คำสอนของประธานศาสนจักร
บทที่ 16: การแต่งงาน—การเป็นหุ้นส่วนนิรันดร์


บทที่ 16

การแต่งงาน—การเป็นหุ้นส่วนนิรันดร์

“การเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่สุดของชีวิตอยู่ในการแต่งงาน—ความสัมพันธ์ซึ่งมีความสำคัญยั่งยืนชั่วนิรันดร์”

จากชีวิตของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์

เมื่อฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์อายุ 20 ปี ท่านพบแคลร์ เจฟฟ์สที่งานเต้นรำของศาสนจักรในเมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ขณะที่เธอออกเดทกับเพื่อนคนหนึ่งของท่าน หลังจากงานเต้นรำ หนุ่มสาวสองสามคนไปเดินลุยคลื่นที่ทะเล ฮาเวิร์ดทำเน็กไทหาย และแคลร์อาสาเดินตามชายหาดไปช่วยท่านหา ฮาเวิร์ดกล่าวภายหลังว่า “ครั้งต่อมาเมื่อเราออกไปข้างนอก ข้าพเจ้าพาแคลร์ไปด้วย ส่วน [เพื่อนข้าพเจ้า] ไปกับอีกคน”1

ปีต่อมาพวกท่านเริ่มออกเดทจริงจัง และยามเย็นของฤดูใบไม้ผลิราวสามปีหลังจากพบกัน ฮาเวิร์ดพาแคลร์ขึ้นไปชมทิวทัศน์ที่สวยงามเหนือมหาสมุทร “เรา [ดู] คลื่นจากแปซิฟิกม้วนตัวเข้าหาฝั่งกระทบโขดหินท่ามกลางแสงของพระจันทร์เต็มดวง” ท่านเขียน คืนนั้นฮาเวิร์ดขอแต่งงานและแคลร์ยอมรับ “เราพูดคุยกันเกี่ยวกับแผนของเรา” ท่านกล่าว “[และ] ตัดสินใจหลายเรื่องในคืนนั้น เราตั้งปณิธานบางอย่างเกี่ยวกับชีวิตเรา”2

ฮาเวิร์ดกับแคลร์แแต่งงานกันในพระวิหารซอลท์เลคเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1931 ในช่วง 52 ปีต่อจากนั้น ความรักของท่านทั้งสองลึกซึ้งขึ้นขณะเลี้ยงดูบุตรชาย รับใช้ในศาสนจักร และเผชิญความท้าทายด้วยศรัทธา

ความสุขของพวกท่านในฐานะสามีภรรยาประจักษ์ต่อครอบครัวของพวกท่าน โร-เบิร์ต ฮันเตอร์หลานชายคนโตของพวกท่านกล่าวว่า “เมื่อผมนึกถึงคุณปู่ฮันเตอร์ สิ่งที่ผมนึกถึงมากกว่าเรื่องใดคือแบบอย่างของสามีที่น่ารัก … คุณรู้สึกได้แน่นอนถึงสายใยรักระหว่างท่านทั้งสอง”3

ความรักที่ประธานฮันเตอร์มีต่อภรรยาชัดเจนเป็นพิเศษขณะท่านดูแลเธอในช่วงสิบปีสุดท้ายของชีวิตเธอ เมื่อเธอต่อสู้กับปัญหาสุขภาพร้ายแรง เมื่อแคลร์ถึงแก่กรรมในวันที่ 9 ตุลาคม ค.ศ. 1983 นั่นเป็น “ช่วงเลวร้ายที่สุด” ของประธานฮันเตอร์4 ท่านเขียนว่าเมื่อท่านมาถึงบ้านในวันที่เธอสิ้นชีวิต “ดูเหมือนบ้านจะเย็นยะเยือก และขณะเดินไปรอบๆ ทุกอย่างทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเธอ”5

หลังจากอยู่คนเดียวราวเจ็ดปี ประธานฮันเตอร์จึงแต่งงานกับไอนิส สแตนทันในเดือนเมษายน ปี 1990 ประธานกอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์ประกอบพิธีแต่งงานให้พวกท่านในพระวิหารซอลท์เลค ไอนิสเป็นที่มาของการปลอบโยนและความเข้มแข็งของประธานฮันเตอร์ในช่วงที่ท่านรับใช้เป็นประธานโควรัมอัครสาวกสิบสองและประธานศาสนจักร เธอติดตามท่านเดินทางไปพบกับวิสุทธิชนทั่วโลกหลายครั้ง

