บทที่ 2
โจเซฟ ลโมิธ: ศาลโดา ผู้พยากรณ์ และผู้เปีดเผย
โจเซฟ สมิธ ศาสดาแห่งสมัยการประทานนี้ แน่วแน่ต่อการเปีดเผย ที่ได้รับจากเบื้องบน โดยทำการเรียกที’ได้รับแต่งตั้งล่วงหน้าจนสำเร็จ และผนึกประจักษ์พยานของท่านด้วยเลือดของท่าน
จากชีวิตของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้
วิ ลฟอร์ด วูดรัฟ’ฟ้มีประจักษ์พยานในศาสดาโจเซฟ สมิธตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ เปีนสมาชิกใหม่ของศาสนาจักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเชื่อโดยสิ้นเชิงว่าโจเซฟเป็นศาสดาก่อนข้าพเจ้าจะเห็น ท่านเสืยอีก ข้าพเจ้าไม่มีอคติในใจต่อท่าน”1 ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1834 ประมาณสืเดือนหลังจากรับบัพติศมา บราเดอร์วูดรัฟฟ็เดินทางไปเคิร์ทแลนด์ โอไฮโอ และได้พบศาสดาโจเซฟเป็นครั้งแรก ท่านเล่าในเวลาต่อมาว่า
“การแนะนำให้รู้จักศาสดาเป็นครั้งแรกออกจะแปลกสักหน่อย ข้าพเจ้าเห็น ท่านอยู่ในทุ่งกับไฮรัมพี่ชาย ท่านสวมหมวกเก่ามาก และง่วนอยู่กับการยิงเป้า ข้าพเจ้าได้รับการแนะน่าให้รู้จักท่านและท่านเชิญข้าพเจ้าไปที่บ้าน
“ข้าพเจ้ายอมรับคำเชื้อเชิญและมองท่านไม่วางตาเผื่อจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง ขณะเดินไปบ้าน ท่านบอกว่านี่เป็นชั่วโมงแรกที่ท่านได้พักผ่อนหย่อนใจเป็น เวลานาน
“หลังจากมาถึงบ้านได้ไม่นาน ท่านเข้าไปในห้องที่อยู่ติดกัน น่าหนังหมาปา ออกมา พลางพูดว่า ‘บราเดอร์วูดรัฟฟ็ ผมอยากให้คุณช่วยฟอกหนังแผ่นนี้’ ข้าพเจ้าก็เลยถอดเสื้อนอก ไปทำงานช่วยท่าน และรู้สืกเป็นเกียรติที่ได้ทำเช่น นั้น… ท่านต้องการใช้หนังหมาป่าผืนนี้ปูที่นั่งบนเกวียนของท่าน…
“นี่คือครั้งแรกที่ได้รู้จักศาสดาโจเซฟ สมิธ ผู้พยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ของสมัยการ ประทานสุดท้ายนี้”2
เมื่อนึกถึงประสบการณ์นี้ ประธานวูดรัฟฟ็กล่าวว่าบางคนอาจไม่พอใจที่เห็น ผู้นำศาสนาจักรทำกิจกรรมเช่นนั้น แต่การที่ท่านเฝืาลูโจเซฟ สมิธทั้งต่อหน้า และลับหลังรังแต่จะเสริมสร้างประจักษ์พยานของท่านในภารกิจของศาสดา นับ จากยุคแรกๆ ในเคิร์ทแลนจนถึงมรณสักขีของศาสดาในอีก 10 ปีให้หลัง วิล ฟอร์ด วูดรัฟฟ็รับใช้อย่างซื่อสัตย์ร่วมกับโจเซฟ สมิธแม้เมื่อเพื่อนฝูงและมิตร สหายในศาสนาจักรพากันละทิ้งความเชื่อ ท่านกล่าวว่า “ถึงแม้จะมีการละทิ้ง ความเชื่อ ถึงแม้เราจะประสบความยากลำบากและความทุกข์ทรมานมากมาย … แต่นั่นมิได้ล่อลวงให้ข้าพเจ้าสงสัยงานนี้หรือสงสัยว่าโจเซฟ สมิธเปีนศาสดา ของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่”3
วันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1897 ประธานวูดรัฟฟ็วัย 90 ปีทำการบันทึกเสียง ประจักษ์พยานของท่าน ท่านคือประธานคนแรกของศาสนาจักรที่ทำเช่นนั้น ใน ข่าวสารสั้นๆ ของท่าน ท่านใช้เวลาส่วนใหญ่เป็นพยานถึงภารกิจของศาสดา โจเซฟ อันสะท้อนให้เห็นถึงการอุทิศตนชั่วชีวิตต่อเพื่อนและผู้นำของท่าน
