คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 1: พระเยซูคริสต์—หนทางเดียวของเราสู่ความหวังและปีติ


บทที่ 1

พระเยซูคริสต์—หนทางเดียวของเราสู่ความหวังและปีติ

“ถ้าชีวิตเราและศรัทธาของเรามีศูนย์รวมอยู่ที่พระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟูของพระองค์ ย่อมไม่มีสิ่งใดผิดพลาดถาวรตลอดไป”

จากชีวิตของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์

หัวข้อเด่นในคำสอนของประธานฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์คือ สันติสุขที่แท้จริง การเยียวยารักษา และความสุขเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นพยายามรู้จักและทำตามพระเยซูคริสต์ ประธานฮันเตอร์สอนว่า “หนทางของพระคริสต์ไม่เพียงเป็นหนทางที่ ถูกต้อง เท่านั้น แต่เป็นหนทาง เดียว สู่ความหวังและปีติในท้ายที่สุดด้วย”1

ประธานฮันเตอร์องอาจกล้าหาญเช่นกันในการเป็นพยานถึงพระพันธกิจของพระผู้ช่วยให้รอด “ในฐานะอัครสาวกที่ได้รับแต่งตั้งและพยานพิเศษของพระคริสต์ ข้าพเจ้าให้คำพยานที่จริงจังต่อท่านว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าอย่างแท้จริง” ท่านประกาศ “พระองค์ทรงเป็นพระเมสสิยาห์ที่ศาสดาพยากรณ์ในพันธสัญญาเดิมรอคอยตามคำพยากรณ์ พระองค์ทรงเป็นความหวังแห่งอิสราเอล เพราะลูกหลานของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบได้สวดอ้อนวอนขอการเสด็จมาของพระองค์ในช่วงหลายศตวรรษอันยาวนานของการนมัสการตามที่กำหนดไว้ …

“ข้าพเจ้ากล่าวคำพยานโดยอำนาจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ข้าพเจ้ารู้เรื่องการดำรงอยู่จริงของพระคริสต์ประหนึ่งเห็นด้วยตาตนเองและได้ยินกับหู ข้าพเจ้ารู้เช่นกันว่าพระวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะทรงยืนยันความจริงของคำพยานของข้าพเจ้าในใจทุกคนที่ฟังด้วยหูแห่งศรัทธา”2

สถานที่ซึ่งพระเยซูทรงปฏิบัติศาสนกิจเป็นที่ดึงดูดใจประธานฮันเตอร์จนท่านเดินทางไปแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์มากกว่ายี่สิบสี่ครั้ง เอ็ลเดอร์เจมส์ อี. เฟาสท์แห่งโควรัมอัคร-สาวกสิบสองกล่าวว่า “เยรูซาเล็มเปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดท่าน … ความปรารถนาจะอยู่ในที่ซึ่งพระผู้ช่วยให้รอดของท่านทรงดำเนินและทรงสอนดูเหมือนไม่เคยพอ ท่านชอบทัศนียภาพและเสียงทุกอย่าง ท่านรักกาลิลีมากเป็นพิเศษ แต่ท่านรักสถานที่แห่งหนึ่งมากที่สุด ท่าน มักจะ พูดว่า ‘ไปอุโมงค์ที่สวนอีกสักครั้ง เพื่อระลึกถึงความหลัง’ ที่นั่นท่านจะนั่งพินิจไตร่ตรองประหนึ่งกำลังมองทะลุม่านที่กั้นระหว่างท่านกับพระผู้ช่วยให้รอด”3

พระคริสต์ทรงอุ้มลูกแกะ

“เรานึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดบ่อยเพียงใด เราใคร่ครวญถึงพระชนม์ชีพของพระองค์อย่างลึกซึ้ง อย่างรู้คุณ และอย่างชื่นชมเพียงใด เรารู้ไหมว่าพระองค์ทรงสำคัญเพียงใดในชีวิตเรา”

คำสอนของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์

1

เราต้องรู้จักพระคริสต์ดีกว่าที่เรารู้และระลึกถึงพระองค์บ่อยกว่าที่เราระลึกถึง

สมาชิกศาสนจักรของพระเยซูคริสต์แห่งวิสุทธิชนยุคสุดท้ายร้องเพลงด้วยความคารวะดังนี้

เมื่อข้านึกถึงพระเยซูท่าน

บันดาลให้รื่นชื่นใจ

แต่ถ้าพบพักตร์จักสุขเพียงไร

และได้อยู่ชิดพระองค์ …

เรานึกถึงพระผู้ช่วยให้รอดบ่อยเพียงใด เราใคร่ครวญถึงพระชนม์ชีพของพระองค์อย่างลึกซึ้ง อย่างรู้คุณ และอย่างชื่นชมเพียงใด เรารู้ไหมว่าพระองค์ทรงสำคัญเพียงใดในชีวิตเรา

ตัวอย่างเช่นเราทุ่มเทให้แก่การ “นึกถึงพระเยซูท่าน” มากเพียงใดในวันธรรมดา สัปดาห์ที่ต้องทำงาน หรือเดือนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว บางทีพวกเราบางคนอาจจะยังนึกถึงไม่มากพอ

โดยแท้แล้วชีวิตจะมีสันติสุขมากขึ้น โดยแท้แล้วชีวิตแต่งงานและครอบครัวจะมั่นคงขึ้น ละแวกใกล้เคียงและประเทศชาติจะปลอดภัยมากขึ้น มีไมตรีจิตมากขึ้น และสร้างสรรค์มากขึ้นอย่างแน่นอนหากพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์บันดาลให้ “รื่นชื่นใจ” มากขึ้น

เว้นแต่เราจะเอาใจใส่ความนึกคิดในจิตใจเรามากขึ้น หาไม่แล้วเราคงจะเรียกร้องปีติที่ใหญ่หลวงกว่า และรางวัลที่ถูกใจกว่าไม่ได้ รางวัลนั้นคือการได้ “พบพักตร์ [อันเปี่ยมด้วยรักของพระองค์] / และได้อยู่ชิดพระองค์” ในวันหนึ่ง

ทุกวันของชีวิตเราและในทุกฤดูกาลของปี … พระเยซูทรงถามเราแต่ละคน เฉกเช่นพระองค์ทรงถามหลังจากเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิตเมื่อเนิ่นนานหลายปีมาแล้วว่า “ท่านทั้งหลายคิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องพระคริสต์? พระองค์ทรงเป็นเชื้อสายของใคร?” (มัทธิว 22:42)

เราประกาศว่าพระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นจริงของเรื่องดังกล่าวควรปลุกเร้าจิตวิญญาณเราบ่อยขึ้น4

เราต้องรู้จักพระคริสต์ดีกว่าที่เรารู้จัก และระลึกถึงพระองค์บ่อยกว่าที่เราระลึกถึง เราต้องรับใช้พระองค์ด้วยความกล้าหาญมากกว่าที่เรารับใช้พระองค์ ต่อจากนั้นเราจะดื่มน้ำที่พุ่งขึ้นสู่ชีวิตนิรันดร์และจะกินขนมปังแห่งชีวิต5

พระคริสต์ทรงสอนกลุ่มคน

“ขอให้เราเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ที่ภักดีและมีวินัยมากขึ้น ขอให้เรายึดมั่นพระองค์ในความนึกคิดของเราและเอ่ยพระนามของพระองค์ด้วยความรัก”

2

พระเยซูทรงเป็นบ่อเกิดอันแท้จริงเพียงแห่งเดียวของความหวังและปีติอันยั่งยืนของเรา

พระเป็นที่พึ่งคนใจชอกช้ำ

สุขสำหรับคนอ่อนโยน

พระองค์ทรงเมตตาการุณล้น!

ต่อคนตกคนค้นหา!