เอ็ลเดอร์เจมส์ อี. เฟาสท์แห่งโควรัมอัครสาวกสิบสองพูดถึงไอนิสเป็นพรต่อประธานฮันเตอร์ดังนี้ “หลังจาก [แคลร์] ถึงแก่กรรม ท่านอยู่คนเดียวหลายปีจนท่านแต่งงานกับไอนิส พวกท่านมีความทรงจำและประสบการณ์ที่มีความสุขมากมายร่วมกัน” ต่อจากนั้น เอ็ลเดอร์เฟาสท์กล่าวถึงซิสเตอร์ฮันเตอร์ว่า “เราขอบคุณไอนิสเกินกว่าจะอธิบายได้สำหรับการเป็นคู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขและการดูแลประธานฮันเตอร์ด้วยความรักและความอุทิศตน คุณทำให้ดวงตาท่านเป็นประกายและนำปีติมาให้ท่านในช่วงบั้นปลายชีวิตและการปฏิบัติศาสนกิจของท่าน”6

คู่สามีภรรยาที่มีพระวิหารเป็นฉากหลัง

“ในพระวิหารเราได้รับศาสนพิธีสูงสุดที่มีผลต่อชายและหญิง การผนึกสามีภรรยาไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์”

คำสอนของฮาเวิร์ด ดับเบิลยู. ฮันเตอร์

1

การแต่งงานระหว่างชายกับหญิงได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและมุ่งหมายจะให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์

พระเจ้าทรงนิยามการแต่งงานไว้ให้เรา พระองค์ตรัสว่า “เพราะเหตุนี้ผู้ชายจะละบิดามารดาไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน” (มัทธิว 19:5)7

การเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่สุดของชีวิตคือการแต่งงาน—ความสัมพันธ์ซึ่งมีความสำคัญยั่งยืนชั่วนิรันดร์8

โดยมีความรู้เรื่องแผนแห่งความรอดเป็นรากฐาน ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตมองว่าการแต่งงานเป็นสิทธิพิเศษและข้อผูกมัดอันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ดีที่ชายหรือหญิงจะอยู่คนเดียว ชายไม่สมบูรณ์หากปราศจากหญิง ทั้งจะเติมเต็มระดับการสร้างของพวกเขาไม่ได้หากปราศจากอีกฝ่าย (ดู 1 โครินธ์ 11:11; โมเสส 3:18) การแต่งงานระหว่างชายกับหญิงได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า (ดู คพ. 49:15–17) โดยผ่านพันธสัญญาใหม่และเป็นนิจของการแต่งงานเท่านั้นที่พวกเขาจะทำให้ความสมบูรณ์ของพรนิรันดร์เป็นจริง (ดู คพ. 131:1-4; 132:15-19)9

เรามักจะเรียกการแต่งงานว่าการเป็นหุ้นส่วนกับพระผู้เป็นเจ้า นี่ไม่เพียงเป็นอุปมาโวหารเท่านั้น ถ้าการเป็นหุ้นส่วนดังกล่าวแน่นแฟ้นและมีพลัง ชายหญิงจะรักกันเฉกเช่นพวกเขารักพระผู้เป็นเจ้า จะมีความหวานชื่นและความอาทรเข้ามาในบ้านอันจะทำให้เกิดความสำเร็จชั่วนิรันดร์10

พระเจ้าทรงประกอบพิธีแต่งงานครั้งแรก นั่นเป็นการแต่งงานนิรันดร์เพราะเมื่อประกอบพิธีไม่มีเรื่องเวลาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย พิธีที่ประกอบให้คู่สามีภรรยาเวลานั้นไม่อยู่ภายใต้เงื่อนไขของความตาย ด้วยเหตุนี้ ภายใต้สภาวการณ์ดังกล่าว ความสัมพันธ์จึงไม่มีวันสิ้นสุด หลังจากการตก บิดามารดาแรกของเราถูกขับออกจากสวน พวกท่านจึงอยู่ภายใต้เงื่อนไขของความตาย แต่สัญญาเรื่องการฟื้นคืนชีวิตกับพวกท่าน ไม่มีครั้งใดที่พูดว่าการแต่งงานนิรันดร์ของพวกท่านจะสิ้นสุด11

