คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 22: การทำงานฑางโลก!!ละฑางวิญญาณ: ‘ลโมครลโมานลโามัคสี’’


บทที่ 22

การทำงานฑางโลก!!ละฑางวิญญาณ: “ลโมครลโมานลโามัคสี’’

ใมพยายามของเราเพื่อ(สริมสร้างความสัมพันธ์โนครอบครัว และเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก เราต้องทำงานทั้งทางโลกและทางวิญญาณ

จากชีวิตฃองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ่

ใมช่วงแรกๆ ของศาสนาจักร ศาสดาและอัครสาวกมักแนะนำผู้คนให้ทำส่วน ของตนในการเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ความพยายามดังกล่าวเรียก ร้องให้ทำงานทั้งทางวิญญาณและทางโลก นอกจากการปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ เช่น สวดอ้อนวอน สืกษาพระคัมภีร์ และแบ่งปันพระกิตติคุณแล้ว สิทธิชนยัง สร้างบ้านสร้างเมือง ตั้งโรงเรียนประถมและมัธยม เพาะปลูกและทดนํ้าเข้าใน ผืนดินแห้งแล้ง และลำเลียงหินแกรนิตจากภูเขามาสร้างพระวิหารซอลท์เลค ด้วย คริสต์ศักราช 1857 สิบปีหลังจากผู้บุกเบิกสิทธิชนยุคสุดท้ายเข้าไปในทุบ เขาซอลท์เลคครั้งแรก เอ็ลเดอร์วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็กล่าวว่า “หากเราไปทำงาน และเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าแทนที่จะเสริมสร้างตนเอง ไม่สำคัญ ว่าเราจะสร้างในรูปใด ไม่ว่าจะสร้างคูคลอง หรือสร้างพระวิหาร สั่งสอนพระ กิตติคุณ ทำการเกษตร หรือทำสิ่งใด…เราจะพบว่าพระเจ้าจะทรงช่วยเราและคํ้า จุนเรา ทรงเติมพลังให้เราด้วยพลังของพระองค์ และจะทรงช่วยเราในทุกสิ่งที่ เราต้องทำ”1

คนที่คุ้นเคยกับประธานวูดรัฟฟ็จะทราบว่าท่านไม่เพียงพูดถึงคุณค่าของความ ขยันขันแข็งในการทำงานหนักเท่านั้น แด,ท่านนำหลักธรรมดังกล่าวไปใช้ในชีวิต ด้วย นอกจากจะขยายการเรียกของท่านในฐานะปุโรหิตแล้วท่านยังพากเพียร ทำงานทางโลกด้วยแบ้จะอยู่ในวัยชรา แอนดรูว์ เจ็นสันนักประวัติศาสตร์สิทธิ ชนยุคสุดท้ายบันทึกว่า “ความอุตสาหะของท่านเป็นส่วนหนึ่งของคุณลักษณะ ที่โดดเด่นในตัวท่าน จนเมื่ออายุเก้าสิบปี หลานชายคนหนึ่งของท่านใช้จอบขุด ผักในสวนได้ดีกว่าท่านเล็กน้อย และท่านพูดด้วยความน้อยเนื้อตาใจอย่างเห็น ได้ชัดว่า ‘นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่หลานป่ใช้จอบไต้ดีกว่าป’ ”2

ผู้มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับประธานวูดรัฟฟ็ตั้งข้อสังเกตว่า “ท่านชอบทำงาน ไม่เพียงเพื่อเห็นแก่งานเท่านั้น แต่เพราะเกี่ยวข้องกับบัญชาสวรรค์ด้วย ทั้งไม่ เพียงเป็นหนทางของการอยู่รอดในโลก การเพิ่มความสะดวกสบายแก,ชีวิตท่าน และคนที่พึ่งพาอาศัยท่านเท่านั้น แต่งานคือพร สิทธิพิเศษ และโอกาสซึ่งท่าน ได้ทำประโยชน์ทุกครั้งที่การเรียกเอื้ออำนวย…การทำให้เหงื่อออกเป็นบัญชา สวรรค์เท่าๆ กับการสวดอ้อนวอน และในชีวิตท่าน ท่านเป็นแบบอย่างที่ยอด เยี่ยมของชีวิตเรียบง่ายแบบชาวคริสต์ซึ่งทำเพื่อความผาสุกทางกาย ทางความ คิด และทางจิตใจของมนุษย์ ท่านเชื่ออย่างจริงจังว่าการได้ออกแรงทำงานมีผล อย่างยิ่งต่อจิตใจ ท่านชอบและมีความสุขที่ได้ออกแรงทำงาน”3

คำสอนฃองวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้

ขณะที่เราเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เปีนเจ้า เรามีหน้าที่ทางโลกต้องปฏิบัติ

ประธาน [บริคัม ยัง] บอกเราบ่อยๆ ว่า เราจะแยกทางโลกออกจากทาง วิญญาณไม่ได้ ทั้งสองต้องสมัครสมานสามัคคีกัน มันเป็นเช่นนั้นและเราต้อง กระทำเช่นนั้นในการเสริมสร้างศาสนาจักรและอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า4

บางคนมีความคิดว่าฝ่ายประธานของศาสนาจักรนี้และอัครสาวกสิบสองไม่ ควรเกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลก เราคงแย่แน่หากเราไม่ข้องแวะเรื่องทางโลก5

เรากำลังเสริมสร้างอาณาจักรจริงๆ ของพระผู้เป็นเจ้าบนแผ่นดินโลก และ เรามีหน้าที่ทางโลกต้องทำ เราอยู่ในร่างกายทางโลก เรากินอาหารทางโลก เรา ปลูกบ้านทางโลก เราเลี้ยงปศุสัตว์ทางโลกและปลูกข้าวสาลีทางโลก เราต่อสั กับวัชพืชทางโลก และกับศัตรูทางโลกในที่ดินของเรา และสิ่งเหล่านี้ทำให้เรา อยู่ในภาวะต้องเอาใจใส่และปฏิบัติหน้าที่มากมายตามธรรมชาติที่ลำบากตราก ตรำทางโลก และแน่นอนว่าทั้งหมดนี้รวมอยู่ในศาสนาของเรา66

เราจะเสริมสร้างไซอันโดยเอาแต่นั่งร้องเพลงอยู่บนแผ่นไม้สนเขียวเพื่อให้ ตนครึ้มอกครึ้มใจไปตลอดคงไม่ไต้ เราต้องเพาะปลูก นำก้อนหินและธาตุต่างๆ ออกจากภูเขามาสร้างพระวิหารถวายพระผู้เป็นเจ้าสูงสุด และพระผู้เป็นเจ้าแห่ง สวรรค์ทรงต้องการให้เราทำงานทางโลกเท่ากับที่พระองค์ทรงขอให้พระคริสต์สิ้น พระชนม์เพื่อไถ่โลก หรือเท่ากับที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงขอให้เปโตร ยากอบ และยอห์นไปสั่งสอนพระกิตติคุณแก’บรรดาประชาชาติของแผ่นดินโลก นี่คือ สมัยการประทานยิ่งใหญ่ซึ่งต้องเสริมสร้างไซอันของพระผู้เป็นเจ้า และสิทธิชน ยุคสุดท้ายอย่างเราต้องสร้างขึ้นมาให้ไต้7

ในเรื่องทางโลก เราควรยินดีรับคำแนะนำจากพระเจ้า และผู้รับใช้ของพระองค์

นับแต่เริ่มต้นงานนี้จวบจนปัจจุบัน งานที่ผู้รับใช้ของพระผู้เป็นเจ้าทำเพื่อ เตรียมใจผู้คนให้พร้อมเมื่อพระเจ้าทรงปกครองและควบคุมเขาในงานและปัจจัย ทางโลกยากกว่างานที่เกี่ยวช้องกับความรอดนิรันดร์ของเขา…

มีบางอย่างแปลกใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ข้าพเจ้าคิดว่าน่าจะสืบเนื่องจาก สภาพที่เราเป็นอยู่ มีม่านระหว่างมนุษย์กับสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ หากเอาม่าน ออกไปและเราสามารถเห็นสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์เช่นที่อยู่เบื้องพระพักตร์พระ เจ้าได้ คงไม’มีใครถูกทดสอบเกี่ยวกับทอง เงิน หรือวัตถุทางโลกนี้ และทุกคน คงเต็มใจให้พระเจ้าทรงปกครองเขา แต่ที่นี่เรามีสิทธี้เสรี เราอยู่ในการทดสอบ และมีม่านระหว่างเรากับสิ่งที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ ระหว่างเรากับพระบิดาบน สวรรค์และโลกวิญญาณ และนี่เพราะจุดประสงค์อันชาญฉลาดและถูกต้องใน พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเรา เพื่อพิสูจน์ว่าลูกหลานมนุษย์จะปฏิบัติกฎของพระ องค์หรือไม่ในสถานการณ์ซึ่งเขาถูกวางไว้ที่นี่ สิทธิชนยุคสุดท้ายทั้งหลาย จง ใคร่ครวญเรื่องดังกล่าว เราคงเต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้โจเซฟ สมิธ ประธานยัง และผู้นำของผู้คนนำทางและกำกับดูแลเราเกี่ยวกับความสนใจนิรันดร์ฃองเรา และพรที่ถูกผนึกไว้กับเราโดยอำนาจของพวกเขาจะไปถึงอีกด้านหนึ่งของม่าน และมีผลหลังความตาย และล่งผลต่อจุดหมายปลายทางของเราจนถึงช่วงเวลา อันไม่สิ้นสุดของนิรันดร

