คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 6: ลอนและเรียนรู้ ด้วยพระวิญญาณ


บทที่ 6

ลอนและเรียนรู้ ด้วยพระวิญญาณ

เราต้องการคำแนะนำ ของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ในขณะที่เรา เรียนรู้ พระกิตติคุณและ ในขณะที่เรา สอน ให้คนอื่น.

จากชีวิตทองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

ขณะที่เอ็ลเดอร์วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็เตรียมการประชุมใหญ่ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1855 ท่านสวดอ้อนวอนขอการนำทาง โดยทูลถามว่าท่านและพี่น้องชาย ควรสอนผู้คนเรื่องอะไร ในคำตอบการสวดอ้อนวอนของท่าน ท่านได้รับการเปีด เผย ดังนี้ “ขอให้ผู้รับใช้ของเรามีพระวิญญาณบริสุทธิ๙ และรักษาพระวิญญาณ ของเราให้อยู่กับเขา และพระวิญญาณจะบอกให้เขาทราบอยู่เสมอว่าจะสอน อะไร และบอกผู้คนให้รักษาพระวิญญาณของเราไว้เพี่อเขาจะสามารถเข้าใจพระ คำของพระเจ้าได้เมื่อสอนเขา”1

ด้วยประจักษ์พยานมั่นคงถึงหลักธรรมนี้ ประธานวูดรัฟฟจึงมักเริ่มคำปราศรัย การประชุมใหญ่ของท่านโดยแสดงความปรารถนาที่จะสอนด้วยอำนาจของพระ วิญญาณบริสุทธี้ นอกจากนี้ ท่านมักเตือนสิทธิชนอยู่เสมอถึงหน้าที่ของเขาใน การฟ้งและเรียนรู้ด้วยอำนาจเดียวกัน ท่านเคยกล่าวว่า “เราต่างก็ต้องพึ่งพระ วิญญาณของพระเจ้า พึ่งการเปิดเผย พึ่งการดลใจ พึ่งพระวิญญาณบ่รสุทธิ้ ทั้งนี้ เพี่อให้คู่ควรแก่การสอนผู้ที่เราได้รับเรียกให้พูดต่อหน้าเขา และหากพระเจ้ามิได้ ประทานพระวิญญาณศักดี้สิทธิ้ให้ข้าพเจ้าในบ่ายนี้ ข้าพเจ้าสัญญากับท่านทุกคน [ว่า] ท่านจะไม่ได้อะไรมากนักจากบราเดอร์วูดรัฟฟ็”2

คำสอนฃองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

เราจะสอนพระกิตติคุณก็ต่อ!มื่อได้รับการดลใจ จากพระวิญญาณบริลุ[ทธิ

ข้าพเจ้าไม่สามารถ ทั้งไม่มีใครสามารถสอนลูกหลานมนุษย์และอบรมสั่งสอน เขาในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ไต้หากปราศจากพระวิญญาณศักดิ๙สิทธี้ หากปราศจากการเปีดเผย หากปราศจากการดลใจของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงมหิทธิ ฤทธี้ ด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงต้องการศรัทธาของสิทธิชนยุคสุดท้าย และคำสวด อ้อนวอนของเขาด้วย ข้าพเจ้าต้องการให้พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าช่วย ข้าพเจ้า เช่นเดียวกับคนทุกคนที่พยายามสอนผู้คนเรื่องอาณาจักรแห่งสวรรค์3

ศรัทธาของข้าพเจ้าคือว่าคนในรุ่นนี้หรือรุ่นใดก็ตาม ไม่มีใครสามารถสอน และพัฒนาจิตใจผู้อาศัยของแผ่นดินโลกได้หากปราศจากการดลใจของพระวิญ ญาณของพระผู้เป็นเจ้า พวกเราถูกวางไว้ในตำแหน่งต่างๆ…ซึ่งเคยสอนในการ ปฏิบัติศาสนกิจและการทำงานทุกอย่างของเราถึงความจำเป็นที่เราต้องยอมรับ พระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในทุกสิ่ง เรารู้ถึงความจำเป็นดังกล่าวในทุกวันนี้ ข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าไปคู่ควรสอนสิทธิชนยุคสุดท้ายหรือชาวโลกหากปราศ จากพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้าปรารถนาสิ่งนี้…ปรารถนาศรัทธาและ คำสวดอ้อนวอนของท่านด้วย เพื่อความคิดของข้าพเจ้าจะถูกนำไปในช่องทาง ซึ่งอาจจะเอื้อประโยชน์ต่อท่าน ในการสอนต่อสาธารณชนข้าพเจ้าจะไม่ยอมให้ ความคิดดำเนินไปตามช่องทางใดนอกจากช่องทางที่พระวิญญาณทรงบอกให้ไป และนี่คือตำแหน่งที่เราทุกคนครอบครองเมื่อเราประชุมกับสิทธิชน หรือเมื่อเรา ออกไปสั่งสอนพระกิตติคุณ4