“ข้าพเจ้าแสดงประจักษ์พยานว่าโจเซฟ สมิธเป็นศาสดาที่แท้จริงของพระผู้ เป็นเจ้า ท่านได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าให้วางรากฐานของศาสนาจักรและ อาณาจักรของพระองค์ในสมัยการประทานสุดท้ายและความสมบูรณ์แห่งเวลา …ศาสดาโจเซฟพลีชีพเพื่อพระคำของพระผู้เป็นเจ้าและประจักษ์พยานในพระ เยซูคริสต์ และท่านจะได้รับการสวมมงกุฎในฐานะมรณสักขีต่อเบื้องพระพักตร์ พระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดก พลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าปรากฎให้เห็นใน ศาสดาโจเซฟ ในประจักษ์พยานทั้งหมดของท่านที่ให้เรา”4
คำลโอนของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้
ศาสดาโจเซฟ สมิธเป็นคนใจบุญ มีเมตตา ซื่อสัตย์ และแน่วแน่ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ข้าพเจ้าเดินทางหลายพันไมลไปกับโจเซฟ สมิธ ข้าพเจ้ารู้จิตใจท่าน5
ข้าพเจ้ารู้สืกปลื้มปีติเป็นอย่างยิ่งในสิ่งที่ข้าพเจ้าเห็นจากบราเดอร์โจเซฟ เพราะท่านมีพระวิญญาณของพระผู้ทรงมหิทธิฤทธี้อยู่กับท่านทั้งต่อหน้าและลับ หลัง และท่านแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของจิตวิญญาณซึ่งข้าพเจ้าไม่เคย เห็นในมนุษย์คนใดมาก่อน6
จิตวิญญาณของท่านอาทรความผาสุกของครอบครัวมนุษย์ชั่วนิรันดร์7
บราเดอร์โจเซฟคงจะรวมแวดวงทั้งหมดของครอบครัวมนุษย์ไว้ในหลักธรรม แห่งความรอดหากท่านมีอำนาจ8
สมัยการประทานที่ท่านได้รับเรียกให้บุกเบิกเป็นสมัยการประทานยิ่งใหญ่ ที่สุดที่เคยให้แก่มนุษย์ และจำเป็นต้องมีบุรุษเช่นนั้นยืนเป็นหัวหน้า-บุรุษที่ภักดี ต่อพระผู้เป็นเจ้าและพี่น้องชายของท่าน เป็นผู้พยากรณ์และผู้เปีดเผย และ ศรัทธาที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าไม่เคยหวั่นไหวหรือสงสัย แด’กลับทำให้บากบั่นและ กระตุ้นคนอื่นๆ ให้ก้าวไปข้างหน้าในงานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา9
โจเซฟ สมิธได้รับแต่งตั้งล่วงหน้าให้สถาปนางาน ของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสุดท้าย
โจเซฟ สมิธถูกกันไว้ในโลกวิญญาณเป็นเวลาหลายพันปีเพี่อมาเกิดในเนื้อ หนังตามเวลาอันเหมาะสม และได้รับการดลใจจากพระผู้เป็นเจ้า ได้รับการ เยือนจากพระองค์ คู่ควรและพร้อมรับภารกิจที่ให้ไว้ในมือท่าน10
โจเซฟ สมิธได้รับแต่งตั้งจากพระเจ้าก่อนท่านเกิดเช่นเดียวกับเยเรมีย์ พระ เจ้าทรงบอกเยเรมีย์ว่า-“เราได้รู้จักเจ้าก่อนที่เราได้ก่อร่างตัวเจ้าที่ในครรภ์ และ ก่อนที่เจ้าคลอดจากครรภ์เราก็ได้กำหนดตัวเจ้าไว้ เราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นผู้เผยพระ วจนะให้แก่บรรดาประชาชาติ,, [เยเรมีย์ 1:5] ท่านได้รับบัญชาให้เตือนผู้อาศัย ของเจรูซาเล็มถึงความชั่วร้ายของพวกเขา ท่านร้สืกว่านี่เป็นงานยาก แต่ในที่สุด ท่านก็ทำตามพระบัญชา ข้าพเจ้าจึงพูดเกี่ยวกับโจเซฟ สมิธว่า ท่านได้รับการ แต่งตั้งนั้นก่อนการวางรากฐานของโลก และท่านออกมาในเวลาที่พระเจ้าทรง เห็นควรให้สถาปนางานนื้บนแผ่นดินโลก11