มนุษย์ในสมัยของเอบราแฮม อิสอัค และยาโคบ สมัยของพระเยซูและอัคร สาวก มีพรผนึกไว้กับเขา อาณาจักร บัลลังก์ เขตปกครอง และอำนาจ พร้อม พรทั้งหมดของพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจ อาจมีคนถามว่า พรนิรันดร์เหล่านี้ น่าสนใจสำหรับเราหรือไม่ น่าสนใจ หรือควรจะสนใจ พรเหล่านี้มีค่าเท่ากับ ความมั่งคั่งทางโลกของเราไหม ไม่ว่าเราจะมีมากหรือน้อยก็ตาม ความรอด ชีวิต นิรันดร์มีค่าเท่ากับวัวเทียมแอกหนึ่งคู’ ม้าหนึ่งตัว ที่ดินหนึ่งร้อยเอเคอร์ หรือสิ่ง ที่เราครอบครองในเนี้อหนังหรือไม’ หากมีค่าเท่ากัน เราก็ย่อมพร้อมให้พระเจ้า ทรงปกครองและควบคุมเราในงานทางโลกทั้งหมดของเราเช่นเดียวกับงานทาง วิญญาณของเรา

อนึ่ง เมื่อมนุษย์ตาย เขาจะนำปศุสัตว์ ม้า บ้านหรือที่ดินไปกับเขาไม่ได้ เขา ไปส่หลุมศพ-ที่พักผ่อนของเนื้อหนัง ไม่มีใครหนีพ้น กฎแห่งความตายตกอยู่ กับทุกคน ในแอดัมทุกคนตาย แต่ในพระคริสต์ทุกคนจะถูกทำให้มีชีวิต [ดู 1 โครินธ์ 15:22] เราต่างเข้าใจว่าความตายเกิดกับมนุษย์ทุกคน แต่…เราไม่รู้ว่า เราจะตายเมื่อใด แต่!ว่าอีกไม่นานเราจะถูกเรียกให้ตามคนรุ่นต่างๆ ที่ล่วงหน้า ไปก่อนเรา เมื่อเราใคร่ครวญเรื่องเหล่านี้ ข้าพเจ้าคิดว่าเราทุกคนควรยอมให้พระ เจ้านำทางเราในเรื่องทางโลก8

การดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณครอบคลุมถึงการคึกษาทางวิญญาณ และทางโลกผนวกกับงานของความชื่อสัตย์

มีสุภาษิตหรือคำพังเพยซึ่งข้าพเจ้าเคยได้ยินมาหลายครั้งในชีวิตและคิดว่ามี นํ้าหนักมาก นั่นคือ “ความจริงมีพลังและจะมีชัย” ข้าพเจ้าคิดว่าคำกล่าวนี้ปรา กฎให้เห็นในทุกบทบาทหรือตำแหน่งหน้าที่ที่ใช้ความจริงไม่ว่าจะประยุกต์ใช้กับ ทางโลกหรือทางวิญญาณ ไม่ว่าจะประยุกต์ใช้ในระดับประเทศชาติหรือครอบครัว หรือบุคคล ไม่ว่าจะประยุกต์ใช้กับโลกหรือกับอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า9

การเสริมสร้างไซอันของพระผู้เป็นเจ้าในยุคสุดท้ายนี้ครอบคลุมธุรกิจทุกแขนง ที่เราเข้าร่วม ทั้งทางโลกและทางวิญญาณ เราไม่สามารถพาดพิงถึงเรื่องใดซึ่งถูก ต้องและชอบธรรมในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้าและในสายตามนุษย์โดยที่ เรื่องนั้นไม่มีอยู่ในศาสนาของเรา พระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ซึ่งเราน้อมรับ และซึ่งเราสั่งสอน ครอบคลุมความจริงทั้งมวล ตลอดจนการเรียกและการถือ ครองที่ถูกต้องทั้งหมดของมนุษย์10

