คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 25: ก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธา


บทที่ 25

ก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธา

“หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ท่านและข้าพเจ้าต้องมี … [สิ่งนั้นคือ] ศรัทธาในแบบที่ผลักดันให้เราคุกเข่าและทูลขอการนำทางจากพระเจ้า และจากนั้นเมื่อมีความมั่นใจระดับหนึ่งแล้วก็จะลุกขึ้นไปทำงานเพื่อช่วยให้เกิดผลสมปรารถนา”

จากชีวิตของกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

“เมื่อข้าพเจ้าจากไปเป็นผู้สอนศาสนา [สมัยหนุ่ม]” ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์จำได้ “คุณพ่อที่แสนดีของข้าพเจ้ายื่นการ์ดใบหนึ่งซึ่งมีข้อความเขียนไว้ให้ข้าพเจ้า ข้อความในการ์ดเป็นพระดำรัสของพระเจ้าต่อนายธรรมศาลาผู้ทราบข่าวการสิ้นชีวิตของบุตรสาว ‘อย่าวิตกเลย จงเชื่อเท่านั้น’ (มาระโก 5:36)”1 สมัยเอ็ลเดอร์ฮิงค์ลีย์วัยหนุ่มรับใช้ในอังกฤษ ท่านประสบปัญหาท้าทายมากมายซึ่งทำให้ท่านต้องจดจำข้อความนั้น ต่อมาท่านเล่าประสบการณ์เช่นนั้นครั้งหนึ่งว่า

“วันหนึ่งหนังสือพิมพ์ลอนดอนสามถึงสี่ฉบับเขียนบทวิจารณ์เรื่องการพิมพ์ซ้ำหนังสือเก่าแก่เล่มหนึ่งในทำนองเหยียดหยามและน่าเกลียดว่าหนังสือเล่มนั้นเป็นประวัติศาสตร์ของพวกมอรมอน ประธานเมอร์ริลล์ [ประธานคณะเผยแผ่ของข้าพเจ้า] พูดกับข้าพเจ้าว่า ‘ผมอยากให้คุณไปพบผู้จัดพิมพ์และทักท้วงเรื่องนี้’ ข้าพเจ้ามองหน้าเขาและกำลังจะพูดว่า ‘ไม่ใช่ผมแน่’ แต่ข้าพเจ้าพูดอย่างนอบน้อมว่า ‘ครับผม’

“ข้าพเจ้าไม่ลังเลที่จะพูดว่าข้าพเจ้ากลัว ข้าพเจ้าเข้าไปในห้องและรู้สึกอย่างที่ข้าพเจ้าคิดว่าโมเสสต้องรู้สึกเมื่อพระเจ้าทรงขอให้ท่านไปพบฟาโรห์ ข้าพเจ้ากล่าวคำสวดอ้อนวอน ท้องไส้ปั่นป่วนขณะเดินไปที่สถานีถนนกูดจ์เพื่อขึ้นรถไฟใต้ดินไปถนนฟลีท ข้าพเจ้าพบสำนักงานของประธานบริษัทและยื่นนามบัตรให้พนักงานต้อนรับ เธอรับนามบัตรแล้วเข้าไปในห้องทำงานชั้นใน ไม่นานก็กลับมาบอกว่าประธานบริษัทไม่ว่างที่จะพบข้าพเจ้า ข้าพเจ้าตอบไปว่าผมมาไกลถึงห้าพันไมล์ [8,000 กิโลเมตร] และผมจะรอ ระหว่างชั่วโมงต่อมาเธอเดินเข้าออกห้องทำงานของเขาสองสามรอบ ในที่สุดเขาก็เชิญข้าพเจ้าเข้าไป ข้าพเจ้าจะไม่มีวันลืมภาพขณะที่ข้าพเจ้าเข้าไป เขากำลังสูบซิการ์มวนยาวมีสีหน้าเหมือนจะบอกว่า ‘อย่ากวนผม’

