คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 18: งานพระวิหาร: เปีนผู้ช่วยให้รอดบน!จาไซอัน


บทที่ 18

งานพระวิหาร: เปีนผู้ช่วยให้รอดบน!จาไซอัน

ห่งความรอดสำหรับบรรพชนของเรา ผู้เสียชีวิตโดยปราศจากพระกิตติคุฌ

จากชีวิตของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

ใน เดือนตุลาคม ค.ศ. 1841 ไม่นานหลังกลับจากงานเผยแผ่ในประเทศ อังกฤษมาที่นอวู เอ็ลเดอร์วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้เข้าร่วมการประชุมหนึ่ง1ซึ่งศาสดา โจเซฟ สมิธสอนคำสอนเรื่องการไถ,คนตาย นี่เป็นครั้งแรกที่เอ็ลเดอร์วูดรัฟฟัใด้ ยินว่าสมาชิกที่มีชีวิดของศาสนาจักรสามารถรับพิธีการแห่งความรอดแทนบรรพ บุรุษผู้ล่วงลับได้ ท่านกล่าวว่า “คำสอนเรื่องนี้เปเยบเสมือนลำแสงจากบัลลังก์ ของพระผู้เป็นเจ้าพุ่งส่ใจเรา และเปีดทุ่งกว้างประหนึ่งนิรันดรให้แก่ความคิด เรา”1 ท่านแสดงความเห็นด้วยว่า “สำหรับข้าพเจ้าแล้ว พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรง เปีดเผยหลักธรรมต่อมนุษย์ทรงพระปรีชา เที่ยงธรรมและแน่วแน่ ทรงครอบ ครองทั้งความเป็นเลิศแห่งคุณลักษณะ สำนึกแห่งความดีงาม และความรู้ ข้าพ เจ้ารู้สึกว่าพระองค์ทรงยึดมั่นทั้งความรัก พระเมตตา ความยุติธรรม และวิจารณ ญาณ ข้าพเจ้ารู้สืกรักพระเจ้ามากกว่าที่เคยรักมาก่อนในชีวิต…ข้าพเจ้ารู้สืก อยากกล่าวอาเลรุ)ยาเมื่อมีการเปีดเผยให้เราทราบเรื่องบัพติศมาแทนคนตาย ข้าพเจ้ารู้สืกว่าเรามีสิทธิ|ลื้มปีติในพรจากสวรรค์”2

เมื่อได้ยินคำสอนเรื่องนี้ เอ็ลเดอร์วูดรัฟฟ็นึกถึงมารดาของท่าน “สิ่งแรกที่เข้า มาในความคิดข้าพเจ้า,, ท่านกล่าว “คือข้าพเจ้ามีคุณแม่อยู่ในโลกวิญญาณ ท่าน เสืยชีวิตเมื่อข้าพเจ้าอายุ 14 เดือน ข้าพเจ้าไม่เคยรู้จักคุณแม่ ข้าพเจ้าคิดว่าข้าพ เจ้ามีพลังอำนาจออกไปผนึกคุณแม่กับคุณพ่อหรือไม่ คำตอบคือ มี”3 ต่อมา ท่านเล่าถึงเมื่อครั้งที่ท่านได้มีโอกาสให้คุณแม่ผนึกกับคุณพ่อ “คุณแม่จะมีส่วน ในการฟืนคืนชีวิตแรก และเพียงเท่านี้ก็คุ้มแล้วสำหรับการลงแรงทุกอย่างใน ชีวิตข้าพเจ้า”4 ท่านเป็นพยานถึงปีติที่ท่านรู้สืกขณะทำพิธีการพระวิหารแทน สมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตแล้วดังนี้ “ข้าพเจ้าได้รับพรและสิทธิพิเศษของ การไถ่คนในตระกูลคุณพ่อและคุณแม่ประมาณสีพันคนในพระวิหารของพระผู้ เป็นเจ้าของเรา ข้าพเจ้าพูดเรื่องนี้เพราะนี่คือพรประการหนึ่งของเรา ความบริ- บูรณ์และรัศมีภาพของสิ่งที่เราไม่มีวันรู้จนกว่าม่านจะเปีด”5