เพลงท่อนนี้ไพเราะยิ่งนัก และเป็นข่าวสารแห่งความหวังที่ตรึงแน่นอยู่กับพระกิตติคุณของพระคริสต์! มีสักคนไหมในบรรดาพวกเรา ในทุกชนชั้น ที่ไม่ต้องการความหวังและแสวงหาปีติที่ใหญ่หลวงกว่า นี่เป็นความต้องการของสากลโลก เป็นความปรารถนาของจิตวิญญาณมนุษย์ และเป็นสัญญาของพระคริสต์ต่อผู้ติดตามพระองค์ ความหวังขยายไปถึง “คนที่ใจชอกช้ำ” ทุกคนและปีติมาถึง “คนอ่อนโยน” ทั้งปวง

ความชอกช้ำมีค่ามาก—ทำให้เราสูญเสียความจองหองและความไม่รู้สึกรู้สมของเรา แต่ที่พิเศษคือทำให้เราสูญเสียบาปของเรา เพราะนี่คือราคาของความหวังที่แท้จริงตามที่บิดาของกษัตริย์ลาโมไนรู้เมื่อสองพันปีก่อน “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า,” เขาร้องทูล “ขอได้โปรดแสดงองค์ให้ข้าพระองค์รู้จัก, และข้าพระองค์จะทิ้งบาปทั้งหมดของข้าพระองค์เพื่อรู้จักพระองค์ … เพื่อพระองค์จะทรงยกข้าพระองค์ขึ้นจากบรรดาคนตาย, และได้รับการช่วยให้รอดในวันสุดท้าย.” (แอลมา 22:18) เราเองก็เช่นกัน เมื่อเราเต็มใจทิ้งบาปทั้งหมดของเราเพื่อรู้จักพระองค์ เราจะเปี่ยมด้วยปีติแห่งชีวิตนิรันดร์

และคนอ่อนโยนเล่า ในโลกที่หมกมุ่นมากกับการได้ชัยชนะผ่านการข่มขู่และการหมายมั่นเป็นที่หนึ่ง ไม่มีคนกลุ่มใหญ่ยืนต่อแถวซื้อหนังสือที่ทำให้คนมีความอ่อนโยน แต่คนอ่อนโยนจะได้แผ่นดินโลกเป็นมรดก ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าประทับใจ—และทำไปโดย ไม่มี การข่มขู่ ไม่ช้าก็เร็ว และเราสวดอ้อนวอนขอให้เร็ว มากกว่า ช้า ทุกคนจะยอมรับว่าหนทางของพระคริสต์ไม่เพียงเป็นหนทางที่ ถูกต้อง เท่านั้น แต่เป็นหนทาง เดียว สู่ความหวังและปีติในท้ายที่สุดด้วย ทุกเข่าจะย่อลงและทุกลิ้นจะสารภาพว่าความสุภาพอ่อนน้อมดีกว่าความโหดร้าย ความเมตตายิ่งใหญ่กว่าการบีบบังคับ เสียงนุ่มนวลทำให้ความโกรธเกรี้ยวหายไป ท้ายที่สุด และเร็วเท่าที่จะทำได้ เราต้องเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น …

เยซูพระทรงเป็นความสุขสันต์

ทรงเป็นรางวัลชีวี

ขอพระทรงเป็นแสงรัศมี

บัดนี้ชั่วนิรันดร

นี่เป็นคำสวดอ้อนวอนส่วนตัวและความปรารถนาของข้าพเจ้าสำหรับชาวโลกทั้งปวง … ข้าพเจ้าเป็นพยานว่าพระเยซูทรงเป็นบ่อเกิดที่แท้จริงเพียงแห่งเดียวของปีติอันยั่งยืน สันติสุขอันยั่งยืนเพียงหนึ่งเดียวของเราอยู่ในพระองค์ ข้าพเจ้าประสงค์ให้พระองค์ทรงเป็น “แสงรัศมีของเรา” เวลานี้ รัศมีที่เราแต่ละคนถวิลหาและเป็นรางวัลเดียวที่มนุษย์และประชาชาติเห็นค่าอย่างถาวร พระองค์ทรงเป็นรางวัลของเราในกาลเวลาและในนิรันดร ในที่สุดรางวัลอื่นทั้งหมดจะไร้ผล ความยิ่งใหญ่อื่นๆ ทั้งหมดลบเลือนตามกาลเวลาและสลายไปตามสภาพ ในที่สุด … เราจะรู้ว่าไม่มีปีติแท้จริงนอกจากปีติในพระคริสต์

