คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 19: พำตามศาลโดาที่มีชีวิต


บทที่ 19

พำตามศาลโดาที่มีชีวิต

เมื่อเราเชื่อฟังพระวจนะของพระเจ้าตามที่เปีดเผยต่อศาสดา ที่ปีชีวิตเราจะพบความปลอดภัยและความสุขในโลกนี้ และพบความสูงส่งในโลกหน้า

จากชีวิตของวิลฟอร์ด วดรัฟฟ

เอล เดอร์วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็อยู่ที่บ้านตอนบ่ายวันหนึ่งเมื่อทราบว่าประธาน บริคัม ยังต้องการพบท่านที่สำนักงานนักประวัติศาสตร์ศาสนาจักร พอได้รับคำ ขอร้องครั้งนี้จากประธานศาสนาจักร เอ็ลเดอร์วูดรัฟฟ็ “รุดไปที่สำนักงานทัน ที”1 ณ ที่นี้เองท่านรับใช้เปีนผู้ช่วยนักประวัติศาสตร์ศาสนาจักรหลังจากนั้น ต่อ มาท่านเขียนในบันทึกส่วนตัวว่า

“ประธานยังพูดกับข้าพเจ้าเมื่อข้าพเจ้าเข้าไปข้างในว่า ‘คุณมีม้าหรือเปล่า, ข้าพเจ้าบอกท่านว่าข้าพเจ้ามีม้าแกลบสองตัว ท่านถามว่าข้าพเจ้ายกให้ท่านได้ ไหม ข้าพเจ้าลังเลครู่หนึ่งและตอบว่า ‘ได้ครับ ผมจะทำทุกสิ่งที่ท่านต้องการ, ท่านพูดต่อจากนั้นว่า ‘ผมมีม้าพันธุดีคู่หนึ่งที่อยากให้คุณใช้เมื่อคุณทำงานที่นี่, ข้าพเจ้าแปลกใจมาก มันเกิดขึ้นอย่างที่ข้าพเจ้าคาดไม่ถึง ข้าพเจ้ายอมรับม้า และรู้สีกขอบคุณ แม้อาจจะไม,ได้พูดอะไรในตอนนั้น”2

เมื่อเอ็ลเดอร์วูดรัฟฟ็ยอมสละม้าแกลบของท่าน ท่านเพียงแต่เลือกเชื่อฟ้ง คำสั่งของประธานยัง ท่านไม,ได้คาดหวังสิ่งตอบแทนการกระทำของท่าน แต่ ท่านทราบดีถึงพรที่มาจากการทำตามศาสดาที่มีชีวิต สองสามเดือนก่อนหน้านั้น ท่านประกาศว่า “พระเจ้าจะทรงเบิกความคิดของบราเดอร์บริคัมและนำท่านไป ส่หลักธรรมมากมายที่เกี่ยวข้องกับความรอดของคนเหล่านี้ เราไม,สามารถปีด ความคิดของเรา และพูดว่าเราจะไปไกลเท่านั้นเท่านี้และไม1ไปไกลกว่านั้น เพราะหากเราทำเช่นนี้ฐานะของเราต่อพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้าย่อมอยู่ในอัน- ตราย”3

คำประกาศตังกล่าวสอดคล้องกับความจงรักภักดี1ไม่เสิ่อมคลายที่ท่านมีต่อ ประธานศาสนาจักรสมัยรับใช้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง สมัยเป็น ประธานศาสนาจักรท่านเปีนพยานถึงการเรียกอันศักดี้สิทธี้ของท่านและรับรอง ต่อสิทธิชนว่าศาสดาที่มีชีวิตจะนำเขาเสมอ ท่านกล่าวว่า

“เมื่อพระเจ้าประทานกุญแจแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า กุญแจของฐานะ ปุโรหิตแห่งเม็ลคิเซเด็ค ของการเป็นอัครสาวก และผนึกไว้บนศีรษะโจเซฟ สมิธ พระองค์ทรงผนึกกุญแจเหล่านั้นไว้บนศีรษะเขาเพื่อให้อยู่บนแผ่นดินโลก จนถึงการเสด็จมาของบุตรมนุษย์ บริคัม ยังกล่าวเช่นกันว่า ‘กุญแจแห่งอาณา จักรของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ที่นี่, กุญแจอยู่กับเขาจนถึงวันที่เขาสิ้นชีวิต จากนั้นก็ ไปอยู่บนศีรษะของอีกคนหนึ่งคือ ประธานจอห์น เทย์เลอร์ เขาถือกุญแจเหล่า นั้นจนถึงชั่วโมงที่เขาสิ้นชีวิต จากนั้นก็ไปอยู่กับวิลฟอร์ด วูดรัฟฟตามลำดับ หรือตามพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า.