วิลฟอร์ด วูดรัฟฟอุทิศพระวิหารซอลท์เลคระหว่างรับใช้เป็นประธานศาสนา จักร ในโอกาสนี้ท่านทูลวิงวอนพระเจ้าให้ช่วยสิทธิชนผู้กำลังพยายามไถ,คนตาย “ขอพระองค์…ทรงอนุญาตให้ทูตศักดี้สิทธ็่มาเยือนพวกข้าพระองค์ภายใน กำแพงศักดิ๙สิทธิ๙เหล่านี้และบอกพวกข้าพระองค์เกี่ยวกับงานที่ควรทำแทนคน ตายของพวกข้าพระองค์ และดังที่พระองค์ทรงจูงใจคนมากมายผู้ยังไม่เข้าใน พันธสัญญากับพระองค์ไห้ค้นหาบรรพชนของเขา และในการทำเช่นนี้เขาได้ สืบหาวงศ์ตระกูลของสิทธิชนมากมายของพระองค์ พวกข้าพระองค์สวดอ้อน วอนขอพระองค์ทรงเพิ่มความปรารถนานี้ในทรวงอกของพวกเขา เพื่อโดยวิธีนี้ เขาจะช่วยให้เกิดความสำเร็จในงานของพระองค์ พวกข้าพระองค์ขอพระองค์ โปรดอวยพรเขาในงานของเขา เพื่อจะไม่เกิดข้อผิดพลาดในการเตรียมลำดับ เชื้อสายของเขา และยิ่งกว่านั้น พวกข้าพระองค์ขอพระองค์ทรงเปีดวิถีทางใหม่ ของข้อมูลให้เขา และทรงวางบันทึกของอดีตไว้ในมือเขา เพื่องานของเขาจะ ไม่เพียงถูกต้องเท่านั้นแต่สมบูรณ์ด้วย”6

คำลโอนฃองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

พระบิดาบนสวรรค์ทรงเมตตาลูกทุกคนของพระองค์ และไม่ทรงกลำวโทษคนที่เสียชีวิตโดยไม่มีโอกาสได้รับพระกิตติคณ

หากคนตายไม่ไต้ยินพระกิตติคุณ พระเจ้าจะไม่ทรงล่งเขาไปนรกเพราะไปได้ รับพระกิตติคุณ พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาของคนทั้งปวง พระองค์ทรงเมตตาคน ทั้งปวง…คนหลายล้านคนเกิดมาในเนื้อหนัง มีชีวิต และไปสู่หลุมศพ เขาไม่ เคยเห็นหน้าศาสดาในชีวิตของเขา ไม่เคยเห็นคนที่ได้รับเรียกจากพระผู้เป็นเจ้า และมีอำนาจประกอบพิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งในพระนิเวศของพระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าจะทรงกล่าวโทษเขาเพราะไม่ได้รับพระกิตติคุณอย่างนั้นหรือ ไม่ เลย7

พระผู้เป็นเจ้าทรงปฏิบัติต่อทุกคนเสมอภาคกัน พระองค์จะไม่ประทานสิทธิ พิเศษให้คนในรุ่นหนึ่งและระงับไว้ไม่ให้คนอีกรุ่นหนึ่ง และครอบครัวมนุษย์ทั้ง หมด นับจากคุณพ่อแอดัมลงมาจนถึงสมัยของเรา ต้องได้รับสิทธิพิเศษของการ ได้ยินพระกิตติคุณของพระคริสต์ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ตาม และชั่วอายุที่ล่วงลับโดย ไม่ได้ยินพระกิตติคุณในความสมบูรณ์ พลังอำนาจ และรัศมีภาพ เขาไม่ต้องรับ ผิดชอบต่อพระผู้เป็นเจ้าเพราะการไม่เชื่อฟ้งพระกิตติคุณนั้น ทั้งจะไม่ถูกนำมา อยู่ภายใต้การกล่าวโทษเพราะปฏิเสธกฎที่เขาไม่เคยเห็นหรือไม่เข้าใจ และหาก เขาดำเนินชีวิตตามความสว่างที่มีก็ถือว่าถูกต้องแล้ว และเขาต้องไต้รับการสั่ง สอนในโลกวิญญาณ8