… ขอให้เราเป็นผู้ติดตามพระคริสต์ที่ภักดีและมีวินัยมากขึ้น ขอให้เรายึดมั่นพระองค์ไว้ในความนึกคิดของเราและเอ่ยพระนามของพระองค์ด้วยความรัก ขอให้เราคุกเข่าเบื้องพระพักตร์พระองค์ด้วยความอ่อนโยนและความเมตตา ขอให้เราเป็นพรและรับใช้ผู้อื่นเพื่อพวกเขาจะทำเช่นเดียวกัน6

3

ความต้องการที่สำคัญที่สุดในโลกคือศรัทธาที่จริงใจและมีพลังในพระผู้ช่วยให้รอดและคำสอนของพระองค์

มีคนประกาศว่าการเชื่อในพระคัมภีร์ไบเบิลเป็นเรื่องล้าสมัย การเชื่อในพระผู้เป็นเจ้า ในพระเยซูคริสต์ พระบุตรของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์เป็นเรื่องล้าสมัยหรือไม่ การเชื่อในการพลีพระชนม์ชีพเพื่อชดใช้และการฟื้นคืนชีวิตเป็นเรื่องล้าสมัยหรือไม่ หากล้าสมัย ข้าพเจ้าขอประกาศว่าตัวข้าพเจ้าเป็นคนล้าสมัยและศาสนจักรล้าสมัย พระอาจารย์ทรงสอนเรียบง่ายมากในเรื่องหลักธรรมของนิรันดรแห่งชีวิตและบทเรียนที่นำความสุขมาให้คนที่มีศรัทธาจะเชื่อ ดูเหมือนไม่มีเหตุผลสมควรให้คิดว่าจำเป็นต้องปรับคำสอนเหล่านี้ของพระอาจารย์ให้ทันสมัย ข่าวสารของพระองค์เกี่ยวข้องกับหลักธรรมที่ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์7

ในยุคนี้ เช่นเดียวกับทุกยุคก่อนหน้าเราและทุกยุคที่จะตามมา ความจำเป็นที่สำคัญที่สุดในโลกคือศรัทธาที่จริงใจและมีพลังในคำสอนพื้นฐานของเยซูแห่งนาซาเร็ธ พระบุตรผู้ทรงพระชนม์ของพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงพระชนม์ เพราะคนจำนวนมากไม่ยอมรับคำสอนเหล่านั้น จึงเป็นเหตุผลมากยิ่งขึ้นว่าเหตุใดผู้ที่เชื่อในพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์อย่างจริงใจจึงควรประกาศความจริงนั้นและแสดงแบบอย่างให้เห็นพลังและสันติสุขของชีวิตที่สุภาพอ่อนน้อมและชอบธรรม …

เราควรจะทำอย่างไรเมื่อมีคนทำให้เราขุ่นข้องหมองใจ เข้าใจเราผิด ปฏิบัติต่อเราอย่างไม่เป็นธรรมหรือไร้เมตตา หรือทำบาปต่อเรา เราควรจะทำอะไรถ้าคนที่เรารักทำให้เราเจ็บ หรือไม่ได้รับพิจารณาให้เลื่อนตำแหน่ง หรือถูกกล่าวหาอย่างผิดๆ หรือโจมตีเจตนาของเราอย่างไม่เป็นธรรม

เราโต้กลับหรือไม่ เราส่งกำลังทหารไปมากกว่าเดิมหรือไม่ เรากลับไปใช้ตาต่อตาและฟันต่อฟัน หรือ …. เราตระหนักว่าสุดท้ายแล้วนี่จะทำให้เราตาบอดและไม่มีฟันเหลืออยู่หรือไม่ …

ในความสง่างามแห่งพระชนม์ชีพและแบบอย่างคำสอนของพระองค์ พระคริสต์ประทานคำแนะนำมากมายแก่เราโดยมีคำสัญญาที่แน่นอนติดมาเสมอ พระองค์ทรงสอนด้วยความยิ่งใหญ่และสิทธิอำนาจซึ่งทำให้คนมีการศึกษาและคนเขลา คนมั่งคั่งและคนยากจน คนสุขภาพดีและคนป่วยเปี่ยมด้วยความหวัง8

