คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 15: ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา


บทที่ 15

ดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา

ด้วยศรัทธามิไช่ด้วยการมองเห็น ด้วยความเชื่อมั่น ว่าพระเจ้าจะทรงทำให้เราเข้มแข็งขึ้นขณะพยายาม สร้างอาณาจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลก

จากชีวิตฃองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

ใน เดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1834 วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ได้รับการวางมือแต่งตั้ง เป็นปุใรหิตในฐานะปุโรหิตแห่งแอรันและได้รับงานมอบหมายครั้งแรกให้เป็นผู้ สอนศาสนาเต็มเวลา ตอนนั้นท่านอาศัยอยู่ในเคลย์เคาน์ตี้ รัฐมิสซูรี ท่านอยู่ที่ นั่น หลังจากรับใช้ในค่ายไซอัน ก่อนเริ่มงานเผยแผ่ ท่านพูดคุยกับอธิการผู้ให้ งานมอบหมายแก’ท่านและสอบถามเกี่ยวกับเส้นทางที่ควรใช้เดินทางไปสนาม การทำงาน ท่านถามด้วยว่าท่านกับคู่จะด้องเดินทางโดยไม่มีกระเป้าเงินหรือย่าม ตามที่พระเจ้าทรงบัญชาผู้สอนศาสนาในสมัยนั้นหรือไม่ (ดู ค.พ. 24:18; 84:78, 86) การเดินทางโดยไม่มีกระเป้าเงินหรือย่ามหมายถึงไปโดยไม่มีเงิน โดย วางใจว่าสมาชิกศาสนาจักรและคนอื่นๆ จะกรุณาจัดหาอาหารและที่พักให้ต่อมา ประธานวูดรัฟฟพูดถึงการสนทนาของท่านกับอธิการดังนี้

“สมัยนั้นอันตรายมากถ้าพี่น้องชายคนใดของเราจะเดินทางผ่านแจ็คสัน เคาน์ตี้ [รัฐมิสซูรี] เขาต้องการให้ข้าพเจ้าไปอาร์คันซอส์ และถนนเส้นนั้นดัด ผ่านแจ็คสันเคาน์ตี้พอดี ข้าพเจ้าถามว่าเราควรผ่านที่นั่นหรือไม่ (ข้าพเจ้ามีคู่อยู่ ด้วย—เอ็ลเดอร์)

“เขาตอบว่า ‘ถ้าหากคุณมีศรัทธาจะทำเช่นนั้น คุณย่อมทำได้ แต่ผมไม่มี”

“ข้าพเจ้าคิดว่านั่นเป็นคำตอบที่แปลกมากจากอธิการ

“ ‘อ้อ, ข้าพเจ้าถาม ‘พระเจ้าตรัสว่าเราต้องเดินทางโดยไม่มีกระเป้าเงินหรือ ย่าม เราจะทำเช่นนั้นหรือครับ’

“เขาตอบว่า ‘นั่นคือกฎของพระผู้เป็นเจ้า ถ้าหากคุณมีศรัทธาจะทำเช่นนั้น คุณย่อมทำไต้”’1

ไม่นานหลังจากการสนทนาครั้งน วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็กับคู่ของท่านก็ออก เดินทางไปทำงานเผยแผ่ผ่านแจ็คสันเคาน์ตี้โดยไม่มีกระเป้าเงินหรือย่าม ประ ธานวูดรัฟฟ็กล่าวในภายหลังว่า “เราใส่พระคัมภีร์มอรมอนและ เสัอผ้าไว้ใน กระเป้าหิ้วขนาดเล็ก ใช้สายหนังรัดไว้บนหลัง และเริ่มเดินเท้า เราลงเรือข้าม ฟากไปแจ็คสันเคาน์ตี้ และเดินทางผ่านเขตนั้น มีหลายครั้งที่พระเจ้าทรงปกปัก รักษาเราให้พ้นจากฝูงชนอย่างน่าอัศจรรย์”2