เราไม่ควรละเลยบุตรของเรา เขาควรได้รับการสืกษาที่เหมาะสมทั้งในเรื่อง ทางวิญญาณและทางโลก นั่นคือมรดกดีที่ดีเยี่ยมและบิดามารดาจะฝากไว้ให้ บุตรของตนได้11

ขณะที่ค่านิยมของสิ่งซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการสืกษาตามระเบียบแบบแผนมี เพิ่มขึ้น เราไม่ควรละเลยการทำงานด้วยแรงกาย การสืกษาฃองจิตใจและการสืก ษาของร่างกายควรสมัครสมานสามัคคีกัน สมองที่ชำนิชำนาญควรถูกเชื่อมต่อ กับมือที่ชำนิชำนาญ การทำงานใช้แรงควรมีศักดี้ศรีในหมู่พวกเราและควรได้รับ เกียรติเสมอ เราไม่ควรปล่อยให้แนวโน้มซึ่งเห็นได้ทั่วไปในสมัยนี้เพิ่มขึ้นในหมู่ พวกเรา คือการที่ชายหนุ่มมีความรูงูๆ ปลาๆ แล้วคิดว่าตนไม่เหมาะจะทำงาน ด้านเครื่องยนต์กลไกลหรืองานที่ด้องใช้แรง…ทุกคนควรภาคภูมิใจที่ได้เปีนผู้ ผลิต ไม่ใช่เป็นแต่ผู้บริโภค บุตรของเราควรได้รับการสอนให้คํ้าจุนตนเองด้วย ความอุตสาหะและทักษะของตน และไม่เพียงเท่านี้ เขาต้องช่วยคํ้าจุนผู้อื่นด้วย การทำงานด้วยความซื่อสัตย์มานะบากบั่นเป็นวิธีมีเกียรติที่สุดวิธีหนึ่งซึ่งพระผู้ เป็นเจ้าทรงจัดให้ลูกๆ ของพระองค์บนโลกนี้ เรื่องการสืกษาที่เหมาะสมของ เยาวชนแห่งไชอันเป็นเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญสูงสุด12

ในด้านการเงินของเรา เราควรเลี้ยงดูครอบครัว เชื่อฟ้งกฎส่วนสิบ เผื่อแผ่ผู้อื่นด้วยรายได้ของเรา และหลีกเลี่ยงหนี้สิน

ตราบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องทางโลก เราต้องไปทำงานและเลี้ยงลูตนเอง13

ล่วนความรารวยและความมั่งคั่งนั้น ข้าพเจ้าไม่ต้องการหากมันจะทำลาย ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอให้มีพอสวมใส่ มีรองเท้าและอาหารให้ [ครอบครัว] และ ทำให้พวกเขาสุขสบายหากข้าพเจ้าได้มาอย่างซื่อสัตย์ต่อพระพักตร์พระเจ้า แต่ ข้าพเจ้าอยากให้ตัวข้าพเจ้ากับพวกเขาอยู่ในความยากจนดีกว่ามีความมั่งคั่งและ ถูกทำลาย ความรารวยเป็นอันตรายเว้นแต่เราจะใช้อย่างที่ไม’ทำลายเรา หากเรา ใช้ความรารวยเพื่อรัศมีภาพของพระผู้เป็นเจ้าและเสริมสร้างอาณาจักรของพระ องค์ไม่ได้ เราไม่รารวยดีกว่า14

บางคนมองว่ากฎส่วนสิบคือภาษีและภาระแบบหนึ่งที่เพิ่มให้เขา แต่กฎนั้น มีไว้เพื่อใคร ส่วนสิบของเรา แรงงานของเรา และทุกสิ่งที่เราทำในอาณาจักร ของพระผู้เป็นเจ้า ทั้งหมดนี้ทำเพื่อใคร… ส่วนสิบของเรา แรงงานของเรา งานของเรามิใช่เพื่อความสูงส่งของพระผู้ทรงมหิทธิฤทธ แด,เพื่อเรา… ขอให้ เราเข้าใจตามนี้และเราจะทำให้ดี ในการจ่ายส่วนสิบ ในการเชื่อฟ้งกฎทุกข้อที่ ประทานมาเพื่อยกเราให้สูงส่งและทำให้เราเป็นคนดีล้วนเป็นไปเพื่อประโยชน์ ของเรา และประโยชน์ของลูกๆ เรา และหาได้เป็นประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใด โดยเฉพาะต่อพระเจ้า แด’พระองค์ทรงพอพระทัยในความซื่อสัตย์ของลูกๆ ของ พระองค์และปรารถนาจะเห็นเขาเดินในเล้นทางซึ่งนำไปส่ความรอดและชีวิต นิรันดร15

