บทที่ 18
คุณธรรม—ศิลามุมเอกที่เราสร้างชีวิตบนนั้น
“แต่ละท่านเป็นบุตรธิดาของพระบิดาในสวรรค์ พระองค์ทรงสร้างท่านตามแบบแผนของพระองค์ในรูปลักษณ์ของพระผู้สร้าง ร่างกายท่านศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายเป็นวิหารของวิญญาณท่าน อย่าทำให้ร่างกายแปดเปื้อนบาป”
จากชีวิตของกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์
ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์พูดกับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยบริคัม ยังก์ในปี 2007 ดังนี้
“ข้าพเจ้าสังเกตเห็นสิ่งน่าสนใจมากเมื่อวันก่อน ในซอลท์เลคซิตี้ ตอนเช้าตรู่วันเสาร์ มีการทุบอาคารคีย์แบ็งค์ลงมาด้วยการวางระเบิดเป็นระบบอย่างดีในอาคาร ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในสามถึงสี่วินาที ฝุ่นควันกลุ่มใหญ่ลอยไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ กระบวนการนี้เรียกว่าการระเบิดภายใน ซึ่งตรงข้ามกับการระเบิดภายนอก
“อาคารดังกล่าวสร้างขึ้นประมาณ 30 ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าคิดว่าการก่อสร้างใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปีหรืออาจจะสองปี แต่เวลานี้หายไปในชั่วพริบตา
“เพื่อนรักทั้งหลาย นั่นเป็นเรื่องราวของชีวิตคนจำนวนมาก เราดูแลเอาใจใส่ชีวิตเราอย่างดีตลอดช่วงหลายปี จากนั้นเราก็พบตนเองอยู่ในสภาวการณ์ตึงเครียดมาก เราทำผิดพลาด เราละทิ้งความบริสุทธิ์ทางเพศ มีการระเบิดภายใน และทั้งหมดที่หลงเหลือคือก้อนฝุ่น
“นี่ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงชายหนุ่มและหญิงสาวที่เข้ามาในห้องทำงานของข้าพเจ้า เขาเป็นหนุ่มรูปงามและเธอเป็นสาวสวย พวกเขาเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย อนาคตของพวกเขาดูสดใสและสวยงาม แต่พวกเขาพ่ายแพ้ต่อการล่อลวง …
“พวกเขาน้ำตาคลอขณะพูดกับข้าพเจ้า แต่ไม่มีใครหนีพ้นความเป็นจริงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ชีวิตพวกเขาทนทุกข์จากแรงระเบิดภายใน และหอคอยแห่งความฝันพังทลาย
“อย่าปล่อยให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับท่าน อย่ามองข้ามคุณค่าของท่านโดยทิ้งคำมั่นสัญญาของท่านในเรื่องศีลธรรม แต่ละท่านเป็นบุตรธิดาของพระบิดาในสวรรค์ พระองค์ทรงสร้างท่านตามแบบแผนของพระองค์ในรูปลักษณ์ของพระผู้สร้าง ร่างกายท่านศักดิ์สิทธิ์ ร่างกายเป็นวิหารของวิญญาณท่าน อย่าทำให้ร่างกายแปดเปื้อนบาป
“บัดนี้ ย้อนกลับไปพูดถึงตึกสูงที่พังลงมา ข้าพเจ้าบอกท่านว่าตรงนั้นจะมีการสร้างอาคารสวยหลังใหม่ขึ้นมาแทน ทำนองเดียวกัน คนที่ล่วงละเมิดสามารถหันมาหาพระผู้ไถ่ของพวกเขา พระผู้ช่วยให้รอดพระเยซูคริสต์ของเรา พลังอำนาจแห่งการชดใช้ของพระองค์จะทำให้พวกเขาสะอาดและเป็นคนใหม่อีกครั้ง”1
คำสอนของกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์
1
การดำเนินชีวิตมีคุณธรรมนำพรอันน่าอัศจรรย์และวิเศษสุดมาให้
ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้งดงามเท่าคุณธรรม ส่องแสงแวววาวไม่มัวหมอง มีค่าและสวยงาม ประมาณค่ามิได้ ซื้อขายไม่ได้ คุณธรรมเป็นผลของการบังคับใจตน
… พระเจ้าได้ประทานพระบัญชาที่ดีเยี่ยม พระองค์ตรัสว่า “ให้คุณธรรมประดับความนึกคิดของท่านไม่เสื่อมคลาย” (คพ. 121:45) ข้อความนี้กลายเป็นพระบัญญัติที่ต้องถือปฏิบัติด้วยความขยันหมั่นเพียรและวินัย พรอันน่าอัศจรรย์และวิเศษสุดคือคำสัญญาที่มากับพระบัญญัติข้อนี้ พระองค์ตรัสกับคนที่ดำเนินชีวิตด้วยคุณธรรมว่า
“เมื่อนั้นความมั่นใจของท่านจะแข็งแกร่งขึ้นในการประทับอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า. …
“พระวิญญาณบริสุทธิ์จะเป็นเพื่อนที่ยั่งยืนของท่าน, และคทาของท่านเป็นคทาอันไม่เปลี่ยนแปลงแห่งความชอบธรรมและความจริง; และอำนาจการปกครองของท่านจะเป็นอำนาจการปกครองอันเป็นนิจ, และโดยปราศจากวิธีบังคับสิ่งนี้จะไหลมาสู่ท่านตลอดกาลและตลอดไป” (คพ. 121:45–46)
จะมีคำสัญญาใดยิ่งใหญ่กว่าและไพเราะกว่านี้ได้หรือ2
มีเหตุผลที่ดีพอให้สนับสนุนคุณธรรมหรือไม่ นี่เป็นหนทางเดียวที่จะเป็นอิสระจากความเสียใจ ความสงบในมโนธรรมซึ่งไหลมาจากคุณธรรมเป็นความสงบส่วนตัวเพียงอย่างเดียวที่ไม่ปลอมแปลง
เหนือสิ่งทั้งหมดนี้คือคำสัญญาที่ไม่เปลี่ยนแปลงของพระผู้เป็นเจ้ากับคนเหล่านั้นผู้ดำเนินชีวิตในคุณธรรม พระเยซูแห่งนาซาเร็ธทรงประกาศบนภูเขาว่า “คนที่มีใจบริสุทธิ์ก็เป็นสุขเพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้เห็นพระเจ้า” (มัทธิว 5:8) นั่นคือพันธสัญญาที่ทำโดยพระองค์ผู้ทรงมีเดชานุภาพจะทำให้เกิดสัมฤทธิผล3
ท่านควรยอมรับ ท่าน ต้อง ยอมรับว่าทั้งประสบการณ์และปัญญาบ่งบอกว่าคุณธรรมและความสะอาดทางศีลธรรมเป็นวิธีทำให้เกิดความแข็งแกร่งของอุปนิสัย ความสงบในใจ และความสุขในชีวิต4
จงให้คุณธรรมเป็นศิลามุมเอกที่ท่านสร้างชีวิตไว้บนนั้น5
2
เมื่อเราอยู่เหนือความสกปรกและการผิดศีลธรรมของโลก เราจะมีความสุข ความมั่นคงปลอดภัย และความสงบในจิตใจมากขึ้น
เมื่อเรามองออกไปทั่วโลกดูเหมือนพวกเขาจะละทิ้งศีลธรรม การละเมิดมาตรฐานเก่าแก่กลายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทั่วไป งานวิจัยหลายต่อหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่ามีการละทิ้งหลักธรรมที่ถือปฏิบัติกันมานาน พวกเขาหลงลืมวินัยในตนเอง และการสำส่อนทางเพศแพร่ไปทั่ว
