บทที่ 9
กฎส่วนสิบ
“ประจักษ์พยานเกี่ยวกับกฎส่วนสิบมาจากการดำเนินชีวิตตามกฎนั้น”
จากชีวิตของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์
ไม่นานก่อนฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์และแคลร์ เจฟฟ์ส แต่งงานกัน ฮาเวิร์ดไปพบอธิการเพื่อขอใบรับรองพระวิหาร ท่านประหลาดใจที่ระหว่างการสัมภาษณ์ อธิการถามว่ารายได้ของท่านเลี้ยงดูภรรยากับครอบครัวได้ไหม ฮาเวิร์ดเล่าว่า “เมื่อข้าพเจ้าบอกท่านว่าข้าพเจ้ามีรายได้เท่าไร ท่านบอกว่าเหตุผลที่ท่านสงสัยในเรื่องความสามารถของข้าพเจ้าในการเลี้ยงดูภรรยาก็เพราะจำนวนส่วนสิบที่ข้าพเจ้าจ่าย”
ฮาเวิร์ดไม่ได้จ่ายส่วนสิบเต็มจนถึงเวลานั้นเพราะท่านไม่เข้าใจความสำคัญของการจ่ายส่วนสิบเต็ม ท่านอธิบายว่า “เพราะคุณพ่อข้าพเจ้าไม่ได้เป็นสมาชิกศาสนจักรในช่วงเวลาที่ข้าพเจ้าอยู่บ้าน ในครอบครัวเราจึงไม่เคยพูดเรื่องส่วนสิบและข้าพเจ้าไม่เคยเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ”
ฮาเวิร์ดกล่าวว่าขณะที่ท่านและอธิการพูดคุยกันต่อ อธิการ “สอนข้าพเจ้าอย่างอ่อนโยน … ถึงความสำคัญของกฎนี้และเมื่อข้าพเจ้าบอกท่านว่านับจากนี้ไปข้าพเจ้าจะจ่ายส่วนสิบเต็ม ท่านจึงสัมภาษณ์ต่อและทำให้ข้าพเจ้าคลายกังวลด้วยการกรอกข้อมูลและเซ็นแบบฟอร์มใบรับรองให้ข้าพเจ้า”
เมื่อฮาเวิร์ดเล่าประสบการณ์นี้ให้แคลร์ฟัง ท่านจึงทราบว่าเธอจ่ายส่วนสิบเต็มมาตลอด “เราตั้งใจว่าจะดำเนินชีวิตตามกฎนี้ตลอดชีวิตแต่งงานของเราและส่วนสิบจะมาก่อน” ท่านกล่าว1
คำสอนของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์
1
นิยามของพระเจ้าเกี่ยวกับกฎส่วนสิบนั้นเรียบง่าย
กฎ [ส่วนสิบ] มีกล่าวไว้อย่างเรียบง่ายว่าคือ “หนึ่งในสิบส่วนของผลประโยชน์ทั้งหมดของพวกเขา” (คพ. 119:4) ผลประโยชน์หมายถึงผลกำไร เงินชดเชย ส่วนที่เพิ่มขึ้น ผลประโยชน์คือค่าจ้างของคนทำงานเป็นลูกจ้าง กำไรจากการดำเนินธุรกิจ ส่วนที่เพิ่มขึ้นของคนเพาะปลูกหรือผลิต หรือรายได้ที่มาถึงคนนั้นจากแหล่งอื่น พระเจ้าตรัสว่าส่วนสิบเป็นกฎถาวร “ตลอดกาล” เช่นที่เคยเป็นมาในอดีต2
เช่นเดียวกับพระบัญญัติและกฎทุกข้อของพระเจ้า [กฎส่วนสิบ] เรียบง่ายถ้าเรามีศรัทธาเพียงเล็กน้อย แท้ที่จริงพระเจ้าตรัสว่า “เลื่อนจุดทศนิยมไปทางซ้ายหนึ่งตำแหน่ง” นั่นคือกฎส่วนสิบ กฎนี้เรียบง่ายเช่นนั้น3
2