“ข้าพเจ้าถือบทวิจารณ์ไว้ในมือ ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่าพูดอะไรหลังจากนั้น ดูเหมือนมีพลังอย่างหนึ่งพูดผ่านข้าพเจ้า ตอนแรกเขาตั้งป้อมแม้ด้วยท่าทางไม่เป็นมิตร จากนั้นจึงเริ่มอ่อนลง เขาสรุปโดยสัญญาว่าจะทำบางอย่าง ภายในหนึ่งชั่วโมงมีข้อความถึงตัวแทนจำหน่ายหนังสือทุกคนในอังกฤษให้ส่งหนังสือคืนผู้จัดพิมพ์ เขาใช้เงินจำนวนมากพิมพ์และเขียนข้อความขึ้นหน้าหนังสือแต่ละเล่มบอกว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ถือเป็นประวัติศาสตร์ เป็นเพียงเรื่องแต่ง และไม่มีเจตนาจะโจมตีชาวมอรมอนที่น่านับถือแต่อย่างใด หลายปีต่อมาเขามอบของที่ระลึกอีกชิ้นหนึ่งให้ศาสนจักรซึ่งมีค่ามาก และข้าพเจ้าได้รับบัตรอวยพรคริสต์มาสจากเขาทุกปีจนถึงเวลาที่เขาสิ้นชีวิต”2

ในการยอมรับงานมอบหมายให้ไปสำนักงานของผู้จัดพิมพ์ เอ็ลเดอร์ฮิงค์ลีย์ปฏิบัติสิ่งซึ่งกลายเป็นแบบแผนชั่วชีวิต นั่นคือ จงยอมรับความท้าทายด้วยศรัทธา ทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า แล้วไปทำงาน

สตรีกำลังอ่านพระคัมภีร์

“เมื่อพิจารณาทุกๆ อย่างแล้ว ศรัทธาเป็นความหวังอันยั่งยืนแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของเรา”

คำสอนของกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์

1

ศรัทธาในพระบิดาบนสวรรค์และพระเยซูคริสต์จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตอย่างมีจุดประสงค์

หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ท่านและข้าพเจ้าต้องมี เพื่อช่วยให้เราพบความสำเร็จและสัมฤทธิผลในโลกนี้ สิ่งนั้นคือศรัทธา—องค์ประกอบที่มีพลังขับเคลื่อนอันน่าอัศจรรย์ซึ่งเปาโลอธิบายว่าโดยศรัทธาพระเจ้าทรงสร้างโลกมากมาย (ดู ฮีบรู 11:3) ข้าพเจ้าไม่ได้พูดถึงแนวคิดที่ล่องลอยบางประการแต่พูดถึงศรัทธาที่เน้นปฏิบัติและได้ผล—ศรัทธาในแบบที่ผลักดันให้เราคุกเข่าและทูลขอการนำทางจากพระเจ้า ต่อจากนั้นเมื่อมีความมั่นใจระดับหนึ่งก็จะลุกขึ้นไปทำงานเพื่อช่วยให้เกิดผลสมปรารถนา ศรัทธาเช่นนั้นเป็นทรัพย์สินที่มีคุณค่าเกินเปรียบปาน สุดท้ายแล้ว ศรัทธาเช่นนั้นเป็นความหวังอันยั่งยืนแท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของเรา

… ศรัทธาสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินชีวิตอย่างมีจุดประสงค์ ไม่มีแรงจูงใจใดคุ้มค่าความพยายามมากไปกว่าความรู้ที่ว่าเราเป็นบุตรธิดาของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังให้เราทำบางสิ่งกับชีวิตเรา และพระองค์จะประทานความช่วยเหลือเมื่อเราแสวงหา …

