บทที่ 17
ปกป้องคุ้มครองครอบครัว
“บางครั้งบ้านอาจดูเหมือนเป็นสถานที่ธรรมดาที่มีหน้าที่ประจำวันในนั้น ทว่าความสำเร็จของบ้านควรจะเป็นความสำเร็จสูงสุดของกิจการงานทั้งหมดในชีวิตเรา”
จากชีวิตของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์
ฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์เติบโตมาในครอบครัวที่รักกันและทำงานหนัก ที่นั่นท่านเรียนรู้จากบิดามารดาว่าการสร้างบ้านที่มีความสุขมักเรียกร้องการเสียสละ ไม่นานก่อนแต่งงาน ท่านเสียสละสิ่งที่ท่านรู้สึกว่าจำเป็นต่อความผาสุกของครอบครัวในอนาคตของท่าน
ฮาเวิร์ดได้พัฒนาความรักด้านดนตรีเมื่ออายุยังน้อย ท่านฝึกเล่นเปียโนและไวโอลินก่อน จากนั้นจึงหัดเล่นเครื่องดนตรีอีกหลายชนิดด้วยตนเอง สมัยเป็นวัยรุ่น ท่านตั้งวงดนตรีชื่อ Hunter’s Croonaders เล่นที่งานเต้นรำและงานอื่นทั่วบอยซี ไอดาโฮ เมื่อท่านอายุ 19 ปี ท่านกับวงของท่านได้รับว่าจ้างให้เล่นดนตรีสำหรับการล่องเรือไปเอเชียสองเดือน1
หนึ่งปีหลังฮาเวิร์ดกลับจากการล่องเรือ ท่านย้ายไปอยู่เซาเธิร์นแคลิฟอร์เนีย และยังคงเล่นดนตรีกับวงอื่นๆ ในแคลิฟอร์เนียท่านพบแคลร์ เจฟฟ์ส คนที่ท่านขอแต่งงานในฤดูใบไม้ผลิปี 1931 สี่วันก่อนแต่งงาน ฮาเวิร์ดแสดงกับวงของท่านจากนั้นก็เก็บเครื่องดนตรีใส่กล่องและไม่เล่นเป็นอาชีพอีกเลย การแสดงดนตรีในงานเต้นรำและงานเลี้ยง “ดึงดูดใจในบางด้าน” ท่านกล่าว “และข้าพเจ้าทำเงินได้ดี” แต่ท่านรู้สึกว่าวิถีชีวิตหลายส่วนเข้ากันไม่ได้กับชีวิตในแบบที่ท่านวาดหวังไวัสำหรับครอบครัวของท่าน “เรื่องนี้ทำให้บางสิ่งบางอย่างที่เคยพอใจขาดหายไป [แต่] การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เคยทำให้เสียใจเลย” ท่านกล่าวในอีกหลายปีต่อมา2
ฮาเวิร์ดและแคลร์ได้รับพรให้มีบุตรชายสามคนชื่อ ฮาเวิร์ด วิลเลียม (บิลลี), จอห์น กับริชาร์ด ยังความเศร้าโศกแก่พวกท่านที่บิลลีจากไปตั้งแต่ยังเป็นทารก ขณะที่จอห์นกับริชาร์ดเติบใหญ่ ครอบครัวฮันเตอร์สร้างครอบครัวที่รักใคร่กลมเกลียวกัน ฮาเวิร์ดมีงานทนายความและการเรียกในศาสนจักรเต็มมือ แต่ท่านกับแคลร์ให้ครอบครัวมาก่อน ครอบครัวฮันเตอร์กำหนดให้คืนวันจันทร์เป็นเวลาสำหรับสอนพระกิตติคุณ เล่าเรื่อง เล่นเกม และไปสถานที่ต่างๆ ด้วยกันมานานก่อนที่ศาสนจักรจะกำหนดให้คืนนั้นเป็นคืนสังสรรค์ในครอบครัว ลูกๆ มักได้รับมอบหมายให้สอนบทเรียน
ฮาเวิร์ดกับลูกชายมีความสนใจหลายอย่างเหมือนกันเช่น รถไฟจำลอง พวกท่านต่อรถไฟจากชุดส่วนประกอบและสร้างรางรถไฟที่ซับซ้อนติดกับแผ่นไม้อัด ท่านจำได้ว่า “งานอดิเรกที่เราโปรดปรานอย่างหนึ่งคือไปดูชุมทางรถไฟ … ใกล้สถานีแอลแฮม-บราของทางรถไฟแปซิฟิกใต้เพื่อให้ได้แนวคิดมาสร้างลานสับเปลี่ยนขบวนรถไฟและอุปกรณ์ของเรา”3
ในที่สุดครอบครัวของประธานและซิสเตอร์ฮันเตอร์ก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีหลานทั้งหมด 18 คน นอกจากจะไปเยี่ยมลูกหลานแล้ว หลายครั้งการเยี่ยมเยียนของประธานฮันเตอร์จะอยู่ “ระหว่างเดินทาง” ช่วงที่ท่านเปลี่ยนเครื่องบินเมื่องานมอบหมายของศาสนจักรนำท่านผ่านแคลิฟอร์เนีย เพราะจอห์นมักจะพาลูกๆ ไปพบคุณปู่ที่สนามบินช่วงหยุดพักระหว่างทางเหล่านี้ บางครั้งพวกเขาจึงเรียกท่านว่า “คุณปู่ผู้ใช้ชีวิตที่สนามบิน”4
คำสอนของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์
1
ครอบครัวเป็นหน่วยสำคัญที่สุดในสังคม ในศาสนจักร และในนิรันดร
ครอบครัวเป็นหน่วยสำคัญที่สุดในกาลเวลาและในนิรันดร ด้วยเหตุนี้จึงอยู่เหนือความสนใจอื่นทั้งหมดในชีวิต5
ศาสนจักรมีความรับผิดชอบ—และสิทธิอำนาจ—ในการปกป้องคุ้มครองครอบครัวอันเป็นรากฐานของสังคม รูปแบบชีวิตครอบครัวที่กำหนดไว้ก่อนการวางรากฐานของโลกจัดเตรียมให้เด็กๆ เกิดและได้รับการเลี้ยงดูจากบิดามารดาผู้เป็นสามีภรรยาที่แต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การเป็นบิดามารดาเป็นข้อผูกมัดและสิทธิพิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้อนรับบุตรธิดาเสมือนหนึ่ง “มรดกจากพระยาห์เวห์” (สดุดี 127:3)
คนในสังคมวิตกกังวลเมื่อพวกเขาเริ่มเห็นว่าการแตกสลายของครอบครัวทำให้โลกเกิดเหตุเลวร้ายที่ศาสดาพยากรณ์บอกไว้ล่วงหน้า สภาและการประชุมหารือของโลกจะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อพวกเขาให้นิยามครอบครัวตามที่พระเจ้าทรงเปิดเผย “ถ้าพระยาห์เวห์มิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า” (สดุดี 127:1)6
ในการแสวงหาความผาสุกของบุคคลและครอบครัว สำคัญที่ต้องจำไว้ว่าหน่วยพื้นฐานของศาสนจักรคือครอบครัว อย่างไรก็ดี ขณะเน้นเรื่องครอบครัว เราพึงระลึกว่าในโลกที่เราอยู่นั้นครอบครัวไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มแบบดั้งเดิมที่มีพ่อแม่ลูกเท่านั้น ครอบครัวในศาสนจักรทุกวันนี้ประกอบด้วย [สามีภรรยา] ที่ไม่มีบุตร พ่อหรือแม่ตัวคนเดียวที่มีบุตร และคนโสดที่อยู่คนเดียว … แต่ละครอบครัวเหล่านี้ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่จากฐานะปุโรหิต บ่อยครั้งครอบครัวที่ต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่มากที่สุดคือครอบครัวที่มีโครงสร้างแบบใหม่ ในบ้านแต่ละหลังต้องการผู้สอนประจำบ้านที่ห่วงใยและตั้งใจทำหน้าที่ของตน ไม่ควรมีใครถูกทอดทิ้ง7
2
บิดามารดาเป็นหุ้นส่วนกันในการนำครอบครัวและอยู่ภายใต้ข้อผูกมัดอันเข้มงวดให้คุ้มครองและรักบุตรธิดาของตน
ความรับผิดชอบของการเป็นบิดามารดามีความสำคัญสูงสุด ผลสืบเนื่องจากความพยายามของเราจะมีผลชั่วนิรันดร์ต่อเราและบุตรชายหญิงที่เราเลี้ยงดู ทุกคนที่เป็นบิดามารดาอยู่ภายใต้ข้อผูกมัดอันเข้มงวดให้คุ้มครองและรักบุตรธิดา [ของตน] และช่วยเหลือพวกเขาให้กลับไปหาพระบิดาบนสวรรค์ บิดามารดาทุกคนควรเข้าใจว่าพระเจ้าจะไม่ทรงถือว่าคนที่ละเลยความรับผิดชอบเหล่านี้จะพ้นผิด8
บิดาและมารดามีความรับผิดชอบอันสำคัญยิ่งต่อบุตรธิดาที่มอบให้พวกเขาดูแล … ในหนังสือสุภาษิต เราพบคำตักเตือนบิดามารดาดังนี้
“จงฝึกเด็กในทางที่เขาควรจะเดินไป และเมื่อเขาเติบใหญ่ เขาจะไม่พรากจากทางนั้น” (สุภาษิต 22:6)