พระเจ้าตรัสผ่านโจเซฟ สมิธว่า “และอะไรก็ตามที่เขาจะพูดเมื่อถูกพระ วิญญาณบริสุทธิ๙ทรงนำจะเป็นพระคัมภีร์ จะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า จะ เป็นพระดำริของพระเจ้า จะเป็นคำของพระเจ้า จะเป็นสุรเสืยงของพระเจ้า และอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าอันไปล่ความรอด” [ค.พ. 68:4] เพราะอะไรหรือ เพราะพระวิญญาณบริสุทธึ๋ทรงเป็นหนึ่ง’ในพระผู้เป็นเจ้าสามพระองค์ และด้วย เหตุนี้เมื่อคนหนึ่งพูดโดยพระวิญญาณบริสุทธิ๙ นั่นคือพระคำของพระเจ้า เราควร พยายามให้มีพระวิญญาณองค์นี้เพื่อพระองค์จะสถิตอยู่กับเราตลอดเวลาและเป็น หลักธรรมแห่งการเปีดเผยต่อเรา5

ความคิดของคนเหล่านี้ต้องมีการป้อนตลอดเวลา และเราทุกคนต้องพึ่งพระ วิญญาณศักดิสิทธี้และพระเจ้า’ให้ทรงป้อนความคิดเราจากนํ้าพุแห่งเชาว์ปัญญา อันมิรูแห้งเหือดซึ่งมาจากพระผู้เป็นเจ้า เพราะเราจะเอาอาหารจากแหล่งอื่นมา ป้อนความคิดอมตะของมนุษย์ไม่ไต้6

มนุษย์ครอบครองวิญญาณที่ตองอดทนตลอดกาล วิญญาณที่มาจากพระผู เป็นเจ้า และเพราะเขามิได้ถูกป้อนจากแหล่งหรือพลังอำนาจเดียวกับที่สร้างเขา เขาจึงไม่อิ่มหนำและจะอิ่มหนำไม่ได้7

หากเรา1ใม่มีพระวิญญาณบริสุ’ทธี้ เราไม่มีสิทธึ๋สอน8

ขณะที่เราสอนพระกิตติคุณ เราต้องจำไว้ว่าความจริงที่แจ้งชัดที่สุด นละเรียบง่ายที่สุดคือความจริงที่ชี้ทางสว่างมากที่สุด

การเปีดเผยของพระเยซูคริสต์สอนเราว่าพระผู้ช่วยให้รอดประสูติในเนื้อหนัง และพระบิดาตรัสว่า พระองค์มิได้ประทานความบริบูรณ์ให้พระเยซูคริสต์ใน เบื้องด้น แต่ดำเนินต่อไปจากพระคุณถึงพระคุณจนพระองค์ได้รับความบริบูรณ์ และมีชื่อว่าพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าเพราะพระองค์มิได้รับความบริบูรณ์ใน เบื้องด้น [ดู ค.พ. 93:12–14] ในทำนองเดียวกัน เราควรพยายามสุดจิต วิญญาณของเราเพื่อเติบใตในพระคุณ ความสว่างและความจริง เพื่อเราจะได้รับ ความบริบูรณ์เมื่อถึงเวลาเหมาะสม [ดู ค.พ. 93:20]