… เมื่อข้าพเจ้าพูดถึงศรัทธา ข้าพเจ้าไม่ได้หมายความในแง่นามธรรม ข้าพเจ้าหมายความว่าศรัทธาเป็นพลังชีวิตที่มากับการยอมรับว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นพระบิดาและพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของเรา …

… ศรัทธาในองค์พระเจ้า ในพระผู้ทรงฤทธานุภาพ เป็น พลังขับเคลื่อนอันสำคัญยิ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้3

นานมาแล้วข้าพเจ้าทำงานให้ทางรถไฟสายหนึ่งของเราที่รางรถไฟทะลุผ่านภูเขาหลายลูก ข้าพเจ้าโดยสารรถไฟบ่อย สมัยนั้นรถไฟจะมีหัวรถจักรไอน้ำ หัวรถจักรเหล่านั้นมีขนาดใหญ่มหึมา แล่นเร็ว และอันตราย ข้าพเจ้ามักจะสงสัยว่าวิศวกรกล้าเดินทางไกลตลอดคืนได้อย่างไร แต่แล้วข้าพเจ้าก็รับรู้ว่านั่นไม่ใช่การเดินทางไกลรวดเดียว แต่เป็นการเดินทางสั้นๆ ต่อเนื่องตลอดสาย เครื่องจักรมีไฟหน้าส่องทางได้ไกล 400 ถึง 500 หลา วิศวกรเห็นระยะทางเพียงเท่านั้น และนั่นเพียงพอแล้ว เพราะไฟส่องสม่ำเสมอตรงหน้าเขาตลอดคืนจนรุ่งเช้าของวันใหม่ …

การเดินทางนิรันดร์ของเราก็เช่นกัน เราก้าวทีละก้าว ขณะทำเช่นนั้นเราไปถึงจุดที่ไม่รู้จัก แต่ศรัทธาส่องทาง ถ้าเราจะปลูกฝังศรัทธานั้น เราจะไม่มีวันเดินในความมืด …

ความท้าทายที่อยู่ตรงหน้าสมาชิกทุกคนของศาสนจักรคือต้องก้าวต่อไป ยอมรับความรับผิดชอบที่เขาได้รับเรียก ถึงแม้จะรู้สึกไม่ทัดเทียมกับการเรียกนั้น และทำการเรียกด้วยศรัทธาพร้อมกับความคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าพระเจ้าจะทรงส่องทางข้างหน้าเขา4

2

ศรัทธาเป็นพื้นฐานของประจักษ์พยานและความแข็งแกร่งของงานของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก

ความมั่งคั่งที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของศาสนจักรคือศรัทธาของผู้คนในศาสนจักร5

สิ่งอัศจรรย์และน่าพิศวงคือคนหลายพันคนได้รับอิทธิพลจากปาฏิหาริย์ของพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเชื่อ ยอมรับ และกลายเป็นสมาชิก [ของศาสนจักร] พวกเขารับบัพติศมา ชีวิตพวกเขาได้รับอิทธิพลดีตลอดกาล ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เมล็ดแห่งศรัทธาเข้ามาในใจพวกเขา และขยายใหญ่ขึ้นขณะพวกเขาเรียนรู้ พวกเขายอมรับหลักธรรมทีละอย่าง จนพวกเขาได้รับพรอันน่าอัศจรรย์ทุกประการที่มาถึงผู้ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธาในศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายแห่งนี้

… ของประทานอันล้ำค่าและน่าอัศจรรย์นี้ของศรัทธา ของประทานนี้จากพระผู้เป็นเจ้าพระบิดานิรันดร์ของเรา ยังคงเป็นความแข็งแกร่งของงานนี้และพลังเงียบในข่าวสารของงานนี้ ศรัทธาเป็นพื้นฐานของทั้งหมดนี้ ศรัทธาเป็นเนื้อแท้ของทั้งหมดนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าสู่สนามเผยแผ่ การดำเนินชีวิตตามพระคำแห่งปัญญา การจ่ายส่วนสิบ ทั้งหมดล้วนเกิดจากศรัทธา ศรัทธาในตัวเราประจักษ์ชัดในทุกสิ่งที่เราทำ