เราเป้นผู้ช่วยให้รอดบนเขาไซอันเมื่อเราสร้างพระวิหาร และรับพิธีการแห่งความรอดในนามของคนตาย

บรรพชนของเราจำนวนมากที่เวลานี้อยู่ในโลกวิญญาณไม่เคยเห็นหน้าอัคร สาวก ศาสดา หรือผู้ได้รับการดลใจและเขาถูกขังอยู่ในคุก โจเซฟ สมิธ ฮีเบอร์ คิมบัลล์ จอร์จ เอ. สมิธ และเอ็ลเดอร์แห่งอิสราเอลหลายพันคนอาจสั่งสอน วิญญาณเหล่านี้ และเขาอาจได้รับประจักษ์พยานที่เอ็ลเดอร์ยืนยัน แต่เอ็ลเดอร์ จะไม่บัพติศมาผู้เชื่อที่นั่น ไม่มีบัพติศมาในโลกวิญญาณ ทั้งไม่มีการแต่งงานและ ยกให้แต่งงานกัน9

บางคนที่อยู่ในเนื้อหนังต้องทำงานส่วนนี้แทนคนเหล่านั้นเพราะการช่วยให้ คนตายรอดโดยที่เขาไม่เคยได้รับพระกิตติคุณต้องทำเช่นเดียวกับคนเป็น และ ทุกคนที่ล่วงลับโดยปราศจากพระกิตติคุณล้วนมีสิทธิคาดหวังให้คนบางคนในเนื้อ หนังทำงานนี้เพื่อเขา10

หน้าที่ของเราคือลุกขึ้นสร้างพระวิหารเหล่านี้ ข้าพเจ้าถือว่าการปฏิบัติศาสน กิจส่วนนี้ของเราเป็นภารกิจที่มีความสำคัญเท่าๆ กับการสั่งสอนคนเป็น คนตาย จะได้ยินเสืยงผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าในโลกวิญญาณ และเขาจะออกมาในเช้า ของการฟืนคืนชีวิต [แรก] ไม่ได้ เว้นแต่จะประกอบพิธีการบางอย่างให้เขา และในนามของเขา ในพระวิหารที่สร้างในพระนามของพระผู้เป็นเจ้า…ด้องมี บางคนไถ,เขา โดยทำพิธีการแทนเขาในเนื้อหนังขณะที่เขาทำด้วยตนเองไม่ได้ ในวิญญาณ และเพื่อทำงานนี้ เราต้องมีพระวิหาร และสิ่งที่ข้าพเจ้าประสงค์จะ พูดกับท่าน พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งสวรรค์ทรงต้องการให้ เราลุกขึ้นสร้างพระวิหารเพื่อเร่งงานแห่งการไถ่ เราจะไต้รางวัลตอบแทนเมื่อเรา ไปอยู่หลังม่าน–