ในพระวิหารเราได้รับศาสนพิธีสูงสุดที่มีให้แก่ชายและหญิง การผนึกสามีภรรยาไว้ด้วยกันชั่วนิรันดร์ เราหวังว่าเยาวชนของเราจะไม่ยอมรับสิ่งใดที่น้อยกว่าการแต่งงานในพระวิหาร12

บัพติศมาเป็นพระบัญญัติของพระเจ้าฉันใด การแต่งงานในพระวิหารก็ฉันนั้น บัพ-ติศมาจำเป็นต่อการเข้าในศาสนจักรฉันใด การแต่งงานในพระวิหารจำเป็นต่อความสูงส่งของเราในที่ประทับของพระผู้เป็นเจ้าฉันนั้น นั่นเป็นจุดหมายส่วนหนึ่งของเรา เราจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดไม่ได้หากปราศจากการแต่งงานในพระวิหาร อย่าพอใจกับสิ่งที่น้อยกว่านั้น

ท่านจะไม่ยอมรับบัพติศมาแบบชาวโลกใช่ไหม พระผู้เป็นเจ้าทรงมีแบบแผนบัพ-ติศมาของพระองค์—โดยการจุ่มลงไปในน้ำทั้งตัวโดยผู้ดำรงสิทธิอำนาจ แล้วท่านจะยอมรับการแต่งงานแบบชาวโลกอย่างนั้นหรือ พระองค์ทรงมีแบบแผนการแต่งงานเช่นกัน นั่นคือการแต่งงานในพระวิหาร13

ข้าพเจ้าสวดอ้อนวอนขอพรพระเจ้าให้เรารับรู้เหตุผลสำหรับการดำรงอยู่ของเราและสิ่งที่เราต้องทำเพื่อพบทางสู่ความสูงส่งและชีวิตนิรันดร์ ส่วนหนึ่งของแผนนิรันดร์คือการแต่งงานที่เราถือว่าศักดิ์สิทธิ์ ถ้าเราเต็มใจทำตาม ศาสนพิธีดังกล่าวจะถาวรตลอดกาล นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่มีความเข้าใจในเรื่องนี้และความจริงเหล่านี้เปิดเผยต่อเรา14

2

เมื่อตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับใคร จงอดทน มีศรัทธา และดำรงตนให้มีค่าควรแก่การได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน

ข้าพเจ้าคิดว่าการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดที่ท่านต้องทำ … คือการตัดสินใจที่จะมีอิทธิพลต่อชีวิตท่านชั่วนิรันดร์ และนั่นคือการแต่งงานของท่าน ข้าพเจ้าแน่ใจว่าท่านจะเห็นด้วยกับข้าพเจ้าว่าการแต่งงานสำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดที่ท่านทำในชีวิต เพราะงานอาชีพของท่านหรืออะไรก็ตามที่ท่านจะทำแทบจะไม่สำคัญเท่าคุณค่านิรันดร์ … [การตัดสินใจเรื่องการแต่งงาน] จะส่งผลต่อท่านชั่วนิรันดร์ จะส่งผลต่อท่านขณะที่ท่านอยู่บนโลกนี้เช่นกัน15

อย่า … รีบเข้าสู่ความสัมพันธ์โดยไม่คิดล่วงหน้าให้ถี่ถ้วนและไม่มีการดลใจ จงแสวงหาการนำทางจากพระเจ้าในเรื่องนี้ร่วมกับการสวดอ้อนวอน จงดำรงตนให้มีค่าควรแก่การได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน16

หลายท่าน … กังวลเรื่องการผูกสมัครรักใคร่ การแต่งงาน และการเริ่มต้นครอบครัว ท่านจะไม่พบเห็นคู่ครองในอนาคตของท่านในนิมิตเหมือนนีไฟหรือหนังสือวิวรณ์ เทพหรือแม้แต่อธิการของท่านจะไม่บอกชื่อคู่ครองของท่าน บางอย่างท่านต้องทำด้วยตนเอง จงมีศรัทธาและเชื่อฟัง และพรจะมา พยายามอดทน พยายามอย่าให้สิ่งที่ท่านไม่มีมาบดบังสิ่งที่ท่านมี ถ้าท่านกังวลเรื่องการแต่งงานมากเกินไป ความกังวลนั้นจะทำลายความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ จงใช้ชีวิตให้เต็มที่และซื่อสัตย์เมื่อท่านอยู่คนเดียวก่อนจะกังวลเกินเหตุกับการใช้ชีวิตคู่17