“ข้าพเจ้ากล่าวกับสิทธิชนยุคสุดท้ายว่า กุญแจแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็น เจ้าอยู่ที่นี่ และจะอยู่ที่นี่จนถึงการเสด็จมาของบุตรมนุษย์ ขอให้อิสราเอลทุกคน เข้าใจเรื่องนี้ กุญแจอาจไม,อยู่บนศีรษะข้าพเจ้านานนัก แต่จากนั้นจะอยู่บน ศีรษะอัครสาวกอีกท่านหนึ่ง และอีกท่านหนึ่งต่อจากเขา และเป็นเช่นนี้จนถึง การเสด็จมาของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ไนเมฆแห่งสวรรค์”4

คำสอนของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

นับจากสมัยของแอดัม พระเจ้าทรงตั้งศาสดา ปกครองคาสนาจักรของพระองค์และ เตือนผู้อาศัยของแผ่นดินโลก

พระผู้เป็นเจ้าทรงนำศาสนาจักรนี้นับแต่กาลเริ่มต้นโดยศาสดาและผู้ได้รับ การดลใจ พระองค์จะทรงนำศาสนาจักรนี้จนกว่าโลกจะสิ้นสุด5

พระผู้เป็นเจ้าไม่เคยมีศาสนาจักรหรือผู้คนในยุคใดของโลกที่ถูกปกครองหรือ ถูกควบคุมยกเว้นโดยการเปิดเผย ทูตมีชีวิตของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในบรรดาพวก เขา-ผู้ถือกุญแจแห่งอาณาจักร และคนเหล่านั้นด้องได้รับการเปีดเผย เพื่อช่วย ในงานทั้งหมดของพวกเขา6

เราทราบว่าพระเจ้าไม่เคยส่งการพิพากษามาถึงชั่วอายุใดจนกว่าพระองค์จะ ทรงตั้งศาสดาและผู้ได้รับการดลใจให้เตือนผู้อาศัยของแผ่นดินโลก นี่คือวิธีที่ พระเจ้าทรงติดต่อกับมนุษย์ทุกคนนับจากสมัยของคุณพ่อแอดัมจนถึงป้จจุบัน7

โดยผ่านศาสดาที่มีชีวิต พระเจ้าทรงเปีดเผย พระประสงค์ของพระองค์สำหรับศาสนาจักรและ นำเราบนเส้นทางสู่ชีวิตนิรันดร์

พระเจ้าทรงสอนเรา…ว่าไม่สำคัญว่าพระองค์จะตรัสจากสวรรค์โดยสุรเสืยง ของพระองค์เองหรือโดยการปฏิบัติของเทพ หรือโดยปากของผู้รับใช้ของพระ องค์เมื่อเขาได้รับการกระตุ้นเตือนจากพระวิญญาณบริสุทธ์ ทั้งหมดนั้นล้วนเป็น พระดำริและพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า [ดู ค.พ. 1:38]8

กฎของพระผู้เป็นเจ้าอยู่ในปากของผู้ถูกกำหนดให้นำเรา9

แม้เราจะมีการเปีดเผยทั้งหมดซึ่งพระผู้เป็นเจ้าเคยประทานแก1มนุษย์อยู่ตรง หน้าเรา แม้เราจะมีหนังสือของอีนิค แม้เราจะมีแผ่นจารึกที่ไม่ได้แปลอยู่ตรง หน้าเราในภาษาอังกฤษ แม้เราจะมีบันทึกซึ่งถูกผนึกไว้ของนักบุญจอห์นผู้เปีด เผย และการเปีดเผยอื่นทั้งหมด และทุกอย่างกองอยู่ที่นี่สุงหนึ่งร้อยฟุต แต่ ศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าจะเติบโตไม่ได้ในยุคนี้หรือยุคใดของ โลกหากปราศจากทุตมีชีวิตของพระผู้เป็นเจ้า10