.. ข้าพเจ้าไม่สงสัยที่ประธาน [บริคัม] ยังกล่าวว่าท่านร้สืกเหมือนถูกกระตุ้น ให้ขอร้องสิทธิชนยคสุดท้ายเร่งสร้างพระวิหารเหล่านี้ ท่านร้สืกถึงความสำคัญ ของงาน แต่เวลานี้ท่านจากไปแล้ว งานดังกล่าวจึงมอบให้เราสานต่อ และพระ ผู้เป็นเจ้าจะทรงอวยพรการทำงานของเราและเราจะมืความปีติยินดีในงานนั้น นี่คือการเตรียมที่จำเป็นต่อการเสด็จมาครั้งที่สองของพระผู้ช่วยให้รอด และเมื่อ ใดที่เราคิดจะสร้างพระวิหาร เมื่อนั้นเราจะเริ่มเห็นความจำเป็นของการสร้างหลัง อื่นๆ เพราะเราจะเข้าใจขอบเขตของงานที่เราทำตามสัดส่วนความพากเพียร ของงานที่เราทำในต้านนี้ และป้จจุบันเป็นเพียงการเริ่มต้น เมื่อพระผู้ช่วยให้รอด เสด็จมา หนึ่งพันปีนั้นจะทุ่มให้งานแห่งการไถ่ และพระวิหารจะปรากฎทั่วแผ่น ตินนี้ของโจเซฟ—อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้—ในยุโรปและที่อื่นๆ ด้วย และ ลูกหลานทุกคนของเชม ฮาม และยาเฟทผู้ไม่ได้รับพระกิตติคุณในเนื้อหนังจะ ต้องมีผู้ประกอบพิธีการแทนเขาในพระวิหารของพระผู้เป็นเจ้าก่อนพระผู้ช่วย ให้รอดจะถวายอาณาจักรแด,พระบิดาและตรัสว่า “งานเสร็จแล้ว”11

ท่านมีบางสิ่งวางอยู่ตรงหน้าท่าน…เกี่ยวกับการไถ่คนตายของเรา และบางสิ่ง เกี่ยวกับการสร้างพระวิหาร พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย งานเหล่านี้สำคัญ เปีนงาน ที่เราทำให้คนที่เขาทำด้วยตนเองไม่ได้ นี่คือสิ่งที่พระเยซูคริสต์ทรงทำเมื่อ พระองค์ทรงพลีพระชนม์ชีพเพี่อไถ,เรา เพราะเราจะไถ1ตัวเราเองไม1ได้ เรามีบิดา มารดาและเครือญาติในโลกวิญญาณ และเรามีงานต้องทำในนามของคนเหล่า นั้น โดยส่วนตัวแล้วข้าพเจ้ามีความสนใจอย่างยิ่งในงานแห่งการไถ่คนตาย และ พี่น้องชายหญิงของข้าพเจ้าก็มีเช่นกัน นี่คืองานที่เราต้องทำต่อไปตราบที่เรามี โอกาส…นี่คืองานที่ตกอยู่กับสิทธิชนยุคสุดท้าย จงทำสิ่งที่ท่านทำไต้ในต้านนี้ เผื่อว่าเมื่อท่านผ่านไปอยู่อีกต้านหนึ่งของม่าน บิดา มารดา ญาติพี่น้อง และ มิตรสหายของท่านจะอวยพรท่านเพราะสิ่งที่ท่านทำ และเพราะเหตุว่าท่านเป็น เครื่องมือในพระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าในการไถ,พวกเขา จึงถือว่าท่านเป็นผู้ช่วย ให้รอดบนเขาไซอันตามสัมฤทธิผลแห่งคำพยากรณ์ [ดู โอบาดีห์ 1:21]12

เราได้รับพรด้วยพลังและสิทธิอำนาจ โดยดำรงฐานะปุโรหิตศักดิ๙สิทธี้ตาม พระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า เพี่อยืนอยู่บนแผ่นดินโลกและไถ่ทั้งคนเป็นและ คนตาย หากเราไม่ทำ เราย่อมถูกกล่าวโทษและถูกตัดออกจากแผ่นดินโลก และพระผู้เป็นเจ้าแห่งอิสราเอลจะทรงยกย่องผู้ที่ตั้งใจจะทำงานนั้น13