กฎส่วนสิบดำรงอยู่นับแต่กาลเริ่มต้นและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ครั้งแรกที่กล่าวคำว่า “ทศางค์ (ส่วนสิบ)” ในพระคัมภีร์ไบเบิลคือในหนังสือเล่มแรกของพันธสัญญาเดิม เมลคีเซเดคกษัตริย์ของซาเลมและปุโรหิตของพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดพบ … อับราม เมลคีเซเดคอวยพรอับราม และเขา “มอบหนึ่งในสิบจากข้าวของทั้งหมด” ถวายแด่กษัตริย์ (ปฐมกาล 14:20)
ไม่กี่บทต่อจากนั้นในหนังสือเดียวกัน ยาโคบกล่าวปฏิญาณที่เบธเอลดังนี้ … “ทุกสิ่งที่พระองค์ประทานแก่ข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะถวายหนึ่งในสิบแด่พระองค์” (ปฐมกาล 28:20:-22)
ครั้งที่สามที่พูดถึงส่วนสิบเกี่ยวข้องกับกฎของคนเลวี พระเจ้าตรัสผ่านโมเสสดังนี้:
“ทศางค์ทั้งสิ้นที่ได้จากแผ่นดินเป็นพืชที่ได้จากแผ่นดินก็ดี หรือผลจากต้นไม้ก็ดี เป็นของพระยาห์เวห์ เป็นของถวายที่บริสุทธิ์แด่พระยาห์เวห์” (เลวีนิติ 27:30)
ภายใต้กฎของคนเลวีคนอิสราเอลจะมอบส่วนสิบให้คนเลวีเก็บรักษา และต่อจากนั้นพวกเขามีหน้าที่จ่ายส่วนสิบที่ได้รับตามพระวจนะของพระเจ้าขณะทรงแนะนำโมเสสดังนี้
“ยิ่งกว่านั้นเจ้าจงกล่าวแก่คนเลวีว่า เมื่อพวกเจ้ารับทศางค์จากคนอิสราเอล ซึ่งเราให้แก่พวกเจ้าเป็นมรดกของเจ้าที่มาจากพวกเขานั้น เจ้าจงนำร้อยละสิบจากทศางค์นั้นมาถวายแด่พระยาห์เวห์เป็นเครื่องถวาย” (กันดารวิถี 18:26)
นี่บอกชัดเจนว่ากฎส่วนสิบเป็นส่วนหนึ่งในกฎของคนเลวีและทุกคนจ่าย—แม้แต่คนเลวีเองก็ได้รับบัญชาให้จ่ายส่วนสิบจากทศางค์ที่พวกเขาได้รับ
มีบางคนเชื่อว่ากฎส่วนสิบเป็นเพียงธรรมเนียมปฏิบัติของคนเลวี แต่ประวัติศาสตร์ยืนยันว่ากฎนี้มีมานานแล้วและเป็นกฎสากล เป็นกฎพื้นฐานในกฎของโมเสส ดำรงอยู่นับจากกาลเริ่มต้นและพบในกฎของคนอียิปต์สมัยโบราณ ในบาบิโลเนีย และพบได้ตลอดประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์ไบเบิล ศาสดาพยากรณ์อาโมสกล่าวถึงกฎนี้ [ดู อา-โมส 4:4] และเนหะมีย์ผู้รับผิดชอบดูแลการสร้างกำแพงเยรูซาเล็มขึ้นใหม่กล่าวถึงกฎนี้เช่นกัน [ดู เนหะมีย์ 10:37-38; 12:44; 13:5, 12] ไม่นานหลังจากนั้นมาลาคีเริ่มภารกิจใหญ่กว่านั้นของการสร้างศรัทธาและขวัญกำลังใจของคนในประเทศอีกครั้ง ขณะพยายามเป็นพิเศษเพื่อต่อต้านความโลภของคนที่เคร่งศาสนาแต่ในนาม เขาประณามคนเหล่านั้นอย่างรุนแรงด้วยการกล่าวหาว่าพวกเขาทำผิดร้ายแรงต่อพระผู้เป็นเจ้า
“มนุษย์จะฉ้อโกงพระเจ้าหรือ? ที่จริงเจ้าทั้งหลายได้ฉ้อโกงเรา แต่เจ้ากล่าวว่า พวกเราฉ้อโกงพระเจ้าอย่างไร ก็ฉ้อโกงในเรื่องทศางค์และเครื่องบูชานั่นซี