นอกจากคุ้มครองผู้สอนศาสนาสองคนให้พ้นจากฝูงชนในแจ็คสันเคาน์ตี้แล้ว พระเจ้าทรงคุ้มครองท่านจากอันตรายอื่นๆ ระหว่างทางด้วย ประธานวูดรัฟฟ็เล่า ประสบการณ์เช่นนั้นครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านกับคู่เดินเข้าไปใกล้ป้าละเมาะแห่งหนึ่ง หมีดำตัวใหญ่เดินออกจากป่าตรงมายังท่าน “เราไม่กลัวมัน” ท่านกล่าว “เพราะ เรากำลังทำธุระของพระเจ้า และมิได้ล้อเลียนศาสดาของพระผู้เปีนเจ้าเช่นพวก เด็กชั่วสี่สิบสองคนที่กล่าวกับเอลีชาว่า ‘อ้ายหัวล้าน จงขึ้นไปเถิ’ด” และด้วย เหตุนี้จึงถูกหมีฉีกเป็นชิ้นๆ [ดู 2 พงส์กษัตริย์ 2:23–24]…เมื่อหมีเดินเข้ามา ใกล้เราในระยะแปดร็อด [ประมาณ 44 หลาหรือ 40 เมตร] มันนั่งแปะลงไป กับพื้นและมองดูเราครู่หนึ่ง จากนั่นก็วิ่งหนีไป และเราเดินทางต่อด้วยความ สบายใจ”3

ประธานวูดรัฟฟพูดถึงงานเผยแผ่ครั้งแรกนี้บ่อยครั้ง โดยระลึกถึงพรที่ท่านได้ รับขณะรับใช้พระเจ้าด้วยศรัทธา “ไม่เคยมีครั้งใดในชีวิตข้าพเจ้า ไม่ว่าจะใน ฐานะอัครสาวก สาวกเจ็ดสิบ หรือเอ็ลเดอร์ ที่ข้าพเจ้าได้รับความคุ้มครองจาก พระเจ้ามากกว่าเมื่อครั้งดำรงดำแหน่งปุโรหิต พระเจ้าทรงเปีดเผยหลายสิ่งหลาย อย่างที่อยู่ตรงหน้าข้าพเจ้าโดยภาพปรากฎ โดยการเปีดเผย และโดยพระวิญญาณ ศักดิ๙สิทธิ”4

คำลโอนฃองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

ระหว่างชีวิตของเราบนแผ่นดินโลก เราต้องดำเนินด้วยครัทธามิใช่ด้วยการมองเห็น

ศรัทธาคือหลักธรรมข้อแรกของพระกิตติคุณ ศรัทธาคืออะไร เปาโลอธิบาย ไว้ในจดหมายที่เขียนถึงชาวฮีบรูว่า “[ศรัทธา] คือความแน่ใจในสิ่งที่เราหวังไว้ เป็นความรู้สืกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง” และเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ท่านได้ พูดถึงสิ่งที่มนุษย์แต่ละคนประสบความสำเร็จโดยผ่านศรัทธา [ดู ฮีบรู 11] ข้าพเจ้าถือว่าศรัทธาเป็นหลักธรรมสำคัญที่สุดประการหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าทรง เปีดเผยต่อมนุษย์5

หากเรามีความเข้าใจที่ถูกต้อง เราทุกคนควรมองเห็นเช่นพระเจ้า และควร เข้าใจว่าจุดประสงค์ของพระองค์จะสำเร็จลุล่วงได้อย่างไร แด,เราด้องดำเนินด้วย ศรัทธามิใช่ด้วยการมองเห็น6

เมื่อเราไปอยู่อีกด้านหนึ่งของม่านเราจะรู้บางสิ่ง เวลานี้เราทำงานด้วยศรัทธา เรามีความรู้สึกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นนั้นมีจริง การฟ้นคืนชีวิต การพิพากษา นิรันดร์ อาณาจักรชั้นสูง และพรมากมายที่พระผู้เป็นเจ้าประทานให้ในการชโลม และเอ็นดาวเม้นท์ศักดี้สิทธึ๋ในพระวิหาร ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเรื่องของอนาคต และจะมีสัมฤทธิผลโดยครบถ้วน เพราะนี่คือความจริงนิรันดร์ ขณะอยู่ในเนื้อ หนังที่มีม่านบังเราไม่มีวันเข้าใจถ่องแท้ถึงสิ่งซึ่งอยู่ข้างหน้าเราในโลกที่จะมาถึง คนที่รับใช้พระผู้เป็นเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ในเวลาเพียงไม่กี่วัน ที่เขามีชีวิตอยู่บนแผ่นดินโลกย่อมได้รับผลคุ้มค่าเสมอ7

พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย ท่านควรดำเนินชีวิตด้วยศรัทธา โดยตระหนักทุกวัน ว่าพลังอำนาจทั้งหมดอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า และโดยทางพระองค์เราจะสามารถ ดำเนินชีวิตด้วยความสงบสุขและรับความอุดมสมบูรณ์ได้8

พระกิตติคุณของพระคริสต์เรียกร้องศรัทธาชั่วกาลนาน9

เราแสดงครัทธาด้วยงานของเรา

ดีทีเดียวที่…ได้ฟ้งพระวจนะของพระเจ้า ดีจริงๆ ที่ได้เชื่อพระวจนะนั้น แต่ จะดียิ่งขึ้นถ้าปฏิบัติตาม10

หลักธรรมข้อแรกของพระกิตติคุณคือศรัทธา ชาวโลกอาจพูดว่า เราทุกคน เชื่อในพระเยซูคริสต์ ใช่ แต่มีบางสิ่งต้องทำนอกเหนือจากเชื่อในพระคริสต์ เราต้องกลับใจจากบาปของเรา รับบัพติศมาเพี่อการปลดบาป และรับพระวิญ ญาณบริสุทธ นี่คือคำสอนที่พระคริสต์และอัครสาวกของพระองค์สอน11

ศรัทธาเรียกร้องให้สิทธิชนดำเนินชีวิตตามศาสนา ทำหน้าที่ของตน ดำเนิน ชีวิตอย่างซื่อตรงต่อพระพักตร์พระเจ้า และเสริมสร้างไซอันบนแผ่นดินโลก จาก นั้นก็เรียกร้องให้ทำงานสอดคล้องกับศรัทธาของเรา…หน้าที่ของเราคือเป็นหนึ่ง เดียวกันและอย่าเกียจคร้านในการทำดี12

เราต้องใช้ศรัทธาขณะช่วยสร้างอาณาจักรของพระผู้เ!เนเจ้า

ของประทานและหลักธรรมแห่งศรัทธาจำเปีนต่อสิทธิชนในทุกยุคของโลก เพื่อเขาจะสามารถเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าและปฏิบัติงานที่เรียก ร้องจากเขาได้13

อ่านฮีบรูบทที่สิบเอ็ดและท่านจะพบว่านับแต่การสร้างโลกศรัทธาทำให้ทุกสิ่ง สำเร็จลุล่วงด้วยดี งานทั้งหมดของปิตุและศาสดาทุกท่านในสมัยโบราณล้วน สำเร็จลุล่วงโดยใช้หลักธรรมนี้ และเป็นเช่นนั้นด้วยในสมัยการประทานสุดท้าย ของความสมบูรณ์แห่งเวลา14

แม้แต่ความลำบากตรากตรำของพระเยซู ตั้งแต่รางหญ้าจนถึงไม้กางเขน ตลอดพระชนม์ชีพแห่งความเจ็บปวด ความโศกเศร้า ความทุกข์ทรมาน การ ข่มเหง และการเย้ยหยัน ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นด้วยศรัทธา พระองค์ทรงได้รับการ คํ้าจุนโดยพลังอำนาจของพระบิดาผู้ที่พระองค์เสด็จมาทำงานให้ พระองค์ทรง เชื่ออย่างเต็มเปียมว่าพระองค์จะทรงสามารถทำทุกสิ่งที่พระองค์ถูกส่งมาทำได้ สำเร็จ โดยหลักธรรมนี้ที่พระองค์ทรงทำตามข้อเรียกร้องทั้งหมดและเชื่อฟ้งกฎ ทุกข้อ แม้แต่เรื่องบัพติศมา…อัครสาวกต้องทำงานโดยใช้หลักธรรมเดียวกับที่ สิทธิชนทั้งในอดีตและยุคสุดท้ายต้องใช้ นั่นก็คือ หลักธรรมแห่งศรัทธา