ศาสดาโจเซฟ สมิธได้รับการสอนจากพระผู้เปีนเจ้าพระบิดา พระเยซูคริสต์ พระวิญญาณบริสุทธิ และเหล่าเทพจากสวรรค์
โจเซฟ สมิธมักจะถูกเรียกว่าเป็นคนไร้การสืกษา คนไม่รู้หนังสือ ท่านเป็น บุตรของเกษตรกรคนหนึ่ง และมีโอกาสเรียนหนังสือน้อยมาก ท่านมีแบบเรียน เบื้องต้นอะไรหรือที่เปีดเผยความสมบูรณ์ของพระกิตติคุณต่อโลก ไม่มีเลย เพียงแต่ว่าท่านไต้รับการสอนโดยการปฏิบัติของเทพจากสวรรค์ โดยสุรเสืยงของ พระผู้เป็นเจ้า โดยการดลใจและพลังอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธี้ หลักธรรม ที่เปีดเผยต่อโลกผ่านท่านเป็นจริงเฉกเช่นบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้า อิทธิพล ของหลักธรรมเหล่านั้นมีอยู่แล้วในโลก และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงการเสด็จ มาของบุตรมนุษย์12
โจเซฟ สมิธได้รับการกระตุ้นจากพระวิญญาณบริสุทธี้ พระบิดาและพระบุตร ทรงปฏิบัติต่อท่านในการตอบคำสวดอ้อนวอน และพระบิดาตรัสกับท่านว่า “นี่ คือบุตรที่รักของเรา จงฟ้งท่าน” [โจเซฟ สมิธ-ประวัติ 1:17] ท่านตั้งใจฟ้ง พระดำรัสของพระเยซู และยังคงทำเช่นนั้นจนท่านถูกสังหารเฉกเช่นพระผู้ช่วย ให้รอด13
เท่าที่ทราบ ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านพบว่าพลังอำนาจเดียวกันนี้เคยประจักษ์ต่อ ลูกหลานมนุษย์ในสมัยการประทานใดมาก่อนแต่ประจักษ์ต่อศาสดาของพระผู้ เปีนเจ้าในการจัดตั้งศาสนาจักรนี้ เมื่อพระบิดาและพระบุตรเสด็จมาปรากฎต่อ ศาสดาโจเซฟเพื่อตอบคำสวดอ้อนวอนของท่าน…นี่คือการเปิดเผยสำคัญที่พระ ผู้เปีนเจ้าประทานเกี่ยวกับงานของพระองค์ ซึ่งไม่เคยประจักษ์แบบนี้มาก่อนใน สมัยการประทานใดๆ ของโลก ด้วยเหตุนี้ในการจัดตั้งศาสนาจักร ศาสดาของ พระผู้เป็นเจ้าจึงได้รับการปฏิบัติจากเทพแห่งสวรรค์ เหล่าเทพคือครูของท่าน คือ ผู้แนะน่าท่าน และทั้งหมดที่ท่านทำ ทั้งหมดที่ท่านปฏิบัตินับแต่เริ่มด้น จากวัน นั้นจนถึงวันแห่งมรณสักขีของท่าน ล้วนเกิดขึ้นโดยการเปิดเผยของพระเยซู คริสต์14
ข้าพเจ้าจะบอกว่าข้าพเจ้าไม่เชื่อว่าจะมีใคร…สนิทสนมใกล้ชิดและเป็นหนึ่ง เดียวกับพระผู้เป็นเจ้าพระบิดา และพระผู้เป็นเจ้าพระบุตร และพระผู้เป็นเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ๙มากเท่าโจเซฟ สมิธ พลังแห่งการเปิดเผยอยู่กับท่านนับ จากวันที่ท่านได้รับเรียกให้รับฐานะปุโรหิตจนถึงเวลาที่ท่านถูกสังหารเป็นมรณ สักขี พลังแห่งการดลใจอยู่กับท่านวันแล้ววันเล่า ซึ่งปรากฎให้เห็นอย่างชัดเจน ในการเปิดเผยที่อยู่ในพระคัมภีร์คำสอนและพันธสัญญา เมื่อใดก็ตามที่พระเจ้า ทรงรู้สืกว่าอยากจะตำหนิโจเซฟ สมิธ ท่านจะต้องตำหนิตนเองด้วยปากของท่าน และท่านไม่ลังเลที่จะให้พระคำของพระเจ้า แม้ต้องแนใจก็ตาม ท่านเป็นหนึ่ง เดียวกับพระเจ้า ท่านเป็นหนึ่งเดียวกับพระวิญญาณบริสุทธิ้ ท่านเป็นหนึ่งเดียว กับเหล่าเทพในสวรรค์15