“เจ้าทั้งหลายต้องถูกสาปแช่งด้วยคำสาปแช่ง, เพราะเจ้าฉ้อโกงเราทั้งชาติ
“พระยาห์เวห์จอมทัพตรัสว่า จงนำทศางค์เต็มขนาดมาไว้ในคลัง เพื่อว่าจะมีอาหารในนิเวศของเรา จงลองดูเราในเรื่องนี้ว่า เราจะเปิดหน้าต่างในฟ้าสวรรค์ให้เจ้า และเทพรอย่างล้นไหลมาให้เจ้าหรือไม่” (มาลาคี 3:8-10) …
ถ้อยคำของมาลาคีทิ้งท้ายพันธสัญญาเดิมด้วยการย้ำเรื่องกฎส่วนสิบ ซึ่งบ่งบอกว่าไม่เคยมีการยกเลิกกฎนี้ซึ่งดำรงอยู่นับจากกาลเริ่มต้น ด้วยเหตุนี้สมัยการประทานพันธ-สัญญาใหม่จึงเริ่มต้นภายใต้คำเตือนดังกล่าว …
ไม่นานหลังจากฟื้นฟูพระกิตติคุณในสมัยการประทานนี้ พระเจ้าประทานการเปิดเผยแก่ผู้คนของพระองค์ผ่านศาสดาพยากรณ์ยุคสุดท้ายโดยนิยามกฎนี้ว่า … :
“และหลังจากนั้น, คนเหล่านั้นที่เราเก็บส่วนสิบดังนี้พึงจ่ายหนึ่งในสิบส่วนของผลประโยชน์ทั้งหมดของพวกเขาเป็นรายปี; และนี่พึงเป็นกฎถาวรสำหรับพวกเขาตลอดกาล, เพื่อฐานะปุโรหิตศักดิ์สิทธิ์ของเรา, พระเจ้าตรัส.” (คพ. 119:4)4
3
เราให้ของขวัญอีกทั้งทำตามข้อผูกมัดในเรื่องส่วนสิบของเราด้วย
ส่วนสิบเป็นกฎของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับบุตรธิดาของพระองค์ แต่การจ่ายส่วนสิบเป็นเรื่องของความสมัครใจทั้งสิ้น ในประเด็นนี้ ส่วนสิบไม่ต่างจากกฎวันสะบาโตหรือกฎอื่นๆ ของพระองค์ เราอาจไม่ยอมเชื่อฟังกฎใดกฎหนึ่งหรือทั้งหมด การเชื่อฟังของเราเป็นเรื่องของความสมัครใจ แต่การที่เราไม่ยอมจ่ายส่วนสิบมิได้ยกเลิกหรือเพิกถอนกฎนี้
ถ้าส่วนสิบเป็นเรื่องของความสมัครใจ นั่นเป็นของขวัญหรือเป็นการทำตามข้อผูกมัด? มีความแตกต่างมากระหว่างสองสิ่งนี้ ของขวัญคือการโอนเงินหรือทรัพย์สินให้ด้วยความสมัครใจโดยไม่ต้องคิดพิจารณา ของขวัญคือการให้โดยไม่หวังผล ไม่มีใครมีข้อผูกมัดว่าต้องให้ของขวัญ ถ้าส่วนสิบเป็นของขวัญ เราจะให้อะไรก็ได้ที่เราพอใจ เมื่อใดก็ได้ที่เราพอใจ หรือไม่ให้อะไรเลยก็ได้ นั่นจะทำให้พระบิดาบนสวรรค์ของเราตกอยู่ในประเภทเดียวกันกับขอทานข้างถนนที่เราอาจจะโยนเหรียญให้สักเหรียญขณะเดินผ่าน
พระเจ้าทรงสถาปนากฎส่วนสิบ และเพราะเป็นกฎของพระองค์ นั่นจึงเป็นข้อผูกมัดที่ต้องถือปฏิบัติถ้าเรารักพระองค์และปรารถนาจะรักษาพระบัญญัติและรับพรของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ส่วนสิบจึงกลายเป็นหนี้ คนที่ไม่จ่ายส่วนสิบเพราะเขามีหนี้ควรถามตนเองว่าเขาไม่เป็นหนี้พระเจ้าด้วยหรือ พระอาจารย์ตรัสว่า “แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้” (มัทธิว 6:33)