โจเซฟ สมิธต้องทำงานต้วยศรัทธา เป็นความจริงที่ว่าท่านมีความรูในเรื่อง ต่างๆ มากมายเช่นสิทธิชนยุคสุดท้ายในอดีตมี แต่ก็มีหลายเรื่องที่ท่านต้องใช้ ศรัทธา ท่านเชื่อว่าท่านกำลังทำให้คำพยากรณ์ของศาสดาสมัยโบราณมีสัมฤทธิ ผล ท่านทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกท่าน แต่ในการสถาปนาอาณาจักรของ พระองค์ ท่านต้องทำงานอย่างต่อเนื่องด้วยศรัทธา ศาสนาจักรจัดตั้งเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 พร้อมด้วยสมาชิกหกคน แต่โจเซฟมีศรัทธาว่าอาณาจักรที่ เริ่มต้นไว้เหมือนเมล็ดมัสตาร์ดจะกลายเป็นศาสนาจักรและอาณาจักรยิ่งใหญ่บน แผ่นดินโลก และจากวันนั้นจนถึงวันที่ท่านผนึกประจักษ์พยานไว้ด้วยเลือดของ ท่าน ทั้งชีวิตของท่านคล้ายกับกำลังลุยนํ้าลึกของการข่มเหงและการกดขี่ที่ได้รับ จากนํ้ามือเพื่อนมนุษย์ ท่านอดทนต่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะท่านมีศรัทธา ท่าน แน่วแน่ ซื่อสัตย์ และเป็นอัศวินในประจักษ์พยานของพระเยซูตราบจนวาระ สุดท้ายของชีวิต–

–ในการทำงานของเราเพื่อเสริมสร้างศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้ เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก เราต้องทำงานด้วยศรัทธา นี่ยังคงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้15

คนหลายร้อยคนกำลังทำงานใน [พระวิหาร] เพื่อใครหรือ เพื่อคนเปีนและคน ตาย เหตุใดจึงทำงานเพื่อคนตายเล่า เขาเคยเห็นการ่เนคืนชีวิตของคนตายหรือ ไม่เลย ยกเว้นจากภาพปรากฎหรือการเปีดเผย แต่เขามีศรัทธาในเรื่องนี้ และ เขาทำงานนี้เพื่อแสดงให้เห็นศรัทธานั้น เขาตั้งตาคอยการฟืนคืนชีวิตนิรันดร์ และการพิพากษานิรันดร์ อาณาจักรชั้นสูงและพรมากมายที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปีด เผยเพื่อความรอดและความสูงส่งของลูกหลานมนุษย์ เขาทำสิ่งนี้ด้วยศรัทธา และด้วยพลังอำนาจของศรัทธาทุกอย่างจึงสำเร็จลุล่วง…แทเบอร์นาเคิล [ซอลท์ เลค] สร้างขึ้นด้วยศรัทธา…พระวิหารตั้งตระหง่าน และผู้คนจากประชาชาติ ต่างๆ ของแผ่นดินโลกมารวมกัน…ด้วยศรัทธา

เอ็ลเดอร์หลายพันคนได้รับเรียก มิใช่จากวิทยาลัย แต่จากหลากหลายอาชีพ และถูกส่งออกไปสู่โลกเพื่อสั่งสอนพระกิตติคุณโดยไม่มีเงินและไม่มีค่าตอบ แทน…มนุษย์ฟ้งเขา วิญญาณและพลังอำนาจบางอย่างทำให้คนเหล่านั้นเชื่อว่า ประจักษ์พยานของเอ็ลเดอร์เป็นความจริง…อะไรคือผลของสิ่งนี้ คนหลายพัน คนเชื่อประจักษ์พยานนั้นและพิสูจน์ว่าเป็นความจริง เอ็ลเดอร์เหล่านี้ลำบาก ตรากตรำด้วยศรัทธา เขาเดินทางด้วยศรัทธา ทำงานด้วยศรัทธา ศรัทธาคํ้าจุน เขาตลอดทาง เขาเดินทางโดยไม่มีกระเป้าเงินหรือย่าม และด้วยศรัทธาของเขา พระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงให้อาหาร ให้เสือผ้า และเปีดทางเบื้องหน้าเขา… คนเป็นอันมากเชื่อประจักษ์พยาน’ของคนตาด้อยเหล่านี้ พวกเขากลับใจจาก บาป รับบัพติศมาเพื่อการปลดบาป ในพระนามของพระบิดา และของพระบุตร และ1ของพระวิญญาณบริสุทธิ พวกเขาได้รับพระวิญญาณบริสุทธี้ และพระวิญ ญาณทรงแสดงประจักษ์พยานต่อพวกเขาถึงความจริงของพระกิตติคุณ16

ในทุกยุคทุกสมัยของโลกเมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกหรือทรงบัญชามนุษย์คน หนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งให้ทำงานใดก็ตาม หากเขามีความตั้งใจแน่วแน่ มีความ มานะบากบั่น และศรัทธาในพระองค์ เขาย่อมทำงานนั้นสำเร็จ17

