เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 22: หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:1–16


บทที่ 22

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:1–16

คำนำ

โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 18 สำหรับตัวท่านเอง ออลิเวอร์ คาวเดอรี และเดวิด วิตเมอร์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1829 ไม่นานหลังจากเปโตร ยากอบ และยอห์นประสาทฐานะปุโรหิตแห่งเมลคีเซเดคให้โจเซฟ สมิธและออลิเวอร์ คาวเดอรี ตอนเริ่มต้นการเปิดเผย พระเจ้าทรงสอนออลิเวอร์ คาวเดอรีเกี่ยวกับการเสริมสร้างศาสนจักร ต่อจากนั้นพระองค์ทรงเรียกออลิเวอร์ คาวเดอรีและเดวิด วิตเมอร์ให้สั่งสอนการกลับใจ

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:1–5

พระเจ้าทรงสอนวิธีเสริมสร้างศาสนจักรของพระองค์

วาดภาพประกอบ ไว้บนกระดานก่อนชั้นเรียน

แผนภาพการสร้างศาสนจักร

ท่านอาจจะอ่านข้อมูลต่อไปนี้หรือแบ่งปันข้อมูลคล้ายกันเกี่ยวกับแผ่นดินไหวที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้หรือใกล้เคียงสถานที่อยู่อาศัยของท่าน

วันที่ 7 ตุลาคม ค.ศ. 1989 เวลา 17:04 น. เกิดแผ่นดินไหวระดับ 6.9 มาตราริกเตอร์ที่แซนแฟรนซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐ อาคารหลายพันหลังเสียหายหรือไม่ก็พังทลาย รากฐานของอาคารหลายหลังแตกร้าวทำให้ต้องประกาศว่าอาคารเหล่านั้นไม่ปลอดภัย

  • ท่านจะมีข้อกังวลอะไรเกี่ยวกับการอาศัยอยู่ในบ้านที่รากฐานอ่อนแอ

อธิบายว่า หลักคำสอนและพันธสัญญา 18 บันทึกการเปิดเผยของพระเจ้าต่อโจเซฟ สมิธ และออลิเวอร์ คาวเดอรีเกี่ยวกับวิธีสร้างศาสนจักรของพระองค์บนรากฐานที่มั่นคง เมื่อเริ่มต้นการเปิดเผยนี้พระเจ้าตรัสถึงสิ่งที่ออลิเวอร์ คาวเดรีเขียนไว้ อันหมายถึงถ้อยคำของพระคัมภีร์มอรมอนที่ออลิเวอร์บันทึกไว้ขณะทำหน้าที่เป็นผู้จดให้ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:1–4 ขอให้ชั้นเรียนดูว่าสิ่งที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยเสริมสร้างศาสนจักรอย่างไร

  • พระเจ้าตรัสว่าอะไรอยู่ในพระคัมภีร์มอรมอน คำสอนในพระคัมภีร์มอรมอนจะช่วยเสริมสร้างศาสนจักรได้อย่างไร

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:5 ขอให้ชั้นเรียนระบุสิ่งที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงสัญญาไว้ถ้าเราจะสร้างศาสนจักรของพระองค์บนรากฐานพระกิตติคุณของพระองค์

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 5ศาสนจักรที่แท้จริงสร้างอยู่บนอะไร (คำตอบของนักเรียนควรสะท้อนหลักคำสอนต่อไปนี้: ศาสนจักรที่แท้จริงสร้างบนพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์)

  • พระเจ้าทรงสัญญาอะไรกับเราเมื่อเราสร้างศาสนจักรของพระองค์บนรากฐานพระกิตติคุณของพระองค์

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:6–16

พระเจ้าทรงเรียกออลิเวอร์ คาวเดอรีและเดวิด วิตเมอร์ให้สั่งสอนการกลับใจ

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:6 ขอให้ชั้นเรียนดูตาม โดยมองหาว่าพระเจ้าตรัสถึงโลกที่เราอาศัยอยู่ว่าอย่างไร หลังจากนักเรียนรายงานสิ่งที่พวกเขาค้นพบแล้ว ให้เชิญพวกเขาอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:9 เพื่อเรียนรู้สิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชาเพื่อตอบสนองความชั่วช้าสามานย์ที่เพิ่มขึ้นในโลก

  • อะไรเป็นวิธีตอบสนองของพระเจ้าต่อความชั่วช้าสามานย์ที่เพิ่มขึ้นในโลก (พระองค์ทรงเรียกผู้รับใช้ให้สั่งสอนการกลับใจ)

ชี้ให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเรียกออลิเวอร์ คาวเดอรีและเดวิด วิตเมอร์ให้สั่งสอนการกลับใจ เฉกเช่นทรงเรียกอัครสาวกเปาโลสมัยโบราณให้ทำเช่นนั้น แม้ออลิเวอร์และเดวิดไม่ได้รับเรียกให้เป็นสมาชิกโควรัมอัครสาวกสิบสอง แต่พวกเขาจะมีบทบาทในการสถาปนาโควรัมนี้ในยุคสุดท้าย อธิบายว่านักเรียนจะเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับบทบาทของออลิเวอร์ คาวเดอรีและเดวิด วิตเมอร์ในบทต่อไป