การฝึกสำคัญที่สุดที่จะให้เด็กได้คือการฝึกที่มาจากแบบอย่างของบิดามารดา บิดามารดาต้องเป็นแบบอย่างให้ยุวชนทำตาม พลังอันยิ่งใหญ่มาจากบ้านที่สอนหลักธรรมอันชอบธรรม บ้านที่มีความรักความเคารพกัน บ้านที่การสวดอ้อนวอนมีอิทธิพลในชีวิตครอบครัว และบ้านที่มีความเคารพต่อสิ่งเหล่านั้นที่เกี่ยวข้องกับพระผู้เป็นเจ้า9
การเป็นผู้นำครอบครัวที่มีประสิทธิภาพ … เรียกร้องทั้งปริมาณและคุณภาพของเวลา ต้องไม่ปล่อยให้ … สังคม โรงเรียน หรือแม้แต่ศาสนจักรสอนและปกครองครอบครัว10
ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตถือว่าครอบครัวได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า การเป็นผู้นำครอบครัวของท่านเป็นความรับผิดชอบสำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของท่าน …
ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตนำครอบครัวให้มีส่วนร่วมในศาสนจักรเพื่อพวกเขาจะรู้จักพระกิตติคุณและอยู่ภายใต้ความคุ้มครองของพันธสัญญาและศาสนพิธี ถ้าท่านต้องการได้รับพรของพระเจ้า ท่านต้องจัดบ้านของท่านให้อยู่ในระเบียบ ท่านกับภรรยากำหนดบรรยากาศทางวิญญาณของครอบครัว ข้อผูกมัดอันดับแรกของท่านคือทำให้ชีวิตทางวิญญาณของท่านเองอยู่ในระเบียบผ่านการศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำและการสวดอ้อนวอนทุกวัน จงพิทักษ์และให้เกียรติฐานะปุโรหิตและพันธสัญญาพระวิหารของท่าน กระตุ้นครอบครัวให้ทำเช่นเดียวกัน11
ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตเคารพความเป็นมารดา มารดาได้รับสิทธิพิเศษอันศักดิ์สิทธิ์ให้ “กำเนิดจิตวิญญาณของมนุษย์; เพราะในการนี้งานของพระบิดาของเราดำเนินต่อไป, เพื่อพระองค์จะทรงรุ่งโรจน์” (คพ. 132:63)
… ฐานะปุโรหิตจะบรรลุจุดหมายไม่ได้ ทั้งจุดประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าจะเกิดสัมฤทธิผลไม่ได้หากปราศจากคู่อุปถัมภ์ของเรา มารดาทำงานที่ฐานะปุโรหิตทำไม่ได้ เพราะของประทานแห่งชีวิตนี้ ฐานะปุโรหิตจึงควรมีความรักอันไม่จำกัดต่อมารดาของบุตรธิดาพวกเขา
[พี่น้องชายทั้งหลาย] จงให้เกียรติบทบาทพิเศษที่เบื้องบนกำหนดให้ภรรยาท่านเป็นมารดาในอิสราเอลและความสามารถพิเศษของเธอในการให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตรธิดา เราอยู่ภายใต้พระบัญชาสวรรค์ให้ขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลก เลี้ยงดูบุตรหลานในความสว่างและความจริง (ดู โมเสส 2:28; คพ. 93:40) ท่านมีส่วนดูแลบุตรธิดาในฐานะหุ้นส่วนที่รักกัน จงช่วยเธอจัดการและดูแลบ้านของท่าน ช่วยสอน อบรม และฝึกวินัยให้บุตรธิดาของท่าน
ท่านควรแสดงให้ภรรยาและบุตรธิดาเห็นเป็นประจำว่าท่านเคารพเธอ แท้ที่จริง สิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่บิดาทำเพื่อบุตรธิดาของเขาได้คือรักมารดาของพวกเขา12
ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตยอมรับว่าภรรยาเป็นหุ้นส่วนในการนำบ้านและครอบครัวโดยความรู้ทุกเรื่องและมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการตัดสินใจทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง จำเป็นจะต้องมีเจ้าหน้าที่ควบคุมในศาสนจักรและในบ้าน (ดู คพ. 107:21) ความรับผิดชอบในการปกครองบ้านตกอยู่กับผู้ดำรงฐานะปุโรหิตตามที่พระเจ้าทรงกำหนด (ดู โมเสส 4:22) พระเจ้าทรงประสงค์ให้ภรรยาเป็นคู่อุปถัมภ์ของชาย (อุปถัมภ์ หมายถึงเท่าเทียมกัน)—นั่นคือ คู่ที่เท่าเทียมกันและจำเป็นในการเป็นหุ้นส่วนโดยสมบูรณ์ การดูแลด้วยความชอบธรรมจำเป็นต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันระหว่างสามีกับภรรยา ท่านปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันด้วยความรู้เและมีส่วนร่วมในครอบครัวทุกเรื่อง การที่ชายทำงานด้วยตนเองหรือไม่คำนึงถึงความรู้สึกและคำปรึกษาของภรรยาในการปกครองครอบครัว นั่นคือการใช้อำนาจการปกครองที่ไม่ชอบธรรม13
เรากระตุ้นให้พี่น้องชายทั้งหลายพึงระลึกว่าฐานะปุโรหิตคือสิทธิอำนาจอันชอบธรรมเท่านั้น จงได้มาซึ่งความเคารพและความเชื่อมั่นจากบุตรธิดาของท่านผ่านความสัมพันธ์อันเปี่ยมด้วยความรักกับพวกเขา บิดาที่ชอบธรรมคุ้มครองบุตรธิดาด้วยเวลาของเขาและการอยู่ร่วมกิจกรรมตลอดจนความรับผิดชอบทางสังคม การศึกษา และทางวิญญาณ การแสดงออกอย่างอ่อนโยนด้วยความรักความอาทรต่อบุตรธิดาเป็นความรับผิดชอบของบิดามากเท่าๆ กับมารดา จงบอกบุตรธิดาว่าท่านรักพวกเขา14
3
บ้านของเราควรเป็นสถานที่แห่งความรัก การสวดอ้อนวอน และการสอนพระกิตติคุณ
เราต้องมีความรัก ความซื่อตรง และหลักธรรมที่ชัดเจนในบ้านของเรา เราต้องให้คำมั่นสัญญาอันยั่งยืนแก่ชีวิตแต่งงาน บุตรธิดา และศีลธรรม เราต้องประสบความสำเร็จในเรื่องที่จะนับเป็นความสำเร็จมากที่สุดสำหรับคนรุ่นต่อไป
แน่นอนว่าบ้านเป็นปึกแผ่นที่สุดและสวยงามที่สุดเมื่อแต่ละคนละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกของผู้อื่น พยายามรับใช้ พยายามดำเนินชีวิตที่บ้านตามหลักธรรมที่เราแสดงให้เห็นในสภาพแวดล้อมที่เป็นสาธารณะมากกว่า เราต้องพยายามดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณในแวดวงครอบครัวมากขึ้น บ้านของเราสมควรได้รับคำมั่นสัญญาที่ซื่อสัตย์มากที่สุด บุตรธิดามีสิทธิ์รู้สึกว่าเขาปลอดภัยในบ้านของเขา ที่นั่นเขามีสถานที่คุ้มครองจากอันตรายและความชั่วร้ายของโลกภายนอก ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความสมบูรณ์ของครอบครัวจำเป็นต่อการสนองความต้องการดังกล่าว บุตรธิดาต้องการบิดามารดาผู้มีความสุขในความสัมพันธ์ที่มีต่อกัน ผู้ทำงานอย่างมีความสุขจนมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ ผู้รักบุตรธิดาด้วยความรักที่จริงใจและไม่เห็นแก่ตัว และผู้ทุ่มเทให้ความสำเร็จของครอบครัว15