เราจะเดินไปทางตะวันออกและตะวันตกพร้อมกันไม่ได้ เราจะรับใช้ทั้งพระผู้เป็นเจ้าและเงินทองไม่ได้ คนที่ไม่ยอมรับกฎส่วนสิบคือคนที่ไม่ได้ทดสอบกฎมากพอ แน่นอนว่ากฎต้องให้จ่ายบางอย่าง การดำเนินชีวิตตามกฎใดของพระกิตติคุณหรือหลักธรรมใดของพระกิตติคุณต้องอาศัยการลงมือทำ ความคิด และความพยายาม …
เมื่อเราจ่ายส่วนสิบอาจเป็นได้ว่าเราให้ของขวัญอีกทั้งทำตามข้อผูกมัดในเรื่องส่วนสิบด้วย ส่วนสิบคือการทำตามข้อผูกมัดที่ให้ไว้กับพระเจ้า คือของขวัญให้เพื่อนมนุษย์ของเราใช้สร้างอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า ถ้ามีใครสังเกตการเผยแผ่ศาสนาของผู้สอนศาสนา โปรแกรมการเรียนการสอนของศาสนจักร ระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยม และโปรแกรมก่อสร้างเพื่อสร้างบ้านแห่งการนมัสการโดยใคร่ครวญอย่างรอบคอบ เขาจะตระหนักว่าการจ่ายส่วนสิบไม่ใช่ภาระ แต่เป็นสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่ พรของพระกิตติคุณมีให้แก่คนมากมายผ่านส่วนสิบของเรา5
4
เครื่องถวายแด่พระเจ้าควรทำให้ผู้ถวายสูญเสียของมีค่าบางอย่าง
ใน 2 ซามูเอล 24:18-25 เราอ่านว่าดาวิดจะไม่ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าโดยที่เขาไม่สูญเสียอะไรเลย เขามีเหตุผลอย่างไม่ต้องสงสัยว่าหากของขวัญไม่ทำให้ผู้ถวายสูญเสียของมีค่าบางอย่าง ของขวัญนั้นก็ไม่คู่ควรหรือไม่เหมาะจะเป็นเครื่องถวายแด่พระเจ้า
พระคริสต์ตรัสว่าการให้ได้รับพรมากกว่าการรับ [ดู กิจการของอัครทูต 20:35] แต่มีบางคนจะให้ต่อก็ต่อเมื่อเขาไม่สูญเสียอะไรเลย นี่ไม่เป็นไปตามคำสอนของพระอาจารย์ผู้ตรัสว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง” (มัทธิว 16:24)
มีบางคนจะไม่ดำเนินชีวิตตามกฎส่วนสิบเพราะต้องสูญเสีย นี่ตรงข้ามกับเหตุผลของดาวิดผู้จะไม่ถวายเครื่องบูชาแด่พระเจ้าหากเขาไม่สูญเสียอะไรเลย คนที่ไม่จ่ายส่วนสิบมองข้ามหลักศีลธรรมอันสำคัญยิ่งที่เกี่ยวข้องกับกฎส่วนสิบ และพวกเขาไม่เข้าใจกฎและเหตุผลของกฎ6
5
การจ่ายส่วนสิบนำพรมากมายมาให้
พระเจ้าประทานกฎ [ส่วนสิบ] ถ้าเราทำตามกฎของพระองค์ เรารุ่งเรือง แต่เมื่อเราหาสิ่งที่เราคิดว่าเป็นวิธีที่ดีกว่า เราพบความล้มเหลว ขณะข้าพเจ้าเดินทางไปทั่วศาสนจักรและเห็นผลของการจ่ายส่วนสิบ ข้าพเจ้าได้ข้อสรุปว่าส่วนสิบไม่ใช่ภาระ แต่เป็นพรยิ่งใหญ่7