ขณะรอพรที่สัญญาไว้ ไม่ควรอยู่เฉย เพราะการไม่ก้าวไปข้างหน้าคือการถอยหลังระดับหนึ่ง จงทำงานอย่างทุ่มเทในอุดมการณ์ดี รวมถึงการพัฒนาตนเอง18

คนหนุ่มสาวไปปีนเขา

“ขณะรอพรที่สัญญาไว้ … จงทำงานอย่างทุ่มเทในอุดมการณ์ดี รวมถึงการพัฒนาตนเอง

3

ผู้มีค่าควรที่ไม่ได้แต่งงานจะไม่ถูกปฏิเสธพร

นี่คือศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ศาสนจักรของคนแต่งงานหรือคนโสดหรือคนกลุ่มใดหรือบุคคลใด พระกิตติคุณที่เราสั่งสอนคือพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ ซึ่งครอบคลุมศาสนพิธีและพันธสัญญาแห่งความรอดทั้งหมดที่จำเป็นต่อการช่วยทุกคนที่เต็มใจยอมรับพระคริสต์ รักษาพระบัญญัติที่พระองค์และพระบิดาในสวรรค์ของเราประทานให้รอดและสูงส่ง19

ทุกคนที่มีค่าควรจะไม่ถูกปฏิเสธพร รวมทั้งพรของการแต่งงานนิรันดร์และครอบครัวนิรันดร์ แม้บางคนอาจใช้เวลานาน—บางทีอาจหลังจากชีวิตมรรตัย—กว่าจะได้รับพรนี้ แต่จะไม่มีใครถูกปฏิเสธ …

ตอนนี้ ข้าพเจ้าขอมอบความรักและคำแนะนำสักเล็กน้อย

ถึงท่านผู้เป็น ชายที่ไม่ได้แต่งงาน อย่าเลื่อนการแต่งงานเพราะท่านไม่มีอาชีพและฐานะการเงินที่มั่นคง … จงจำไว้ว่าในฐานะผู้ดำรงฐานะปุโรหิตท่านมีข้อผูกมัดว่าท่านต้องเป็นฝ่ายเริ่มหาคู่นิรันดร์ก่อน

ถึงท่านผู้เป็น หญิงที่ไม่ได้แต่งงาน สัญญาของศาสดาพยากรณ์ของพระผู้เป็นเจ้ามีอยู่เสมอว่าพระเจ้าทรงห่วงใยท่าน ถ้าท่านซื่อสัตย์ พร ทุกประการ จะเป็นของท่าน การไม่ได้แต่งงานและไม่มีครอบครัวในชีวิตนี้เป็นเพียงสภาพชั่วคราว และนิรันดรเป็นเวลายาวไกล ประธานเบ็นสันเคยเตือนเราว่า “มนุษย์เท่านั้นที่นับเวลา พระผู้เป็นเจ้าทรงเห็นภาพของท่านไกลถึงนิรันดร” (Ensign, Nov. 1988, p. 97.) จงเติมเต็มชีวิตท่านด้วยกิจกรรมที่คุ้มค่าและมีความหมาย

ถึงท่านที่เคยประสบกับ การหย่าร้าง อย่าปล่อยให้ความผิดหวังหรือความรู้สึกล้มเหลวบิดเบือนแนวคิดของท่านเรื่องการแต่งงานหรือชีวิต อย่าสิ้นศรัทธาในการแต่งงานหรือยอมให้ความขมขื่นกัดกร่อนจิตวิญญาณและทำลายท่านหรือคนที่ท่านรักหรือเคยรัก20

4

ชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จเรียกร้องให้ท่านพยายามดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณอย่างสุดความสามารถ

[การแต่งงาน] … เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้ ความพยายามอย่างมีสติของเรา ไม่ใช่ตามสัญชาตญาณ จะกำหนดความสำเร็จ แรงจูงใจเกิดจากความอ่อนโยน ความอาทรที่แท้จริงตลอดจนการคำนึงถึงความสุขและความผาสุกของกันและกัน

ก่อนแต่งงานเรามองชีวิตจากทัศนะของเราเอง แต่หลังจากก้าวขึ้นมาอยู่เหนือจุดนั้น เราเริ่มพิจารณาชีวิตจากทัศนะของอีกฝ่ายด้วย เป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องเสียสละและปรับตัวเพื่อเป็นวิธีแสดงความเชื่อมั่นและความรัก