ครั้งแรกที่แนะนำให้การสังสรรค์ในครอบครัวเป็นโปรแกรมอย่างเป็นทางการของศาสนจักร ฝ่ายประธานสูงสุดกล่าวว่า “ถ้าวิสุทธิชนเชื่อฟังคำแนะนำ [ให้จัดสังสรรค์ในครอบครัว] เราสัญญาว่าพรมากมายจะเกิดขึ้น ความรักที่บ้านและการเชื่อฟังบิดามารดาจะเพิ่มพูน ศรัทธาจะเติบโตในใจเยาวชนแห่งอิสราเอล พวกเขาจะมีพลังต่อสู้อิทธิพลชั่วร้ายและการล่อลวงซึ่งรุมเร้าพวกเขา” เรายืนยันพรที่สัญญาไว้อีกครั้งกับคนที่จัดสังสรรค์ในครอบครัวอย่างซื่อสัตย์
เย็นวันจันทร์ควรสงวนไว้สำหรับการสังสรรค์ในครอบครัว ผู้นำในท้องที่พึงแน่ใจว่าอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกของศาสนจักรปิด ไม่วางแผนจัดกิจกรรมวอร์ดหรือสเตคช่วงเย็นวันจันทร์ และหลีกหลี่ยงสิ่งอื่นที่ขัดจังหวะการสังสรรค์ในครอบครัว
สิ่งแรกที่ควรเน้นเกี่ยวกับการสังสรรค์ในครอบครัวคือให้ครอบครัวมาอยู่กันพร้อมหน้าเพื่อศึกษาพระกิตติคุณ เราเตือนทุกคนว่าพระเจ้าทรงตักเตือนบิดามารดาให้สอนบุตรธิดาเรื่องพระกิตติคุณ การสวดอ้อนวอน และการถือปฏิบัติวันสะบาโต พระคัมภีร์เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่สุดสำหรับการสอนพระกิตติคุณ16
จงสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัวทั้งเช้าค่ำ พรมากมายมาสู่ชีวิตบุตรธิดาผู้ได้ยินบิดามารดาทูลวิงวอนพระเจ้าเพื่อความผาสุกของพวกเขา โดยแท้แล้วบุตรธิดาผู้มาอยู่ภายใต้อิทธิพลของบิดามารดาที่ชอบธรรมเช่นนั้นจะได้รับความคุ้มครองให้รอดพ้นอิทธิพลของปฏิปักษ์มากขึ้น17
เพื่อให้บิดามารดาและบุตรธิดาเข้าใจกันมากขึ้น ศาสนจักรจึงได้นำแผนหนึ่งมาใช้เรียกว่า “สภาครอบครัว” บิดามารดาจะเรียกประชุมและดำเนินสภานี้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวจะเข้าร่วม สภาครอบครัวจะกระชับความสัมพันธ์ในครอบครัว ทำให้บุตรธิดาเชื่อมั่นว่าพวกเขา “เป็นคนในครอบครัว” และทำให้พวกเขามั่นใจว่าบิดามารดาสนใจปัญหาของพวกเขา การประชุมครอบครัวเช่นนี้จะสอนให้เคารพกัน ขจัดความเห็นแก่ตัว และเน้นกฎทองคำ [ดู มัทธิว 7:12] ในบ้านและการดำเนินชีวิตที่สะอาด สภาครอบครัวสอนเรื่องการนมัสการและการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว พร้อมกับบทเรียนเรื่องความเมตตากรุณาและความซื่อสัตย์ ปัญหาของครอบครัวมักเกิดใกล้ตัวมากจนอาจไม่เห็นคุณค่าของมิติที่แท้จริงและความสำคัญของครอบครัว แต่เมื่อครอบครัวเข้มแข็งและเป็นหนึ่งเดียวขณะพยายามรับใช้พระผู้เป็นเจ้าและรักษาพระบัญญัติของพระองค์ ปัญหามากมายของเราที่มีอยู่ในปัจจุบันจะหมดไป18
[พี่น้องชายทั้งหลาย] จงทำหน้าที่รับผิดชอบของท่านอย่างจริงจังในการสอนพระกิตติคุณแก่ครอบครัวผ่านการสังสรรค์ในครอบครัวเป็นประจำ การสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัว เวลาของการให้ข้อคิดทางวิญญาณกับการอ่านพระคัมภีร์ และช่วงการสอนอื่นๆ จงเน้นเป็นพิเศษเรื่องการเตรียมตัวเป็นผู้สอนศาสนาและการแต่งงานในพระวิหาร ในฐานะปิตุของบ้าน จงใช้ฐานะปุโรหิตของท่านผ่านการประกอบศาสนพิธีที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวท่านและโดยการให้พรภรรยาและบุตรธิดา พี่น้องทั้งหลาย ถัดจากความรอดของท่านไม่มีสิ่งใดสำคัญต่อท่านเท่าความรอดของภรรยาและบุตรธิดา19