จงจ่ายส่วนสิบอย่างซื่อสัตย์ กฎนิรันดร์นี้ที่พระเจ้าทรงเปิดเผยและคนซื่อสัตย์ปฏิบัติตั้งแต่ศาสดาพยากรณ์สมัยโบราณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน สอนเราว่าเราต้องให้พระเจ้ามาเป็นอันดับแรกในชีวิตเรา พระเจ้าอาจไม่ได้ขอให้เราเสียสละบ้านหรือชีวิตเรา เช่นกรณีที่ทรงขอวิสุทธิชนสมัยแรก ปัจจุบันเราได้รับการท้าทายให้เอาชนะความเห็นแก่ตัวของเรา เราจ่ายส่วนสิบเพราะเรารักพระเจ้า ไม่ใช่เพราะเรามีเงินจ่าย เราคาดหวังได้ว่าพระเจ้าจะทรงเปิด “หน้าต่างในฟ้าสวรรค์” (มาลาคี 3:10) และเทพรมาให้คนซื่อสัตย์8
เราทำตามหลักธรรมของการคืนพระกรุณาธิคุณส่วนหนึ่งให้พระเจ้า และเราเรียกส่วนนี้ว่าส่วนสิบ ส่วนสิบ … เป็นเรื่องของความสมัครใจล้วนๆ เราจะจ่ายส่วนสิบหรือไม่จ่ายส่วนสิบก็ได้ คนที่จ่ายได้รับพรที่คนอื่นไม่รู้9
แมรีย์ ฟิลดิงก์ สมิธ [เป็น] มารดารุ่นบุกเบิกที่ไม่ย่อท้อ เธอเป็นภรรยาม่ายของผู้ประสาทพรไฮรัม สมิธ พี่ชายของท่านศาสดาพยากรณ์ … ฤดูใบไม้ผลิปีหนึ่งขณะครอบครัวเปิดหลุมเก็บมันฝรั่ง เธอให้บุตรชายขนมันฝรั่งที่ดีที่สุดไปสำนักงานส่วนสิบ
เสมียนคนหนึ่งพบเธอตรงบันไดสำนักงาน เขา [ท้วง] ขณะที่ลูกชายเธอเริ่มขนมันฝรั่งลงมา “แม่ม่ายสมิธ” เขาพูด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจำการทดลองและการเสียสละของเธอได้ “น่าละอายมากที่คุณจะต้องจ่ายส่วนสิบ” เขา … ตำหนิที่เธอจ่ายส่วนสิบ และหาว่าเธอไม่ฉลาดรอบคอบ …
หญิงม่ายร่างเล็กยืดตัวตรงและพูดว่า “วิลเลียม คุณน่าจะละอายแก่ใจบ้างนะ คุณไม่อยากให้ดิฉันได้รับพรหรือ ถ้าดิฉันไม่จ่ายส่วนสิบเท่ากับดิฉันคาดหวังให้พระเจ้ายับยั้งพรของพระองค์ ดิฉันจ่ายส่วนสิบไม่ใช่เพราะเป็นกฎของพระผู้เป็นเจ้าแต่เพราะดิฉันคาดหวังพรจากการทำเช่นนั้น โดยรักษากฎนี้และกฎอื่นๆ ดิฉันคาดหวังว่าจะรุ่งเรืองและสามารถหาเลี้ยงครอบครัวของดิฉันได้” (Joseph Fielding Smith, Life of Joseph F. Smith [Salt Lake City, 1938], 158–59.)10
หลักธรรมเรื่องส่วนสิบควรเป็นมากกว่าการปฏิบัติกฎตามหลักคณิตศาสตร์แบบไร้ชีวิตจิตใจ พระเจ้าทรงตำหนิพวกฟาริสีในเรื่องสมุนไพรส่วนสิบที่จ่ายอย่างไร้ชีวิตจิตใจโดยไม่ทำให้เป็นเรื่องทางวิญญาณ [ดู มัทธิว 23:23] ถ้าเราจ่ายส่วนสิบเพราะเรารักพระเจ้า จ่ายด้วยศรัทธาและเสรีภาพเต็มที่ เราทำให้ระยะห่างจากพระองค์แคบลงและความสัมพันธ์ของเรากับพระองค์แน่นแฟ้นขึ้น เราได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการของการเคร่งครัดในกฎเกณฑ์ พระวิญญาณทรงสัมผัสใจเรา และเรารู้สึกถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระผู้เป็นเจ้า