กล่าวกันบ่อยครั้งว่าโดยทั่วไปแล้วชีวิตแต่งงานที่มีความสุขและประสบความสำเร็จไม่ใช่เรื่องของการแต่งงานกับคนดีมากเท่ากับ การที่ท่านเป็นคนดี สถิติที่แสดงอัตราการหย่าร้างสูงอาจบ่งบอกว่าไม่ฉลาดในการเลือกคู่ ถ้าพวกเขาแต่งงานกับคนอื่น ปัญหาอย่างหนึ่งอาจหมดไป แต่จะมีปัญหาอีกอย่างหนึ่งเข้ามาแทนแน่นอน การเลือกคู่อย่างฉลาดเป็นคุณประโยชน์ใหญ่หลวงต่อชีวิตแต่งงานที่ประสบความสำเร็จ แต่การพยายามทำส่วนของตนอย่างมีสติเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สุดที่เอื้อต่อความสำเร็จ21

จริงอยู่ที่ว่าคู่สามีภรรยาที่มีค่าควรจะได้รับความสูงส่งในอาณาจักรซีเลสเชียล แต่ชายหญิงแต่ละคนที่ได้รับการผนึกในความสัมพันธ์นิรันดร์ต้องมีค่าควรส่วนตัวสำหรับพรนั้น

การแต่งงานนิรันดร์จะประกอบด้วยชายที่มีค่าควรกับหญิงที่มีค่าควร ทั้งสองต่างได้รับบัพติศมาด้วยน้ำและด้วยพระวิญญาณแล้ว ต่างคนต่างเข้าไปในพระวิหารเพื่อรับเอ็น-ดาวเม้นท์ของตน ต่างคนต่างปฏิญาณว่าจะภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้าและต่อหุ้นส่วนของตนในพันธสัญญาการแต่งงาน และต่างคนต่างรักษาพันธสัญญาของตน โดยทำทั้งหมดที่พระผู้เป็นเจ้าทรงคาดหวังจากพวกเขา22

การดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณสร้างชีวิตแต่งงานที่มีความสุข … เมื่อคนสองคนดำเนินชีวิตตามหลักธรรมแห่งพระกิตติคุณ ชีวิตแต่งงานจะหวานชื่นและจะมีความสุข23

5

สามีภรรยาควรทำงานด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของชีวิตแต่งงาน

จิตกุศลและความอดทนต่อข้อบกพร่อง

เกือบทุกคู่มีข้อบกพร่อง … ริชาร์ด แอล. อีแวนส์เคยกล่าวว่า “บางทีใครๆ ก็สามารถเป็นเพื่อนกับคนที่ดีพร้อม แต่ภารกิจของเราคือเป็นเพื่อนกับคนที่ไม่ดีพร้อม” [Richard Evans’ Quote Book (1971), 165] เราเข้าใจว่าในชีวิตแต่งงานเราไม่ได้อยู่กับคนที่ดีพร้อม แต่เรากำลังแสวงหาความดีพร้อมและเรากำลังเดินไปตามวิถีซึ่งเราหวังว่าจะพบกับความดีพร้อม แต่เราต้องมีความเข้าใจ ทำให้ดีที่สุด และทำให้ชีวิตสวยงาม …

… พระคัมภีร์ไบเบิลบอกเราว่า “จิตกุศลนั้นก็อดทนนานและมีใจปรานี” (ดู 1 โค-รินธ์ 13:4) ความรักแบบนั้น แบบที่ไม่ถูกมองข้ามง่ายๆ ไม่สิ้นสุดที่ความพอใจและถูกโยนทิ้งเหมือนพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง แต่เผชิญความยุ่งยากเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดของชีวิตด้วยกันฉันสามีภรรยา โดยทำให้ทั้งสองคนเป็นหนึ่งเดียวในจุดประสงค์ เป็นความสุขสูงสุดของมนุษย์24

ความเป็นหนึ่งเดียวของใจ

แน่นอนว่าชีวิตแต่งงานที่มีความสุขที่สุดคือชีวิตแต่งงานที่ความปวดร้าวของคุณเป็นความปวดร้าวของฉัน ความเจ็บปวดของคุณเป็นความเจ็บปวดของฉัน ชัยชนะของคุณเป็นชัยชนะของฉัน ความกังวลของคุณเป็นความกังวลของฉัน ความเป็นหนึ่งเดียวของใจ ของจิตวิญญาณ ของเนื้อหนังดูเหมือนจะเป็นเรื่องท้าทายมากกว่าแต่ก่อนในโลกที่ดูเหมือนจะมีคำถามว่า “ฉันจะได้อะไรจากสิ่งนี้” คู่แต่งงานมากมายเหลือเกินกลายเป็นเพียงเครื่องประดับบนแขนเสื้อแทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของใจ25

