บทที่ 21
อดทนอย่างซื่อสัตย์ส่อการพดลอง และการส่อต้าน
หากเราซื่อสัตย์และเชื่อฟังไนช่วงทลาแห่งการทดลอง พระเจ้าจะทรงเสริมสร้างพลังให้เราและใช้ความยากลำบากนั้น ช่วยให้เราเตรียมตั:ารับรัศมีภาพชั้นสูง
จากชีวิตของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้
“เรา ปลอดภัยตราบที่เราทำหน้าที่ของเรา” ประธานวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็สอน “ไม่ว่าเราจะถูกเรียกให้เผชิญการทดลองหรือความทุกข์ยากอะไรก็ตาม พระ หัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับเราและคํ้าจุนเรา”1 ในการสอนหลักธรรมนี้ ประ ธานวูดรัฟฟ็พูดจากประสบการณ์ ท่านอดทนต่อการข่มเหงทางศาสนาและการ เมือง ฝูงชนที่ใช้ความรุนแรง การต่อต้านงานสอนศาสนา ความเจ็บป่วย ความ ตายของสมาชิกครอบครัวและมิตรสหาย และการทดลองที่เกิดขึ้นเป็นกิจวัตร ประจำวันในชีวิต แต่ท่านตอบสนองความยากลำบากเหล่านั้นด้วยศรัทธามิใช่ ด้วยความท้อแท้สิ้นหวัง โดยวางใจในคำสัญญาของพระเจ้าและพบความเข้ม แข็งในประจักษ์พยานของท่านถึงพระกิตติคุณ
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1835 เมื่อวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ็รับใช้งานเผยแผ่ทาง ภาคใต้ของสหรัฐ ท่านกับผู้ร่วมทางไต้รับการนำทางจากพระเจ้าในช่วงการทด ลองครั้งหนึ่ง ท่านเขียนว่า “ขณะเดินทางตอนกลางคืน…พายุลูกใหญ่ที่มืทั้งลม และฝนโหมกระหนั่าเรา เรามาถึงลำห้วยซึ่งนํ้าฝนเอ่อท้นฝ่งจนถึงระตับที่เราไม่ อาจข้ามไต้หากไม่ให้ม้าว่ายข้ามไป…เราอ้อมไปทางต้นนํ้าเพื่อลุยข้ามลำธาร แต่ ขณะพยายามทำเช่นนั้นท่ามกลางความมืดและความบ้าคลั่งของทั้งลมและฝนที่ ซัดสาดลงมา เราหลงทางอยู่ในป่าทึบ ท่ามกลางสายฝน ลม ลำห้วย และยอด ไบ้ที่หักโค่น เราข้ามลำธารเกือบยี่สิบครั้ง…แต่พระเจ้าทรงเมตตาเราท่ามกลาง ความยุ่งยาก เพราะขณะที่เรากำลังคลำทางอยู่ในความมืด ควบบ้าไปตามหน้า ผาสูงชัน เสี่ยงตายทั้งตัวเราและสัตว์ [ของเรา] จู,ๆ ก็มีแสงเจิดจ้าส่องเป็นวง รอบตัวเรา เผยให้เห็นสถานการณ์อันตรายขณะที่เราอยู่บนขอบเหวลึก แสงนั้น ยังคงอยู่กับเราจนเราพบบ้านหลังหนึ่งและไปตามถนนที่ถูกต้อง”2
ประธานวูดรัฟฟ็แสดงความเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ดังกล่าวว่า “เราเดิน หน้าต่อไปด้วยความปลื้มปีติ แม้ความมืดจะกลับมาและฝนยังตกอยู่”3 ข้อความ นี้เป็นแบบอย่างของการเผชิญความยากลำบากของชีวิต ท่านเดินหน้าต่อไป พลางปลื้มปีติในพรของพระเจ้าแม้เมื่อการทดลองบางอย่างยังคงอยู่
คำสอนของวิลฟอร์ด วูดรัฟฟ้
