บทที่ 16
การแต่งงาน—การเป็นหุ้นส่วนนิรันดร์
“การเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดของชีวิตอยู่ในการแต่งงาน—ความสัมพันธ์ซึ่งมีความสำคัญยั่งยืนชั่วนิรันดร์”
จากชีวิตของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์
เมื่อฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์อายุ 20 ปี ท่านพบแคลร์ เจฟฟ์สที่งานเต้นรำของศาสนจักรในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่เธอออกเดทกับเพื่อนคนหนึ่งของท่าน หลังจากงานเต้นรำ หนุ่มสาวสองสามคนไปเดินลุยคลื่นที่ทะเล ฮาเวิร์ดทำเน็กไทหาย และแคลร์อาสาเดินตามชายหาดไปช่วยท่านหา ฮาเวิร์ดกล่าวภายหลังว่า “ครั้งต่อมาเมื่อเราออกไปข้างนอก ข้าพเจ้าพาแคลร์ไปด้วย ส่วน [เพื่อนข้าพเจ้า] ไปกับอีกคน”1
ปีต่อมาพวกท่านเริ่มออกเดทจริงจัง และยามเย็นของฤดูใบไม้ผลิราวสามปีหลังจากพบกัน ฮาเวิร์ดพาแคลร์ขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามเหนือมหาสมุทร “เรา [ดู] คลื่นจากแปซิฟิกม้วนตัวเข้าหาฝั่งกระทบโขดหินท่ามกลางแสงของพระจันทร์เต็มดวง” ท่านเขียน คืนนั้นฮาเวิร์ดขอแต่งงานและแคลร์ยอมรับ “เราพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนของเรา” ท่านกล่าว “[และ] ตัดสินใจหลายเรื่องในคืนนั้น เราตั้งปณิธานบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตเรา”2
ฮาเวิร์ดกับแคลร์แแต่งงานกันในพระวิหารซอลท์เลคเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1931 ในช่วง 52 ปีต่อจากนั้น ความรักของท่านทั้งสองลึกซึ้งขึ้นขณะเลี้ยงดูบุตรชาย รับใช้ในศาสนจักร และเผชิญความท้าทายด้วยศรัทธา
ความสุขของพวกท่านในฐานะสามีภรรยาประจักษ์ต่อครอบครัวของพวกท่าน โร-เบิร์ต ฮันเตอร์หลานชายคนโตของพวกท่านกล่าวว่า “เมื่อผมนึกถึงคุณปู่ฮันเตอร์ สิ่งที่ผมนึกถึงมากกว่าเรื่องใดคือแบบอย่างของสามีที่น่ารัก … คุณรู้สึกได้แน่นอนถึงสายใยรักระหว่างท่านทั้งสอง”3
ความรักที่ประธานฮันเตอร์มีต่อภรรยาชัดเจนเป็นพิเศษขณะท่านดูแลเธอในช่วงสิบปีสุดท้ายของชีวิตเธอ เมื่อเธอต่อสู้กับปัญหาสุขภาพร้ายแรง เมื่อแคลร์ถึงแก่กรรมในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1983 นั่นเป็น “ช่วงเลวร้ายที่สุด” ของประธานฮันเตอร์4 ท่านเขียนว่าเมื่อท่านมาถึงบ้านในวันที่เธอสิ้นชีวิต “ดูเหมือนบ้านจะเย็นยะเยือก และขณะเดินไปรอบๆ ทุกอย่างทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเธอ”5
หลังจากอยู่คนเดียวราวเจ็ดปี ประธานฮันเตอร์จึงแต่งงานกับไอนิส สแตนทันในเดือนเมษายน ปี 1990 ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ประกอบพิธีแต่งงานให้พวกท่านในพระวิหารซอลท์เลค ไอนิสเป็นที่มาของการปลอบโยนและความเข้มแข็งของประธานฮันเตอร์ในช่วงที่ท่านรับใช้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองและประธานศาสนจักร เธอติดตามท่านเดินทางไปพบกับวิสุทธิชนทั่วโลกหลายครั้ง