พระเจ้าทรงมีหลักธรรมประเสริฐมากมายเตรียมไว้ให้เรา และหลักธรรมประ เสริฐสุดซึ่งพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้เราคือหลักธรรมที่แจ้งชัดและเรียบง่ายที่สุด หลักธรรมเบื้องด้นของพระกิตติคุณซึ่งนำเราไปส่ชีวิตนิรันดร์เป็นหลักธรรมเรียบ ง่ายที่สุด ไม่มีหลักธรรมใดน่าชื่นชมหรือสำคัญต่อเรามากไปกว่านี้อีกแล้ว มนุษย์ อาจมุมานะเพื่อโอ้อวดพรสวรรค์ ภูมิปัญญา และความรู้ทั้งในงานเขียนหรือการ สั่งสอน เขาอาจพยายามสั่งสอนเรื่องลี้ลับและนำเสนอสิ่งแปลกใหม่ ยิ่งใหญ่ และมหัศจรรย์ และเขาอาจพยายามสุดกำลังในวิญญาณและความเข้มแข็งของ มนุษย์โดยปราศจากความช่วยเหลือของพระวิญญาณศักดิ๙สิทธิ”ของพระผู้เป็นเจ้า แต่ผู้คนไม่ได้รับการสร้างสรรค์ และการสั่งสอนของเขามิได้ให้ความอิ่มเอมใจ มากนัก สิ่งแจ้งชัดและเรียบง่ายที่สุดต่างหากที่สร้างสรรค์เรามากที่สุดหากสอน ด้วยพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า และไม่มีสิ่งใดสำคัญหรือเอื้อประโยชน์ต่อ เรามากไปกว่านี้อีกแล้ว หากเรามีพระวิญญาณองค์นั้นสถิตอยู่กับเรา หากพระ วิญญาณอยู่กับเราตลอดเวลา ทำให้ความคิดของเราสว่างทั้งกลางวันและกลาง คืน—เราย่อมอยู่ในเสันทางที่ปลอดภัย9

ข้าพเจ้าประสงค์จะพูดว่า ความที่คุ้นเคยกับศาสนาจักรนี้ บางครั้งข้าพเจ้าเห็น หลายคนลุกขึ้นและพยายามเป็นผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้า คนเหล่านั้นพยายาม อธิบายสิ่งที่ตนไม่รู้ ทำทีว่าฉลาด มีเรื่องแบบนี้มากทีเดียวในยุคของเรา มีเอ็ล- เดอร์ที่โดดเด่นคนหนึ่งของศาสนาจักรอยู่ต่อหน้าผู้คนและทำการสั่งสอนหลัก ธรรมบางอย่าง โจเซฟทราบข่าวเรื่องนี้และได้ขอให้เขาเขียนคำสอนเสนอต่อ ท่าน เขาเขียน เมื่อเขียนเสร็จแล้วเขาอ่านให้ศาสดาฟ้ง เขาถามโจเซฟว่าท่าน คิดอย่างไร โจเซฟตอบว่า “เปีนระบบที่ดีครับ แต่ผมพบความผิดพลาดประการ หนึ่ง—” “อะไรหรือครับบราเดอร์โจเซฟ” โจเซฟตอบว่า “มันไม่เป็นความ จริง” ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงพูดว่า บางครั้ง คนที่คิดว่าตนฉลาดจะพยายามสอน บางสิ่งที่ไม่อยู่ในพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญาและงานศาสนาจักร และ สอนสิ่งที่ไม่เป็นความจริ …

…จงสั่งสอนความจริงตามที่ท่านเข้าใจ อย่าคาดเดาสิ่งที่ท่านไม่รู้ เพราะจะ ไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ใด หากท่านฟ้งคำสอนเท็จ วิญญาณเท็จจะชักจูงท่านเข้าส่ แนวทางผิดๆ จงจำไว้และสังเกตสิ่งนี้ และท่านจะไม่เป็นอะไร จงอยู่ในเส้น ทางแห่งความจริง และทุกอย่างจะราบรื่น10

เมื่อเราประชุมกันเพื่อเรียนพระกิตติคุณ เราต้องมีพระวิญญาณเช่นเดียวกับผู้สอน

ข้าพเจ้าวางใจว่าพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าอาจไม่เพียงอยู่กับคนที่พูดและ สอนเท่านั้น…แต่อยู่กับคนที่นั่งฟ้งด้วย11