การทดลองและการต่อต้านให้ประสบการณ์แก’เรา และช่วยเตรียมเราให้พร้อมรับรัศมีภาพชั้นสูง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีความพิศวงหลายครั้งในใจชายหญิงว่า เหตุใดพระผู้เป็น เจ้าทรงวางชายหญิงไว้ในโลกเช่นนี้ เหตุใดพระองค์ทรงให้ลูกๆ ของพระองค์ ต้องพบความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมานในร่างกาย พระเจ้าทรงเปีดเผยบาง สิ่งต่อเราเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเราเรียนรู้มากพอจะรู้ว่าสิ่งนี้1จำเป็น4
เห็นไต้ชัดเจนว่านึ่คือจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงยอมให้สิทธิชนของ พระองค์ถูกทดสอบและทดลองอย่างทั่วถึงเพื่อเขาจะพิสูจนให้เห็นความภักดี และรู้จักลักษณะของรากฐานซึ่งเขาสร้างอยู่บนนั้น5
แม้บางครั้งเราจะอยากปนและเคยบ่นในวันเวลาที่ผ่านมาเพราะเราเผชิญกับ การกดฃี่ข่มเหงและความทุกข์ทรมาน แต่ข้าพเจ้าปรารถนาจะพูดกับพี่น้องทั้ง หลายว่าสิ่งเหล่านี้เป็นมรดกของสิทธิชนของพระผู้เป็นเจ้า…ข้าพเจ้าไม่เคยอ่าน พบว่าผู้คนของพระผู้เป็นเจ้าในสมัยการประทานใดๆ จะผ่านชีวิตเช่นที่ผู้นับถือ ศาสนาอื่นพูดว่าโรยด้วยกลีบกุหลาบ โดยปราศจากการตรงกันข้ามใดๆ ทั้งสิ้น …เราถูกเรียกให้ผ่านการทดลองหลายครั้ง และข้าพเจ้าคิดว่าเราไม่ควรบ่นว่า เพราะหากเราไม่มีการทดลอง เราคงจะร้สืกไม่สบายใจในอีกโลกหนึ่งเมื่อได้อยู่ กับเหล่าศาสดาและอัครสาวกผู้ถูกเลื่อยเป็นท่อนๆ ถูกตรึงกางเขน ฯลฯ เพราะ พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าและประจักษ์พยานในพระเยซูคริสต์6
เป็นไปไม่ได้ที่…สิทธิชนของพระผู้เป็นเจ้าจะได้รับอาณาจักรชั้นสูงเป็นมรดก หากไม่ลูกทดลองเพื่อลูว่าเขาจะปฏิบัติตามพันธสัญญาของพระเจ้าหรือไม่7
พระเยซู…ทรงเสด็จลงตรกว่าสิ่งทั้งปวงเพื่อพระองค์จะทรงอยู่เหนือสิ่งทั้ง ปวงและเข้าพระทัยสิ่งทั้งปวง ไม่มีใครลงตรกว่าพระผู้ช่วยให้รอดของโลก ประสูติในคอกสัตว์ บรรทมในรางหญ้า พระองค์ทรงเดินทางจากที่นั่นไปจนถึง กางเขน ผ่านความทุกข์ยากคลุกเคล้าพระโลหิตไปจนถึงบัลลังก์แห่งพระคุณ และในพระชนม์ชีพของพระองค์ไม่มีสิ่งใดของธรรมชาติทางโลกที่ลูจะคู่ควรแก่ การครอบครอง ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์พานพบความยากจน ความทุกข์ ยาก ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ความลำบากตรากตรำ การสวดอ้อนวอน ความเศร้าโศกและโทมนัสตราบจนพระองค์ทรงคืนวิญญาณบนกางเขน พระองค์ ยังคงเปีนพระบุตรหัวปีของพระผู้เปีนเจ้าและพระผู้ไถ่ของโลก อาจมีคนถามว่า เหตุใดพระเจ้าทรงยอมให้พระบุตรของพระองค์มาที่นี่ ทรงพระชนม์ และสิ้น พระชนม์เช่นนั้น เมื่อใดที่เราเข้าไปในโลกวิญญาณ และม่านถูกดึงออกไป เมื่อ นั้นเราอาจจะเข้าใจมูลเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้