4
บิดามารดาที่ประสบความสำเร็จคือบิดามารดาที่รัก เสียสละ ห่วงใย สอน และดูแลความต้องการของบุตรธิดา
เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่มีโอกาสได้พบปะและทำความรู้จักกับสมาชิกศาสนจักรทั่วโลกผู้ดำเนินชีวิตดีเสมอต้นเสมอปลายและเลี้ยงดูครอบครัวในอิทธิพลของพระกิตติคุณ วิ-สุทธิชนเหล่านี้ได้รับพรมากและความอุ่นใจที่มาจากการหวนนึกถึงความพยายามต่อเนื่องยาวนานของตนในฐานะบิดามารดา ปู่ย่าตายาย และทวดเพื่อจะเป็นบิดามารดาที่ประสบความสำเร็จ แน่นอนว่ามีบางอย่างที่เราแต่ละคนต้องการ
อย่างไรก็ดี มีคนมากมายในศาสนจักรและในโลกที่ดำเนินชีวิตด้วยความรู้สึกผิดและความไม่มีค่าควรเพราะบุตรและธิดาบางคนของพวกเขาออกนอกเส้นทางหรือหลงไปจากฝูง …
… เราเข้าใจว่าบิดามารดาที่รอบคอบพยายามสุดความสามารถ แต่แทบทุกคนทำผิดพลาด คนเราตระหนักแทบจะทันทีที่เข้าสู่โครงการของการเป็นบิดามารดาว่าจะมีข้อผิดพลาดมากมายระหว่างทาง แน่นอนว่าพระบิดาบนสวรรค์ของเราทรงทราบเมื่อทรงมอบบุตรธิดาทางวิญญาณของพระองค์ให้อยู่ในความดูแลของพ่อแม่อายุน้อยและไม่มีประสบการณ์ว่าจะมีความผิดพลาดและการตัดสินใจผิด …
… เราแต่ละคนไม่เหมือนกัน เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราแต่ละคนเริ่มตรงจุดต่างกันในการแข่งขันของชีวิต และเราแต่ละคนมีความเข้มแข็ง ความอ่อนแอ และพรสวรรค์ต่างกัน ด้วยเหตุนี้เด็กแต่ละคนจึงได้รับพรด้วยบุคลิกภาพพิเศษของตน เราต้องไม่คิดเอาเองว่าพระเจ้าจะทรงตัดสินความสำเร็จของคนๆ หนึ่งในวิธีเดียวกับที่ใช้กับอีกคนหนึ่ง ในฐานะบิดามารดาเรามักคิดเอาเองว่าถ้าบุตรธิดาของเราไม่ประสบความสำเร็จมากกว่าใครในทุกๆ ด้าน ถือว่าเราล้มเหลว เราควรระมัดระวังในการตัดสินของเรา ……
บิดามารดาที่ประสบความสำเร็จคือบิดามารดาที่รัก บิดามารดาที่เสียสละ และบิดามารดาที่ห่วงใย สอน และดูแลความต้องการของบุตรธิดา ถ้าท่านทำทั้งหมดนี้แล้วและบุตรธิดายังคงดื้อรั้นหรือสร้างปัญหาหรือฝักใฝ่ทางโลก ก็ยังถือว่าท่านเป็นบิดามารดาที่ประสบความสำเร็จ บางทีอาจมีบุตรธิดาที่เข้ามาในโลกเพื่อท้าทายบิดามารดาบางคนภายใต้สภาวการณ์บางอย่าง ในทำนองเดียวกัน อาจมีบุตรธิดาอีกหลายคนผู้จะเป็นพรแก่ชีวิต และเป็นปีติของบิดาหรือมารดาเกือบทุกคน
ความกังวลของข้าพเจ้าเวลานี้คือมีบิดามารดาที่อาจจะกำลังประกาศคำตัดสินตนเองอย่างรุนแรงและอาจจะยอมให้ความรู้สึกเหล่านี้ทำลายชีวิตพวกเขา ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือพวกเขาทำดีที่สุดแล้วและควรมีศรัทธาต่อไป20
บิดาหรือมารดา [ที่บุตรธิดาหลงผิด] ไม่โดดเดี่ยว บิดามารดาแรกของเรารู้จักความเจ็บปวดและความทุกข์เมื่อเห็นบุตรธิดาบางคนของพวกเขาปฏิเสธคำสอนเกี่ยวกับชีวิตนิรันดร์ (ดู โมเสส 5:27) หลายศตวรรษต่อมายาโคบรู้ว่าบุตรชายผู้พี่อิจฉาและรู้สึกไม่ดีต่อโยเซฟบุตรที่รักของเขา (ดู ปฐมกาล 37:1–8) แอลมาศาสดาพยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่ผู้มีบุตรชื่อแอลมาสวดอ้อนวอนพระเจ้าหลายครั้งเกี่ยวกับความดื้อรั้นของบุตรชายและเขาวิตกกังวลมากแน่นอนเกี่ยวกับความแตกแยกและความชั่วร้ายที่บุตรชายเป็นผู้ก่อเหตุในบรรดาผู้คนของศาสนจักร (ดู โมไซยาห์ 27:14) “พระบิดาในสวรรค์ของเราทรงสูญเสียบุตรธิดาทางวิญญาณมากมายของพระองค์ให้แก่โลก พระองค์ทรงทราบความรู้สึกของใจท่าน …