เอ็ลเดอร์เจมส์ อี. เฟาสท์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดถึงไอนิสเป็นพรต่อประธานฮันเตอร์ดังนี้ “หลังจาก [แคลร์] ถึงแก่กรรม ท่านอยู่คนเดียวหลายปีจนท่านแต่งงานกับไอนิส พวกท่านมีความทรงจำและประสบการณ์ที่มีความสุขมากมายร่วมกัน” ต่อจากนั้น เอ็ลเดอร์เฟาสท์กล่าวถึงซิสเตอร์ฮันเตอร์ว่า “เราขอบคุณไอนิสเกินกว่าจะอธิบายได้สำหรับการเป็นคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและการดูแลประธานฮันเตอร์ด้วยความรักและความอุทิศตน คุณทำให้ดวงตาท่านเป็นประกายและนำปีติมาให้ท่านในช่วงบั้นปลายชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจของท่าน”6
คำสอนของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์
1
การแต่งงานระหว่างชายกับหญิงได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและมุ่งหมายจะให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์
พระเจ้าทรงนิยามการแต่งงานไว้ให้เรา พระองค์ตรัสว่า “เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” (มัทธิว 19:5)7
การเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่สุดของชีวิตคือการแต่งงาน—ความสัมพันธ์ซึ่งมีความสำคัญยั่งยืนชั่วนิรันดร์8
โดยมีความรู้เรื่องแผนแห่งความรอดเป็นรากฐาน ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตมองว่าการแต่งงานเป็นสิทธิพิเศษและข้อผูกมัดอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ดีที่ชายหรือหญิงจะอยู่คนเดียว ชายไม่สมบูรณ์หากปราศจากหญิง ทั้งจะเติมเต็มระดับการสร้างของพวกเขาไม่ได้หากปราศจากอีกฝ่าย (ดู 1 โครินธ์ 11:11; โมเสส 3:18) การแต่งงานระหว่างชายกับหญิงได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า (ดู คพ. 49:15–17) โดยผ่านพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงานเท่านั้นที่พวกเขาจะทำให้ความสมบูรณ์ของพรนิรันดร์เป็นจริง (ดู คพ. 131:1-4; 132:15-19)9
เรามักจะเรียกการแต่งงานว่าการเป็นหุ้นส่วนกับพระผู้เป็นเจ้า นี่ไม่เพียงเป็นอุปมาโวหารเท่านั้น ถ้าการเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวแน่นแฟ้นและมีพลัง ชายหญิงจะรักกันเฉกเช่นพวกเขารักพระผู้เป็นเจ้า จะมีความหวานชื่นและความอาทรเข้ามาในบ้านอันจะทำให้เกิดความสำเร็จชั่วนิรันดร์10
พระเจ้าทรงประกอบพิธีแต่งงานครั้งแรก นั่นเป็นการแต่งงานนิรันดร์เพราะเมื่อประกอบพิธีไม่มีเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พิธีที่ประกอบให้คู่สามีภรรยาเวลานั้นไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความตาย ด้วยเหตุนี้ ภายใต้สภาวการณ์ดังกล่าว ความสัมพันธ์จึงไม่มีวันสิ้นสุด หลังจากการตก บิดามารดาแรกของเราถูกขับออกจากสวน พวกท่านจึงอยู่ภายใต้เงื่อนไขของความตาย แต่สัญญาเรื่องการฟื้นคืนชีวิตกับพวกท่าน ไม่มีครั้งใดที่พูดว่าการแต่งงานนิรันดร์ของพวกท่านจะสิ้นสุด11
ในพระวิหารเราได้รับศาสนพิธีสูงสุดที่มีให้แก่ชายและหญิง การผนึกสามีภรรยาไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์ เราหวังว่าเยาวชนของเราจะไม่ยอมรับสิ่งใดที่น้อยกว่าการแต่งงานในพระวิหาร12
บัพติศมาเป็นพระบัญญัติของพระเจ้าฉันใด การแต่งงานในพระวิหารก็ฉันนั้น บัพ-ติศมาจำเป็นต่อการเข้าในศาสนจักรฉันใด การแต่งงานในพระวิหารจำเป็นต่อความสูงส่งของเราในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าฉันนั้น นั่นเป็นจุดหมายส่วนหนึ่งของเรา เราจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดไม่ได้หากปราศจากการแต่งงานในพระวิหาร อย่าพอใจกับสิ่งที่น้อยกว่านั้น