จงพยายามสร้างประจักษ์พยานส่วนตัวเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และการชดใช้ การศึกษาพระชนม์ชีพของพระคริสต์และประจักษ์พยานเกี่ยวกับการดำรงอยู่จริงของพระองค์เป็นสิ่งที่เราแต่ละคนควรแสวงหา เมื่อเราเข้าใจพระพันธกิจของพระองค์ และการชดใช้ซึ่งพระองค์ทรงทำ เราย่อมปรารถนาจะดำเนินชีวิตเหมือนพระองค์มากขึ้น9

พระคริสต์ประทับบนเรือกับอัครสาวก

พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำให้พายุในชีวิตเราสงบได้

4

เมื่อเราใช้ศรัทธาในพระผู้ช่วยให้รอด พระองค์จะทรงทำให้ผืนน้ำอันปั่นป่วนของชีวิตเราสงบลง

เราทุกคนเคยเห็นมรสุมฉับพลันในชีวิตเรามาบ้างแล้ว พายุบางลูก …. รุนแรง น่ากลัว และอาจเป็นอันตรายได้ เราแต่ละคน แต่ละครอบครัว ชุมชน ประเทศชาติ และแม้ศาสนจักรต่างเคยมีพายุฝนฉับพลันเกิดขึ้นซึ่งทำให้เราถามทำนองนี้ว่า “พระอาจารย์ พระองค์ไม่ทรงเป็นห่วงว่าพวกเรากำลังจะพินาศหรือ?” [มาระโก 4:38] อย่างไรก็ตามเรามักจะได้ยินถ้อยคำทำนองนี้ในความเงียบสงบหลังเกิดพายุว่า “ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มี [ศรัทธา] หรือ?” [มาระโก 4:40]

ในบรรดาพวกเราคงไม่มีใครคิดว่าเรา ไม่มี ศรัทธา แต่ข้าพเจ้าคิดว่าคำตำหนิที่อ่อนโยนของพระเจ้าในที่นี้สมควรอย่างยิ่ง พระเยโฮวาห์ที่ยิ่งใหญ่พระองค์นี้ ผู้ที่เราพูดว่าเราวางใจและผู้ที่เรารับพระนามของพระองค์ไว้กับเรา คือพระองค์ผู้ตรัสว่า “จงมีภาคพื้นในระหว่างน้ำ แยกน้ำออกจากกัน” (ปฐมกาล 1:6) และพระองค์คือผู้ตรัสเช่นกันว่า “น้ำที่อยู่ใต้ฟ้าจงรวมอยู่ในที่เดียวกัน ที่แห้งจงปรากฏขึ้น” (ปฐมกาล 1:9) ใช่แต่เท่านั้น พระองค์คือผู้ทรงแยกทะเลแดง โดยทรงยอมให้ชาวอิสราเอลผ่านไปบนดินแห้ง (ดู อพยพ 14:21-22) แน่นอนว่าเราไม่ควรประหลาดใจที่พระองค์ทรงสามารถบัญชาธาตุบางอย่างที่มีผลต่อทะเลกาลิลี และศรัทธาของเราควรเตือนเราว่าพระองค์ทรงทำให้ผืนน้ำอันปั่นป่วนในชีวิตเราสงบได้ …

เราทุกคนจะมีความยากลำบากบางอย่างในชีวิตเรา ข้าพเจ้าคิดว่าเรามีเหตุมีผลที่จะมั่นใจในเรื่องนั้น บางอย่างมีแนวโน้มว่าจะรุนแรง สร้างความเสียหาย และทำลายเรา บางอย่างอาจถึงกับบีบคั้นศรัทธาของเราในพระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงรักเรา ผู้ทรงมีเดชานุภาพในการบรรเทาทุกข์แทนเรา