… ความแข็งแกร่งของอุดมการณ์และอาณาจักรนี้ไม่อยู่ในทรัพย์สินทางโลก แม้ทรัพย์สินเหล่านั้นจะน่าประทับใจก็ตาม แต่อยู่ในใจคนของอาณาจักร นั่นคือสาเหตุที่ศาสนจักรประสบความสำเร็จ นั่นคือสาเหตุที่ศาสนจักรแข็งแกร่งและเติบโต นั่นคือสาเหตุที่ศาสนจักรสามารถทำสิ่งดีมากมายสำเร็จ ทั้งหมดล้วนเกิดจากของประทานแห่งศรัทธาที่พระผู้ทรงฤทธานุภาพทรงมอบให้บุตรธิดาของพระองค์ผู้ไม่สงสัย และไม่กลัว แต่ก้าวไปข้างหน้า …

ศรัทธาเป็นรากฐานของประจักษ์พยาน ศรัทธาเป็นพื้นฐานของความจงรักภักดีต่อศาสนจักร ศรัทธาเป็นเครื่องหมายของการเสียสละที่ให้ด้วยใจยินดีขณะทำให้งานของพระเจ้าก้าวหน้า6

พระกิตติคุณเป็นข่าวประเสริฐ เป็นข่าวสารแห่งชัยชนะ เป็นอุดมการณ์ที่พึงน้อมรับด้วยความกระตือรือร้น …

ขอให้เราอย่ากลัว พระเยซูทรงเป็นผู้นำของเรา ความเข้มแข็งของเรา และกษัตริย์ของเรา

นี่เป็นยุคของการมองโลกในแง่ร้าย พันธกิจของเราเป็นพันธกิจแห่งศรัทธา ถึงพี่น้องชายหญิงทุกแห่งหน ข้าพเจ้าขอร้องท่านให้ยืนยันศรัทธาของท่านอีกครั้ง ทำงานนี้ให้ก้าวหน้าไปทั่วโลก …

“พี่น้องทั้งหลาย, เราจะไม่ก้าวต่อไปในอุดมการณ์อันสำคัญยิ่งเช่นนั้นหรือ? จงก้าวไปข้างหน้าและอย่าถอยกลับ. ความกล้าหาญ, พี่น้องทั้งหลาย; และก้าวต่อไป, ต่อไปถึงชัยชนะ!” (คพ. 128:22) ศาสดาพยากรณ์โจเซฟเขียนดังนั้นในบทสดุดีเรื่องศรัทธา

อดีตของอุดมการณ์อันยิ่งใหญ่นี้รุ่งโรจน์ยิ่งนัก เต็มไปด้วยวีรกรรม ความองอาจกล้าหาญ และศรัทธา ในปัจจุบันช่างน่าพิศวงยิ่งนักเมื่อเราก้าวไปข้างหน้าเพื่อเป็นพรแก่ชีวิตผู้คนไม่ว่าพวกเขาจะฟังข่าวสารจากผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ใดก็ตาม อนาคตช่างงดงามเหลือเกินเมื่อพระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ์ทรงดำเนินงานอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ต่อไปโดยเป็นอิทธิพลดีต่อทุกคนที่ยอมรับและดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณของพระองค์ ส่งผลต่อพรนิรันดร์ของบุตรธิดาของพระองค์ทุกรุ่นผ่านการทำงานโดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนของคนเหล่านั้นผู้ที่ใจพวกเขาเปี่ยมด้วยความรักต่อพระผู้ไถ่ของโลก …

ข้าพเจ้าเชื้อเชิญทุกท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นสมาชิกของศาสนจักรนี้ที่ใด ให้ลุกขึ้นยืนและก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับร้องเพลงในใจโดยดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ รักพระเจ้า และสร้างอาณาจักร เราจะอยู่บนวิถีและจรรโลงศรัทธาไปด้วยกันโดยให้พระผู้ทรงฤทธานุภาพเป็นพลังของเรา7