พอจะกล่าวไต้ว่าคำพยากรณ์ การเปิดเผย และประกาศิตของพระผู้ทรงมหิทธิ ฤทธิ้ห้อมล้อมบุรุษผู้นี้ และท่านต้องไต้รับการสอน มิใชโดยมนุษย์หรือตาม ความประสงค์ของมนุษย์ แต่ท่านต้องการให้เหล่าเทพของพระผู้เป็นเจ้าออกมา สอนท่าน ท่านต้องการให้การเปีดเผยของพระผู้เปีนเจ้าสอนท่าน และท่านไต้ รับการสอนนานหลายปีโดยภาพปรากฎและการเปีดเผย และโดยเทพผู้บริสุทธิ ที่ถูกส่งจากพระผู้เป็นเจ้าออกจากสวรรค์มาสอน แนะนำ และเตรียมท่านให้ พร้อมวางรากฐานของศาสนาจักรนี้
… โจเซฟเองหาไต้เข้าใจความสำคัญของงานที่ท่านวางรากฐานไม่ เว้นแต่ ท่านจะถูกห่อหุ้มไว้ในภาพปรากฏแห่งนิรันดร เมื่อความคิดท่านถูกเปีดท่านจะ เข้าใจแบบแผนของพระผู้เป็นเจ้าในหลายๆ ต้าน และการเปีดเผยเหล่านี้ราย ล้อมตัวท่านและนำทางย่างก้าวของท่าน16
แม้จะมีการทดลองและการข่มเหง แต่ศาสดาโจเซฟ สมิธ ยังคงแน่วแน่ต่อประจักษ์พยานของท่าน
เมื่อโจเซฟเสนอหลักธรรมที่พระผู้เป็นเจ้าทรงถ่ายทอดให้ท่านต่อโลกคริสต์ ศาสนา ท่านไต้ปลุกเร้าอคติของพวกเขาขึ้นในทันที ท่านต้องต่อสู้กับประเพณี ที่พวกเขาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษผู้ไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้าและวิถีของพระองค์ ประเพณีซึ่งสืบต่อกันมาแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบัน ซึ่งค้านกับความจริงที่ช่วย ให้รอดของสวรรค์17
คนทั้งโลกลุกขึ้นต่อต้านท่าน-ปุโรหิตและคนทั่วไป เรื่องอะไรหรือ เรื่องที่ว่า โจเซฟ สมิธเป็นเหมือนศาสดาและอัครสาวกคนอื่นๆ ท่านนำสมัยการประทาน แห่งพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ออกมา ซึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องกับประเพณีของ คนทั่วไป-ประเพณีซึ่งสืบต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า18
ชีวิตท่านคือการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เผชิญการต่อต้านรอบต้าน โดยเฉพาะจาก ปุโรหิตในสมัยนั้น แต่ท่านผ่านพ้นมาได้และปลื้มปีติอย่างยิ่งในงานของท่านจน กระทั่งท่านสิ้นสุดการเป็นพยานของท่านในเนื้อหนังหลังจากทำงานตั้งแต่อายุ ประมาณสฺบสืปีจนถึงจุดจบนั้น ท่านต้องลุยนํ้าลึก แต่ไม่เคยท้อแท้สิ้นหวังแม้ ต้องต่อสู้ทั้งศัตรูภายในและศัตรภายนอก ท่านไม่เคยมองข้ามความสูงส่งแห่ง การเรียกของท่าน หรือความลาเลิศแห่งงานของท่าน แต่ท่านพูดและกระทำ ท่ามกลางผู้คนภายใต้สภาพการณ์ทุกอย่างของมนุษย์ ท่านคือ-ศาสดาของพระ ผู้เป็นเจ้า ผู้พยากรณ์ และผู้เปิดเผยของสมัยการประทานสุดท้าย19