ข้าพเจ้าคิดว่าพระบิดาของเราทั้งปวงจะตรัสกับผู้ที่วิตกเหล่านั้นว่า “ทำไมพวกเจ้ากลัว? พวกเจ้าไม่มี [ศรัทธา] หรือ?” และแน่นอนว่าศรัทธาเช่นนั้นต้องเป็นศรัทธาสำหรับการเดินทางทั้งหมด ประสบการณ์ทั้งมวล ความบริบูรณ์ของชีวิตเรา ไม่เฉพาะในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และช่วงพายุโหมเท่านั้น …

พระเยซูตรัสว่า “ในโลกนี้ท่านจะประสบความทุกข์ยาก แต่จงมีใจกล้าเถิดเพราะว่าเราชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33)10

5

เมื่อเราทำให้ชีวิตมีศูนย์รวมอยู่ที่พระผู้ช่วยให้รอด เราไม่ต้องกลัว และความกังวลของเราจะเปลี่ยนเป็นปีติ

ข้าพเจ้ารู้เกี่ยวกับชีวิตที่ยุ่งเหยิงวุ่นวายของท่านมากพอจะรู้ว่าบางครั้งท่านท้อแท้ใจ ท่านอาจถึงกับกังวลบ้างเป็นครั้งคราว ข้าพเจ้ารู้ทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องนั้น …

ข่าวสารของข้าพเจ้าถึงท่านวันนี้คือ “อย่ากลัวเลย เจ้าฝูงแกะน้อย” คือการกระตุ้นให้ท่านชื่นชมยินดีในพรมากมายของชีวิต คือการเชื้อเชิญให้ท่านรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณและความรักของพระบิดาในสวรรค์ของเรา ชีวิตวิเศษยิ่ง แม้ในยามยาก มีความสุข ปีติ และสันติที่จุดพักตามทาง และความรู้สึกเหล่านั้นไม่หมดสิ้นตรงปลายถนน

แน่นอนว่ามีเรื่องราวให้กังวลสารพัด—บางเรื่องจริงจังมาก—แต่นั่นคือสาเหตุที่เราพูดถึงศรัทธา ความหวัง และจิตกุศลในด้านของพระกิตติคุณ ในฐานะวิสุทธิชนยุคสุดท้าย ชีวิตเราเป็น “ชีวิตที่อุดมสมบูรณ์” และเราพยายามเน้นพรและโอกาสของเราขณะที่เราไม่ใส่ใจความผิดหวังและความกังวล “จงค้นหาอย่างขยันหมั่นเพียร, สวดอ้อนวอนเสมอ, และจงเชื่อ,” พระคัมภีร์กล่าว “และสิ่งทั้งปวงจะร่วมกันส่งผลเพื่อความดีของเจ้า” (คพ. 90:24) ข้าพเจ้าต้องการเตือนท่านถึงสัญญาดังกล่าว …

โปรดจำสิ่งนี้ไว้ ถ้าชีวิตเราและศรัทธาของเรามีศูนย์รวมอยู่ที่พระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณที่ได้รับการฟื้นฟู ย่อมไม่มีสิ่งใดผิดพลาดถาวรตลอดไป อีกนัยหนึ่งคือ ถ้าชีวิตเราไม่มีศูนย์รวมอยู่ที่พระผู้ช่วยให้รอดและคำสอนของพระองค์ ย่อมไม่มีความสำเร็จใดถูกต้องถาวรตลอดไป …

เราทุกคนต่อสู้กับปัญหาสุขภาพเป็นครั้งคราว—หลายคนต่อสู้เป็นประจำ ความเจ็บไข้และโรคภัยเป็นภาระส่วนหนึ่งของความเป็นมรรตัย จงมีศรัทธาและคิดบวก พลังของฐานะปุโรหิตมีจริง และมีสิ่งดีมากมายในชีวิตแม้เราต้องดิ้นรนทางกาย ปีติคือการรู้ว่าจะไม่มีการบาดเจ็บหรือโรคภัยในการฟื้นคืนชีวิต