พี่น้องชายหญิงทั้งหลาย จงพิจารณาเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง ขอให้เราทำบัน ทึกของเราต่อไป กรอกข้อมูลให้ถูกต้องต่อพระพักตร์พระเจ้า และดำเนินตาม หลักธรรมนี้ และพรของพระผู้เป็นเจ้าจะเป็นของเรา และผู้ที่เราไถ,จะอวยพร เราในวันที่จะมาถึง ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าขอให้ทรงเปีดดวงตา ของเราเพี่อเราจะมองเห็น เปิดหูของเราเพี่อจะไต้ยิน และเปิดใจของเราเพี่อจะ เข้าใจงานยิ่งใหญ่และน่าอัศจรรย์ที่วางอยู่บนบ่าของเรา และที่พระผู้เป็นเจ้าแห่ง สวรรค์ทรงเรียกร้องจากมือเรา ยิ่งใหญ่และน่าชื่นชมคือหลักธรรมเหล่านี้ซึ่งพระ ผู้เป็นเจ้าทรงเปิดเผยต่อเราเกี่ยวกับไถ่คนตายของเรา14

คนตายมุ่งหวังให้เรารับพิธีการในนามของเฃา และพระผู้เปีนเจ้าทรงเฝ็าดูงานพระวิหาร ด้วยความสนพระทัยเปีนอย่างยิ่ง

เรามีงานใหญ่อยู่ตรงหน้าในการไถ,คนตายของเรา อุดมการณ์ที่เราดำเนินอยู่นี้ ทุกคนในสวรรค์กำลังจับตามองด้วยความสนใจ15

บรรพชนของเราหมายพึ่งเราให้ทำงานนี้ พวกเขาเฝืาดูเราด้วยความกระวน กระวายใจยิ่ง และปรารถนาให้เราสร้างพระวิหารเหล่านี้จนเสร็จและทำพิธีการ แทนเขา เพื่อว่าในเช้าของการฟืนคืนชีวิต เขาจะได้ออกมารับพรเดียวกับที่เรา ได้รับ16

“คนทั้งปวงผู้ตายโดยปราศจากความรู้ถึงพระกิตติคุณนี้ ผู้ที่จะรับมันหากเขา ได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อไปจะเปีนทายาทของอาณาจักรชั้นสูงของพระผู้เป็นเจ้า คนทั้งปวงที่จะตายจากนี้ไปโดยปราศจากความรู้ถึงมันด้วย ผู้ที่จะรับมันด้วย สดใจของเขาจะเปีนทายาทของอาณาจักรนั้น เพราะเราพระเจ้าจะพิพากษาคน ทั้งปวงตามงานของเขา ตามความปรารถนาของใจเขา” [ค.พ. 137:7–9] จะ เป็นเช่นนั้นกับบรรพบุรุษของท่านด้วย หากมี ก็คงมีน้อยนักที่จะไม่ยอมรับพระ กิตติคุณ…บรรพบุรุษของคนเหล่านี้จะน้อมรับพระกิตติคุณ17

ประธานยังกล่าวกับเรา และเป็นเช่นนั้นจริงๆ คือ หากคนตายทำได้ เขา คงจะพูดเสืยงดังเท่าฟ้าร้องหมื่นครั้งเพื่อขอให้ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าลุกขึ้น สร้างพระวิหาร ขยายการเรียกของตน และไถ,คนตาย18

หาก [เรา] รู้และเข้าใจความรู้สืกของศาสดาโจเซฟ สมิธ และพี่น้องเหล่า นั้นที่ร่วมงานกับท่าน และความรู้สืกของครอบครัวมนุษย์นับล้านผู้ถูกขังอยู่ใน คุกทางวิญญาณ เราจะไม่เหนื่อยหน่าย…เราจะตั้งใจทำงานเพี่อไถ,คนตายของ เรา19