แต่เพื่อนรักทั้งหลาย เราจะยอมรับสิ่งซึ่งพบเห็นทั่วไปในโลกไม่ได้ ในฐานะสมาชิกของศาสนจักรนี้ มาตรฐานของท่านสูงกว่าและเรียกร้องมากกว่า มาตรฐานของท่านประกาศเป็นสุรเสียงจากเขาซีนายว่าอย่าปล่อยตัว ท่านต้องควบคุมความปรารถนาของท่าน6
ถ้อยคำของเปาโลถึงวิสุทธิชนชาวโครินธ์นำมาใช้กับเราในทุกวันนี้ได้เท่าๆ กับผู้คนที่ท่านเขียนถึง ท่านกล่าวว่า
“ท่านทั้งหลายรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกท่านเป็นวิหารของพระเจ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าสถิตอยู่ในพวกท่าน
“ถ้าใครทำลายวิหารของพระเจ้า พระเจ้าจะทรงทำลายคนนั้น เพราะว่าวิหารของพระเจ้าเป็นที่บริสุทธิ์ และพวกท่านเป็นวิหารนั้น” (1 โครินธ์ 3:16–17)7
เปาโลแนะนำทิโมธีอีกครั้งว่า “จงรักษาตัวให้บริสุทธิ์” (1 ทิโมธี 5:22)
นั่นเป็นคำพูดที่เรียบง่าย แต่สำคัญมากตลอดกาล เปาโลกำลังบอกให้อยู่ห่างจากสิ่งเหล่านั้นซึ่งจะดึงท่านลงไปและทำลายท่านทางวิญญาณ จงอยู่ห่างจากรายการโทรทัศน์ที่ทำให้เกิดความคิดไม่สะอาดและภาษาไม่สะอาด จงอยู่ห่างจากวีดิทัศน์ที่จะทำให้เกิดความคิดชั่วร้าย สิ่งเหล่านั้นจะไม่ช่วยท่าน รังแต่จะทำร้ายท่าน จงอยู่ห่างจากหนังสือและนิตยสารที่มีภาพและข้อความสกปรกโสมม จงรักษาตัวให้บริสุทธิ์8
การแต่งงานได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า การแต่งงานระหว่างชายกับหญิง การแต่งงานเป็นขนบประเพณีที่พระองค์ทรงออกแบบให้บุตรธิดาเข้ามาในโลก ความสัมพันธ์ทางเพศภายใต้สภาวการณ์อื่นถือเป็นการล่วงละเมิดและขัดกับคำสอนในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์โดยสิ้นเชิง9
เราเชื่อในเรื่องความบริสุทธิ์ทางเพศก่อนแต่งงานและความภักดีโดยสมบูรณ์หลังแต่งงาน นั่นคือข้อสรุป นั่นคือหนทางสู่ความสุขในการดำเนินชีวิต นั่นคือหนทางสู่ความพึงพอใจ สิ่งนี้ทำให้ใจเกิดความสงบและทำให้บ้านเกิดความสงบ10
ไม่มีครอบครัวใดมีความสงบ ไม่มีชีวิตใดรอดพ้นมรสุมของความยากลำบากหากครอบครัวนั้นหรือบ้านนั้นไม่สร้างบนรากฐานของศีลธรรม ความภักดี และความเคารพกัน จะมีความสงบไม่ได้หากไม่มีความไว้วางใจ จะมีเสรีภาพไม่ได้หากไม่มีความจงรักภักดี แสงแดดอบอุ่นของความรักจะไม่ขึ้นมาจากปลักตมของการผิดศีลธรรม11
ข้าพเจ้าเชื่อว่าสิ่งนี้ควรเป็นพรของเด็กทุกคน คือ เกิดมาในบ้านที่บิดามารดายินดีต้อนรับพวกเขา อบรมเลี้ยงดู รัก และเป็นพรแก่พวกเขา บิดาและมารดาที่ดำเนินชีวิตด้วยความจงรักภักดีต่อกันและต่อบุตรธิดาของตน … จงยืนหยัดต่อต้านแผนการร้ายของโลก ผู้สร้างความบันเทิงของเรา ผู้จำหน่ายวรรณกรรมมากมายของเรา จะทำให้ท่านเชื่อในสิ่งตรงกันข้าม ปัญญาที่สั่งสมมาหลายศตวรรษประกาศด้วยความชัดเจนและด้วยความแน่นอนว่าเฉพาะผู้ดำเนินชีวิตตามมาตรฐานที่ถือปฏิบัติกันมาช้านานของความบริสุทธิ์ก่อนแต่งงานและความภักดีโดยสมบูรณ์ในชีวิตแต่งงานเท่านั้นจึงจะประสบความสุขมากขึ้น ความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น ความสงบของใจมากขึ้น และความรักลึกซึ้งขึ้น12