ความรู้สืกฺทั้งหมดของจิตวิญญาณท่าน ความนึกคิดทั้งหมดของใจท่าน และ การกระทำทั้งหมดของชีวิตท่านล้วนพิสูจน์ให้เห็นว่าท่านมุ่งมั่นจรรโลงหลัก ธรรมแห่งความจริง แม้ถึงกับสละชีวิตของท่านเอง20
พระเจ้าทรงบอกโจเซฟว่าพระองค์จะทรงพิสูจน์ท่านเพื่อดูว่าท่านจะรักษาพันธ สัญญาหรือไม่ แม้จนถึงความตาย พระองค์ทรงพิสูจน์ท่านจริงๆ และแม้ต้อง ต่อสู้กับคนทั้งโลก และต้านการทรยศของสหายจอมปลอม แม้ทั้งชีวิตท่านคือ ฉากหนึ่งของความยุ่งยาก ความกระวนกระวายใจ และความกังวล แต่ในความ ทุกข์ทรมานทั้งหมดของท่าน การถูกคุมขัง การถูกก่อกวน และความทารุณที่ ท่านเผชิญ ท่านยังคงภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าของท่าน และต1อมิตรสหายของท่าน21
โดยที่มองเห็นจุดหมายปลายทางของศาสนาจักร ศาสดาโจเซฟ สมิธจึงเตรียมอัครสาวกสิบสองและมอบอำนาจ ให้พวกท่านดำเนินงานของพระเจ้า
ศาสนาจักรได้รับการจัดตั้งเมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1830 ด้วยสมาชิกหก คน แต่โจเซฟมีศรัทธาว่าอาณาจักรที่เริ่มด้นไว้นั้นจะกลายเป็นศาสนาจักรและ อาณาจักรใหญ่บนแผ่นดินโลก เฉกเช่นเมล็ดมัสตาร์ด22
โจเซฟ สมิธเป็นดังที่ท่านประกาศไว้ คือเป็นศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า ผู้ พยากรณ์ และผู้เปิดเผย ท่านวางรากฐานของศาสนาจักรและอาณาจักรนี้ และมี ชีวิตนานพอที่จะมอบกุญแจของอาณาจักรแก’เหล่าเอ็ลเดอร์แห่งอิสราเอล จน ถึงอัครสาวกสิบสอง ท่านใช้ฤดูหนาวสุดท้ายของชีวิตท่านประมาณสามถึงสื เดือนสอนโควรัมอัครสาวกสิบสอง ท่านปฏิบัติพิธีการแห่งพระกิตติคุณให้เขาไม่ เพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้น แต่ท่านสอนเขาและคนอีกไม่กี่คนให้รู้เรื่องอาณา จักรของพระผู้เป็นเจ้าวันแล้ววันเล่า สัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า เดือนแล้วเดือน เล่า23
ไม่นานก่อนเสืยชีวิต ศาสดาโจเซฟได้รับการดลใจจากพระเจ้าให้รู้ล่วงหน้า ถึงเวลาที่ท่านต้องจากโลกนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นหลายทางโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ ท่านเร่งมอบกุญแจและอำนาจทั้งหมดของฐานะปุโรหิตศักดิ้สิทธี้ซึ่งท่านได้รับ ให้อัครสาวกสิบสอง ท่านประกาศเป็นส่วนตัวและต่อสาธารณชนว่าอัครสาวก พร้อมแล้วและมีคุณสมบัติครบถ้วน และว่าท่านได้มอบอาณาจักรของพระผู้ เป็นเจ้าไว้บนบ่าของอัครสาวกสิบสองแล้ว