ขอเพียงแต่มองไปรอบๆ เราก็จะมั่นใจ…ว่าคนที่เอื้อเฟือเผื่อแผ่ต่องานของ พระผู้เป็นเจ้าจะเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้า นี่คือประสบการณ์ของอิสราเอล สมัยโบราณ และคือประสบการณ์ของเรา แด’เกี่ยวกับการบริจาคด้วยความสมัคร ใจนั้น มีความไม่ใส่ใจมากเหลือเกินทั้งที่คำสัญญาลํ้าค่าทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับ เรื่องตังกล่าว สิทธิชนควรได้รับการเตือนถึงภาระหน้าที่ของตนเอง บุตรของเรา ควรได้รับการสอนในหน้าที่นี้ด้วยเพื่อความเอาใจใส่เรื่องเหล่านี้อย่างจริงจังจะ กลายเป็นนิสัยติดตัวเขา ผู้ถือปฏิบัติข้อกำหนดดังกล่าวอย่างเคร่งครัดจะเป็น พยานได้ถึงความยินดียิ่งและรางวัลมากมายที่เขาได้รับจากการนั้น

กฎแห่งความใจกว้างนี้ลูเหมือนจะเป็นเครื่องป้องกันอย่างหนึ่งที่พระเจ้าทรง นำมาขจัดปัดเป๋าผลลัพธ์อันชั่วร้ายซึ่งเกิดขึ้นเพราะการครอบครองความมั่งคั่ง พระองค์ทรงบอกเราว่าพระองค์คือผู้ประทานความรารวยของโลก แต่พระองค์ ทรงเตือนเราให้ระวังความจองหอง เกลือกเราจะเป็นเหมือนชาวนีไฟสมัยก่อน [ดู ค.พ. 38:39] เรารู้ถึงความหายนะที่เกิดแก,คนเหล่านั้น และเราควรทำทุก วิถีทางเพื่อกันไม่ให้ความมั่งคั่งเป็นภัยต่อเรา หลายคนทนความยากจนได้ ถ่อม ตน และดำเนินชีวิตใกล้ชิดพระเจ้า [แต่] ทนความรารวยไม่ได้ เขาลำพองใน ความจองหอง กลายเป็นคนละโมบโลภมาก และหลงลืมพระผู้เป็นเจ้าของเขา อย่าง1ใรก็ดี คนที่จดจำคำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับแผ่นดินโลกและผู้อาศัยอยู่ใน นั้นไว้ตลอดเวลา และบริจาครายได้ซึ่งพระเจ้าประทานให้เขาเพื่อช่วยเหลือคน ยากจนและช่วยให้งานของพระผู้เปีนเจ้าเจริญรุดหน้า คนนั้นจะยับยั้งชั่งใจตน และบั่นทอนอำนาจของซาตานในการชักนำเขาให้หลงผิด16

เราร้สืกว่าต้องเตือนสิทธิชนยุคสุดท้ายให้ระวังการสร้างนิสัยไม่ดีของการก่อ หนี้สินและรับข้อผูกมัดซึ่งมักเปีนภาระหนักเกินกว่าจะแบกรับไหว นำไปสุ่การ สูญเสืยบ้านและทรัพย์สินอื่นๆ เราทราบว่าปัจจุบันผู้คนนิยมใช้สินเชื่อจนถึงขีด จำกัดสูงสุด…นี่คือความชั่วร้ายใหญ่หลวงที่ตัวเราและผู้คนของเราพึงหลีกเลี่ยง หากเปีนไปได้เราควรทำธุรกิจตามหลักของการจ่ายสิ่งที่เราซื้อ และความต้องการ ของเราควรอยู่ภายในขีดจำกัดของทุนทรัพย์ที่เรามี เราควรเลิกนิสัยชอบเก็งกำไร และชอบเสิ่ยงทำธุรกิจแบบใดแบบหนึ่ง…จงพอใจกับผลกำไรพอประมาณ และไม่หลงผิดไปกับความหวังเลื่อนลอยของการไต้มาซึ่งความมั่งคั่ง จงจำภาษิต ของนักปราชญ์ท่านหนึ่ง “ผู้ที่!บมั่งคั่งจะไม่มีโทษหามิได้” [ดู สุภาษิต 28:20] จงสอนบุตรของเราให้มีนิสัยประหยัด และไม่หลงระเริงไปกับค่านิยมซึ่งเขาจะ ตอบสนองไม่ได้หากไม่เปีนหนี้17