ท่านจะไม่ยอมรับบัพติศมาแบบชาวโลกใช่ไหม พระผู้เป็นเจ้าทรงมีแบบแผนบัพ-ติศมาของพระองค์—โดยการจุ่มลงไปในน้ำทั้งตัวโดยผู้ดำรงสิทธิอำนาจ แล้วท่านจะยอมรับการแต่งงานแบบชาวโลกอย่างนั้นหรือ พระองค์ทรงมีแบบแผนการแต่งงานเช่นกัน นั่นคือการแต่งงานในพระวิหาร13
ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอพรพระเจ้าให้เรารับรู้เหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ของเราและสิ่งที่เราต้องทำเพื่อพบทางสู่ความสูงส่งและชีวิตนิรันดร์ ส่วนหนึ่งของแผนนิรันดร์คือการแต่งงานที่เราถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเราเต็มใจทำตาม ศาสนพิธีดังกล่าวจะถาวรตลอดกาล นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้และความจริงเหล่านี้เปิดเผยต่อเรา14
2
เมื่อตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับใคร จงอดทน มีศรัทธา และดำรงตนให้มีค่าควรแก่การได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน
ข้าพเจ้าคิดว่าการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดที่ท่านต้องทำ … คือการตัดสินใจที่จะมีอิทธิพลต่อชีวิตท่านชั่วนิรันดร์ และนั่นคือการแต่งงานของท่าน ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านจะเห็นด้วยกับข้าพเจ้าว่าการแต่งงานสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดที่ท่านทำในชีวิต เพราะงานอาชีพของท่านหรืออะไรก็ตามที่ท่านจะทำแทบจะไม่สำคัญเท่าคุณค่านิรันดร์ … [การตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน] จะส่งผลต่อท่านชั่วนิรันดร์ จะส่งผลต่อท่านขณะที่ท่านอยู่บนโลกนี้เช่นกัน15
อย่า … รีบเข้าสู่ความสัมพันธ์โดยไม่คิดล่วงหน้าให้ถี่ถ้วนและไม่มีการดลใจ จงแสวงหาการนำทางจากพระเจ้าในเรื่องนี้ร่วมกับการสวดอ้อนวอน จงดำรงตนให้มีค่าควรแก่การได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน16
หลายท่าน … กังวลเรื่องการผูกสมัครรักใคร่ การแต่งงาน และการเริ่มต้นครอบครัว ท่านจะไม่พบเห็นคู่ครองในอนาคตของท่านในนิมิตเหมือนนีไฟหรือหนังสือวิวรณ์ เทพหรือแม้แต่อธิการของท่านจะไม่บอกชื่อคู่ครองของท่าน บางอย่างท่านต้องทำด้วยตนเอง จงมีศรัทธาและเชื่อฟัง และพรจะมา พยายามอดทน พยายามอย่าให้สิ่งที่ท่านไม่มีมาบดบังสิ่งที่ท่านมี ถ้าท่านกังวลเรื่องการแต่งงานมากเกินไป ความกังวลนั้นจะทำลายความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ จงใช้ชีวิตให้เต็มที่และซื่อสัตย์เมื่อท่านอยู่คนเดียวก่อนจะกังวลเกินเหตุกับการใช้ชีวิตคู่17
ขณะรอพรที่สัญญาไว้ ไม่ควรอยู่เฉย เพราะการไม่ก้าวไปข้างหน้าคือการถอยหลังระดับหนึ่ง จงทำงานอย่างทุ่มเทในอุดมการณ์ดี รวมถึงการพัฒนาตนเอง18
3
ผู้มีค่าควรที่ไม่ได้แต่งงานจะไม่ถูกปฏิเสธพร
นี่คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ศาสนจักรของคนแต่งงานหรือคนโสดหรือคนกลุ่มใดหรือบุคคลใด พระกิตติคุณที่เราสั่งสอนคือพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ซึ่งครอบคลุมศาสนพิธีและพันธสัญญาแห่งความรอดทั้งหมดที่จำเป็นต่อการช่วยทุกคนที่เต็มใจยอมรับพระคริสต์ รักษาพระบัญญัติที่พระองค์และพระบิดาในสวรรค์ของเราประทานให้รอดและสูงส่ง19
