บทที่ 14 สื่อการเรียนการสอนสำหรับครู

พระเจ้าทรงเปิดเผยพระคัมภีร์เพิ่มเติม

ดังในสมัยการประทานก่อนๆ พระเจ้ายังคงเปิดเผยพระคัมภีร์เพิ่มเติมผ่านศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่เช่นเดิม บทนี้ให้นักเรียนมีโอกาสแบ่งปันว่าพระคัมภีร์ยุคสุดท้ายฟื้นฟูและช่วยให้เข้าใจความจริงพระกิตติคุณง่ายขึ้นอย่างไร นักเรียนจะพร้อมตอบคำถามเกี่ยวกับหนังสือของอับราฮัมมากขึ้นด้วย

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

พระเจ้าทรงเปิดเผยพระคัมภีร์เพิ่มเติมผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ

เชื้อเชิญให้นักเรียนสมมติว่าเพื่อนคนหนึ่งถามอย่างจริงใจว่า “ทำไมศาสนจักรของคุณมีพระคัมภีร์มากกว่าพระคัมภีร์ไบเบิล? ฉันคิดว่าพระคัมภีร์ไบเบิลมีพระวจนะของพระผู้เป็นเจ้าทั้งหมดแล้ว” ขอให้นักเรียนยกมือถ้าเคยมีคนถามพวกเขาทำนองนี้ เชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันว่าพวกเขาตอบอย่างไร (หรือพวกเขาจะตอบอย่างไร)

อธิบายว่าพระคัมภีร์มอรมอนมีบันทึกที่นีไฟเขียนเกี่ยวกับนิมิตที่ท่านเห็นถ้อยคำในพระคัมภีร์ไบเบิลออกไปสู่ชาวโลก ท่านเห็นเช่นกันว่าพระกิตติคุณของพระผู้ช่วยให้รอดหลายส่วนที่ “แจ้งชัด” และ “มีค่า” (1 นีไฟ 13:26) ถูกนำออกไปจากพระคัมภีร์ไบเบิล (ดู 1 นีไฟ 13:24–26)

ให้ชั้นเรียนอ่าน 1 นีไฟ 13:38–41 โดยดูว่านีไฟเห็นบันทึกอะไรบ้างที่จะมีให้ผู้คนในยุคสุดท้ายอ่าน ท่านอาจจะหยุดครู่หนึ่งหลังจากอ่านแต่ละข้อและให้นักเรียนอธิบายว่านีไฟกำลังกล่าวถึงบันทึกอะไร ตัวอย่างเช่น “หนังสือเล่มอื่น” ที่กล่าวไว้ใน ข้อ 39 รวมถึงพระคัมภีร์มอรมอน หลักคำสอนและพันธสัญญา ไข่มุกอันล้ำค่า และงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลของโจเซฟ สมิธด้วย

• ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 40 และ 41 อะไรคือจุดประสงค์ของพระคัมภีร์เพิ่มเติมเหล่านี้ที่เปิดเผยผ่านโจเซฟ สมิธ? (ใช้คำตอบของนักเรียนระบุความจริงดังต่อไปนี้: โดยผ่านโจเซฟ สมิธพระเจ้าทรงเปิดเผยพระคัมภีร์เพิ่มเติมที่ยืนยันความจริงของพระคัมภีร์ไบเบิล ฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่า และช่วยนำผู้คนมาหาพระเยซูคริสต์)

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจความจริงนี้ลึกซึ้งขึ้น ท่านอาจจะใช้แนวคิดการสอนต่อไปนี้ช่วยทำให้การแบ่งปันและการสนทนาของนักเรียนสะดวกขึ้น

หลักคำสอนและพันธสัญญา

เตือนความจำนักเรียนว่าที่การประชุมหนึ่งในปี 1831 โจเซฟ สมิธและเอ็ลเดอร์หลายคนลงมติให้จัดพิมพ์การเปิดเผยที่ได้รับจนถึงเวลานั้น ระหว่างการประชุมพระเจ้าทรงเปิดเผยคำปรารภของพระองค์ให้หนังสือพระบัญญัติ (ปัจจุบันคือหลักคำสอนและพันธสัญญา) ผ่านโจเซฟ สมิธ คำปรารภนี้คือ หลักคำสอนและพันธสัญญา 1