ในบรรดาสิ่งที่เราไขว่คว้ามาไว้ในชีวิต อาณาจักรของพระผู้เปีนเจ้า คือสิ่งที่เราต้องแสวงหาเปีนอันดับแรก

โดยมากความปรารถนาที่คนเหล่านี้แสดงให้เห็นคืออยากรารวยและทำงาน เพื่อตนเองแทนที่จะทำเพื่ออาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า แต่การเลิกสวดอ้อนวอน และไปทำงานเพื่อให้ได้ความรรรวยจะเกิดประโยชน์อันใดต่อท่านหรือข้าพเจ้า การได้โลกทั้งโลกและสูญเสืยจิตวิญญาณของตนจะเกิดประโยชน์อันใดต่อ มนุษย์ ไม่มากเลย มนุษย์จะให้อะไรเป็นการแลกเปลี่ยนกับจิตวิญญาณของเขา เมื่อเขาไปอยู่อีกด้านหนึ่งของม่าน [ดู มาระโก 8:36–37]

ข้าพเจ้าแปลกใจมากที่ผู้อาศัยของแผ่นดินโลกมักแสดงความสนใจเพียงน้อย นิดต่อสภาพอนาคตของตน คนที่อยู่ที่นี่ในวันนี้จะไปอยู่อีกด้านหนึ่งของม่าน นานเท่าพระผู้สร้างของเขา—ช่วงเวลาอันไม่สิ้นสูดของนิรันดร และจุดหมาย ปลายทางนิรันดร์ฃองทุกคนขึ้นอยู่กับวิธีที่เขาใช้ช่วงเวลาไม่กี่ปีของชีวิตในเนื้อ หนัง ข้าพเจ้าถามในพระนามของพระเจ้าว่า ความนิยมของท่านหรือข้าพเจ้ามี ค่าเท่ากับเท่าไร ทองหรือเงินหรือวัตถุทางโลกมีค่าต่อเรายิ่งกว่าการที่เราสามารถ ได้สิ่งที่เราจำเป็นต้องกิน ดื่ม สวมใส่ และเสริมสร้างอาณาจักรของพระผู้เป็น เจ้าอย่างนั้นหรือ การหยุดสวดอ้อนวอนและการหลงใหลความรารวยของโลกคือ ความโง่เขลาและความโฉดเขลาอย่างที่สุด

เมื่อมองดูวิธีที่บางคนกระทำ ท่านอาจคิดว่าเขาคงจะอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์และจุด หมายปลายทางนิรันดร์ฃองเขาขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่เขามี บางครั้งข้าพเจ้าถาม สิทธิชนยุคสุดท้ายว่า เรามีเท่าใดเมื่อเรามาที่นี่ เรานำมาเท่าใด และมันมาจาก ที่ไหน…ข้าพเจ้าไม่คิดว่าจะมีใครในพวกเราเกิดมาบนหลังม้าหรือในรถม้า หรือ เรานำหุ้นรถไฟ ปศุสัตว์ และม้าติดตัวมา เราเกิดมาตัวเปล่าเช่นเดียวกับโยบ และข้าพเจ้าคิดว่าเราจะจากที่นึ่ไปตัวเปล่าเช่นเดียวกับเขา [ดู โยบ 1:20–21] แล้วเกี่ยวกับสิ่งของของโลกนี้เล่า มันมีความสำคัญอะไรกับเราจนเรายอมสูญ เสืยความรอดอย่างนั้นหรือ ข้าพเจ้ากล่าวว่าถ้าอย่างนั้นข้าพเจ้ายอมยากจนตลอด ชีวิตดีกว่าหากความรารวยจะทำลายข้าพเจ้าและนำข้าพเจ้าไปจากรัศมีภาพที่ ข้าพเจ้าตั้งความหวังว่าจะได้จากการรักษาพระบัญญัติของพระผู้เป็นเจ้า ข้าพเจ้า สวดอ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าขออย่าให้ข้าพเจ้าครอบครองความรารวยนั้นเลย