เรามีชีวิตอยู่ในโลกที่สกปรก ผิดศีลธรรม และวุ่นวาย จงอยู่เหนือโลกนั้น ยืนอย่างภาคภูมิ ทิ้งโลกไว้เบื้องหลัง และดำเนินชีวิตตามที่พระเจ้าทรงประสงค์ให้ท่านดำเนิน13
3
สื่อลามกทำให้เสพติดและบ่อนทำลาย แต่เราเอาชนะได้
ข้าพเจ้าต้องกัดฟันพูดถึงหัวข้อที่ข้าพเจ้าเคยแก้ปัญหามาก่อน ข้าพเจ้าแก้ปัญหาโดยมีเจตนาตามคำพูดของแอลมาผู้กล่าวว่า “นี่คือความปลาบปลื้มของข้าพเจ้า, ว่าข้าพเจ้าอาจจะเป็นเครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะนำจิตวิญญาณสักดวงมาสู่การกลับใจ” (แอลมา 29:9)
… ข้าพเจ้าพูดถึงสื่อลามกทุกรูปแบบที่เห็นกันดาษดื่น … มันเป็นสิ่งชั่วร้าย มันไม่สอดคล้องโดยสิ้นเชิงกับเจตนารมณ์ของพระกิตติคุณ กับประจักษ์พยานส่วนตัวในเรื่องของพระผู้เป็นเจ้า …
… ทุกคนที่เกี่ยวข้องล้วนเป็นเหยื่อ เด็กๆ ถูกนำไปแสวงหาผลประโยชน์ และชีวิตพวกเขาเสียหายอย่างหนัก ความคิดของเยาวชนบิดเบือนด้วยแนวคิดผิดๆ ถ้าขืนดูสื่อลามกต่อไปย่อมทำให้เสพติดจนไม่อาจเลิกเสพได้ … หลายคน … พบว่าพวกเขาเลิกเกี่ยวข้องกับมันไม่ได้ พลังงานและความสนใจของพวกเขาสูญไปกับการไล่ล่าหาภาพสกปรกหยาบช้าที่ไม่ส่งผลดี
ข้อแก้ตัวของพวกเขาคือหลีกเลี่ยงได้ยาก มันอยู่แค่ปลายนิ้ว และไม่มีทางหนีพ้น
สมมติว่าพายุกำลังพัดกระหน่ำ ลมคำราม และหิมะซัดสาดรอบตัวท่าน ท่านไม่สามารถหยุดยั้งมันได้ แต่ท่านสามารถแต่งกายให้เหมาะสม หาที่กำบัง และพายุก็จะทำอะไรท่านไม่ได้
ในทำนองเดียวกัน แม้อินเทอร์เน็ตจะมีภาพสกปรกเต็มไปหมด แต่ท่านต้องไม่ดู ท่านสามารถถอยกลับมาหาที่หลบภัยของพระกิตติคุณและคำสอนเรื่องความสะอาด คุณธรรม และความบริสุทธิ์ของชีวิตได้
ข้าพเจ้ารู้ว่าข้าพเจ้ากำลังพูดอย่างตรงไปตรงมาและชัดเจน ที่พูดเช่นนี้เพราะอินเทอร์เน็ตทำให้เปิดเข้าไปดูภาพลามกได้ง่ายขึ้นบวกกับที่หาดูได้ในดีวีดีและวีดิทัศน์ ในโทรทัศน์และนิตยสาร สื่อลามกนำไปสู่ความเพ้อฝันที่่บ่อนทำลายความเคารพตนเอง นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ผิดทำนองคลองธรรม บ่อยครั้งทำให้เกิดโรค และการก่ออาชญากรรม14