ทุกคนที่มีค่าควรจะไม่ถูกปฏิเสธพร รวมทั้งพรของการแต่งงานนิรันดร์และครอบครัวนิรันดร์ แม้บางคนอาจใช้เวลานาน—บางทีอาจหลังจากชีวิตมรรตัย—กว่าจะได้รับพรนี้ แต่จะไม่มีใครถูกปฏิเสธ …
ตอนนี้ ข้าพเจ้าขอมอบความรักและคำแนะนำสักเล็กน้อย
ถึงท่านผู้เป็น ชายที่ไม่ได้แต่งงาน อย่าเลื่อนการแต่งงานเพราะท่านไม่มีอาชีพและฐานะการเงินที่มั่นคง … จงจำไว้ว่าในฐานะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตท่านมีข้อผูกมัดว่าท่านต้องเป็นฝ่ายเริ่มหาคู่นิรันดร์ก่อน
ถึงท่านผู้เป็น หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน สัญญาของศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้ามีอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงห่วงใยท่าน ถ้าท่านซื่อสัตย์ พร ทุกประการ จะเป็นของท่าน การไม่ได้แต่งงานและไม่มีครอบครัวในชีวิตนี้เป็นเพียงสภาพชั่วคราว และนิรันดรเป็นเวลายาวไกล ประธานเบ็นสันเคยเตือนเราว่า “มนุษย์เท่านั้นที่นับเวลา พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นภาพของท่านไกลถึงนิรันดร” (Ensign, Nov. 1988, p. 97.) จงเติมเต็มชีวิตท่านด้วยกิจกรรมที่คุ้มค่าและมีความหมาย
ถึงท่านที่เคยประสบกับ การหย่าร้าง อย่าปล่อยให้ความผิดหวังหรือความรู้สึกล้มเหลวบิดเบือนแนวคิดของท่านเรื่องการแต่งงานหรือชีวิต อย่าสิ้นศรัทธาในการแต่งงานหรือยอมให้ความขมขื่นกัดกร่อนจิตวิญญาณและทำลายท่านหรือคนที่ท่านรักหรือเคยรัก20
4
ชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จเรียกร้องให้ท่านพยายามดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณอย่างสุดความสามารถ
[การแต่งงาน] … เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ ความพยายามอย่างมีสติของเรา ไม่ใช่ตามสัญชาตญาณ จะกำหนดความสำเร็จ แรงจูงใจเกิดจากความอ่อนโยน ความอาทรที่แท้จริงตลอดจนการคำนึงถึงความสุขและความผาสุกของกันและกัน
ก่อนแต่งงานเรามองชีวิตจากทัศนะของเราเอง แต่หลังจากก้าวขึ้นมาอยู่เหนือจุดนั้น เราเริ่มพิจารณาชีวิตจากทัศนะของอีกฝ่ายด้วย เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเสียสละและปรับตัวเพื่อเป็นวิธีแสดงความเชื่อมั่นและความรัก
กล่าวกันบ่อยครั้งว่าโดยทั่วไปแล้วชีวิตแต่งงานที่มีความสุขและประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของการแต่งงานกับคนดีมากเท่ากับ การที่ท่านเป็นคนดี สถิติที่แสดงอัตราการหย่าร้างสูงอาจบ่งบอกว่าไม่ฉลาดในการเลือกคู่ ถ้าพวกเขาแต่งงานกับคนอื่น ปัญหาอย่างหนึ่งอาจหมดไป แต่จะมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งเข้ามาแทนแน่นอน การเลือกคู่อย่างฉลาดเป็นคุณประโยชน์ใหญ่หลวงต่อชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ แต่การพยายามทำส่วนของตนอย่างมีสติเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่เอื้อต่อความสำเร็จ21
จริงอยู่ที่ว่าคู่สามีภรรยาที่มีค่าควรจะได้รับความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล แต่ชายหญิงแต่ละคนที่ได้รับการผนึกในความสัมพันธ์นิรันดร์ต้องมีค่าควรส่วนตัวสำหรับพรนั้น