พระผู้เป็นเจ้าทรงถือความรารวยของโลกนี้ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ ทอง และเงิน ปศุสัตว์และแผ่นดินโลกเป็นของพระองค์ พระองค์ประทานแก่ผู้ที่ พระองค์จะประทาน เมื่อพระคริสต์ประทับบนภูเขา ลูซิเฟอร์หรือมารแสดงให้ พระองค์เห็นความรุ่งเรืองของโลกและเสนอว่าจะมอบให้พระองค์หากพระองค์ จะกราบลงนมัสการเขา [ดู มัทธิว 4:8–9] แด,ท่านทราบหรือไม่ว่ามารยากจน ตนนั้นมิได้เป็นเจ้าของที่ดินแม้แด,กระเบียดเดียวในโลก และเขาไม่มีแม้แต่ร่าง กายหรือที่พักชั่วคราว แผ่นดินโลกเป็นที่รองพระบาทของพระเจ้า และหากเรา มีสิ่งใดเป็นของเราพระเจ้าจะประทานสิ่งนั้นแก่เรา และหากเรามีหนึ่งหมื่นล้าน ดอลลาร์เราควรซื่อสัตย์ต่อศาสนาของเราเท่าๆ กับที่เราไม่มีอะไรเลย ชีวิตนิรันดร์ คือสิ่งที่เราเป็นหรือควรเป็นไม่ว่าสถานการณ์และสภาพชีวิตของเราจะเป็นเช่น ไร และนั่นควรเป็นวัตถุประสงค์อันดับแรกของเราา…

า… ข้าพเจ้าพูดมาตลอดเกี่ยวกับการได้รับความรารวย ข้าพเจ้ามิได้จ้องจับผิด ความรารวย ทองและเงินเป็นของพระเจ้า เราต้อง [สร้าง] บ้าน และเราต้อง เพาะปลูก นี่เป็นเรื่องปรกติ ข้าพเจ้ามิไต้จ้องจับผิดคนที่ได้รับความรารวย ข้าพ เจ้าจ้องจับผิดการขายอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ขายสิทธิบุตรหัวปีของเรา ขายพระกิตติคุณและตัดสิทธี้ตัวเราจากชีวิตนิรันดร์เพื่อสนองตัณหาของเนื้อหนัง ความจองหองของชีวิต ความทันสมัยของโลก และการทำให้ใจเราหมกมุ่นอยู่ กับเรื่องเหล่านี้18

ข้าพเจ้าจะอ้างพระดำรัสของพระเยซูคริสต์ซึ่งพระองค์ตรัสกับผู้ติดตามพระ องค์ว่า “จงแสวงหาแผ่นตินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงเหล่านี้ให้” [ดู มัทธิว 6:33] ข้าพเจ้าจะ บอกท่านพี่น้องชายหญิงทั้งหลาย เราอาจพยายามตลอดวันเวลาของชีวิตเรา เรา อาจลองทุกวิถีทางและทุกหลักการในโลกนี้ และสิทธิชนอย่างเราจะรุ่งเรืองไม่ ได้ด้วยวิธีอื่น นอกจากโดยการแสวงหาอาณาจักรสวรรค์และความชอบธรรมก่อน เมื่อทำเช่นนี้ เราจะได้รับพรทุกประการ สิ่งดีๆ ความสูงล่ง ของประทาน พระ คุณ ความปรารถนา และทุกสิ่งทุกอย่างที่คนดีปรารถนาซึ่งเป็นประโยชน์และดี สำหรับกาลเวลาและนิรันดร

ผู้คนมากมายพยายามแสวงหาความสุขโดยไม่แสวงหาอาณาจักรสวรรค์ก่อน …แต่เขามักพบว่าทำได้ยากมาก และเราจะพบเช่นนั้นด้วยหากเราพยายามทำ แบบเขา19

เป้าหมายของเราสูงล่ง เรากำลังตั้งเป้าหมายไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในอาณา จักรชั้นสูงของพระผู้เป็นเจ้าเพื่อให้ได้ชีวิตนิรันดร์ซึ่งเป็นของประทานยิ่งใหญ่ ที่สุดในบรรดาของประทานทั้งหมดของพระผู้เป็นเจ้า เกียรติยศ ความรุ่งเรือง และความมั่งคั่งทั้งหมดของโลกนี้ควรจมอยู่ในความคิดเราอย่างไร้ความหมาย เมื่อเทียบกับมรดกในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าและพระเมษโปดก เมื่อเทียบ กับศาสดา อัครสาวก สิทธิชน ตลอดจนบ้านของบิดาเรา ขณะที่อย่างหนึ่งผ่าน ไปและจะสูญสิ้นในไม่ช้า แต่อีกอย่างหนึ่งจะดำรงอยู่ตลอดกาล20

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ-ⅸ.

  • ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็ทำอะไรตามหลักธรรมที่นำเสนอในบทนี้ (ดูหน้า 231, 233)

  • เหตุใดเราจึง “แยกทางโลกออกจากทางวิญญาณ” ไม่ได้ (ดูหน้า 233-234; ดู ค.พ. 29:34-35 ด้วย) เราจะนำความจริงดังกล่าวมาใช้กับชีวิตประจำวัน ของเราและการรับใช้ในศาสนาจักรได้อย่างไร

  • ประธานวูดรัฟฟตั้งข้อสังเกตว่าคนจำนวนมากไม่ทำตามคำแนะนำของพระเจ้า ในเรื่องทางโลก ท่านคิดว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น (ดูหน้า 234-235) ประ ธานศาสนาจักรคนปัจจุบันให้คำแนะนำอะไรเกี่ยวกับเรื่องทางโลก

  • ทบทวนย่อหน้าสุดท้ายในหน้า 235. การใช้แรงทำงานมีประโยชน์อะไรบ้าง ท่านคิดว่า “เป็นผู้ผลิต และไม่ใช่เป็นแต่ผู้บริโภค” หมายความว่าอะไร

  • ประธานวูดรัฟฟ็ตักเตือนอะไรเกี่ยวกับเรื่องเงิน (ดูหน้า 236-238) ท่านให้ คำแนะนำอะไรเกี่ยวกับหนี้สินและสันเชื่อ เราทำอะไรได้บ้างเพื่อจะมีทัศนะ ที่ถูกต้องตลอดไป

  • ส่วนสิบและเงินบริจาคมีไว้ “เพื่อประโยชน์ของเราและประโยชน์ของลูกๆ เรา” ในทางใด (ดูหน้า 237)

  • คำสอนของพระผู้ช่วยให้รอดใน มัทธิว 6:33 มีความหมายอะไรต่อท่าน (ดู หน้า 240-241 ต้วย)

  • อ่านบทเรียนบทนี้อย่างถี่ถ้วนเพื่อหาหลักธรรมที่บิดามารดาควรสอนบุตรของ ตน บิดามารดาควรทำอะไรเป็นการเฉพาะกับบุตรของตนเพื่อสอนหลักธรรม เหล่านี้ ท่านเคยมีประสบการณ์อะไรบ้างในการเรียนและสอนหลักธรรมเหล่า นี้

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: มาลาคี 3:8–11; มัทธิว 6:19–21; ยากอบ 2:14–26; เจคอบ 2:12–19; ค.พ. 42:42; 58:26–28

อ้างอิง

  1. Deseret News, March 4, 1857, 411.

  2. Latter-day Saint Biographical Encyclopedia, 4 vols. (1901-36), 1:26.

  3. J. M. Tanner, “Character Sketch,” in Matthias F. Cowley, Wilford Woodruff: History of His Life and Labors as Recorded in His Daily Journals (1964), 644-45.

  4. Deseret News, July 30, 1862, 33.

  5. ใน Brian H. Stuy, comp., Collected Discourses Delivered by President Wilford Woodruff, His Two Counselors, the Twelve Apostles, and Others, 5 vols. (1987-92), 4:126.

  6. Deseret News, May 22, 1872, 216.

  7. The Discourses of Wilford Woodruff, sel. G. Homer Durham (1946), 164-65.

  8. Deseret News: Semi-Weekly, June 23, 1874, 1.

  9. Deseret News: Semi-Weekly, January 22, 1884, 1.

  10. Deseret News, May 22, 1872, 216.

  11. The Discourses of Wilford Woodruff, 267.

  12. “An Epistle to the Members of The Church of Jesus Christ of Latter-day Saints,” Millennial Star, November 14, 1887, 733.

  13. ใน Collected Discourses, 4:127.

  14. The Discourses of Wilford Woodruff, 173-74.

  15. Deseret News, February 4, 1857, 379.

  16. Millennial Star, November 14, 1887, 727.

  17. Millennial Star, November 14, 1887, 728-29.

  18. Deseret News: Semi-Weekly, February 29, 1876, 1.

  19. Deseret News, March 4, 1857, 410.

  20. “Epistle,” Contributor, April 1887, 237.

family gardening

“ทุกคนควรภาคภูมิโจที่ได้เป็นผู้ผลิต ไม่ใช่เป็นแต่ผู้บริโภค”

class discussion

“เรื่องการศึกษาที่เหมาะศมของเยาวชนแห่งไซอัน เป็นเรื่องหนึ่งที่ปีความสำคัญสูงสุด”

couple managing finances

ส่วนสิบคือ “กฎที่ประทานไว้เพื่อยณราให้สูงส่งและทำให้เราเป็นคนดี”