เราต่างก็ด้องการการดลใจของพระผู้ทรงมหิทธิฤทธี้…ไม่ว่าจะสั่งสอนหรือ ฟ้ง12

ข้าพเจ้าพูดกับพี่น้องชายหญิงว่า ขอให้เราพยายามเตรียมความคิดและจิตใจ เราโดยสวดอ้อนวอนต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อเราจะได้ความสว่างของพระวิญ ญาณและอิทธิพลของพระวิญญาณบริสุทธึ๋มากพอ เพื่อจะเห็นและได้รับการปก ปักรักษาในเส้นทางแห่งชีวิต และเมื่อเราได้รับคำสอนและคำแนะนำจากผู้รับ ใช้ของพระผู้เป็นเจ้า ขอให้เราสั่งสมไว้ในใจเราและนำสิ่งเหล่านั้นมาปฏิบัติใน ชีวิตเรา13

หากเรามีพระวิญญาณส่วนนั้นของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งเป็นสิทธิพิเศษของเราที่ จะรับได้ และขยายการเรียกของเรา เราจะมีประจักษ์พยานที่ควรมีอยู่ในตัวเรา เมื่อเสนอคำสอนใหม่หรืออรรถาธิบายคำสอนเก่า โดยวิธีนี้เราจะได้ประโยชน์ จากการสั่งสอนของพี่น้องของเรา และสามารถสั่งสมหลักธรรมแห่งชีวิตนิ- รันดร์ได้14

ข้าพเจ้าหวังและสวดอ้อนวอนว่าขณะที่เราประชุมกัน ขอให้เราได้รับพระ วิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าและใจเราเป็นหนึ่งเดียวกันเช่นใจของคนๆ เดียว ขอ ให้เราสวดอ้อนวอนต่อพระพักตร์พระเจ้า เพื่อพรของพระองค์จะอยู่กับเราและ คนที่พูดกับเราจะทำเช่นนั้นโดยการดลใจของพระวิญญาณบริสุทธึ๋และพลังอำ นาจของพระผู้เป็นเจ้า15

เราควรให้ความเอาใจใส่ คำสวดอ้อนวอน และศรัทธาของเราแก่ [ครูผู้สอน] และหากเราทำเช่นนี้ เราจะได้รับสิ่งเหล่านั้นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเราจากความ บริบูรณ์ของใจเขา16

เมื่อฝ่ายประธานสูงสุดของศาสนาจักรนี้ หรือโควรัมอัครสาวกสิบสอง หรือ เอ็ลเดอร์คนใดลุกขึ้น…พูด คนเหล่านี้จะวางใจเขา และคาดหวังว่าเขาจะมีพระ วิญญาณศักดิ๙สิทธี้มากพอจะพูดเรื่องที่สร้างสรรค์ ผู้คนคาดหวังสิ่งนี้จนเกือบจะ เป็นเอกฉันท์ ข้าพเจ้าจะพูดอีกนัยหนึ่งคือ ฝ่ายประธาน อัครสาวกสิบสอง และ เอ็ลเดอร์…ต่างคาดหวังว่าผู้คนจะมีพระวิญญาณของพระเจ้าอยู่ด้วยเพื่อเขาจะ เข้าใจ และสิ่งนี้จำเป็นอย่างมาก เพื่อเขาจะเข้าใจเรื่องที่พูดกับเขาเท่าๆ กับที่ เรียกร้องจากพี่น้องชายผู้ที่พูดเพื่อสอนคำสอน หลักธรรม ความจริง และการ เปิดเผยของพระเยซูคริสต์

เมื่อใดที่พลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าและของประทานแห่งพระวิญญาณบริ- สุทธี้ทำให้ความคิดของผู้คนเฉียบไวและสว่างจนเขาซาบซึ้งและเห็นคุณค่าของ หลักธรรมแห่งความจริงนิรันดร์และการเปิดเผยซึ่งพระผู้เป็นเจ้าประทานไว้… เมื่อนั้นเขาย่อมพร้อมรับประโยชน์จากพรเหล่านั้นซึ่งหลั่งมาให้เขา บางท่านที่เคย ได้รับพรนี้ และข้าพเจ้าอนุมานว่าทุกท่านเคยได้รับมาบ้างแล้ว คงเคยตกตะลึง กับช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่มีความแตกต่างเช่นนั้นในความคิดเขา ข้าพเจ้าทราบ ว่านี่คือกรณีที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าและอนุมานว่าเปีนเช่นนั้นกับผู้อื่นด้วย