ข้อกังวลบางอย่างของเราอาจมาในรูปแบบของการล่อลวง สำหรับคนอื่นๆ อาจเป็นการตัดสินใจได้ยากเกี่ยวกับการศึกษา หรืออาชีพ หรือเงิน หรือการแต่งงาน ไม่ว่าภาระของท่านเป็นเช่นไร ท่านจะพบพลังที่ท่านต้องการในพระคริสต์ พระเยซูคริสต์ทรงเป็นอัลฟาและโอเมกา ปฐมและอวสาน พระองค์ทรงอยู่กับเราตั้งแต่ต้นจนจบ และทรงเป็นมากกว่าผู้สังเกตการณ์ในชีวิตเรา …

ถ้าแอกซึ่งเราดิ้นรนแบกอยู่นี้คือบาป ข่าวสารก็เหมือนเดิม พระคริสต์ทรงทราบน้ำหนักเต็มพิกัดของบาปเราเพราะทรงแบกมาก่อน ถ้าภาระของเราไม่ใช่บาปหรือการล่อลวง แต่คือความเจ็บไข้หรือความยากไร้หรือการปฏิเสธ นั่นก็เหมือนกัน พระองค์ทรงทราบ …

พระองค์ทรงทนทุกข์ยิ่งกว่าบาปของเรามาก พระองค์ผู้ซึ่งอิสยาห์เรียกว่า “ผู้มีโทมนัส” (อิสยาห์ 53:3; โมไซยาห์ 14:3) ทรงทราบปัญหาทุกอย่างที่เราประสบอย่างถ่องแท้เพราะทรงเลือกแบกรับน้ำหนักเต็มพิกัดของความเดือดร้อนและความเจ็บปวดทั้งหมดของเรา …

พี่น้องทั้งหลาย ท่านมีและจะมีความกังวลและความท้าทายหลายรูปแบบ แต่จงน้อมรับชีวิตอย่างชื่นบานและเปี่ยมด้วยศรัทธา ศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำ สวดอ้อนวอนด้วยศรัทธาแรงกล้า เชื่อฟังเสียงของพระวิญญาณและศาสดาพยากรณ์ ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อช่วยผู้อื่น ท่านจะพบความสุขอย่างยิ่งในวิถีเช่นนั้น วันอันน่าชื่นชมยินดีจะมาถึงเมื่อความกังวลทั้งหมดของท่านจะเปลี่ยนเป็นปีติ

ดังที่โจเซฟ สมิธเขียนถึงวิสุทธิชนที่กำลังกระวนกระวายใจจากห้องขังในคุกลิเบอร์ตี้ว่า

ให้เรา ทำสิ่งทั้งปวงที่อยู่ในอำนาจของเราอย่างรื่นเริงเถิด; และจากนั้นขอให้เรายืนนิ่ง, ด้วยความมั่นใจอย่างที่สุด, เพื่อเห็นความรอดแห่งพระผู้เป็นเจ้า, และเพื่อพระองค์จะทรงเผยพระพาหุของพระองค์ [คพ. 123:17; เน้นตัวเอน)

[ในพระดำรัสของพระเจ้าต่อศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ:]

อย่ากลัวเลย, เจ้าฝูงแกะน้อย; จงทำดีเถิด; ต่อให้แผ่นดินโลกและนรกรวมกันต่อต้านเจ้า, แต่หากเจ้าสร้างขึ้นบนศิลาของเรา, พวกเขาจะเอาชนะไม่ได้. …

จงดูที่เราในความนึกคิดทุกอย่าง; อย่าสงสัย, อย่ากลัว.

จงดูแผลถูกแทงที่สีข้างเรา, และรอยตะปูที่มือและเท้าของเราด้วย; จงซื่อสัตย์, รักษาบัญญัติของเรา, และเจ้าจะสืบทอดอาณาจักรแห่งสวรรค์เป็นมรดก [คพ. 6:34–37]11

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

คำถาม

  • พิจารณาว่าท่านจะตอบคำถามของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 1 อย่างไร เราจะทำให้พระเยซูคริสต์เป็นศูนย์รวมในชีวิตเรามากขึ้นได้อย่างไร เราจะทำให้พระองค์เป็นศูนย์รวมในบ้านเรามากขึ้นได้อย่างไร เราจะรู้จักพระคริสต์ดีกว่าที่เรารู้จักพระองค์อยู่แล้วได้อย่างไร