ดวงตาของท้องฟ้าจ้องมองเรา พระเนตรของพระผู้เปีนเจ้า ดวงตาของศาสดา และอัครสาวกทุกคนในโลกวิญญาณกำลังมองท่าน มองฐานะปุโรหิตนี้ เพื่อดูว่า เขากำลังทำอะไรและจะทำอะไร งานนี้สำคัญเกินกว่าที่เราจะตระหนักและเข้าใจ ขอให้เราตื่นตัวต่อพิธีการแห่งพระนิเวศของพระผู้เป็นเจ้าและทำหน้าที่ของเรา เพื่อโอกาสในการพิสูจน์ตนว่าคู่ควร20

เมื่อเราพบบรรพชนของเราในโลกวิญญาณ นั่นจะเป้น*วลาฃองปีติหรือไม่ก็ความเสียใจ ขึ้นอยู่กับงานที่เราทำเพื่อเขาที่นี่

ท่านมีพลังอำนาจในการ…ไถ่คนตายของท่าน หลายท่านทำสิ่งนี้แล้ว และ ข้าพเจ้าหวังว่าทุกท่านจะทำต่อไปตราบที่ท่านมีคนตายให้ไถ, อย่าหยุดทำงานนี้ ขณะที่ท่านมีพลังในการเข้าพระวิหาร…ข้าพเจ้าเคยไถ1หลายพันคนที่นี่ ข้าพเจ้า เคยรับบัพติศมา รับการวางมือแต่งตั้ง การล้างและการชโลม เอ็นดาวเม้นท์ และการผนึกแทนเขา ประหนึ่งพวกเขารับด้วยตนเองในเนื้อหนัง ข้าพเจ้าจะ ไปพบเขาในอีกด้านหนึ่งของม่าน ท่านจะไปพบญาติพี่น้องของท่าน21

เมื่อข้าพเจ้าวางร่างในหลุมฝังศพและวิญญาณของข้าพเจ้าเข้าไปในโลกวิญ ญาณ ข้าพเจ้าจะปลื้มปีติและมืความปลาบปลื้มพร้อมกับเขาในเช้าของการเน คืนชีวิตเพราะเหตุที่เขารับหลักธรรมเหล่านี้ ท่านอาจถามว่า “จะเป็นอย่างไรล้า คนเหล่านี้ที่ท่านให้บัพติศมาไม่ยอมรับพระกิตติคุณ” นั่นเป็นความผิดของเขา ไม่ใช่ของข้าพเจ้า นี่คือหน้าที่ที่มอบให้อิสราเอลทุกคน ที่เขาจะทำงานนี้ตราบ ที่มีโอกาสที่นี่บนแผ่นดินโลก22

ข้าพเจ้าจะร้สืกเช่นไรหลังจากใช้ชีวิตมายาวนานและเข้าไปในโลกวิญญาณ โดยไม่ได้ทำงานนี้ทั้งที่มีสิทธิเข้าไปในพระวิหารเหล่านั้น ข้าพเจ้าพบครอบครัว ของบิดา ข้าพเจ้าพบครอบครัวของมารดา ข้าพเจ้าพบบรรพชนและพวกท่านถูก ขังอยู่ในคุก ข้าพเจ้าถือกุญแจแห่งความรอดของพวกท่าน แต่ไม1ทำอะไรให้เลย ความร้สืกของข้าพเจ้าจะเป็นเช่นไร หรือข้าพเจ้าจะร้สืกต่อตนเองอย่างไร23