เรามีการเปีดเผยอยู่กับเรา เป็นความจริงที่ว่าผู้นำของศาสนาจักรนี้นับแต่ มรณกรรมของศาสดาโจเซฟ สมิธมิได้ [ตีพิมพ์] การเปีดเผยมากมาย โจเซฟ สมิธนำพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญาออกมา และพระคัมภีร์เล่มนี้คือการ เปีดเผยเล่มใหญ่—บันทึกยอดเยี่ยมที่สุดเล่มหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าเคยประทานแก, มนุษย์บนแผ่นดินโลก แต่ข้าพเจ้าต้องการพูดว่า บราเดอร์บริคัม ยังมิไต้มีชีวิต โดยปราศจากการเปีดเผย ท่านมีการเปีดเผยอยู่กับท่านเสมอ ท่านจะทำงานไม่ ไต้หากปราศจากการเปิดเผย ท่านจะสั่งสอนหรือทำตามพระประสงค์ของพระผู้ เป็นเจ้าไม่ไต้หากปราศจากการเปิดเผย ทุกคนที่ดำรงตำแหน่งนี้ก็เช่นกัน พระ เจ้าจะไม,ทรงอนุญาตให้มนุษย์คนใดยืนในตำแหน่งหัวหน้าของศาสนาจักรนี้เว้น แต่เขาจะถูกปกครองและควบคุมโดยการเปิดเผย เราเป็นเครื่องมือที่อ่อนแอด นอ่อนแอจากผงธุลี แต่พระผู้เป็นเจ้าทรงเลือกสิ่งอ่อนแอของโลกเพื่อทำให้คน ฉลาดจำนน และเสริมสร้างไซอันของพระองค์ และพระองค์ประทานการเปิด เผยแก,เรา ทำให้เรารู้พระดำริและพระประสงค์ของพระองค์11

เรากับโลกต่างกัน เรามีช่องทางสำคัญซึ่งเราได้รับความสว่าง ความรู้ และพร …ท่านอาจนำคนฉลาดที่สุดที่พรสวรรค์และการเรียนรู้ทำให้เขาเป็นเช่นนั้นมา วางไว้ในศาสนาจักรของพระผู้เป็นเจ้า และเขาไม่เคยเหนือกว่าผู้นำของเขา สติปัญญาของเขาจะเปลี่ยนเป็นความโง,เขลา เพราะอะไรหรือ เพราะเขาไม่ได้ รับการเรียกให้นำ หากชายคนหนึ่งไม,เคยหัดอ่านหนังสือ หากพระเจ้าทรงขอให้ เขานำศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์จะประทานพลังให้ เขาทำเช่นนั้น เรามีบทเรียนเหล่านี้อยู่ตรงหน้าเราวันแล้ววันเล่าโดยขอให้เราเป็น หนึ่งและขอให้ใจเราเป็นเหมือนใจของชายคนหนึ่ง เพื่อคำสวดอ้อนวอนและ งานของเราจะมุ่งไปที่จุดเดียวกันในการดำเนินตามคำแนะนำของหัวหน้าเรา

พระเจ้าจะทรงนำ [ประธานศาสนาจักร] ไปยังที่ที่พระองค์ทรงต้องการให้เขา ไป เราทราบว่าพระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่กับเขา และทรงนำเขาตลอดเวลา…[ศาสดา] จะต้องบอกเราว่าอะไรถูกอะไรผิดในเรื่องต่างๆ เพราะนั่นคือตำแหน่งและการ เรียกของเขา…ช่องทางที่สมบูรณ์อยู่ระหว่างพระเจ้ากับเขา เขาไต้ปัญญาผ่าน ช่องทางนั้น ซึ่งจะกระจายผ่านช่องทางอื่นมาถึงผู้คน เราทราบเช่นนั้น เราต้อง หัดนำความรู้นี้ไปปฏิบัติ12

พระเจ้าจะไม่ทรงอนุญาตให้ข้าพเจ้าหรือผู้ชายคนใดที่เป็นประธานของศาสนา จักรนี้นำท่านให้หลงผิด นี่มิไต้อยู่ในโปรแกรม มิไต้อยู่ในพระดำริของพระผู้เป็น เจ้า หากข้าพเจ้าพยายามทำเช่นนั้น พระเจ้าจะทรงถอดถอนข้าพเจ้าออกจาก ตำแหน่ง13