การแต่งงานนิรันดร์จะประกอบด้วยชายที่มีค่าควรกับหญิงที่มีค่าควร ทั้งสองต่างได้รับบัพติศมาด้วยน้ำและด้วยพระวิญญาณแล้ว ต่างคนต่างเข้าไปในพระวิหารเพื่อรับเอ็น-ดาวเม้นท์ของตน ต่างคนต่างปฏิญาณว่าจะภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อหุ้นส่วนของตนในพันธสัญญาการแต่งงาน และต่างคนต่างรักษาพันธสัญญาของตน โดยทำทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังจากพวกเขา22
การดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณสร้างชีวิตแต่งงานที่มีความสุข … เมื่อคนสองคนดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณ ชีวิตแต่งงานจะหวานชื่นและจะมีความสุข23
5
สามีภรรยาควรทำงานด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของชีวิตแต่งงาน
จิตกุศลและความอดทนต่อข้อบกพร่อง
เกือบทุกคู่มีข้อบกพร่อง … ริชาร์ด แอล. อีแวนส์เคยกล่าวว่า “บางทีใครๆ ก็สามารถเป็นเพื่อนกับคนที่ดีพร้อม แต่ภารกิจของเราคือเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ดีพร้อม” [Richard Evans’ Quote Book (1971), 165] เราเข้าใจว่าในชีวิตแต่งงานเราไม่ได้อยู่กับคนที่ดีพร้อม แต่เรากำลังแสวงหาความดีพร้อมและเรากำลังเดินไปตามวิถีซึ่งเราหวังว่าจะพบกับความดีพร้อม แต่เราต้องมีความเข้าใจ ทำให้ดีที่สุด และทำให้ชีวิตสวยงาม …
… พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “จิตกุศลนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี” (ดู 1 โค-รินธ์ 13:4) ความรักแบบนั้น แบบที่ไม่ถูกมองข้ามง่ายๆ ไม่สิ้นสุดที่ความพอใจและถูกโยนทิ้งเหมือนพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง แต่เผชิญความยุ่งยากเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดของชีวิตด้วยกันฉันสามีภรรยา โดยทำให้ทั้งสองคนเป็นหนึ่งเดียวในจุดประสงค์ เป็นความสุขสูงสุดของมนุษย์24
ความเป็นหนึ่งเดียวของใจ
แน่นอนว่าชีวิตแต่งงานที่มีความสุขที่สุดคือชีวิตแต่งงานที่ความปวดร้าวของคุณเป็นความปวดร้าวของฉัน ความเจ็บปวดของคุณเป็นความเจ็บปวดของฉัน ชัยชนะของคุณเป็นชัยชนะของฉัน ความกังวลของคุณเป็นความกังวลของฉัน ความเป็นหนึ่งเดียวของใจ ของจิตวิญญาณ ของเนื้อหนังดูเหมือนจะเป็นเรื่องท้าทายมากกว่าแต่ก่อนในโลกที่ดูเหมือนจะมีคำถามว่า “ฉันจะได้อะไรจากสิ่งนี้” คู่แต่งงานมากมายเหลือเกินกลายเป็นเพียงเครื่องประดับบนแขนเสื้อแทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของใจ25
ความซื่อสัตย์ภักดีในความคิด คำพูด และการกระทำ
ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแสดงความซื่อสัตย์ทางศีลธรรมโดยสมบูรณ์ต่อภรรยาและไม่มีเหตุผลให้เธอสงสัยความซื่อสัตย์ของเขา สามีต้องรักภรรยาสุดหัวใจและแนบสนิทกับเธอและหาใช่ใครอื่นไม่ (ดู คพ. 42:22–26) ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์อธิบายว่า
“คำว่า หาใช่ใครอื่นไม่ ตัดทุกคนและทุกอย่างออกไป จากนั้นคู่ครองจะกลายเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของสามีหรือภรรยา และชีวิตทางสังคมหรือชีวิตทางอาชีพหรือชีวิตทางการเมืองหรือความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือสิ่งใดจะไม่มาก่อนคู่ครอง” (The Miracle of Forgiveness, Salt Lake City: Bookcraft, 1969, p. 250)