การจ่ายส่วนสิบเสริมสร้างศรัทธา เพิ่มความเข้มแข็งทางวิญญาณและความสามารถทางวิญญาณ และทำให้ประจักษ์พยานมั่นคง การจ่ายส่วนสิบให้ความพอใจของการรู้ว่าคนๆ นั้นกำลังทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า อีกทั้งให้พรที่มาจากการแบ่งปันกับผู้อื่นผ่านจุดประสงค์ของการใช้ส่วนสิบ เราจะปฏิเสธตัวเราจากพรเหล่านี้ไม่ได้ เราจะปฏิเสธการจ่ายส่วนสิบไม่ได้ เรามีความสัมพันธ์แน่ชัดกับอนาคตเช่นเดียวกับปัจจุบัน สิ่งที่เราให้ วิธีที่เราให้ และวิธีที่เราทำตามข้อผูกมัดต่อพระเจ้าล้วนมีความสำคัญนิรันดร์
ประจักษ์พยานเรื่องกฎส่วนสิบมาจากการดำเนินชีวิตตามกฎนั้น11
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
คำถาม
-
ทบทวนนิยามของกฎส่วนสิบในหัวข้อ 1 ส่วนสิบคืออะไร เราเรียนรู้อะไรได้บ้างจากประธานฮันเตอร์เกี่ยวกับความเรียบง่ายของกฎส่วนสิบ
-
ท่านได้ข้อคิดอะไรบ้างจากคำสอนของประธานฮันเตอร์เกี่ยวกับประวัติของส่วนสิบ (ดู หัวข้อ 2) ท่านคิดว่าเหตุใดประธานฮันเตอร์จึงต้องการให้เราเข้าใจว่ากฎส่วนสิบ “เคยเป็นและเป็นกฎสากล”
-
เรา “ให้ของขวัญอีกทั้งทำตามข้อผูกมัด” ในเรื่องส่วนสิบของเราอย่างไร (ดู หัวข้อ 3) การจ่ายส่วนสิบแสดงให้เห็นความรักที่เรามีต่อพระเจ้าอย่างไร เราจะรู้สึกได้อย่างไรว่าการจ่ายส่วนสิบเป็นสิทธิพิเศษ ไม่ใช่ภาระ
-
เหตุใดเครื่องถวายแด่พระเจ้าต้องทำให้ผู้ถวายสูญเสียของมีค่าบางอย่าง (ดู หัวข้อ 4) เราจะเอาชนะความท้าทายหรือการไม่เต็มใจจ่ายส่วนสิบได้อย่างไร
-
ทบทวนพรมากมายที่ประธานฮันเตอร์กล่าวว่ามาจากการจ่ายส่วนสิบ (ดู หัวข้อ 5) ท่านเคยเห็นพรเหล่านี้ในชีวิตของท่านอย่างไร
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
แอลมา 13:15; คพ. 64:23; 104:14–18; 119; 120; คู่มือพระคัมภีร์, “ส่วนสิบ”
ความช่วยเหลือด้านการศึกษา
เมื่ออ่านบทนี้ครั้งแรก ท่านอาจต้องการอ่านอย่างรวดเร็ว หรือทบทวนหัวข้อเพื่อให้รู้เนื้อหาพอสังเขป จากนั้นให้เพิ่มเวลาอ่าน อ่านช้าลงและศึกษาให้ลึกซึ้งมากขึ้น ท่านอาจต้องการอ่านแต่ละหัวข้อโดยมีคำถามให้ศึกษาในใจ ขณะทำเช่นนี้ ท่านอาจค้นพบข้อคิดที่ลึกซึ้งและวิธีประยุกต์ใช้