ข้าพเจ้าหวังว่าเราทุกคนจะดำเนินตามวิถึที่ผู้รับใช้ของพระเจ้าวางไว้ให้เรา เพราะหากเราทำเช่นนั้น ข้าพเจ้าทราบว่าเราจะปลอดภัยในโลกนี้ ได้รับความ สุขและความสูงส่งในโลกหน้า…หากเราซื่อสัตย์ เขาจะนำเราในทางแห่งชีวิต และตราบที่เรามีศรัทธาจนเชื่อในคำแนะนำของเขา ในการสอนของพระวิญญาณ ศักดี้สิทธิผ่านเขา เราย่อมอย่ในเส้นทางปลอดภัยเสมอ และจะได้รับรางวัลของ14

เราสนับสนุนศาสดาที่มีชีวิตและผู้นำคนอื่นๆ ของศาสนาจักรโดยสวดอ้อนวอนให้ท่าน และทำตามคำแนะนำของท่าน

ข้าพเจ้าและคนอื่นๆ อัครสาวก และทุกคนที่ได้รับเรียกให้ทำหน้าที่ในพระ นามของพระเจ้าต้องการศรัทธาและคำสวดอ้อนวอนของสิทธิชนยุคสุดท้าย15

ขณะที่ข้าพเจ้ามีชีวิต ข้าพเจ้าต้องการภักดีและซื่อสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้า และสิทธิชน พรประเสริฐสุดประการหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าประทานแก่ข้าพเจ้าคือ ข้อเท็จจริงที่ว่าข้าพเจ้าและที่ปรึกษาอยู่ในใจสิทธิชนยุคสุดท้าย และข้าพเจ้า เจียมตนเจียมใจต่อพระพักตร์พระเจ้าเพราะเหตุนี้ เราทราบว่าท่านสวดอ้อนวอน ให้เรา เราทราบว่าท่านเคารพเรา เราดำเนินตามหลักธรรมนี้…พระเจ้าทรง “เลือกคนที่โลกถือว่าอ่อนแอเพื่อทำให้คนที่แข็งแรงอับอาย…สิ่งที่โลกถือ ว่า…ไร้สาระเพื่อทำลายสิ่งซึ่งโลกเห็นว่าสำคัญ” [ดู 1 โครินธ์ 1:27–28.] เรา ร้สืกถึงความอ่อนแอของเรา ข้าพเจ้าปรารถนาให้ตนเองเป็นคนดีกว่าที่เปีนอยู่ แน่นอนว่าข้าพเจ้าบากบั่นจนสุดความสามารถในความอ่อนแอของตน ข้าพเจ้า ยังคงปรารถนาจะทำเช่นนั้น แต่ข้าพเจ้าต้องพึ่งพระเจ้าและพึ่งคำสวดอ้อนวอน ของสิทธิชน พี่น้องของข้าพเจ้าก็เช่นกัน16

ข้าพเจ้าหวังว่าพี่น้องชายหญิงของข้าพเจ้าจะร้สืกในใจเขาว่าต้องสนับสนุน ฝ่ายประธานของศาสนาจักรนี้โดยศรัทธา งาน และการสวดอ้อนวอนของเขา และไม่ปล่อยให้พวกท่านแบกภาระทั้งหมดขณะที่ตัวเราไปแอบอยู่ข้างหลัง หากเราทำเช่นนี้ เราย่อมไม,มีค่าควร เราย่อมไม่มีค่าควรต่อตำแหน่งเอ็ลเดอร์ของ เราในอิสราเอล และบิดามารดาในอิสราเอล ขอให้เราแต่ละคนทำส่วนของเรา และหากเราจะแก้ไขความโง่เขลาของตนเอง และจัดบ้านของเราให้อยู่ในระเบียบ และทำสิ่งถูกต้อง เมื่อนั้นเราคงจะทำคุณประโยชน์ไต้บ้าง และช่วยแบ่งเบา ภาระที่ตกอยู่กับผู้นำ…[ประธานศาสนาจักร] รู้สีกสลด’ใจเมื่อเห็นผู้คนบุ่มบ่าม ดำเนินตามวีถีที่นำตนไปสู่ความพินาศ เมื่อเขาไม่ยอมรับคำแนะนำของท่านและ ปฏิบัติตามคำสอนที่ท่านสอน แต่เมื่อท่านเห็นผู้คนยอมเชื่อฟ้งคำแนะนำที่ดี และพยายามชำระตนให้ศักดิ๙สิทธ์ต่อพระพักตร์พระเจ้า ท่านจะรู้สืกว่าได้รับกำลัง ใจและการสนับสนุน17