ขณะที่เรารักษาพันธสัญญาและเชื่อฟ้งพระบัญญัติ พระเจ้าจะทรงเพิ่มพลังศรัทธาในตัวเรา

การงานทุกอย่างที่เราทำ…ล้วนเป็นด้วยศรัทธา และสิทธิชนยุคสุดท้ายอย่าง เราควรพยายามยึดมั่นและเติบโตในหลักธรรมนี้18

หน้าที่ของเราคือเพิ่มพูนศรัทธาตลอดเวลา เพื่อเราจะสามารถร้องทูลพระเจ้า ได้ด้วยการยอมรับของพระองค์19

ข้าพเจ้าถือว่าพระเจ้าทรงต้องการให้ชายหญิงทุกคนในอิสราเอล สิทธิชนยุค สุดท้ายทุกคน มีพระวิญญาณศักดิสิทธิ๙ก่อน [แล้วค่อย] นำผลของพระวิญญาณ ไปสู่ความรอด เมื่อนั้นท่านจะเห็นพวกเขารักษาพันธสัญญาและเชื่อฟ้งพระบัญ ญัติของพระผู้เป็นเจ้า นี่คือหน้าที่ของเราทุกคน และเราควรดำเนินชีวิตตาม ศาสนาและทำตามข้อเรียกร้องของศาสนา เมื่อใดที่เขาทำสิ่งนี้ท่านจะเห็นเขาตื่น ตัวและนำงานแห่งความชอบธรรมออกมา เมื่อนั้นเขาจะมีศรัทธา เขาจะมีพลัง อำนาจ เขาจะลุกขึ้น พลังอำนาจและรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นที่ประ จักษ์ผ่านเครื่องมือที่พระเจ้าทรงเลือกไว้ในสมัยการประทานนี้บนแผ่นดินโลก ผู้ ที่พระองค์ทรงมอบฐานะปุโรหิตศักดี้สิทธิ”ไว้ในมือเขา20

ข้าพเจ้าร้สืกว่าพระเจ้าทรงมีพระคุณต่อเรา และเราควรเห็นคุณค่าของพระ วจนะแห่งชีวิตนิรันดร์ที่ประทานแก่เราเหนือกว่าทุกสิ่งบนแผ่นดินโลก ตราบที่ พระ’วิญญาณศักดิ๙สิทธี้ปกครองความคิดเรา เราจะเข้มแข็งขึ้น และศรัทธาของ เราจะเพิ่มทวี เราจะทำงานเพื่อเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า21

พระบิดาผู้ทรงมหิทธิฤทธิ้ทรงเพิ่มพลังแห่งศรัทธานั้นที่มอบให้สิทธิชนของ พระองค์ครอบครอง ความทรงจำถึงการปลดปล่อยอันทรงเกียรติในอดีตและการ ระลึกถึงพันธสัญญาศักดิ้สิทธิ้ที่พระองค์ทรงทำกับเราจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เผื่อ ว่าเมื่อความชั่วร้ายครอบงำเรา เมื่อความยุ่งยากโอบล้อมเรา เมื่อเราผ่านเข้าไป ในหุบเขาแห่งความอัปยศอดสู เราจะไม่หวั่นไหว ไม่สงสัย แต่ในพลังแห่ง พระนามอันศักดิ”’’สิทธ จุดประสงค์ชอบธรรมทั้งมวลเกี่ยวกับตัวเราจะบรรลุผล โดยครบถ้วน เติมเต็มระดับการสร้างของเรา มีชัยเหนือบาปทุกอย่างที่รุมล้อม เราด้วยพระคุณของพระองค์ ได้รับการไถ,จากความชั่วร้ายทั้งหลาย และถูกนับ อยู่ในอาณาจักรแห่งสวรรค์ ท่ามกลางหมู่คนที่จะอยู่ในที่ประทับของพระองค์ ตลอดกาล22

ข้อเลโนอแนะสำหรับศึกษาและลโอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า หน้า ⅴ-ⅸ

  • ศรัทธาคืออะไร (ดูหน้า 157-158; ดู ฮีบรู 11:1; แอลมา 32:21ด้วย) เรา ได้รับ “ความร้สืกมั่นใจว่าสิ่งที่ยังไม่ได้เห็นทั้นมีจริง” อย่างไร “ดำเนินด้วย ศรัทธามิใช่ด้วยการมองเห็น” มีความหมายต่อท่านอย่างไร