ข้าพเจ้าไม่ด้องการเข้าไปในโลกวิญญาณและพบกับบรรพชนของข้าพเจ้าผู้ ไม่เคยได้ยินพระกิตติคุณในวันเวลาและชั่วอายุของเขา และให้เขาบอกข้าพเจ้า ว่า “เจ้ามีพลังอำนาจอยู่ในมือเจ้าเพี่อออกไปไถ่เรา แต่เจ้าไม่ทำ” ข้าพเจ้าไม่ ต้องการพบเช่นนั้น ข้าพเจ้าไม่ต้องการให้สิทธิชนยุคสุดท้ายพบเช่นนั้น ข้าพเจ้า คิดว่าเรากำลังทำดีมาก เราสร้างพระวิหารสืแห่งในหุบเขาเหล่านี้ [ในปี ค.ศ. 1897] ทุกแห่งสวยงามมากและสิทธิชนยุคสุดท้ายครอบครอง แต่เราต้องทำต่อ ไปจนกว่าจะไถ,คนตายทั้งหมดที่เราไถ,ได้ หากเราจะดำเนินตามหลักธรรมนี้ เรา จะไต้รับพร มันจะเป็นเช่นนั้นในเช้าของการฟืนคืนชีวิตเมื่อบิดามารดาและ บรรพชนของเราออกมาพร้อมกับเราเพราะเราไถ่เขาแล้ว24

หากเราไม่ทำสิ่งที่เรียกร้องจากเราในเรื่องนี้ เราย่อมอยู่ภายใด้การกล่าวโทษ หากเราทำสิ่งนี้ หลังจากนั้นเมื่อเราพบมิตรสหายของเราในอาณาจักรชั้นสูง เขา จะพูดว่า “ท่านเป็นผู้ช่วยให้รอดของเรา เพราะท่านมีพลังอำนาจในการทำเช่น นั้น ท่านได้ทำพิธีการเหล่านี้ที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเรียกร้อง”25

เราได้รับเรียกให้เป็นผู้ช่วยให้รอดบนเขาไซอันในขณะที่อาณาจักรเป็นของ พระเจ้า นี่คือหลักธรรมอันน่ายินดี นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้ช่วยให้ตนเองรอด และได้ช่วยให้เพื่อนมนุษย์ของเรารอด เงินและทองคืออะไร ความรารวยของ โลกนี้คืออะไร ทั้งหมดจะสูญไปกับการใช้ เราล่วงลับและทิ้งมันไว้ แต่หากเรา มีชีวิตนิรันดร์ หากเรารักษาศรัทธาและเอาชนะโลก เราจะปลื้มปีติเมื่อเราไปอยู่ อีกด้านหนึ่งของม่าน ข้าพเจ้าปลื้มปีติในเรื่องทั้งหมดนี้ แทบไม่มีหลักธรรมใด ที่พระเจ้าทรงเปีดเผยจะน่าความปลื้มปีติมา?เข้าพเจ้ามากไปกว่าการไถ่คนตาย ของเรา การที่เรามีบิดา มารดา ภรรยา และบุตรอยู่กับเราในองค์กรครอบครัว ในเช้าของการฟืนคืนชีวิตแรก และในอาณาจักรชั้นสูง นี่คือหลักธรรมสำคัญ หลักธรรมที่คุ้มค่าแก่การเสืยสละทุกอย่าง26

ข้อ!ลโนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ-ⅸ

  • วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็รู้สืกอย่างไรเมื่อท่านได้ยินคำสอนเรื่องการไถ’คนตายเป็นครั้ง แรก ท่านนึกถึงใครเป็นคนแรก (ดูหน้า 190) เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากคำ ตอบเหล่านี้

  • ประธานวูดรัฟฟ็กล่าวว่างานพระวิหารสำหรับคนตายมีความสำคัญเท่าๆ กับ งานสอนศาสนาสำหรับคนเป็น (หน้า 193) ไตร่ตรองหรือสนทนานัยของคำ กล่าวนี้ประสบการณใดแสดงให้ท่านเห็นความเกี่ยวเนื่องระหว่างงานพระ- วิหารกับงานสอนศาสนา

  • ประธานวูดรัฟฟ้กล่าวว่าเมื่อเรารับพิธีการในนามของคนตาย เราทำงานที่คน อื่น “ทำเองไม่ได้” (หน้า 194) ความเข้าใจเรื่องนี้มีอิทธิพลอย่างไรต่อ ความรู้สีกฃองท่านเกี่ยวกับงานพระวิหาร