มีบางครั้งที่มโนภาพของข้าพเจ้าเปีดรับพระคำของพระผู้เป็นเจ้าและคำสอน ของผู้รับใช้ของพระองค์—พลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าและของประทานแห่ง พระวิญญาณบริสุทธิ้เปิดมโนภาพของข้าพเจ้าและทำให้มันเฉียบไว เพื่อว่าเมื่อ ข้าพเจ้านั่งที่นี่และได้ฟ้งฝ่ายประธานสูงสุดและผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าสอน หลักธรรมแห่งความชอบธรรมและพระคำของพระผู้เป็นเจ้าแก่เรา ข้าพเจ้าจะ ร้สืกถึงอานุภาพ พลัง และความสำคัญของความจริงนิรันดร์เหล่านี้ซึ่งพวกท่าน นำเสนอต่อความคิดของเรา ถึงแม้ความจริงเหล่านี้จะสอนมาหลายครั้งแล้ว แต่ ก็ผ่านเลยไปโดยมิได้สร้างความประทับใจอย่างเดียวกันนี้แก่ความคิดของข้าพ เจ้า

…ข้าพเจ้าถือว่าเปีนเรื่องสำคัญที่เราจะมุมานะให้ได้พระวิญญาณองค์นั้น และทำให้เพิ่มพูนอยู่ในเรา ให้เรานำพระวิญญาณไปกับเราด้วยเพื่อความคิดเรา จะพร้อมรับคำสอนในยามที่ได้ยิน…

ข้าพเจ้าจะพูดว่า เนื่องด้วยพวกเราหลายคนได้รับพระกิตติคุณและมารวมกับ สิทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราจะทำงานวันนี้ ที่เราจะดำเนิน ชีวิตภายใต้อิทธิพลของพระวิญญาณองค์นั้นเพื่อให้มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และให้ควบ คุมการกระทำของเราในบรรดาลูกหลานมนุษย์—เมื่อคนหนึ่งมีพระวิญญาณศักดิ๙ สิทธิ๙และได้ยินความจริงที่แจ้งชัดและเรียบง่ายแห่งความรอด ดูเหมือนความ จริงเหล่านั้นจะมีค่ายิ่งกว่าสิ่งอื่นทั้งหมด และเขาจะพร้อมเสืยสละทุกสิ่งทางโลก เพื่อให้ตนเองได้รับความรอด แด,เมื่อความคิดของผู้คนมีดดับ เขาย่อมสูญเสืย พระวิญญาณศักดิ๙สิทธิ๙และคุณค่าของพระกิตติคุณนั้น และเขาจะไม่ตระหนักใน สิทธิพิเศษและเกียรติของการคบหากับสิทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า…ทั้งเขาจะไม่ จงรักภักดีต่อพระบิดาบนสวรรค์ของเขาและเทิดทูนพระนามของพระองค์บน แผ่นดินโลกหรือเห็นคุณค่าของการคบค้าสมาคมกับผู้ดำรงฐานะปุโรหิตศักดิ สิทธิ๙อีกต่อ’ใป และด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าไปส่ความมืด…เราอัศจรรย์ไจและพิศวง เมื่อได้รับความสว่างทางปัญญาจากพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้าและการเปิด เผยซึ่งพระองค์ประทานแก่เรา และเมื่อใดที่เราได้รับการปลุกจิตสำนึกเกี่ยวกับ ความสำคัญของเรื่องเหล่านี้ เมื่อนั้นเราย่อมเห็นผลและความสัมพันธ์ที่จะมีต่อ เรา ไม่เพียงเตรียมความคิดเราให้พร้อมเข้าไปในโลกแห่งวิญญาณเท่านั้น แต่ เตรียมเราให้พร้อมพบพระบิดาในสวรรค์ของเราด้วย17

ข้อเลนอแนะสำหรับศึกษาและลอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ–ⅸ.