  • ศรัทธาในพระเยซูคริสต์มีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร ศรัทธา ในพระเยซูคริสต์มีอิทธิพลต่อความหวังของเราสำหรับชีวิตนิรันดร์อย่างไร (ดู โมโรไน 7:41–42)

  • ขณะสืกษาคำสอนของประธานวูดรัฟฟ็ในบทนี้ ท่านเห็นความสัมพันธ์อะไร ระหว่างศรัทธาของเราและการกระทำของเรา (ดู ยากอบ 2:17–26 ด้วย)

  • วิลฟอร์ด วูดรัฟฟแสดงศรัทธาของท่านเมื่อได้รับเรียกให้รับใช้งานเผยแผ่เต็ม เวลาอย่างไร (ดูหน้า 155, 157) ท่านเคยมีประสบการณ์ใดบ้างซึ่งท่านต้อง ใช้ศรัทธา

  • เราเรียนรู้อะไรไต้บ้างเกี่ยวกับศรัทธาจากตัวอย่างของพระเยซูคริสต์ จากตัว อย่างของศาสดาโจเซฟ สมิธ จากตัวอย่างของผู้สอนศาสนาและผู้เปลี่ยนใจ เลื่อมใสใหม่ในป้จจุบัน (ดูหน้า 159-160)

  • พระเจ้าประทานพรท่านในทางใดเมื่อท่านมีศรัทธาในพระองค์

  • สังเกตคำว่า ของประทาน ในย่อหน้าแรกหน้า 159 พิจารณาหรือสนทนา ความสำคัญของการจดจำว่าศรัทธาเป็นของประทานจากพระผู้เป็นเจ้า เราต้อง ทำอะไรเพื่อให้ไต้ของประทานดังกล่าว (ดูหน้า 160-162)

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: โรม 10:17; 2 โครินธ์ 5:7; ฮีลามัน 15:7–8; อีเธอร์ 12:2–27; โมโรไน 7:20–33

อ้างอิง

  1. The Discourses of Wilford Woodruff, sel. G. Homer Durham (1946), 299–300.

  2. “Leaves from My Journal,” Millennial Star, May 30, 1881, 343.

  3. “More of My First Mission,” Juvenile Instructor, May 1, 1867, 69.

  4. The Discourses of Wilford Woodruff, 300.

  5. ใน Brian H. Stuy, comp., Collected Discourses Delivered by President Wilford Woodruff, His Two Counselors, the Twelve Apostles, and Others, 5 vols. (1987-92), 3:407.

  6. Deseret News, September 26, 1860, 234.

  7. ใน Collected Discourses, 3:410.

  8. The Discourses of Wilford Woodruff, 222.

  9. Deseret News: Semi-Weekly, July 30, 1878, 1.

  10. Deseret News, June 26, 1861, 130.

  11. ใน Collected Discourses, 5:189.

  12. Deseret News: Semi-Weekly, January 12, 1875, 1.

  13. Deseret News: Semi-Weekly, December 21, 1869, 1.

  14. Deseret News, December 23, 1874, 741.

  15. Deseret News: Semi-Weekly, December 21, 1869, 1.

  16. ใน Collected Discourses, 3:407-8.

  17. The Discourses of Wilford Woodruff, 278.

  18. Deseret News: Semi-Weekly, December 21, 1869, 1.

  19. Deseret News, January 6, 1858, 350.

  20. Deseret News, February 4, 1857, 379.

  21. Deseret News, April 1, 1857, 27.

  22. จากคำสวดอุทิศพระวิหารซอลท์เลค ใน The Discourses of Wilford Woodruff, 349.

Christ healing a man

“แม้แต่ความลำบาทตรากตรำของพระเยซู… ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นด้วยศรัทธา พระองค์ ทรงได้รับการคํ้าจุนโดยพลังอำนาจของพระบิดาผู้ที่พระองค์เสด็จมาทำงานไห้”

missionaries sharing the gospel

ประธานวูดรัฟฟืกล่าวว่าผู้สอนศาสนา “ลำบากตรากตรำด้วยศรัทธา เขาเดินทางด้วยศรัทธา ทำงานด้วยศรัทธา ศรัทธาคํ้าจุนเขา”