เราต้องไม่ดูแคลนคำแนะนำจากประธานศาสนาจักร

เมื่อพระเจ้าทรงดลใจมนุษย์และส่งเขาไปให้ชั่วอายุใดก็ตาม พระองค์ทรง ถือว่าคนชั่วอายุนั้นต้องรับผิดชอบวิธีที่เขารับประจักษ์พยานของผู้รับใช้ของ พระองค์18

จำเปีนที่สมาชิกทุกคนของศาสนาจักรจะใช้พลังแห่งเหตุผลและการคิดใคร่ ครวญ และเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเหตุใดเขาจึงควรดำเนินตามวิถืที่พระผู้เป็นเจ้า ทรงชี้นำ พระบิดาในสวรรค์ของเราปรารถนาให้สิทธิชนของพระองค์เชื่อฟ้งอย่าง ฉลาด พระองค์ประทานสิทธ์เสรีให้เราคิดและกระทำด้วยตนเอง ตามความมุ่ง มาดปรารถนาของเรา เพื่อให้ตัวเราได้ประจักษ์พยานจากพระองค์เกี่ยวกับความ จริงของหลักธรรมที่พระองค์ทรงสอน จากนั้นก็มั่นคงและไม,หวั่นไหวในการทำ ทุกสิ่งซึ่งจำเป็นต่อความรอด19

นับเป็นสิทธิพิเศษของเราที่จะดำเนินชีวิตจนพระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า เป็นพยานถึงความจริงของการเปีดเผยที่มาจากพระผู้เป็นเจ้าผ่านปากของศาสดา ผู้นำผู้คนของพระองค์ และหลักสำคัญที่ข้าพเจ้ายึดถือเสมอมาคือเมื่อศาสดา ผู้นำเราเสนอคำสอนหรือหลักธรรมหรือกล่าวว่า “พระเจ้าตรัสตังนั้น” ข้าพเจ้า จะรับไว้แบ้นั่นจะขัดกับประเพณีหรือความเห็นของข้าพเจ้าก็ตาม โดยเชื่อว่า พระเจ้าจะทรงเปีดเผยความจริงต่อศาสดาของพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงเรียกให้ นำศาสนาจักรของพระองค์ก่อนจะทรงเปีดเผยต่อข้าพเจ้า พระดำรัสของพระ เจ้าผ่านศาสดาคือจุดสิ้นสุดของกฎสำหรับข้าพเจ้า20

ข้าพเจ้าด้องการพูดกับพี่น้องชายหญิงว่า [ประธานศาสนาจักร] คือผู้นำของ เรา ท่านเป็นผู้ให้กฎในศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ท่านได้รับ เรียกสู่ตำแหน่งนี้ ท่านมีสิทธ์บอกผู้คนว่าต้องทำอะไร และหน้าที่ของเราคือเชื่อ ฟ้งคำแนะนำที่ท่านให้พี่น้องชายหญิงในวันนี้ พวกเราไม,ควรดูแคลนคำแนะนำ ของท่าน เพราะข้าพเจ้าจะบอกท่านในพระนามของพระเจ้า และข้าพเจ้าจับตา มองตั้งแต่เป็นสมาชิกของศาสนาจักรนี้ว่า ใครก็ตามที่ทำตรงกันข้ามกับคำแนะ นำของผู้นำที่ได้รับมอบอำนาจอย่างถูกต้องให้ดูแลคนเหล่านี้ เขาจะไม,รุ่งเรือง และคนเช่นนั้นจะไม่มีวันรุ่งเรือง21

ตามธรรมเนียมปฏิบัติสมัยโบราณ เราเรียนรู้ว่า [คนเลี้ยงแกะ] ต้องอยู่ข้าง หน้าเสมอและเตรียมทาง เผื่อว่าเมื่อมีอันตรายใดอยู่ข้างหน้า คนเลี้ยงจะช่วย แกะได้ทันเวลา หากปล่อยให้ [แกะ] วิ่งนำหน้าคนเลี้ยง สุนัขป่ามักจับมันและ ฆ่าเสืย และเมื่อใดที่คนในอาณาจักรนี้พยายามวิ่งแซงหรือสวนทางกับผู้นำ ไม่ ว่าจะต้านใดก็ตาม เมื่อนั้นเขาย่อมอยู่ในอันตรายของการถูกสุนัขป่าทำร้าย