3

ด้วยศรัทธาเราสามารถเอาชนะความกลัวและอุปสรรคหรือความท้าทายทุกอย่างในชีวิตเรา

ในบรรดาพวกเรามีใครจะพูดได้ว่าเขาไม่เคยรู้สึกกลัว ข้าพเจ้าไม่รู้จักใครที่ไม่เคยพูดแบบนั้น แน่นอนว่าบางคนประสบความกลัวมากกว่าคนอื่นๆ บ้างก็สามารถเอาชนะได้อย่างรวดเร็ว แต่หลายคนติดกับและถูกความกลัวดึงลงไปจนถึงกับต้องยอมแพ้ เราเป็นทุกข์เพราะกลัวการหัวเราะเยาะ กลัวความล้มเหลว กลัวความเหงา กลัวความไม่รู้ บางคนกลัวปัจจุบัน บางคนกลัวอนาคต บ้างก็แบกภาระของบาปและจะยอมสละแทบทุกอย่างเพื่อปลดโซ่ตรวนของภาระเหล่านั้นแต่กลัวไม่กล้าเปลี่ยนชีวิตตนเอง ขอให้เรารับรู้ว่าความกลัวไม่ได้มาจากพระผู้เป็นเจ้า แต่องค์ประกอบที่คอยบ่อนทำลายและทำให้วิตกกังวลนี้มาจากปฏิปักษ์ของความจริงและความชอบธรรม ความกลัวตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับศรัทธา ผลของมันกัดกร่อน แม้ทำให้ถึงตาย8

เปาโลเขียนถึงทิโมธีดังนี้ “พระเจ้าไม่ได้ประทานใจที่ขลาดกลัวแก่เรา แต่ประทานใจที่ประกอบด้วยฤทธานุภาพ ความรัก และการบังคับตนเองแก่เรา

“เพราะฉะนั้นอย่าอับอายที่เป็นพยานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (2 ทิโมธี 1:7-8)

ข้าพเจ้าประสงค์ให้สมาชิกทุกคนของศาสนจักรนี้วางถ้อยคำเหล่านี้ไว้ตรงที่ซึ่งพวกเขาจะมองเห็นได้ทุกเช้าขณะเริ่มต้นวันใหม่ ถ้อยคำดังกล่าวจะทำให้เรากล้าพูด จะทำให้เรามีศรัทธาที่จะพยายามเสริมสร้างความเชื่อมั่นของเราในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ข้าพเจ้าเชื่อว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้นอีกบนแผ่นดินโลก9

พระเยซูคริสต์

“อย่า … อับอายที่เป็นพยานขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (2 ทิโมธี 1:8)

วันหนึ่งข้าพเจ้าพูดกับเพื่อนคนหนึ่งที่หนีออกมาจากประเทศบ้านเกิด เพราะประเทศของเขาล่มสลาย เขาจึงถูกจับและถูกกักตัว ภรรยากับลูกๆ ของเขาหนีรอดออกมาได้ แต่เขาเป็นนักโทษสามปีกว่าโดยไม่มีช่องทางติดต่อกับคนเหล่านั้นที่เขารัก อาหารคุณภาพแย่มาก สภาพความเป็นอยู่ยากลำบาก ไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้น

“อะไรทำให้คุณอยู่รอดผ่านวันเวลาที่มืดมนเหล่านั้นมาได้” ข้าพเจ้าถาม

เขาตอบว่า “ศรัทธาของผมครับ ศรัทธาของผมในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ผมวางภาระไว้กับพระองค์ จากนั้นดูเหมือนจะเบาขึ้นมาก”10