คู่หนุ่มสาวกับลูกน้อย

เมื่อสามีภรรยา “รักกันเฉกเช่นพวกเขารักพระผู้เป็นเจ้า … จะมีความหวานชื่นและความอาทรเข้ามาในบ้านอันจะทำให้เกิดความสำเร็จชั่วนิรันดร์”

ความซื่อสัตย์ภักดีในความคิด คำพูด และการกระทำ

ชายผู้ดำรงฐานะปุโรหิตแสดงความซื่อสัตย์ทางศีลธรรมโดยสมบูรณ์ต่อภรรยาและไม่มีเหตุผลให้เธอสงสัยความซื่อสัตย์ของเขา สามีต้องรักภรรยาสุดหัวใจและแนบสนิทกับเธอและหาใช่ใครอื่นไม่ (ดู คพ. 42:22–26) ประธานสเป็นเซอร์ ดับเบิลยู. คิมบัลล์อธิบายว่า

“คำว่า หาใช่ใครอื่นไม่ ตัดทุกคนและทุกอย่างออกไป จากนั้นคู่ครองจะกลายเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของสามีหรือภรรยา และชีวิตทางสังคมหรือชีวิตทางอาชีพหรือชีวิตทางการเมืองหรือความสนใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งหรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือสิ่งใดจะไม่มาก่อนคู่ครอง” (The Miracle of Forgiveness, Salt Lake City: Bookcraft, 1969, p. 250)

พระเจ้าทรงห้ามและศาสนจักรของพระองค์กล่าวโทษความสัมพันธ์ใกล้ชิดทุกรูปแบบนอกชีวิตสมรส ความไม่ซื่อสัตย์ในส่วนของผู้ชายทำให้ใจภรรยาชอกช้ำ สูญเสียความเชื่อมั่นของเธอและความเชื่อมั่นของบุตรธิดา (ดู เจคอบ 2:35)

จงซื่อสัตย์ในพันธสัญญาการแต่งงานของท่านทั้งในความคิด คำพูด และการกระทำ สื่อลามก การเกี้ยวพาราสี และความคิดทางเพศที่ไม่เหมาะสมกัดกร่อนอุปนิสัยของบุคคลและบั่นทอนรากฐานของชีวิตแต่งงานที่มีความสุข ด้วยเหตุนี้ความเป็นหนึ่งเดียวและความไว้วางใจในชีวิตแต่งงานจึงถูกทำลาย คนที่ไม่ควบคุมความคิดและทำการล่วงประเวณีในใจเขา ถ้าเขาไม่กลับใจ เขาจะไม่มีพระวิญญาณ แต่จะปฏิเสธศรัทธาและจะกลัว (ดู คพ. 42:23; 63:16)26

ความอ่อนโยนและความเคารพในความสัมพันธ์แนบชิด

จงทำให้ตัวท่านอยู่เหนือการใช้อำนาจบาตรใหญ่หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในความสัมพันธ์แนบชิดที่อ่อนโยนระหว่างสามีภรรยา เพราะการแต่งงานได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้า ความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างสามีภรรยาจึงเป็นเรื่องดีและน่ายกย่องในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงบัญชาพวกเขาให้เป็นเนื้อเดียวกัน และให้พวกเขาขยายเผ่าพันธุ์และเพิ่มพูนให้เต็มแผ่นดินโลก (ดู โมเสส 2:28; 3:24) ท่านต้องรักภรรยาเฉกเช่นพระคริสต์ทรงรักศาสนจักรและสละพระองค์เพื่อศาสนจักร (ดู เอเฟซัส 5:25-31)

ความอ่อนโยนและความเคารพ—ไม่ใช่ความเห็นแก่ตัว—จะต้องเป็นหลักธรรมชี้นำความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างสามีภรรยา แต่ละฝ่ายต้องคำนึงถึงและละเอียดอ่อนต่อความต้องการและความปรารถนาของอีกฝ่าย พระเจ้าทรงกล่าวโทษการใช้อำนาจบาตรใหญ่ พฤติกรรมต่ำช้า หรือควบคุมไม่ได้ในความสัมพันธ์แนบชิดระหว่างสามีภรรยา