นี่คือเรื่องที่ข้าพเจ้าคิดหนักและข้าพเจ้าได้ความรู้ที่เป็นประโยชน์พอสมควร ระหว่างรับประสบการณ์จากการจับตามองความประพฤติของมนุษย์ และใน ชีวิตข้าพเจ้า ข้าพเจ้าพบเสมอว่าเมื่อมนุษย์ทำตรงกันข้ามกับคำแนะนำของผู้นำ …เขามักติดบ่วงและประสบความสูญเสืยทุกครั้งที่ทำเช่นนั้น

ไม่ว่าข้าพเจ้าจะเรียนรู้อะไรจากการค้นคว้าและสืกษาเกี่ยวกับศิลปะและวิทยา ศาสตร์ของมนุษย์ ไม่ว่าข้าพเจ้าจะยอมรับหลักการใดระหว่างการวิจัยทางวิทยา ศาสตร์ แต่หากศาสดาของพระผู้เป็นเจ้าบอกข้าพเจ้าว่าหลักการหรือทฤษฎีที่ ข้าพเจ้าเรียนรู้มานั้นไม,เป็นความจริง ข้าพเจ้าจะไม่สนใจหรอกว่าตนเคยมีความ คิดอย่างไร ข้าพเจ้าถือว่าตนมีหน้าที่ทิ้งหลักการหรือทฤษฎีนั้นตามคำบอกของ ผู้นำ …

ข้าพเจ้าเคยเห็นคนในสมัยของโจเซฟหยิบยกหลักธรรม อ่าน สอน และ สนับสนุนทฤษฎีต่างๆ ทั้งที่ศาสดาบอกว่า “ทำเช่นนั้นไม่ถูกต้อง มันไม่จริง” คนเหล่านั้นยังคงโต้เถียง รักษาจุดยืนของตนเอาไว้ และจะเขียนปก!เองทฤษฎี ของตนทั้งที่ศาสดาประกาศว่าใช้ไม่ได้ และเขาจะพูดว่า “เราไม่มีศรัทธาใน ทฤษฎีของคุณ และในระบบที่คุณเสนอ”

เมื่อใดที่เขาทำเช่นนั้น เขาย่อมสวนทางกับผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ถูก กำหนดให้นำทาง?[ชีวิตและความรอด นี่คือสิ่งหนึ่งที่เอ็ลเดอร์ทั้งหลายพึงหลีก เลี่ยง ข้อเท็จจริงคือมีมากมายหลายเรื่องที่สอนไว้ในการเสริมสร้างอาณาจักรนี้ ซึ่งลูแปลกใหม่สำหรับเรา ขัดกับประเพณีของเรา และถูกกำหนดให้ทดสอบ มนุษย์ บราเดอร์โจเซฟใช้หลากหลายวิธีทดสอบความภักดีของมนุษย์ และท่าน สอนมากมายหลายเรื่องซึ่งมีมูลเหตุมาจากประเพณีจึงต้องอาศัยการสวดอ้อน วอน ศรัทธา และการเป็นพยานจากพระเจ้าก่อนที่สิทธิชนจำนวนมากจะเชื่อ …

เกี่ยวกับการสวนทางกับผู้ที่ถูกแต่งตั้งให้นำเรา ข้าพเจ้าจะบอกว่าเราไม่ควร ทำเช่นนั้น และข้าพเจ้าไม่สนว่าเราจะมีความรู้สืกและความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ เรื่องดังกล่าวตราบที่เกี่ยวข้องกับประเพณีและการศึกษาของเรา

หากพระผู้เป็นเจ้าทรงมีเรื่องใดต้องเปิดเผย พระองค์จะทรงเปิดเผยต่อผู้ที่ เป็นหัวหน้า…ไม,มีแผนอื่น ไม่มีระบบอื่นซึ่งใช้นำทางและปกครองมนุษย์ไน อาณาจักรนี้ มีเพียงระบบเดียวเท่านั้นซึ่งถูกกำหนดโดยการเปิดเผยของพระผู้ เป็นเจ้าตามระเบียบของศาสนาจักรและอาณาจักรของพระองค์ และนั่นก็คือให้ หัวหน้านำ แนะนำ และปกครองในทุกสมัยการประทานซึ่งเปิดเผยพระประสงค์ ของพระผู้เป็นเจ้าต่อมนุษย์22

ข้อ นอแนะลำหรับศึกษาและลโอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะศึกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมไต้ที่ หน้า ⅴ-ⅸ.