ทุกอย่างจบลงด้วยดี อย่าวิตก ข้าพเจ้าพูดกับตนเองแบบนี้ทุกเช้า ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ถ้าท่านทำดีที่สุด ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี จงวางใจในพระผู้เป็นเจ้า ก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธาและด้วยความมั่นใจในอนาคต พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา11

พวกเราคนใดจะพูดไม่ได้หรือว่าถ้าเรามีศรัทธามากยิ่งขึ้นในพระผู้เป็นเจ้าเราจะทำได้ดีกว่าที่เราทำอยู่เวลานี้ ไม่มีอุปสรรคใดใหญ่หลวงเกินไป ไม่มีความท้าทายใดยากเกินไป ถ้าเรามีศรัทธา ด้วยศรัทธาเราสามารถเอาชนะองค์ประกอบด้านลบเหล่านั้นในชีวิตเราที่คอยแต่จะดึงเราลง ด้วยความพยายามเราสามารถพัฒนาความสามารถในการสยบแรงผลักดันเหล่านั้นที่ชักนำเราให้ทำเรื่องน่าอับอายและชั่วร้าย ด้วยศรัทธาเราสามารถควบคุมความอยากของเราได้ เราสามารถเอื้อมไปหาคนท้อใจและคนพ่ายแพ้ เราสามารถทำให้พวกเขาอุ่นใจได้ด้วยความเข้มแข็งและพลังแห่งศรัทธาของเราเอง12

4

เมื่อเราใช้ศรัทธาของเรา พระเจ้าจะทรงช่วยให้ศรัทธาเพิ่มขึ้น

เมื่อท่านใช้เวลาและพรสวรรค์ในการรับใช้ ศรัทธาของท่านจะเติบโตและความสงสัยจะลดลงตามกาลเวลา13

ศาสนจักรจะขอให้ท่านทำหลายสิ่งหลายอย่าง จะขอให้ท่านรับใช้ในด้านต่างๆ เราไม่มีผู้ปฏิบัติศาสนกิจที่ได้รับค่าจ้าง ท่านเป็นผู้ปฏิบัติศาสนกิจของศาสนจักรนี้ ไม่ว่าท่านจะได้รับการขอร้องให้รับใช้เมื่อใด ข้าพเจ้าขอให้ท่านตอบรับ เมื่อท่านทำเช่นนั้น ศรัทธาของท่านจะแรงกล้าและเพิ่มพูน ศรัทธาเปรียบเสมือนกล้ามเนื้อแขนของข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าใช้ ถ้าข้าพเจ้าเพาะกล้าม กล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้น และกล้ามเนื้อจะทำหลายอย่าง แต่ถ้าข้าพเจ้าคล้องผ้าไว้เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย กล้ามเนื้อจะอ่อนแรงและใช้การไม่ได้ ท่านก็เช่นกัน ถ้าท่านยอมรับทุกโอกาส ถ้าท่านยอมรับทุกการเรียก พระเจ้าจะทรงทำให้ท่านสามารถทำการเรียกได้ ศาสนจักรจะไม่ขอให้ท่านทำสิ่งใดที่ท่านไม่สามารถทำได้ด้วยความช่วยเหลือของพระเจ้า14

นี่เป็นคำสวดอ้อนวอนของข้าพเจ้าสำหรับเราทุกคน—“ขอพระองค์โปรดให้ [ศรัทธา] ของพวกข้าพระองค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น” [ดู ลูกา 17:5] ขอทรงเพิ่มพูนศรัทธาของพวกข้าพระองค์เพื่อเชื่อมช่องว่างของความไม่แน่นอนและความสงสัย …

… พระเจ้า ขอทรงเพิ่มพูนศรัทธาของพวกข้าพระองค์ให้อยู่เหนือคนอ่อนแอที่กล่าวร้ายงานอันศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญ่นี้ของพระองค์ ขอพระองค์ทรงเสริมสร้างความตั้งใจของพวกข้าพระองค์ ขอทรงช่วยพวกข้าพระองค์สร้างและขยายอาณาจักรของพระองค์ตามพระบัญชาอันสำคัญยิ่งของพระองค์ เพื่อจะสั่งสอนพระกิตติคุณนี้ทั่วโลกในฐานะพยานต่อทุกประชาชาติ …

… ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์มองข้ามปัญหาในชั่วขณะนั้นไปเห็นปาฏิหาริย์ของอนาคต ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์จ่ายส่วนสิบและเงินบริจาค และวางใจว่าพระองค์ พระผู้ทรงฤทธานุภาพ จะทรงเปิดหน้าต่างสวรรค์ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์ทำสิ่งถูกต้องและปล่อยให้ผลตามมา

ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์เมื่อมรสุมของความยากลำบากกระหน่ำพวกข้าพระองค์ลงสู่พื้นดิน ในยามเจ็บป่วยขอให้ความมั่นใจของพวกข้าพระองค์แข็งแกร่งขึ้นในพลังอำนาจของฐานะปุโรหิต ขอให้พวกข้าพระองค์ทำตามคำแนะนำของยากอบที่ว่า

“มีใครในพวกท่านเจ็บป่วยหรือ? จงให้คนนั้นเชิญบรรดาผู้ปกครองของคริสตจักรมา และให้ท่านเหล่านั้นอธิษฐานเผื่อเขาและชโลมเขาด้วยน้ำมันในพระนามขององค์พระผู้เป็นเจ้า

การอธิษฐานด้วยความเชื่อ จะรักษาผู้ป่วยให้หายโรค และองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทรงให้เขาลุกขึ้นได้” (ยากอบ 5:14–15; เน้นตัวเอน) …

พระเจ้า เมื่อพวกข้าพระองค์เดินในหุบเขาเงามัจจุราช ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์ยิ้มผ่านน้ำตา โดยรู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนนิรันดร์ของพระบิดาที่รัก รู้ว่าขณะพวกข้าพระองค์ข้ามธรณีประตูจากชีวิตนี้ พวกข้าพระองค์เข้าไปอีกชีวิตหนึ่งที่รุ่งโรจน์กว่า และโดยผ่านการชดใช้ของพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าทุกคนจะลุกขึ้นจากหลุมศพ คนซื่อสัตย์จะดำเนินต่อไปสู่ความสูงส่ง

ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์ทำงานแห่งการไถ่คนตายให้บรรลุจุดประสงค์นิรันดร์ของพระองค์เพื่อประโยชน์ของบุตรและธิดาของพระองค์ทุกรุ่น

พระบิดา ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกข้าพระองค์ทำตามคำแนะนำของพระองค์ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่มีความหมายอย่างยิ่ง …

พระเจ้า ขอพระองค์ทรงเพิ่มพูนศรัทธาของพวกข้าพระองค์ในกันและกัน ในตนเอง และในความสามารถที่พวกข้าพระองค์จะทำสิ่งดีและสิ่งสำคัญยิ่ง …

พระบิดา ขอพระองค์ทรงเพิ่มพูนศรัทธาของพวกข้าพระองค์ ในบรรดาทั้งหมดที่พวกข้าพระองค์จำเป็นต้องทำ ข้าพระองค์คิดว่าสำคัญที่สุดคือเพิ่มพูนศรัทธา และด้วยเหตุนี้ พระบิดาที่รัก ขอพระองค์ทรงเพิ่มพูนศรัทธาของพวกข้าพระองค์ในพระองค์ และในพระบุตรที่รักของพระองค์ ในงานนิรันดร์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ ในตัวพวกข้าพระองค์เองในฐานะบุตรธิดาของพระองค์ ในความสามารถที่พวกข้าพระองค์จะไปและทำตามพระประสงค์ของพระองค์ และตามกฎเกณฑ์ของพระองค์ ข้าพระองค์น้อมสวดอ้อนวอนในพระนามของพระเยซูคริสต์ เอเมน15