ในการจัดสรรและการจัดหาของพระผู้เปีนเจ้าให้มนุษย์ดูเหมือนเราจะเกิดมา เพื่อรับความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ความเศร้าโศก และการทดลอง นี่คือ สิ่งที่พระผู้เปีนเจ้าประกาศิตให้ครอบครัวมนุษย์ต้องเผชิญ และหากเราใช้การทด สอบนี้ให้เป็นประโยชน์ ประสบการณ์ที่ไต้จากการทดสอบจะพิสูจน์ให้เราเห็นพร ยิ่งใหญ่ในบั้นปลาย และเมื่อเราไต้รับความเป็นอมตะ ชีวิตนิรันดร์ ความสูงส่ง อาณาจักร บัลลังก์ เขตปกครอง และอำนาจ พร้อมพรทุกประการของความ สมบูรณ์แห่งพระกิตติคุณของพระคริสต์ เราจะเช้าใจว่าเหตุใดเราจึงถูกเรียกให้ ผ่านสงครามต่อเนื่องในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่เราใช้ในเนื้อหนัง8
เราทำอะไรหรือทนทุกข์อะไรบ้างที่เทียบไต้กับอาณาจักร บัลลังก์ และเขต ปกครองมากมายที่พระผู้เป็นเจ้าทรงเปีดเผยต่อเรา9
ในสงครามระหว่างความมืดกับความสว่าง พระเจ้าและผู้คนฃองพระองค์จะชนะ
การต่อต้านพระผู้เป็นเจ้าและพระคริสต์ของพระองค์ การต่อต้านความสว่าง และความจริงดำรงอยู่ตั้งแต่กาลเริ่มต้นจวบจนปัจจุบัน นื่คือสงครามที่เริ่มต้นใน สวรรค์ ดำรงอยู่ตลอดกาลและจะดำเนินต่อไปจนโลกสิ้นสูด จนกระทั่งพระองค์ ทรงครองซึ่งสิทธึ๋ของพระองค์ เมื่อพระองค์จะเสด็จมาในเมฆแห่งรัศมีภาพเพื่อ ตอบแทนทุกคนตามการกระทำของเขาในร่างกาย10
วิญญาณของสงครามที่ประจักษ์ชัดในวันเวลาเหล่านี้ดำรงอยู่ทุกยุคเมื่อฐานะ ปุโรหิตอยู่บนแผ่นดินโลก มีสงครามระหว่างความสว่างกับความมีดอยู่ตลอด เวลา พระผู้เป็นเจ้ากับมาร สิทธิชนกับคนบาป หลักธรรมถูกต้องกับคำสอนเท็จ ตัวเราทำสงครามกับธรรมชาติวิสัยที่โน้มเอียงไปทางชั่ว111
มีพลังอำนาจสองอย่างบนแผ่นดินโลกและท่ามกลางผู้อาศัยของแผ่นดินโลก —พลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าและพลังอำนาจของมาร ในประวัติศาสตร์ของเรา เรามีประสบการณ์พิเศษบางอย่าง เมื่อพระผู้เป็นเจ้าทรงมีผู้คนบนแผ่นดินโลก ไม่สำคัญว่าจะอยู่ในยุคใด ลูซิเฟอร์ บุตรแห่งเวลาเช้า และวิญญาณที่ตกแล้ว หลายล้านวิญญาณซึ่งถูกขับออกมาจากสวรรค์ ไต้ทำสงครามกับพระผู้เป็นเจ้า กับพระคริสต์ กับงานของพระผู้เป็นเจ้า และกับผู้คนของพระผู้เป็นเจ้า เขาสู้ไม่ ถอยในวันเวลาและชั่วอายุของเรา เมื่อใดที่พระเจ้าทรงลงพระหัตถ์ทำงานใดก็ ตาม พลังอำนาจเหล่านั้นจะทำงานเพื่อโค่นล้มงานของพระองค์12
เราไม่เพียงต่อสู้กับพลังอำนาจแห่งความมืด หรือแรงผลักตันรอบตัวที่เรามอง ไม่เห็นเท่านั้น แต่เราต้องทำสงครามกับสภาวการณ์ภายนอกมากมายและต่อสู้ กับความลำบากมากมายที่เราจำต้องเผชิญ และยิ่งเราต้องเผชิญมากเท่าใด เรา ก็น่าจะยิ่งถูกกระตุ้นให้กระทำ ให้ทำงานสุดกำลังต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อการ สถาปนาความชอบธรรมและความจริง และเสริมสร้างงานของพระผู้เป็นเจ้า และเพื่อให้พระนามของพระองค์ไต้รับยกย่องบนแผ่นดินโลก13