ข้าพเจ้า วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ โดยเป็นคนสุดท้ายที่มีชีวิตในเนื้อหนังผู้อยู่ใน เหตุการณ์นั้น ร้สืกว่าข้าพเจ้ามีหน้าที่แสดงประจักษ์พยานครั้งสุดท้ายนื้ต่อศาสนา จักรของพระเยซูคริสต์แห่งสิทธิชนยุคสุดท้าย ต่อเชื้อสายอิสราเอล ต่อคนทั้ง โลก และต่อบรรดาประชาชาติว่า ในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1843 ถึง 1844 โจ เซฟ สมิธ ศาสดาของพระผู้เป็นเจ้า ได้เรียกอัครสาวกสิบสองมารวมกันใน เมืองนอวู และท่านอยู่กับเราหลายวันในการให้เอ็นดาวเมนท์ และสอนหลัก ธรรมอันรุ่งโรจน์เหล่านั้นซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงเปีดเผยต่อท่าน มีอยู่ครั้งหนึ่ง ท่าน ลุกขึ้นยืนท่ามกลางเราประมาณสามชั่วโมงเพื่อประกาศต่อเราถึงสมัยการประ ทานยิ่งใหญ่และสุดท้ายซึ่งพระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินการบนแผ่นดินโลกในวัน เวลาสุดท้ายนี้ด้วยพระองค์เอง ห้องนั้นเสมือนหนึ่งเต็มไปด้วยเพลิงเผาผลาญ ศาสดาถูกห่อทุ้มด้วยพลังอำนาจมากมายของพระผู้เป็นเจ้า ใบหน้าท่านกระจ่าง ใส และท่านทิ้งท้ายสุนทรพจน์ครั้งนั้นด้วยวาทะที่มิอาจลืมเลือนได้ในกาลเวลา หรือในนิรันดรความว่า
“พี่น้องทั้งหลาย ใจข้าพเจ้าเคยเศร้าโศกยิ่งเพราะเกรงว่าข้าพเจ้าจะถูกนำไป จากโลกพร้อมกุญแจแห่งอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าที่อยู่กับข้าพเจ้า โดยมิได้ ผนึกไว้บนศีรษะผู้ใด พระผู้เป็นเจ้าทรงผนึกกุญแจทั้งหมดแห่งอาณาจักรของ พระผู้เป็นเจ้าไว้บนศีรษะข้าพเจ้าซึ่งจำเป็นต่อการวางระเบียบและเสริมสร้าง ศาสนาจักร ไซอัน และอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก และเตรียม สิทธิชนให้พร้อมรับการเสด็จมาของบุตรมนุษย์ แต่บัดนี้ พี่น้องทั้งหลาย ข้าพ เจ้าขอบพระทัยพระผู้เป็นเจ้าที่ได้มืชีวิตอยู่จนเห็นวันที่ข้าพเจ้าสามารถมอบเอ็น ดาวเม้นท้โห้ท่าน และข้าพเจ้าผนึกพลังอำนาจทั้งหมดของฐานะปุโรหิตแห่งแอ รันและเม็ลคิเชเด็คและฐานะอัครสาวกไว้บนศีรษะท่าน พร้อมกุญแจและพลัง อำนาจทั้งหมด ซึ่งพระผู้เป็นเจ้าผนึกไว้บนข้าพเจ้า และบัดนี้ข้าพเจ้าขอโอนงาน ภาระ และความห่วงใยทั้งหมดของศาสนาจักรนี้และอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ไว้บนบ่าท่าน และข้าพเจ้าบัญชาท่านในพระนามของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ไห้ คล้องไหล่กันแบกศาสนาจักรนี้และอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าต่อหน้าสวรรค์ และแผ่นดินโลก และต่อเบื้องพระพักตร์พระผู้เป็นเจ้า เหล่าเทพ และมนุษย์ และหากท่านไม่ทำเช่นนั้นท่านจะถูกกล่าวโทษ”
และพระวิญาณองค์เดียวกันนี้ที่สถิตอยู่ในห้อง ณ เวลานั้นได้ลุกไหมใน ทรวงอกของข้าพเจ้าขณะบันทึกประจักษ์พยานดังกล่าว24
ศาสดาโจเซฟ สมิธผนึกประจักษ์พยาน ของท่านด้วยเลือดของท่าน