พระเจ้าทรงห้ามและศาสนจักรของพระองค์กล่าวโทษความสัมพันธ์ใกล้ชิดทุกรูปแบบนอกชีวิตสมรส ความไม่ซื่อสัตย์ในส่วนของผู้ชายทำให้ใจภรรยาชอกช้ำ สูญเสียความเชื่อมั่นของเธอและความเชื่อมั่นของบุตรธิดา (ดู เจคอบ 2:35)
จงซื่อสัตย์ในพันธสัญญาการแต่งงานของท่านทั้งในความคิด คำพูด และการกระทำ สื่อลามก การเกี้ยวพาราสี และความคิดทางเพศที่ไม่เหมาะสมกัดกร่อนอุปนิสัยของบุคคลและบั่นทอนรากฐานของชีวิตแต่งงานที่มีความสุข ด้วยเหตุนี้ความเป็นหนึ่งเดียวและความไว้วางใจในชีวิตแต่งงานจึงถูกทำลาย คนที่ไม่ควบคุมความคิดและทำการล่วงประเวณีในใจเขา ถ้าเขาไม่กลับใจ เขาจะไม่มีพระวิญญาณ แต่จะปฏิเสธศรัทธาและจะกลัว (ดู คพ. 42:23; 63:16)26
ความอ่อนโยนและความเคารพในความสัมพันธ์แนบชิด
จงทำให้ตัวท่านอยู่เหนือการใช้อำนาจบาตรใหญ่หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในความสัมพันธ์แนบชิดที่อ่อนโยนระหว่างสามีภรรยา เพราะการแต่งงานได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า ความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างสามีภรรยาจึงเป็นเรื่องดีและน่ายกย่องในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงบัญชาพวกเขาให้เป็นเนื้อเดียวกัน และให้พวกเขาขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลก (ดู โมเสส 2:28; 3:24) ท่านต้องรักภรรยาเฉกเช่นพระคริสต์ทรงรักศาสนจักรและสละพระองค์เพื่อศาสนจักร (ดู เอเฟซัส 5:25-31)
ความอ่อนโยนและความเคารพ—ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว—จะต้องเป็นหลักธรรมชี้นำความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างสามีภรรยา แต่ละฝ่ายต้องคำนึงถึงและละเอียดอ่อนต่อความต้องการและความปรารถนาของอีกฝ่าย พระเจ้าทรงกล่าวโทษการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พฤติกรรมต่ำช้า หรือควบคุมไม่ได้ในความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างสามีภรรยา
ชายใดกระทำทารุณกรรมหรือดูหมิ่นภรรยาทางกายหรือทางวิญญาณเข้าข่ายกระทำบาปร้ายแรงและต้องกลับใจอย่างจริงใจและจริงจัง ควรแก้ไขความแตกต่างด้วยความรักความเมตตาและด้วยวิญญาณของความปรองดองกัน ชายควรพูดกับภรรยาด้วยความรักและความอ่อนโยนเสมอ ปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพสูงสุด ชีวิตแต่งงานเหมือนดอกไม้แรกแย้ม … และต้องบำรุงเลี้ยงสม่ำเสมอด้วยการแสดงความรักและความอาทร27
ตั้งใจฟัง
โจทย์มากมายตอบได้อย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ยุ่งยากมากมายแก้ไขได้ ถ้าเราจะเข้าใจว่ามีหลายครั้งที่เราต้องฟัง ในโรงเรียนเราเรียนรู้เมื่อเราฟัง แต่ไม่เรียนรู้เมื่อเราไม่เอาใจใส่ ในชีวิตแต่งงานจะขาดความเข้าใจโดยสิ้นเชิงถ้าเราไม่ยอมฟัง … แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องพูด แต่เราต้องฟังทัศนะของอีกฝ่ายเพื่อจะเพิ่มความเข้าใจของเรามากพอจะตัดสินใจได้อย่างฉลาด หูที่คอยรับฟังมักจะสร้างความแตกต่าง28
ความไม่เห็นแก่ตัว