เมื่อเทพมอบ [พระคัมภีร์มอรมอน] ให้โจเซฟ สมิธ มารรู้ว่านั่นคือรากฐาน ของระบบที่จะโค่นล้มอาณาจักรของเขา การขับไล่ ฯลฯ ที่คนเหล่านี้เผชิญมา แล้วมิใช่เพราะเขาเป็นผู้ฝ่าแนกฎ หรือเป็นเพราะเขาชั่วร้ายมากกว่าคนอื่น แต่เพราะเขากำลังวางรากฐานอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้าซึ่งจะเติบโตและเพิ่ม ทวี…และเตรียมทางสำหรับการเสด็จมาของพระเจ้าพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็น จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย ผู้จะเสด็จมาปกครองทั้งแผ่นดินโลกและอาณา จักรอื่นทั้งหลายทั้งปวง ประธานาธิบดี ผู้ปกครอง และประชากรของเขาต้อง ยอมรับว่าพระเยซูคือพระคริสต์ งานยุคสุดท้ายที่เราเป็นตัวแทนจะผูกมัดพลัง อำนาจของมารซึ่งครอบงำลูกหลานมนุษย์…เมื่อนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องแปลกที่มารจะ คลุ้มคลั่ง และยั่วยุคนชั่วให้ทำสงครามคับงานยุคสุดท้าย พระเจ้าจะทรงดลใจ ผู้รับใช้ของพระองค์และประทานความสามารถให้เขารักษาอาณาจักรนี้ไว้บนแผ่น ดินโลก พระองค์ทรงเป็นผู้คุมหางเสือ ข้าพเจ้าคงจะไม’ทุ่มเทหากพระองค์มิไต้ ทรงเป็นผู้ก่อตั้งงานนี้ งานนี้จะยืนหยัดอยู่ไม่ได้หากพระองค์ไม่ทรงต่อต้านพลัง อันมากมายซึ่งต่อสู้กับงานของพระองค์14
เราต้องปลุกจิตสำนึกแห่งหน้าที่ของเรา และเรียกหาพระเจ้าด้วยความอ่อน น้อมถ่อมตน ดำเนินชีวิตใกล้ชิดพระองค์ และดวงตาของเราจะถูกเปิด เช่นใน กรณีของชายหนุ่มคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้รับใช้ของศาสดาเอลีชาสมัยโบราณ และเรา จะเห็นว่าฝ่ายเรามีมากกว่าฝ่ายที่ต่อต้านเรา [ดู 2 พงศ์กษัตริย์ 6:8–17]; และ ว่าองค์ประกอบของการต่อต้านรังแต่จะเร่งสัมฤทธิผลแห่งจุดประสงค์ของพระผู้ เป็นเจ้า จงวางใจพระผู้เป็นเจ้าและวางใจในสัญญาของพระองค์ โดยดำเนินตาม ความสว่างและความรู้ที่ท่านครอบครอง และทุกอย่างจะดีกับท่านไม่ว่าจะอยู่ หรือตาย15
พระเจ้าทรงดูแลเราในช่วงเวลาแห่งการทดลอง โดยทรงเสริมสร้างพลังใพ้เราตามศรัทธา ความอ่อนน้อมถ่อมตน และการเชื่อฟ้งฃองเรา
แน่นอนว่าเราไม่เคยผ่านประสบการณ์มากกว่าหรือมากเท่าพระผู้ช่วยให้รอด แต่พระองค์ยังคงแน่วแน่และซื่อสัตย์ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ต่อพระ บิดาและต่อการเรียกของพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดของโลก พระองค์ ทรงสวดอ้อนวอนอย่างหนัก พระองค์ทรงเป็นทุกข์ต่อพระพักตร์พระเจ้าเพราะ บาปของโลก เวลานี้พระองค์ทรงอยู่ท่ามกลางเรา พระองค์ทรงเป็นผู้วิงวอนพระ บิดาแทนเรา [ดู ค.พ. 29:5] พระองค์ทรงดูแลเรา และจะทรงทำทั้งหมดที่ทำได้ เพื่อความรอดของเรา16