ให้เวลานักเรียนหนึ่งนาทีทบทวน หลักคำสอนและพันธสัญญา 1:17, 21–23, 37 จากสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียน ให้นักเรียนมองหาสิ่งที่พระเจ้าทรงสอนเกี่ยวกับการเปิดเผย (ในเนื้อความเรียกว่า “พระบัญญัติ”) เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พบ

ใน หัวข้อ 2 ของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียนจะขอให้นักเรียนหาพระคัมภีร์ข้อหนึ่งจากหลักคำสอนและพันธสัญญาที่เคยเสริมสร้างศรัทธาของพวกเขาในพระเยซูคริสต์ ให้เวลานักเรียนแบ่งปันข้อนั้นให้กัน ท่านอาจจะทำกิจกรรมนี้เป็นกลุ่มเล็กหรือทั้งชั้นก็ได้ พวกเขาอาจแบ่งปันคำตอบของคำถามต่อไปนี้ให้กันด้วย:

• ข้อเหล่านี้ยืนยันความจริงของพระคัมภีร์ไบเบิล ฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่า หรือนำเราเข้าใกล้พระเยซูคริสต์มากขึ้นในวิธีใด?

งานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลและไข่มุกอันล้ำค่าของโจเซฟ สมิธ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียงคำกล่าวของโจเซฟ สมิธเกี่ยวกับพระคัมภีร์ไบเบิลใน หัวข้อ 3 ของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียน อธิบายว่าพระเจ้าทรงฟื้นฟูความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าจำนวนมากที่หายไปผ่านงานแปลพระคัมภีร์ไบเบิลของโจเซฟ สมิธ

เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมเข้าชั้นเรียน ให้นักเรียนศึกษาคำอธิบายที่ว่างานแปลของโจเซฟ สมิธและไข่มุกอันล้ำค่าคืออะไร ขอให้นักเรียนสองสามคนสรุปสิ่งที่พวกเขาเรียนรู้เกี่ยวกับพระคัมภีร์แต่ละเล่ม

หากจำเป็นให้เตือนความจำนักเรียนว่างานแปลของโจเซฟ สมิธหลายตอนรวมอยู่ในพระคัมภีร์ไข่มุกอันล้ำค่าเป็นหนังสือของโมเสสและ โจเซฟ สมิธ—มัทธิว การแก้ไขอื่นๆ ด้วยการดลใจมีอยู่ในเชิงอรรถและภาคผนวกของพระคัมภีร์ไบเบิลบางฉบับ ใน คู่มือพระคัมภีร์ และบน scriptures.ChurchofJesusChrist.org ท่านอาจจะขอให้นักเรียนเปิดดูแหล่งข้อมูลใดก็ได้ที่มีให้พวกเขาเพื่อให้แน่ใจพวกเขารู้จักวิธีเข้าถึงพระคัมภีร์เหล่านี้

ให้ดูรายการข้อพระคัมภีร์จากหนังสือของโมเสสและงานแปลของโจเซฟ สมิธใน หัวข้อ 3 ของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียน ขอให้นักเรียนทบทวนข้อพระคัมภีร์ที่พวกเขาเลือกเองหรือจากรายการ

หลังจากให้เวลาพวกเขาทบทวนหนึ่งนาทีแล้ว ให้พวกเขาแบ่งปันกับคู่ว่าพระคัมภีร์เหล่านี้สอนความจริงที่แจ้งชัดและมีค่าอะไรบ้าง หรือทำให้ความรู้ของพวกเขาเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์ลึกซึ้งขึ้นอย่างไร ท่านอาจต้องการแบ่งปันประจักษ์พยานของท่านกับชั้นเรียนเช่นกันเกี่ยวกับหลักคำสอนและผลของพระคัมภีร์ในชีวิตท่าน