… อย่าสิ้นหวังกับบุตรชายหรือบุตรสาวที่หลงผิด หลายคนที่ดูเหมือนจะหลงไปไกลลิบได้กลับมาแล้ว เราต้องสวดอ้อนวอนเสมอและหากอยู่ในวิสัยที่ทำได้ จงให้บุตรธิดาของเรารู้ว่าเรารักและห่วงใยพวกเขา …
… จงรู้ว่าพระบิดาบนสวรรค์ของเราจะทรงยอมรับความรักและการเสียสละ ความวิตกกังวลและความห่วงใย ถึงแม้เราพยายามมากแล้วแต่ไม่สำเร็จ ใจของบิดามารดามักจะแตกสลาย แต่พวกเขาต้องตระหนักว่าความรับผิดชอบสุดท้ายอยู่กับบุตรธิดาหลังจากบิดามารดาได้สอนหลักธรรมที่ถูกต้องแล้ว
…ไม่ว่าจะโศกเศร้าเรื่องใด ไม่ว่าจะกังวลเรื่องใด ไม่ว่าจะเจ็บปวดและกลัดกลุ้มเรื่องใด จงมองหาวิธีเปลี่ยนเรื่องนั้นให้เป็นประโยชน์—บางทีอาจจะช่วยให้ผู้อื่นหลีกเลี่ยงปัญหาเดียวกัน หรือบางทีอาจทำให้ผู้อื่นเข้าใจความรู้สึกของผู้ที่กำลังต่อสู้ในลักษณะเดียวกันมากขึ้น แน่นอนว่าเราจะมีความเข้าใจลึกซึ้งขึ้นในความรักของพระบิดาบนสวรรค์เมื่อเรารู้ผ่านการสวดอ้อนวอนในท้ายที่สุดว่าพระองค์เข้าพระทัยและทรงต้องการให้เรามองไปข้างหน้า …
เราไม่ควรปล่อยให้ซาตานลวงเราให้คิดว่าเราสูญสิ้นทุกอย่าง ขอให้เราภาคภูมิใจในสิ่งดีและถูกต้องที่เราทำ ปฏิเสธและขับไล่สิ่งผิดเหล่านั้นออกไปจากชีวิตเรา มองไปที่พระเจ้าเพื่อขอการให้อภัย ความเข้มแข็ง และการปลอบโยน แล้วเดินหน้าต่อไป21
5
บ้านของเราควรเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เราสามารถดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณและพระวิญญาณของพระเจ้าสามารถสถิตอยู่
เราหวังว่าท่านจะไม่ท้อแท้หมดกำลังใจขณะพยายามเลี้ยงดูครอบครัวในความชอบธรรม พึงจดจำว่าพระเจ้าทรงบัญชาดังนี้ “แต่สานุศิษย์ของเราจะยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์, และจะไม่หวั่นไหว” (คพ. 45:32)
แม้บางคนจะตีความข้อนี้ว่านี่หมายถึงพระวิหาร ซึ่งแน่นอนว่าใช่ แต่หมายถึงบ้านที่เราอยู่เช่นกัน ถ้าท่านจะเพียรพยายามนำครอบครัวในความชอบธรรม โดยกระตุ้นและมีส่วนร่วมในการสวดอ้อนวอนเป็นครอบครัวทุกวัน อ่านพระคัมภีร์ สังสรรค์ในครอบครัว รักและสนับสนุนกันในการดำเนินชีวิตตามคำสอนของพระกิตติคุณ ท่านจะได้รับพรที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ในการเลี้ยงดูลูกหลานที่ชอบธรรม
ในโลกที่ชั่วร้ายมากขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราแต่ละคนจะ “ยืนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” และตั้งใจว่าจะแน่วแน่และซื่อสัตย์ต่อคำสอนของพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์22