เราถูกข่มเหง เราทุกข์ทรมาน และเราเผชิญการทดลองแสนสาหัสในวัน เวลาของเรา แด’พระเจ้าทรงพาเราผ่านพ้นสิ่งทั้งหมดนี17
ภัยพิบัติและความยุ่งยากในโลกนี้กำลังเพิ่มขึ้น และมีความหมายแฝงอยู่ จงจำไว้และใคร่ครวญเรื่องเหล่านี้ หากท่านทำหน้าที่ของท่าน และข้าพเจ้าทำ หน้าที่ของข้าพเจ้า เราจะมีการคุ้มครอง และจะผ่านพ้นความทุกข์ทรมาน ท่ามกลางสันติสุขและความปลอดภัย18
การดำเนินชีวิตเยี่ยงสิทธิชนยุคสุดท้ายขณะเผชิญกับชาวโลกที่หน้านิ่วคิ้ว ขมวด และอยู่ท่ามกลางการทดลอง ความยุ่งยาก และการข่มเหงต้องอาศัย อิสระทางความคิด ความซื่อสัตย์ของใจ ศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้า และความมั่น คงแห่งอุปนิสัย19
ดาเนียลถูกเตรียมให้เข้าไปอยู่ในถํ้าสิงห์ ลูกหลานชาวฮีบรูสามคน [ชัดรัค เมชาค และอาเบดเนโก] ไม่กลัวชะตากรรมที่รออยู่ อัครสาวกกล้าเผชิญความ จริงและไม่ระย่อต่อความตายเพื่อเห็นแก่ความจริงนั้น เหตุใดคนเหล่านี้และคน อื่นๆ ที่ตกอยู่ภายใต้สภาวการณ์คล้ายกันจึงยึดมั่นความเชื่อของตนโดยไม่หวั่น ไหว ประการแรก เพราะเขามีความจริง และเขารู้ด้วยตนเอง และประการที่สอง พระวิญญาณบริสุทธี้ พระผู้ปลอบโยนทรงคํ้าจุนเขาขณะที่พลังอำนาจนั้นแต่อย่าง เดียวก็สามารถคํ้าจุนเขาได้ในสภาพการทดลองทั้งหมดนั้นซื่งผู้คนของพระผู้ เป็นเจ้าถูกเรียกให้ฟ้นฝ่า และเป็นเช่นนั้นในทุกวันนี้20
ข้าพเจ้ามักคิดว่า ข้าพเจ้าไม่เคยเห็นคนเหล่านี้มีความสุขมากไปกว่าช่วงเวลา แห่งความยากจนที่สุด การถูกขับไล่ และความทุกข์ทรมานเพื่อพระวจนะของ พระผู้เป็นเจ้าและประจักษ์พยานในพระคริสต์ พระวิญญาณของพระผู้เป็นเจ้า สถิตกับเขา และในความอ่อนน้อมถ่อมตนและความทุกข์ยากของเขา พระ วิญญาณบริสุทธิ พระผู้ปลอบโยนทรงเป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา เขาเปียมด้วย ปีติและความอบอุ่นใจ และปลื้มปีติต่อพระพักตร์พระเจ้าสำหรับสิ่งทั้งหมดนี้ เขาจะไม่รู้สืกเช่นนั้นหากเขาไม่พยายามรักษาพระบัญญัติของพระเจ้า21
เราจำเป็นต้องกลับใจและถ่อมตนต่อพระพักตร์พระเจ้าพระผู้เป็นเจ้าของเรา เพื่อเราจะมีและไต้รับพระวิญญาณศักดี้สิทธมากขึ้นเพื่อเตรียมเราให้พร้อมรับสิ่ง ซึ่งอยู่เบื้องหน้า22