ชายใดกระทำทารุณกรรมหรือดูหมิ่นภรรยาทางกายหรือทางวิญญาณเข้าข่ายกระทำบาปร้ายแรงและต้องกลับใจอย่างจริงใจและจริงจัง ควรแก้ไขความแตกต่างด้วยความรักความเมตตาและด้วยวิญญาณของความปรองดองกัน ชายควรพูดกับภรรยาด้วยความรักและความอ่อนโยนเสมอ ปฏิบัติต่อเธอด้วยความเคารพสูงสุด ชีวิตแต่งงานเหมือนดอกไม้แรกแย้ม … และต้องบำรุงเลี้ยงสม่ำเสมอด้วยการแสดงความรักและความอาทร27

ตั้งใจฟัง

โจทย์มากมายตอบได้อย่างรวดเร็ว และสถานการณ์ยุ่งยากมากมายแก้ไขได้ ถ้าเราจะเข้าใจว่ามีหลายครั้งที่เราต้องฟัง ในโรงเรียนเราเรียนรู้เมื่อเราฟัง แต่ไม่เรียนรู้เมื่อเราไม่เอาใจใส่ ในชีวิตแต่งงานจะขาดความเข้าใจโดยสิ้นเชิงถ้าเราไม่ยอมฟัง … แน่นอนว่าเราจำเป็นต้องพูด แต่เราต้องฟังทัศนะของอีกฝ่ายเพื่อจะเพิ่มความเข้าใจของเรามากพอจะตัดสินใจได้อย่างฉลาด หูที่คอยรับฟังมักจะสร้างความแตกต่าง28

ความไม่เห็นแก่ตัว

มิตรภาพจะไม่ยั่งยืนถ้ามีฐานอยู่บนทรายของความเห็นแก่ตัว ชีวิตแต่งงานไม่ยั่งยืนเมื่อไม่มีรากฐานอื่นนอกจากเสน่ห์ทางกาย และไม่มีรากฐานของความรักและความจงรักภักดีที่ลึกซึ้ง29

เราหวังว่าท่านที่แต่งงานแล้วจะจดจำความรู้สึกรักซึ่งนำท่านไปถึงแท่นในพระนิเวศของพระเจ้า เราเศร้าเสียใจเมื่อทราบว่าความรักของหลายท่านเย็นชาลงหรือด้วยเหตุผลนานัปการของความเห็นแก่ตัวและการล่วงละเมิด ท่านลืมหรือปฏิบัติเล่นๆ กับพันธ-สัญญาการแต่งงานที่ทำไว้ในพระวิหาร เราขอร้องให้สามีภรรยารักและเคารพกัน แท้ที่จริง ความหวังสูงสุดของเราคือขอให้แต่ละครอบครัวได้รับพรของการมีมารดาและบิดาที่แสดงความรักต่อกัน เคารพนับถือกัน และทำงานด้วยกันเพื่อกระชับความสัมพันธ์ของชีวิตแต่งงาน30

ข้อเสนอแนะสำหรับศึกษาและสอน

คำถาม

  • ในหัวข้อ 1 ประธานฮันเตอร์เน้นว่าการแต่งงานได้รับแต่งตั้งจากพระผู้เป็นเจ้าและมุ่งหมายจะให้ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ การรู้เช่นนี้จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของท่านกับคู่ครองได้อย่างไร การแต่งงานคือ “การเป็นหุ้นส่วนกับพระผู้เป็นเจ้า” มีความหมายต่อท่านอย่างไร เราจะช่วยให้เด็กและเยาวชนเตรียมแต่งงานในพระวิหารได้อย่างไร

  • ท่านมีความคิดและความประทับใจอะไรบ้างขณะศึกษาคำแนะนำของประธานฮัน-เตอร์เกี่ยวกับการตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับใคร (ดู หัวข้อ 2)

  • คำสัญญาและคำแนะนำของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 3 จะช่วยคนที่ไม่แต่งงานได้อย่างไร เราจะประยุกต์ใช้ข่าวสารของประธานฮันเตอร์ที่ว่า “นี่เป็นศาสนจักรของพระเยซูคริสต์ ไม่ใช่ศาสนจักรของคนแต่งงานหรือคนโสด” ได้อย่างไร