  • อ่านถ้อยแถลงของประธานวูดรัฟพีในสองย่อหน้าแรกของบทนี้ (หน้า 58) ข้อความเหล่านี้ให้ข้อคิดอะไรเกี่ยวกับประธานวูดรัฟฟ็ ข้อความเหล่านี้ให้ ข้อคิดอะไรเกี่ยวกับการสอนและการเรียนรู้

  • ท่านเรียนรู้อะไรจากคำสอนของประธานวูดรัฟฟ็เกี่ยวกับการสอนด้วยอำนาจ ของพระวิญญาณ (ดูหน้า 58, 60; ดู 2 นีไฟ 33:1–2ด้วย) เราจะเตรียม รับการนำทางจากพระวิญญาณบริสุทธเมื่อเราสอนได้อย่างไร

  • ท่านเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างกับการสอนและการเรียนรู้ด้วยพระวิญญาณ

  • ทบทวนหัวข้อที่เริ่มด้นในหน้า 61 เหตุใดจึงเป็นอันตรายที่จะคาดเดาในเรื่อง ที่เราไม่เข้าใจ เหตุใดความจริงที่แจ้งชัดและเรียบง่ายจึงสร้างสรรค์เรามากที่สุด

  • ผู้เรียนมีหน้าที่อะไรบ้าง (ดูหน้า 62-65) เราจะรับประโยชน์สูงสุดจากบท เรียนพระกิตติคุณหรือการสั่งสอนได้อย่างไร ไตร่ตรองหรือสนทนาวิธีที่ท่าน จะเตรียมรับการสอนด้วยพระวิญญาณ

  • ทบทวนย่อหน้าที่สองในหน้า 63 จากประสบการณ์ของท่านกับการสอนพระ กิตติคุณ ท่านได้ประโยชน์อย่างไรจาก “ความเอาใจใส่ คำสวดอ้อนวอน และศรัทธา” ของคนที่ท่านสอน

  • หลักธรรมในบทนี้จะช่วยเราในการศึกษาหนังสือเล่มนี้ได้อย่างไร (ดูหน้า ⅴ-ⅸ) เราจะประยุกต์ไข้หลักธรรมเหล่านี้อย่างไรขณะเรียนและสอนพระกิตติคุณ ในบ้านของเรา

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: ฮีบรู 4:2; 2 เปโตร 1:21; 2 นีไฟ 31:3; แอลมา 17:2–3; ค.พ. 11:18–21; 42:14; 50:13–22; 52:9; 100:5–8

อ้างอิง

  1. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 19 ตุลาคม 1855 หอจดหมายเหตุศาสนาจักร ของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย

  2. Deseret News: Semi-Weekly, September 11, 1883, 1.

  3. ใน Brian H. Stuy, comp., Collected Discourses Delivered by President Wilford Woodruff, His Two Counselors, the Twelve Apostles, and Others, 5 vols. (1987-92), 4:375-76.

  4. Deseret News: Semi-Weekly, February 4, 1873, 2.

  5. ใน Collected Discourses, 1:326.

  6. Deseret News, March 4, 1857, 410.

  7. Deseret News, December 26, 1860, 338.

  8. ใน Collected Discourses, 2:46.

  9. Deseret News, April 1, 1857, 27.

  10. ใน Collected Discourses, 2:60-61.

  11. ใน Conference Report, April 1898, 2.

  12. Deseret News: Semi-Weekly, March 26, 1878, 1.

  13. Deseret News: Semi-Weekly, May 20, 1873, 1.

  14. Deseret News, July 30, 1862, 33.

  15. ใน Collected Discourses, 4:253.

  16. Deseret News, April 1, 1857, 27.

  17. Deseret News, April 1, 1857, 27.

ภาพ
Mary learning at Jesus’ feet

ในฐานะครูสอนพระกิตติคุณ เราต้องแสวงหาพระวิญญาณเพื่อเราจะทำตาม!แบบอย่างของ พระเยซูได’ เมื่อเราทุบปะกันเพื่อเรียนพระกิตติคุณ เราควรเอาใจใส่และซื่อสัตย์เช่นเดียว กับมารย์เมื่อเธอ “นั่งใกล้’พระบาทพระเยซูฟืงถ้อยคำ‘บองพระองค์” (ดู ลูกา 10:38–42).

ภาพ
Gospel Doctrine class

“เราต่างก็ต้องการการดลใจของพระผู้ทรงมหิทธิฤทธิ๔… ไท่ว่าจะสั่งสอนหรือพิง”

พิมพ์