มิตรภาพจะไม่ยั่งยืนถ้ามีฐานอยู่บนทรายของความเห็นแก่ตัว ชีวิตแต่งงานไม่ยั่งยืนเมื่อไม่มีรากฐานอื่นนอกจากเสน่ห์ทางกาย และไม่มีรากฐานของความรักและความจงรักภักดีที่ลึกซึ้ง29
เราหวังว่าท่านที่แต่งงานแล้วจะจดจำความรู้สึกรักซึ่งนำท่านไปถึงแท่นในพระนิเวศของพระเจ้า เราเศร้าเสียใจเมื่อทราบว่าความรักของหลายท่านเย็นชาลงหรือด้วยเหตุผลนานัปการของความเห็นแก่ตัวและการล่วงละเมิด ท่านลืมหรือปฏิบัติเล่นๆ กับพันธ-สัญญาการแต่งงานที่ทำไว้ในพระวิหาร เราขอร้องให้สามีภรรยารักและเคารพกัน แท้ที่จริง ความหวังสูงสุดของเราคือขอให้แต่ละครอบครัวได้รับพรของการมีมารดาและบิดาที่แสดงความรักต่อกัน เคารพนับถือกัน และทำงานด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของชีวิตแต่งงาน30
ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน
คำถาม
-
ในหัวข้อ 1 ประธานฮันเตอร์เน้นว่าการแต่งงานได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและมุ่งหมายจะให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ การรู้เช่นนี้จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของท่านกับคู่ครองได้อย่างไร การแต่งงานคือ “การเป็นหุ้นส่วนกับพระผู้เป็นเจ้า” มีความหมายต่อท่านอย่างไร เราจะช่วยให้เด็กและเยาวชนเตรียมแต่งงานในพระวิหารได้อย่างไร
-
ท่านมีความคิดและความประทับใจอะไรบ้างขณะศึกษาคำแนะนำของประธานฮัน-เตอร์เกี่ยวกับการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับใคร (ดู หัวข้อ 2)
-
คำสัญญาและคำแนะนำของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 3 จะช่วยคนที่ไม่แต่งงานได้อย่างไร เราจะประยุกต์ใช้ข่าวสารของประธานฮันเตอร์ที่ว่า “นี่เป็นศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ศาสนจักรของคนแต่งงานหรือคนโสด” ได้อย่างไร
-
ท่านคิดว่าประธานฮันเตอร์หมายถึงอะไรเมื่อท่านพูดว่าการแต่งงาน “เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้” (ดู หัวข้อ 4) ท่านเคยเห็นเมื่อใดว่าการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมพระกิตติคุณนำความสุขมาสู่ชีวิตแต่งงาน ถ้าท่านแต่งงานแล้ว ลองพิจารณาว่าท่านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงความรักต่อคู่ครองอย่างเต็มที่มากขึ้น
-
ไตร่ตรองคำแนะนำของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 5 คู่ครองจะมีความอดทนมากขึ้นต่อข้อบกพร่องของกันและกันได้อย่างไร คู่ครองจะมี “ความเป็นหนึ่งเดียวของใจ” มากขึ้นได้อย่างไร คู่ครองจะแสดงความซื่อสัตย์ในชีวิตแต่งงานผ่านความคิด คำพูด และการกระทำได้อย่างไร
ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
ปฐมกาล 2:18, 21–24; เจคอบ 2:27, 31–33; 4 นีไฟ 1:11; คพ. 42:22; โมเสส 3:19–24; ดู “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 165
ความช่วยเหลือด้านการศึกษา
“การศึกษาพระกิตติคุณจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สอนท่าน ทุกครั้งที่ท่านจะศึกษาพระกิตติคุณจงเริ่มต้นด้วยการสวดอ้อนวอนให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยในการเรียนรู้” (สั่งสอนกิตติคุณของเรา [2004], 18)