โจเซฟ สมิธมีชีวิตอยู่จนท่านได้มอบพันธสัญญาของท่านต่อโลก และเมื่อ ท่านผนึกกุญแจ พลังอำนาจ และพรทั้งหมดนี้ไว้บนศีรษะบริคัม ยังและพี่น้อง ของท่าน เมื่อท่านปลูกกุญแจเหล่านี้ไว้บนแผ่นดินโลกเพี่อจะไม่ถูกเอาไปอีก เลย เมื่อท่านทำสิ่งนี้และนำบันทึกนั้นออกมา หนังสือแห่งการเปีดเผย ถ้อย แถลงซึ่งเกี่ยวข้องกับจุดหมายปลายทางของชั่วอายุนี้-ชาวยิว คนต่างชาติ ไซ อัน และแบบิลอน บรรดาประชาชาติของแผ่นดินโลก ท่านผนึกประจักษ์พยาน นั้นด้วยเลือดของท่านในคุกคาร์เทจ อันเป็นสถานที่ซึ่งชีวิตท่านและชีวิตของ ไฮรัมพี่ชายท่านถูกสังหารด้วยนํ้ามีอของคนชั่วและคนที่ไม่นับถือพระเจ้า25
ข้าพเจ้าอาจพูดได้ว่าออกจะแปลกสักหน่อยที่ในเวลานั้นเหตุใดจึงยอมให้พา ศาสดาและไฮรัมพี่ชายออกไปจากพวกเรา แต่โจเซฟ สมิธ โดยพระบัญชาของ พระผู้เป็นเจ้าและโดยพลังอำนาจและการเปีดเผยของสวรรค์ ท่านได้รับแต่งตั้ง และวางรากฐานของสมัยการประทานยิ่งใหญ่นี้และความสมบูรณ์แห่งเวลา ท่านถูกนำเข้ามาในโลกและได้รับแต่งตั้งให้จัดตั้งศาสนาจักรนี้ของพระคริสต์ เป็นครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินโลกเพี่อเตรียมรับการเสด็จมาของบุตรมนุษย์ หลัง จากท่านเสียชีวิต เมื่อได้พิจารณาแล้วข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่าท่านถูกกำหนดให้ตาย - หลั่งเลือดเป็นสักขีพยานของสมัยการประทานนี้26
โจเซฟ…แน่วแน่ ซื่อสัตย์ และกล้าหาญเยี่ยงอัศวินในประจักษ์พยานถึงพระ เยซูจนวันตาย27
ท่านแสดงประจักษ์พยาน ฝากไว้ในบันทึก ผนึกไว้ด้วยเลือด และพลีชีพ และประจักษ์พยานนั้นมีผลทั่วโลกในทุกวันนี้ และจะยังคงเป็นเช่นนั้นจนสิ้น สุดกาลเวลา28
ข้อเลโนอแนะส์าหรับศึกษาและลโอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่ หน้า ⅴ–ⅸ
-
มีอะไรไม่ปกติธรรมดาเมื่อวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ได้รู้จักโจเซฟ สมิธ (ดูหน้า 13–14) เรื่องนี้สอนอะไรเกี่ยวกับศาสดาโจเซฟ สมิธ
-
เปีดไปที่หน้า 14–15 และทบทวนหัวข้อเกี่ยวกับอุปนิสัยของโจเซฟ สมิธ เหตุใดการรู้จักอุปนิสัยของโจเซฟทั้งต่อหน้าและลับหลังจึงเป็นประโยชน์ ความประพฤติส่วนตัวของเรามีผลต่อความสามารถของเราในการสอนและ นำอย่างไร
-
ท่านประทับใจอะไรเกี่ยวกับวิธีที่โจเซฟ สมิธเรียนรู้ความสมบูรณ์ของพระ กิตติคุณ (ดูหน้า 15–17)
-
ศาสดาโจเซฟรับมือกับความยากลำบากอย่างไร (ดูหน้า 18) เราได้ประโยชน์ อย่างไรจากตัวอย่างของท่าน
-
เหตุใดศาสดาโจเซฟ สมิธจึงมอบกุญแจของอาณาจักรให้อัครสาวกสิบสอง (ดูหน้า 18-21) เหตุใดการรู้ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจึงสำคัญต่อเรา
-
ทบทวนคำพูดของประธานวูดรัฟฟ็เกี่ยวกับมรณกรรมของโจเซฟ สมิธ (หน้า 21) ท่านรู้สืกอย่างไรขณะใคร่ครวญการเสืยสละของโจเซฟและไฮรัม สมิธ
-
ท่านประทับใจอะไรขณะอ่านคำพูดของประธานวูดรัฟฟ็เกี่ยวกับศาสดาโจ เซฟ สมิธ
-
เหตุใดการได้รับประจักษ์พยานเกี่ยวกับศาสดาโจเซฟ สมิธจึงสำคัญ เราท่า อะไรได้บ้างเพื่อเสริมสร้างประจักษ์พยานของเราในศาสดาท่านนี้
ข้อพระคัมภีร์ที’เกี่ยวข้อง: 2 นีไฟ 3:6–15; ค.พ. 5:10; 135; โจเซฟ สมิธ-ประวัติ