  • เราเรียนรู้หลักธรรมอะไรบ้างจากเรื่องในหน้า 200

  • ศาสดามีความรับผิดชอบอะไรบ้าง (ดูหน้า 202) ประธานศาสนาจักรคน ปัจจุบันทำให้ความรับผิดชอบเหล่านี้สำเร็จลุล่วงไต้อย่างไร

  • ทบทวนย่อหน้าที่สามในหน้า 203 เหตุใดการนำโดยศาสดาที่มีชีวิตจึงสำคัญ กว่าการมีบันทึกของศาสดาสมัยโบราณ

  • ทบทวนย่อหน้าที่สองในหน้า 204 คำรับรองนี้ช่วยท่านอย่างไร

  • เราทำอะไรไต้บ้างเพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือประธานศาสนาจักร (ดูหน้า 204-206) พิจารณาว่าท่านทำอะไรเป็นสํวนตัวไต้บ้างเพื่อสนับสนุนศาสดา ที่มีชีวิต

  • เราได้รับคำแนะนำอะไรจากประธานศาสนาจักรคนปัจจุบัน ท่านทำอะไรไป แล้วบ้างเพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น ท่านได้รับพรประการใดอันเนื่องจาก การเชื่อฟังของท่าน

  • ประธานวูดรัฟพีเตือนผู้ไม,ยอมรับหรือไม่ใส่ใจคำของศาสดาที่มีชีวิตว่าอย่างไร (ดูหน้า 206-208)

  • อ่านย่อหน้าที่สองในหน้า 206 ท่านเรียนรู้อะไรจากวลีที่ว่า “เชื่อฟังอย่าง ฉลาด”

  • เราจะสอนบุตรให้สนับสนุนประธานศาสนาจักรได้อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์ที’เกี่ยวข้อง: อาโมส 3:7; มัทธิว 10:41; 1 เธสะโลนิกา 5:25; โมไซยา 2:7–9; ค.พ. 21:4–7; 28:6–7; 43:1–3; 107:22

อ้างอิง

  1. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 26 สิงหาคม 1857 หอจดหมายเหตุศาสนาจักร ของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย

  2. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 26 สิงหาคม 1857

  3. Deseret News, May 27, 1857, 91; จากปาฐกถาที่ให้เมื่อวันที่ 9 เมษายน 1857

  4. ใน Brian H. Stuy, comp., Collected Discourses Delivered by President Wilford Woodruff, His Two Counselors, the Twelve Apostles, and Others, 5 vols. (1987-92), 1:292-93.

  5. ใน Collected Discourses, 2:268.

  6. The Discourses of Wilford Woodruff, sel. G. Homer Durham (1946), 53–54.

  7. The Discourses of Wilford Woodruff, 223.

  8. Deseret News: Semi-Weekly, March 26, 1878, 1.

  9. The Discourses of Wilford Woodruff, 56.

  10. The Discourses of Wilford Woodruff, 53.

  11. ใน Collected Discourses, 4:350.

  12. Deseret News, December 16, 1857, 324–25.

  13. The Discourses of Wilford Woodruff, 212.

  14. Deseret News, May 27, 1857, 91.

  15. ใน Collected Discourses, 1:294.

  16. ใน Collected Discourses, 2:268-69.

  17. Deseret News, March 21, 1855, 11.

  18. Deseret News, July 1, 1863, 1.

  19. “An Epistle to the Members of The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints,” Millennial Star, November 14, 1887, 724.

  20. บันทึกส่วนตัวของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ 27 มกราคม 1860

  21. Deseret News: Semi-Weekly, September 20, 1870, 2.

  22. Deseret News, May 27, 1857, 91

President Woodruff

วิลฟอร์ด วดรัฟฟ็พัใช้เป็นประธานศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชน ยุคสุดท้ายตงแต่วันที่ 7 เมษายน ค.ศ. 1889 ถึงวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1898

sustaining vote

เมื่อเรายกมือในการออทเสียงสนับสมุน เราปฏิญาณว่าจะ “สนับสมุนประธานของ ศาสนาจักรนี้โดยศรัทธา งาน และการสวดอ้อนวอน [ของเรา]”