  • ท่านคิดว่าประธานฮันเตอร์หมายถึงอะไรเมื่อท่านพูดว่าการแต่งงาน “เป็นพฤติกรรมที่เกิดจากการเรียนรู้” (ดู หัวข้อ 4) ท่านเคยเห็นเมื่อใดว่าการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมพระกิตติคุณนำความสุขมาสู่ชีวิตแต่งงาน ถ้าท่านแต่งงานแล้ว ลองพิจารณาว่าท่านจะทำอะไรได้บ้างเพื่อแสดงความรักต่อคู่ครองอย่างเต็มที่มากขึ้น

  • ไตร่ตรองคำแนะนำของประธานฮันเตอร์ในหัวข้อ 5 คู่ครองจะมีความอดทนมากขึ้นต่อข้อบกพร่องของกันและกันได้อย่างไร คู่ครองจะมี “ความเป็นหนึ่งเดียวของใจ” มากขึ้นได้อย่างไร คู่ครองจะแสดงความซื่อสัตย์ในชีวิตแต่งงานผ่านความคิด คำพูด และการกระทำได้อย่างไร

ข้อพระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง

ปฐมกาล 2:18, 21–24; เจคอบ 2:27, 31–33; 4 นีไฟ 1:11; คพ. 42:22; โมเสส 3:19–24; ดู “ครอบครัว: ถ้อยแถลงต่อโลก,” เลียโฮนา, พ.ย. 2010, 165

ความช่วยเหลือด้านการศึกษา

“การศึกษาพระกิตติคุณจะมีประสิทธิภาพมากที่สุดเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์สอนท่าน ทุกครั้งที่ท่านจะศึกษาพระกิตติคุณจงเริ่มต้นด้วยการสวดอ้อนวอนให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ช่วยในการเรียนรู้” (สั่งสอนกิตติคุณของเรา [2004], 18)

อ้างอิง

  1. ดู เอลีนอร์ โนวส์, Howard W. Hunter (1994), 72.

  2. ใน โนวส์, Howard W. Hunter, 79–80.

  3. ใน ดอน แอล. เซียร์ลา, “President Howard W. Hunter, Acting President of the Quorum of the Twelve Apostles,” Ensign, Apr. 1986, 24–25.

  4. กอร์ดอน บี. ฮิงค์ลีย์, “A Prophet Polished and Refined,” Ensign, Apr. 1995, 34.

  5. ใน โนวส์, Howard W. Hunter, 270; ดู 264, 267, 269 ด้วย.

  6. เจมส์ อี. เฟาสท์, “Howard W. Hunter: Man of God,” Ensign, Apr. 1995, 28.

  7. The Teachings of Howard W. Hunter, ed. Clyde J. Williams (1997), 137.

  8. The Teachings of Howard W. Hunter, 130.

  9. “Being a Righteous Husband and Father,” Ensign, Nov. 1994, 49.

  10. The Teachings of Howard W. Hunter, 130.

  11. The Teachings of Howard W. Hunter, 132.

  12. The Teachings of Howard W. Hunter, 130.

  13. The Teachings of Howard W. Hunter, 131–32.

  14. “Divine Creation of Women” (address given at the Australia Area Conference, Adelaide, Australia, Nov. 30, 1979), 7, Church History Library, Salt Lake City.

  15. The Teachings of Howard W. Hunter, 141-42.

  16. “The Church Is for All People,” Ensign, June 1989, 77.

  17. “Fear Not, Little Flock” (ปราศรัยที่มหาวิทยา-ลัยบริคัม ยังก์, 14 มี.ค., 1989), 4; speeches.byu.edu.

  18. “The Church Is for All People,” 77.

  19. “The Church Is for All People,” 76.

  20. “The Church Is for All People,” 76–77.

  21. The Teachings of Howard W. Hunter, 129-30.

  22. “The Church Is for All People,” 76.

  23. The Teachings of Howard W. Hunter, 137.

  24. The Teachings of Howard W. Hunter, 135-36.

  25. The Teachings of Howard W. Hunter, 137.

  26. “Being a Righteous Husband and Father,” 50.

  27. “Being a Righteous Husband and Father,” 51.

  28. The Teachings of Howard W. Hunter, 129.

  29. ใน Conference Report, Oct. 1967, 12.

  30. The Teachings of Howard W. Hunter, 130-31.