ข้าพเจ้าต้องการแสดงประจักษ์พยานต่อสิทธิชนยุคสุดท้ายว่าพระผู้เป็นเจ้า ประทับอยู่กับคนเหล่านี้ พระองค์ทรงก่อร่างสร้างวิถีของเรา และจะทรงทำเช่น นั้นต่อไปหากเราจะเพียงตั้งใจฟ้งสุรเสืยงของพระองค์และพระองค์จะประทาน พระคุณแก่เราต่อไป มากพอที่เราจะต้านทานวันแห่งการทดลองและความยุ่งยาก พระเจ้าทรงเมตตาผู้คนของพระองค์ในทุกยุคของโลก แต่พระคริสต์ทรงทน ทุกข์ อัครสาวกทนทุกข์—บางคนทนทุกข์แม้จนถึงความตาย—เพื่อประจักษ์ พยานในพระเยซูฉันใด สิทธิชนยุคสุดท้ายก็ทนทุกข์ฉันนั้น และบางคนถึงกับ ผนึกประจักษ์พยานด้วยเลือดจากชีวิตเขา เขาถูกเรียกให้ผจญความทุกข์ทรมาน แสนสาหัสเพื่อเห็นแก’พระกิตติคุณ แต่เรามิได้ถูกเรียกร้องให้อดทนมากเกินกว่า ที่เราจะทนได้ และจะไม’เป็นเช่นนั้นตราบที่เราทำตามคำแนะนำของสวรรค์23
พระหัตถ์ของพระผู้เป็นเจ้าทรงยื่นออกมาเพื่อความรอดของคนเหล่านี้ และ ไม่ว่าเมฆจะมืดครึ้มเพียงใด การข่มเหง การกดขี่และการต่อต้านงานนี้จะรุนแรง เพียงใด พระเจ้าทรงดูแลงานนี้ต้วยความสนพระทัย ทรงคํ้าจุนและทรงปกเอง งานนี้ตั้งแต่การเริ่มต้นจวบจนปัจจุบัน และพระองค์จะทรงทำเช่นนั้นต่อไป จนกว่างานจะสำเร็จลุล่วง จนกว่าไซอันจะลุกขึ้นสวมอาภรณ์อันงดงาม และ เหตุการณ์ยิ่งใหญ่ของวันเวลาสุดท้ายจะสำเร็จทั้งหมด24
ข้อเลนอแนะสำหรับคึกษาและลโอน
พิจารณาแนวคิดต่อไปนี้ขณะสืกษาบทเรียนหรือขณะเตรียมสอน ดูความช่วย เหลือเพิ่มเติมได้ที่หน้า ⅴ-ⅸ.
-
อ่านเรื่องราวในหน้า 222-223 ท่านเรียนร้อะไรจากเรื่องนี้
-
คนจำนวนมากสงสัยว่าเหตุใดพระผู้เป็นเจ้าทรงยอมให้ลูกๆ ของพระองค์ “ประสบความเศร้าโศกและความทุกข์ทรมาน” (หน้า 223) ประธานวูดรัฟพี ตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร (ดูหน้า 223-224)
-
เหตุใดพระเยซูจึงต้องทนทุกข์ (ดูหน้า 224; ดู แอลมา 7:11–12; ค.พ. 88:6 ด้วย) พระองค์ทรงตอบสนองการตรงกันข้ามอย่างไร (ดูหน้า 226–227) เราจะทำตามแบบอย่างของพระองค์ได้อย่างไร
-
ประธานวูดรัฟฟ็สอนว่า สงครามระหว่างความสว่างกับความมืด “ดำรงอยู่ ตลอดกาล” (หน้า 224) ท่านเห็นสงครามดังกล่าวดำเนินอยู่ในทุกวันนี้ อย่างไร เราทำอะไรได้บ้างเพื่อเองกันตัวเราและครอบครัวเราในสงครามครั้ง นี้ (ดูหน้า 225–226)
-
ท่านเคยถูก “กระ ด้นให้กระทำ” (หน้า 220) อันเนื่องจากการทดลองอย่าง ไร
-
สืกษา 2 พงส์กษัตริย์ 6:8–17 ท่านประทับใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ประธาน วูดรัฟฟสอนอะไรเมื่อท่านอ้างเรื่องตังกล่าว (ดูหน้า 226)
-
พระเจ้าทรงช่วยเราเผชิญการทดลองอย่างไร (ดูหน้า 226-228; ดู โมไซยา ด้วย 24:13–16 ด้วย) เราต้องทำอะไรบ้างเพื่อจะได้รับการปลอบโยนและความ เข้มแข็งที่พระเจ้าทรงมอบให้ พระเจ้าทรงช่วยให้ท่านอดทนต่อความยาก ลำบากอย่างไร
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง: 2 นีไฟ 2:11–24; แอลมา 36:3; ค.พ. 58:2–5; 101:1–5; 121:7–8, 29; 122:5–9