เราสามารถปฏิบัติด้วยศรัทธาขณะตอบคำถามเกี่ยวกับการแปลหนังสือของอับราฮัม

ปรับปรุงการสอนและการเรียนของเรา

เสริมสร้างศรัทธาขณะสอนประวัติศาสนจักร ขณะท่านสอนประวัติศาสนจักร ให้สอนในลักษณะที่จะเสริมสร้างศรัทธาของนักเรียนว่าพระเยซูคริสต์ทรงฟื้นฟูศาสนจักรของพระองค์บนแผ่นดินโลกในวันเวลาสุดท้าย ช่วยให้นักเรียนเห็นว่าโจเซฟ สมิธทำพันธกิจของท่านในฐานะศาสดาพยากรณ์แห่งการฟื้นฟูให้เกิดสัมฤทธิผลด้วยความซื่อสัตย์อย่างไร ใช้แหล่งช่วยที่พระองค์ทรงกำหนด (เช่นพระคัมภีร์และถ้อยคำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตอยู่) สื่อการเรียนการสอนหลักสูตรที่จัดให้ และแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้อื่นๆ ช่วยให้นักเรียนมองการฟื้นฟูที่พระองค์ทรงเผยให้เห็นจากมุมมองของศรัทธา

ให้ดูภาพต่อไปนี้ และอธิบายว่านี่เป็นชิ้นส่วนของปาปิรุสภาษาอียิปต์ที่โจเซฟ สมิธเคยมี

เชื้อเชิญให้นักเรียนแบ่งปันสิ่งที่พวกเขารู้เกี่ยวกับการได้มาและประวัติของปาปิรุส (ดู หัวข้อ 3 และ 4 ของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียน)

• มีคำถามอะไรเกิดขึ้นบ้างจากการศึกษาชิ้นส่วนปาปิรุสที่มีอยู่? (เชิญนักเรียนเล่าสิ่งที่เรียนรู้จาก หัวข้อ 4 ของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียน)

• ท่านจะแบ่งปันอะไรกับคนที่มีข้อกังวลทั่วไปเกี่ยวกับการแปลหนังสือของอับราฮัม?

ขณะนักเรียนตอบคำถามก่อนหน้านี้ ท่านอาจจะใช้คำถามติดตามผลด้านล่างหนึ่งข้อหรือมากกว่านั้นเพื่อดำเนินการสนทนา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา ท่านจะให้โอกาสนักเรียนพิจารณาสิ่งที่พวกเขาอ่านในสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียนและถามคำถามที่พวกเขามีเกี่ยวกับหนังสือของอับราฮัม

• ท่านทำอะไรเมื่อท่านหาคำตอบของคำถามพระกิตติคุณไม่เจอ เช่นคำถามเกี่ยวกับหนังสือของอับราฮัม?

• มีหลักฐานอะไรปรากฏตั้งแต่จัดพิมพ์หนังสือของอับราฮัมที่สนับสนุนความถูกต้องแท้จริงของหนังสือดังกล่าว? (ดู “หนังสือของอับราฮัมและโลกสมัยโบราณ” ใน หัวข้อ 4 ของสื่อการเรียนการสอนสำหรับเตรียมเข้าชั้นเรียน)

• ท่านจะบอกบางคนว่าอะไรเป็นวิธีที่เชื่อถือได้มากที่สุดในการตัดสินความจริงของหนังสืออับราฮัม? เพราะเหตุใด?

สรุปโดยเปิดโอกาสให้นักเรียนแบ่งปันข้อพระคัมภีร์ที่เขาชื่นชอบจากหนังสือของอับราฮัมและเป็นพยานถึงหนังสือนั้นและพระคัมภีร์เล่มอื่นของการฟื้นฟู

สำหรับครั้งต่อไป

ขอให้นักเรียนพิจารณาว่าพวกเขามักจะคิดอย่างไรกับตนเอง เชื้อเชิญให้พวกเขาพิจารณาอิทธิพลของพวกเขาในชีวิตนี้และในนิรันดรด้วย กระตุ้นให้นักเรียนเตรียมมาสนทนาความจริงที่ได้รับการฟื้นฟูเกี่ยวกับแผนของพระผู้เป็นเจ้าสำหรับพวกเขาและอนาคตของพวกเขา