  • ทบทวนหัวข้อที่เริ่มด้นในหน้า 194 จากคำพูดของประธานวูดรัฟฟ็ บรรพชน ของเราร้สืกอย่างไรเกี่ยวกับงานพระวิหาร พระผู้เป็นเจ้าพระบิดาทรงมองงาน นี้อย่างไร ท่านรู้สืกอย่างไรขณะอ่านข้อความเหล่านี้

  • ทบทวนหัวข้อสุดท้ายในบทนี้เริ่มจากหน้า 196 พิจารณาว่าท่านจะรู้สืกอย่าง ไรเมื่อท่านพบบรรพบุรุษของท่านในโลกวิญญาณ

  • เราจะเจียดเวลาทำงานพระวิหารและประวัติครอบครัวได้อย่างไร ศาสนาจักร จัดเตรียมแหล่งช่วยอะไรไว้นำทางและช่วยเหลือเรา

  • การมีส่วนร่วมในงานพระวิหารและประวัติครอบครัวทำให้ครอบครัวเราเข้ม แข็งขึ้นได้อย่างไร เราทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยให้เยาวชนของศาสนาจักรพบ ปีติในความรับผิดชอบต่อการไถ่คนตายของเขา

ข้อพระคัมภีร์ที’เกี่ยวข้อง: 1 โครินธ์ 15:29; ค.พ. 128; 138

อ้างรง

  1. ใน Brian H. Stuy, comp., Collected Discourses Delivered by President Wilford Woodruff, His Two Counselors, the Twelve Apostles, and Others, 5 vols. (1987-92), 5:322.

  2. Deseret News, May 27, 1857, 91.

  3. ใน Collected Discourses, 5:322.

  4. ใน Collected Discourses, 3:428.

  5. ใน Collected Discourses, 3:428.

  6. The Discourses of Wilford Woodruff, sel. G. Homer Durham (1946), 341.

  7. ใน Collected Discourses, 2:51-52.

  8. The Discourses of Wilford Woodruff, 149.

  9. Deseret News: Semi-Weekly, May 2, 1876, 4.

  10. Deseret News: Semi-Weekly, May 14, 1878, 1.

  11. Deseret News: Semi-Weekly, March 26, 1878, 1.

  12. ใน Collected Discourses, 1:79-80.

  13. ใน Collected Discourses, 4:70.

  14. ใน Collected Discourses, 4:75-76.

  15. Deseret News: Semi-Weekly, October 18, 1881, 1.

  16. The Discourses of Wilford Woodruff, 150.

  17. ใน Collected Discourses, 4:74.

  18. Deseret News: Semi-Weekly, March 26, 1878, 1.

  19. Deseret News: Semi-Weekly, October 26, 1880, 1.

  20. ใน Conference Report, October 1897, 47.

  21. ใน Collected Discourses, 3:82.

  22. ใน Collected Discourses, 2:210.

  23. ใน Collected Discourses, 5:105.

  24. ใน Collected Discourses, 5:322.

  25. ใน Conference Report, October 1897, 47.

  26. ใน Collected Discourses, 2:88.

ภาพ
Salt Lake Temple

พระวิหารซอลท์เลค อุทิศโดยประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟื เมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1893

ภาพ
Winter Quarters Nebraska Temple

พระวิหารวินเทอร์ส ควอเทอร์ส เนบราสกา สร้างตรงบริเวณที่สิทธิชนยุคสุดท้าย ดั้งค่ายพักแรมในฤดูหนาวปี ก.ศ. 1846-1847 ก่อนเดินทางไปหุบเขาซอลท์เลค

ภาพ
St. George Utah Temple

พระวิหารเขนต์จอร์จ ยูท่าห์ ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟื รับใช้เป็นประธานพระวิหารที่นั่นะวิหรที่นั้น

พิมพ์