เพื่อบรรลุความสำเร็จในครอบครัว บิดามารดาต้องรักและเคารพกัน สามีผู้ดำรงฐานะปุโรหิตทั้งหลายควรยกย่องภรรยาต่อหน้าบุตรธิดาให้มากที่สุด และภรรยาควรรักและสนับสนุนสามี ในทางกลับกัน บุตรธิดาจะรักบิดามารดาและรักกัน เมื่อนั้นบ้านจะกลายเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์ที่เราสามารถดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณได้ดีที่สุดและพระวิญญาณของพระเจ้าสามารถสถิตอยู่ การเป็นบิดาที่ประสบความสำเร็จหรือมารดาที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่กว่ามากกับการได้เป็นผู้นำหรือดำรงตำแหน่งสูงในธุรกิจ การปกครอง หรือกิจการงานฝ่ายโลก บางครั้งอาจดูเหมือนบ้านเป็นสถานที่ธรรมดาที่มีหน้าที่ประจำวันในนั้น ทว่าความสำเร็จของบ้านควรจะเป็นความสำเร็จสูงสุดของกิจการงานทั้งหมดในชีวิตเรา23
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
คำถาม
-
พิจารณาความสำคัญของครอบครัวขณะทบทวนคำสอนของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 1 ศาสนจักรมีความรับผิดชอบอะไรต่อครอบครัว เราจะคุ้มครองและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ครอบครัวเราได้อย่างไร
-
ไตร่ตรองคำสอนของประธานฮันเตอร์ที่ว่าบิดามารดาเป็นหุ้นส่วนในการนำครอบครัว (ดู หัวข้อ 2) คำสอนเหล่านี้จะช่วยทั้งบิดาและมารดาได้อย่างไร บิดามารดาจะเป็นหนึ่งเดียวกันในการเลี้ยงดูบุตรธิดาได้อย่างไร พิจารณาว่าท่านจะปรับปรุง “บรรยากาศทางวิญญาณ” ของบ้านท่านได้อย่างไร
-
ในหัวข้อ 3 ประธานฮันเตอร์ให้คำแนะนำสำหรับการสร้างครอบครัวที่เข้มแข็ง เราจะสร้าง “ความเป็นหนึ่งเดียวกันและความซื่อตรงในครอบครัว” ให้มากขึ้นได้อย่างไร การสังสรรค์ในครอบครัวเป็นพรแก่ครอบครัวท่านอย่างไร การศึกษาพระคัมภีร์เป็นครอบครัว และการสวดอ้อวอนเป็นครอบครัวเป็นพรแก่ครอบครัวท่านอย่างไร
-
คำสอนของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 4 จะช่วยบิดามารดาของบุตรธิดาที่หลงผิดได้อย่างไร บิดามารดาที่กำลังประสบความเศร้าโศกเสียใจและความเจ็บปวดจะเปลี่ยนสิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ได้อย่างไร บิดามารดา ปู่ย่าตายาย ผู้นำเยาวชน และคนอื่นๆ จะทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเด็กที่หลงผิด
-
หลังจากอ่านหัวข้อ 5 ให้ใคร่ครวญคำสอนของประธานฮันเตอร์เกี่ยวกับการทำบ้านของเราให้เป็น “สถานที่ศักดิ์สิทธิ์” เราเผชิญความท้าทายอะไรบ้างขณะทำสิ่งนี้ เราจะพยายามทำให้บ้านของเราเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างไร
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
อพยพ 20:12; เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4–7; สดุดี 127:3–5; เอเฟซัส 6:1–4; อีนัส 1:1–3; โมไซยาห์ 4:14–15; แอลมา 56:45–48; 3 นีไฟ 18:21; คพ. 68:25–28; 93:40; 121:41–46
ความช่วยเหลือด้านการสอน
ขอให้สมาชิกชั้นเรียนทำงานเป็นคู่และวางแผนว่าจะสอนหนึ่งหัวข้อของบทนี้ที่การสังสรรค์ในครอบครัวอย่างไร เราจะทำให้คำสอนเกี่ยวเนื่องกับเด็กและเยาวชนได้อย่างไร เชิญบางคู่แบ่งปันแผนกับชั้นเรียน