกเขาและให้สัญญาผูกมัดกัน ถ้าจะพูดให้ถูก การแต่งงานเป็นสถาบันอันสำคัญยิ่งสำหรับเลี้ยงดูบุตรธิดาและสอนพวกเขาให้เป็นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบ ตลอดประวัติศาสตร์ รัฐบาลในทุกรูปแบบต่างยอมรับว่าการแต่งงานจำเป็นต่อการรักษาเสถียรภาพของสังคมและการทำให้ชีวิตดำรงอยู่ ไม่ว่าจะประกอบพิธีแต่งงานตามหลักศาสนาหรือตามกฎหมายบ้านเมือง ในแทบทุกวัฒนธรรมตามหลักแล้วรัฐบาลคุ้มครองและรับรองการแต่งงานเพื่อสงวนและส่งเสริมสถาบันอันสำคัญที่สุดให้เลี้ยงดูบุตรธิดาและสอนพวกเขาให้รู้คุณค่าทางศีลธรรมที่เสริมรากฐานของอารยธรรม …

“ในแง่ของความสัมพันธ์แนบแน่นที่มีมายาวนานระหว่างการแต่งงาน การให้กำเนิด เพศ และการเป็นบิดามารดา เราจะถือว่าการแต่งงานกับเพศเดียวกันเป็นเพียงการยอมให้ ‘สิทธิ์’ ใหม่ไม่ได้ นั่นเป็นการให้นิยามใหม่ที่ส่งผลกระทบยาวไกลต่อลักษณะแท้จริงของการแต่งงาน นั่นถิอเป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานของสถาบันการแต่งงานในวิธีที่ขัดกับจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับลูกๆ ของพระองค์และเกิดความเสียหายต่อผลประโยชน์ระยะยาวของสังคม” (“The Divine Institution of Marriage,” mormonnewsroom.org/article/the-divine-institution-of-marriage)

มีเหตุผลอะไรบ้างที่ว่าทำไมสังคมจึงรับรองและปกป้องการแต่งงานระหว่างชายหญิงอย่างที่ปฏิบัติกันมา
บุคคลจะยอมรับความจริงเรื่องจุดยืนของศาสนจักรเกี่ยวกับประเด็นสำคัญนี้ได้อย่างไร

กระตุ้นนักเรียนให้พิจารณาว่าพวกเขาจะเปรียบเทียบความคิดเห็นของตนกับคำสอนเรื่องการแต่งงานที่ผู้นำศาสนจักรสอนอย่างไร แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านว่าการเชื่อและสนับสนุนแบบฉบับการแต่งงานของพระผู้เป็นเจ้าจะนำพรนิรันดร์มาให้ท่าน

สิ่งที่นักเรียนควรอ่าน

มอรมอน 9:9; หลักคำสอนและพันธสัญญา 49:15–17; โมเสส 3:18–25; 5:1–16.
“The Divine Institution of Marriage,” mormonnewsroom.org/article/the-divine-institution-of-marriage.