  • “เราสูญเสีย” อะไรจึงได้รับความหวัง ปีติ และสันติสุขที่พระคริสต์ทรงมอบให้ (ดู หัวข้อ 2) ท่านรู้สึกถึงความหวัง สันติสุข และปีติที่มาจากพระผู้ช่วยให้รอดเมื่อใด

  • ท่านคิดว่าเหตุใด “ความต้องการที่สำคัญที่สุดในโลกคือศรัทธาที่จริงใจและมีพลังในคำสอนพื้นฐานของเยซูแห่งนาซาเร็ธ” (ดู หัวข้อ 3) ท่านจะแสดงศรัทธาในคำสอนของพระคริสต์ได้อย่างไรเมื่อท่านรู้สึกว่ามีคน “ทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจ เข้าใจท่านผิด ปฏิบัติต่อท่านอย่างไม่เป็นธรรมหรือไร้เมตตา หรือทำบาปต่อท่าน”

  • เราเรียนรู้อะไรบ้างจากคำสอนของประธานฮันเตอร์เกี่ยวกับความกลัวและศรัทธา (ดู หัวข้อ 4) ศรัทธาช่วยให้เราเอาชนะความกลัวได้อย่างไร ใคร่ครวญโอกาสต่างๆ ที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำให้พายุในชีวิตท่านสงบขณะท่านใช้ศรัทธาในพระองค์

  • คำแนะนำของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 5 จะช่วยให้เรา “น้อมรับชีวิตอย่างชื่นบาน” ได้อย่างไรแม้เมื่อเราประสบโทมนัส ความผิดหวัง และความเจ็บไข้ เราจะมองไกลถึงนิรันดรมากขึ้นได้อย่างไร พระผู้ช่วยให้รอดทรงช่วยให้ท่านมีชีวิตที่อุดมสมบูรณ์ขึ้นได้อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง

มัทธิว 11:28–30; ยอห์น 14:6; 2 นีไฟ 31:19–21; แอลมา 5:14–16; 7:10–14; 23:6; ฮีลามัน 3:35; 5:9–12; คพ. 50:40–46; 93:1

ความช่วยเหลือด้านการศึกษา

“ขณะศึกษา จงหมั่นเอาใจใส่แนวคิดที่จะมาสู่ความรู้สึกนึกคิดของท่านซึ่งจะมาสู่ใจท่าน” (สั่งสอนกิตติคุณของเรา [2004], 18) ท่านอาจบันทึกความประทับใจที่ท่านได้รับ แม้ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับถ้อยคำที่ท่านกำลังอ่าน อาจเป็นเรื่องที่พระเจ้าทรงต้องการเปิดเผยต่อท่าน

อ้างอิง

  1. “Jesus, the Very Thought of Thee,” Ensign, May 1993, 65.

  2. “An Apostle’s Witness of Christ,” Ensign, Jan. 1984, 70.

  3. เจมส์ อี. เฟาสท์, “Howard W. Hunter: Man of God,” Ensign, Apr. 1995, 27.

  4. “Jesus, the Very Thought of Thee,” 63–64.

  5. “What Manner of Men Ought Ye to Be?” Ensign, May 1994, 64; ดู “He Invites Us to Follow Him,” Ensign, Sept. 1994, 5 ด้วย.

  6. “Jesus, the Very Thought of Thee,” 64-65.

  7. ใน เอลีนอร์ โนวส์, Howard W. Hunter (1994), 318.

  8. “The Beacon in the Harbor of Peace,” Ensign, Nov. 1992, 18.

  9. The Teachings of Howard W. Hunter, ed. Clyde J. Williams (1997), หน้า 30

  10. “Master, the Tempest Is Raging,” Ensign, Nov. 1984, 33–35.

  11. “Fear Not, Little Flock” (ปราศรัยที่มหาวิทยา-ลัยบริคัม ยังก์, 14 มี.ค., 1989), 1–2, 4–5; speeches.byu.edu.