ท่านมีชีวิตอยู่ในโลกของการล่อลวงที่น่ากลัว สื่อลามกกับความสกปรกโสมมของมันท่วมแผ่นดินโลกเหมือนคลื่นอันน่าสยดสยองที่กำลังกลืนกิน มันเป็นพิษ อย่าดูหรืออย่าอ่าน มันจะทำลายท่านถ้าท่านดูหรืออ่าน มันจะทำให้ท่านสูญเสียความเคารพตนเอง มันจะนำเอาความรู้สึกว่าชีวิตสวยงามไปจากท่าน มันจะดึงท่านลงและดึงท่านเข้าไปในปลักของความคิดที่ชั่วร้ายและอาจเกิดการกระทำที่ชั่วร้ายได้ จงอยู่ห่างจากสื่อลามก หลีกเลี่ยงมันเสมือนท่านจะหลีกเลี่ยงโรคน่ารังเกียจ เพราะมันเป็นอันตรายถึงตาย จงบริสุทธิ์ในความนึกคิดและในการกระทำ15
มีความสกปรก ตัณหาราคะ และสื่อลามกมากมายในโลกนี้ เราซึ่งเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายต้องอยู่เหนือสิ่งนั้นและยืนต่อต้านอย่างภาคภูมิ ท่านจะหมกมุ่นกับสื่อลามกไม่ได้ ท่านจะหมกมุ่นกับสื่อลามกไม่ได้โดยเด็ดขาด ท่านต้องทำให้สื่อลามกห่างไกลจากใจท่าน เหมือนยาสูบที่สูบแล้วติด สื่อลามกจะทำลายคนที่เกี่ยวข้องกับมัน “ให้คุณธรรมประดับความนึกคิดของท่านไม่เสื่อมคลาย” [คพ. 121:45]16
4
เราควบคุมความคิดและการกระทำของเราได้ด้วยวินัยและความพยายาม
จงสะอาดในความคิด และเมื่อนั้นท่านจะควบคุมร่างกายได้มากขึ้น คนในสมัยโบราณกล่าวว่า “[ใจมนุษย์คิดอย่างไร เขาก็เป็นอย่างนั้น]” (เปรียบเทียบกับสภษ. 23:7) ความคิดที่ไม่สะอาดนำไปสู่การกระทำที่ไม่สะอาด17
เมื่อถูกล่อลวงเราสามารถแทนความนึกคิดที่ชั่วร้ายได้ด้วยการคิดเรื่องของ [พระผู้ช่วยให้รอด] และคำสอนของพระองค์ พระองค์ตรัสว่า “และหากดวงตาของเจ้าเห็นแก่รัศมีภาพของเราอย่างเดียว, ทั่วร่างของเจ้าจะเต็มไปด้วยแสงสว่าง, และจะไม่มีความมืดในเจ้า; และร่างนั้นซึ่งเต็มไปด้วยแสงสว่างเข้าใจสิ่งทั้งปวง.
“ฉะนั้น, จงชำระตนเองให้บริสุทธิ์เพื่อให้ความคิดของเจ้าเห็นแก่พระผู้เป็นเจ้าอย่างเดียว, และวันเวลาจะมาถึงเมื่อเจ้าจะเห็นพระองค์; เพราะพระองค์จะทรงเปิดผ้าคลุมพระพักตร์พระองค์แก่เจ้า” (คพ. 88:67–68)18
พระเยซูประทานพระบัญญัติให้ควบคุมความนึกคิดเช่นเดียวกับการกระทำของเรา พระองค์ตรัสว่า “ ใครมองผู้หญิงด้วยใจกำหนัดในหญิงนั้น คนนั้นได้ล่วงประเวณีในใจของเขากับหญิงนั้นแล้ว” (มัทธิว 5:28) …
การควบคุมจิตใจต้องแข็งแกร่งกว่าความอยากทางกายหรือความปรารถนาของเนื้อหนัง เมื่อใดความนึกคิดสอดคล้องโดยสมบูรณ์กับความจริงที่ได้รับการเปิดเผย เมื่อนั้นการกระทำจะเหมาะสม … เราแต่ละคนมีความสามารถในการควบคุมความคิดและการกระทำของเราด้วยวินัยและความพยายาม นี่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาวุฒิภาวะทางวิญญาณ ร่างกาย และอารมณ์ …
เราขอร้องผู้คนทุกแห่งหนให้ดำเนินชีวิตสอดคล้องกับคำสอนของพระผู้สร้างเรา และเอาชนะแรงดึงดูดทางกามารมณ์ที่มักส่งผลให้เกิดเรื่องเศร้าสลดหลังจากการล่วงละเมิดทางศีลธรรม19
5
คนที่มีส่วนในการประพฤติผิดศีลธรรมสามารถรับการให้อภัยและอยู่เหนืออดีตได้