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

คำถาม

  • ประธานฮิงค์ลีย์สอนว่าศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าเป็น “พลังขับเคลื่อนอันสำคัญยิ่งที่สามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้” (ดู หัวข้อ 1) ประสบการณ์ใดช่วยให้ท่านเรียนรู้เกี่ยวกับพลังแห่งศรัทธา ท่านเคยเห็นเช่นนั้นอย่างไรเมื่อ “เราไปถึงจุดที่ไม่รู้จัก … ศรัทธาส่องทาง”

  • เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากหัวข้อ 2 เกี่ยวกับแหล่งความเข้มแข็งของศาสนจักร ศรัทธาและการเสียสละเกี่ยวข้องกันอย่างไร พิจารณาว่าท่านจะเอาใจใส่คำขอร้องของประธานฮิงค์ลีย์ให้ “ทำงานนี้ให้ก้าวหน้าไปทั่วโลก” ได้อย่างไร

  • ท่านคิดว่าเหตุใดศรัทธาจึงมีพลังช่วยเราในช่วงของการทดลอง (ดู หัวข้อ 3) ศรัทธาช่วยให้ท่านเอาชนะความกลัวเมื่อใด ศรัทธาช่วยให้ท่านเอาชนะอุปสรรคอื่นเมื่อใด

  • ทบทวนคำสวดอ้อนวอนของประธานฮิงค์ลีย์ในหัวข้อ 4 คำใดในคำสวดอ้อนวอนเหล่านั้นมีความหมายต่อท่านเป็นพิเศษ ศรัทธาจะช่วยให้เราเอาชนะความไม่แน่นอนและความสงสัยได้อย่างไร ศรัทธาจะช่วยให้เรามองข้ามปัญหาไปเห็นปาฏิหาริย์ได้อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง

ยอห์น 14:12–14; โรม 5:1–5; 2 นีไฟ 26:12–13; โมโรไน 7:33–38; คพ. 27:16–18

ความช่วยเหลือด้านการสอน

“เมื่อเราศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำและแสวงหาการนำทางจากพระวิญญาณอย่างพากเพียรและตั้งใจ เราจะสามารถรับความสว่างทางปัญญาเกี่ยวกับเตรียมบทเรียน เราจะพร้อมรับและทำตามการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณขณะที่เราสอน” (ไม่มีการเรียกใดยิ่งใหญ่กว่าการสอน [1999], 14)

อ้างอิง

  1. ใน Conference Report, Oct. 1969, 114.

  2. “If Ye Be Willing and Obedient,” Ensign, July 1995, 5.

  3. Standing for Something: Ten Neglected Virtues That Will Heal Our Hearts and Homes (2000), 109–10.

  4. “เราดำเนินด้วยศรัทธา,” เลียโฮนา, ก.ค. 2002, 90–92.

  5. “The State of the Church,” Ensign, May 1991, 54.

  6. “สิ่งอัศจรรย์แห่งศรัทธา,” เลียโฮนา, ก.ค. 2001, 98–99.

  7. “Stay the Course—Keep the Faith,” Ensign, Nov. 1995, 71–72.

  8. “God Hath Not Given Us the Spirit of Fear,” Ensign, Oct. 1984, 2.

  9. “Be Not Afraid, Only Believe,” Ensign, Feb. 1996, 5.

  10. “Be Not Faithless,” Ensign, Apr. 1989, 4.

  11. “Latter-Day Counsel: Excerpts from Addresses of President Gordon B. Hinckley,” Ensign, Oct. 2000, 73.

  12. Standing for Something, 109–10.

  13. “He Is Risen, As He Said,” Ensign, Apr. 1983, 7.

  14. “Inspirational Thoughts,” Ensign, June 1999, 2.

  15. “Lord, Increase Our Faith,” Ensign, Nov. 1987, 52–54.