ข้าพเจ้าไม่ประสงค์จะคิดลบ ข้าพเจ้ามีนิสัยมองโลกในแง่บวก แต่ในเรื่องเช่นนี้ [สื่อลามกและการผิดศีลธรรม] ข้าพเจ้าเป็นคนที่ยึดถือความจริง ถ้าเราเกี่ยวข้องกับความประพฤติเช่นนั้น ถึงเวลาแล้วที่ต้องเปลี่ยน ขอให้เวลานี้เป็นเวลาของความตั้งใจแน่วแน่ ขอให้เราเปลี่ยนมาทำชีวิตให้ดีขึ้น20
ถ้าท่านพบตนเองกำลังลื่นไถลภายใต้แรงกดดันของสภาวการณ์ จงฝึกวินัยให้ตนเอง หยุดก่อนสายเกินแก้ ท่านจะสำนึกคุณตลอดไปที่ท่านทำเช่นนั้น
จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและส่วนดีที่สุดในตัวท่าน21
ข้าพเจ้าขอ … รับรองกับท่านว่าถ้าท่านทำผิดพลาด ถ้าท่านเกี่ยวข้องกับการประพฤติผิดศีลธรรม ยังมีความหวัง ความทรงจำถึงความผิดพลาดนั้นดูเหมือนจะคงอยู่ แต่การกระทำสามารถได้รับการอภัยบาปได้ ท่านสามารถอยู่เหนืออดีตเพื่อดำเนินชีวิตจนพระเจ้าทรงยอมรับอย่างสมบูรณ์ว่าท่านได้กลับใจแล้ว พระองค์ทรงสัญญาว่าพระองค์จะทรงให้อภัยบาปของท่านและจะไม่จดจำอีก (ดู คพ. 58:42)
… ผู้นำศาสนจักร [สามารถ] ช่วยท่านได้ในความยุ่งยากของท่าน ท่านสามารถทิ้งความชั่วที่ท่านเคยพัวพันไว้เบื้องหลัง ท่านสามารถก้าวไปข้างหน้าด้วยความหวังใหม่และยอมรับวิถีชีวิตที่ดีกว่าเดิม22
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
คำถาม
-
ประธานฮิงค์ลีย์สอนว่ามี “เหตุผลให้สนับสนุนคุณธรรม” (หัวข้อ 1) ท่านจะตอบสนองอย่างไรต่อคนที่เถียงว่า ไม่ มีเหตุผลให้สนับสนุนคุณธรรม
-
เหตุใดความบริสุทธิ์ทางเพศจึงเป็น “หนทางสู่ความสุขในการดำเนินชีวิต” เหตุใดความบริสุทธิ์ทางเพศจึงทำให้ “ใจเกิดความสงบและบ้านเกิดความสงบ” (ดู หัวข้อ 1 และ 2)
-
ประธานฮิงค์ลีย์กล่าวว่า “เราซึ่งเป็นวิสุทธิชนยุคสุดท้ายต้องอยู่เหนือ [สื่อลามก] และยืนต่อต้านอย่างภาคภูมิ” (หัวข้อ 3) เราจะทำอะไรได้บ้างเพื่ออยู่เหนือสิ่งนั้น เราจะช่วยคนอื่นๆ ให้อยู่เหนือสิ่งนั้นได้อย่างไร ท่านคิดว่ายืนต่อต้านอย่างภาคภูมิหมายความว่าอย่างไร
-
ขณะที่ท่านอ่านคำแนะนำของประธานฮิงค์ลีย์ในหัวข้อ 4 ท่านเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการควบคุมความนึกคิดของท่าน เราจะปฏิบัติอะไรได้บ้างเพื่อรักษาความนึกคิดของเราให้สะอาด
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
สดุดี 24:3–4; มัทธิว 5:27–28; ฟิลิปปี 4:6–8; เจคอบ 3:2; คพ. 46:31–33; 59:6; หลักแห่งความเชื่อ 1:13
ความช่วยเหลือด้านการศึกษา
ขณะที่ท่านอ่านให้ “ขีดเส้นใต้และทำเครื่องหมายคำหรือวลีเพื่อให้เห็นความแตกต่างระหว่างแนวคิดใน [ข้อความ] นั้น … เขียนข้อพระคัมภีร์อ้างอิงที่ทำให้ข้อความที่ท่านศึกษาชัดเจนขึ้นไว้ตรงที่ว่างริมหน้า (สั่งสอนกิตติคุณของเรา [2004], 23)