เพื่อช่วยนักเรียนเตรียมศึกษาคำสอนของพระเจ้าเกี่ยวกับค่าของจิตวิญญาณ ให้ดูของสองสามอย่างที่ท่านคิดว่าจะมีค่าต่อนักเรียน ถามพวกเขาว่าพวกเขาจะจ่ายค่าของแต่ละชิ้นเท่าไร อธิบายว่าวิธีหนึ่งที่จะประเมินค่าของสิ่งใดสิ่งหนึ่งคือสืบให้รู้ว่าผู้คนจะยอมจ่ายอะไรเพื่อสิ่งนั้น บางคนอาจจะอ้างว่าของชิ้นนั้นมีค่าเท่ากับเงินจำนวนหนึ่ง แต่ราคานี้ถูกต้องก็ต่อเมื่ออีกคนหนึ่งยอมจ่ายเท่าจำนวนนั้น

อ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:10 เชื้อเชิญให้นักเรียนใช้ข้อนี้อธิบายค่าของพวกเขาในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า นักเรียนอาจเสนอหลักธรรมหลากหลาย แต่พึงเน้นว่า ค่าของจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า

  • ท่านคิดว่าเหตุใดเราจึงมีค่ายิ่งใหญ่ต่อพระผู้เป็นเจ้า

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุด

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงเห็นท่านเป็นเพียงสัตภาวะมรรตัยในดาวเคราะห์ดวงเล็กๆ ซึ่งมีชีวิตอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ—แต่พระองค์ทรงเห็นท่านเป็นบุตรธิดาของพระองค์ พระองค์ทรงเห็นท่านเป็นสัตภาวะที่มีความสามารถและทรงกำหนดมาให้เป็นเช่นนั้น พระองค์ทรงต้องการให้ท่านรู้ว่าท่านสำคัญต่อพระองค์” (“ท่านสำคัญต่อพระองค์,” เลียโฮนา, พ.ย. 2011, 26, 27)

เตือนนักเรียนให้นึกถึงกิจกรรมที่ท่านสาธิตว่าค่าของสิ่งหนึ่งขึ้นอยู่กับสิ่งที่คนบางคนเต็มใจจ่ายเพื่อสิ่งนั้น เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:11–12 ขอให้ชั้นเรียนดูตามและระบุว่าพระผู้ช่วยให้รอดเต็มพระทัยจ่ายอะไรเพื่อเรา

  • พระผู้ช่วยให้รอดทรงจ่ายเพื่อจิตวิญญาณเราเท่าไร (ท่านอาจต้องการเตือนนักเรียนว่าในข้อเหล่านี้ วลี “คนทั้งปวง” หมายถึงทุกคน)

  • เราจะแสดงความสำนึกคุณต่อการเสียสละที่พระผู้ช่วยให้รอดทรงทำเพื่อเราได้อย่างไร (แม้หลายคำตอบจะถูกต้อง แต่ให้เน้นว่าวิธีที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งที่เราจะแสดงความสำนึกคุณของเราคือการกลับใจ)

เขียนข้อความต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: ค่าของฉันยิ่งใหญ่มากจนพระเยซูคริสต์ทรงทนทุกข์และสิ้นพระชนม์เพื่อให้ฉันได้กลับใจ

ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนเขียนหลักธรรมนี้ลงในสมุดจดหรือในสมุดบันทึกการศึกษาพระคัมภีร์ของพวกเขา

  • ความจริงนี้จะมีผลอย่างไรต่อการมองตนเองของท่าน

  • ความจริงนี้จะมีผลอย่างไรต่อวิธีที่ท่านปฏิบัติต่อผู้อื่น

เป็นพยานถึงความรักของพระผู้ช่วยให้รอดและความเต็มพระทัยจะสิ้นพระชนม์เพื่อเราแต่ละคน

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:13 ในใจ

  • ท่านคิดว่าเหตุใดพระเจ้าจึงทรงรู้สึกปีติใหญ่หลวงเมื่อเรากลับใจ

  • ถ้ามีคนเชื่อว่าค่าของจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า ความเชื่อของพวกเขาจะนำให้เขาทำอะไร (คำตอบอาจได้แก่ ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความเคารพ รับใช้ผู้อื่น หรือเตรียมรับใช้งานเผยแผ่)

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:14 ในใจเพื่อเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกออลิเวอร์ คาวเดอรีและเดวิด วิตเมอร์ให้ทำอะไร

  • ท่านคิดว่า “ป่าวร้องการกลับใจ” หมายความว่าอย่างไร

เพื่อช่วยให้นักเรียนเข้าใจวลีนี้ดีขึ้น ให้อ่านคำกล่าวต่อไปนี้ของเอ็ลเดอร์นีล แอล. แอนเดอร์เซ็นแห่งโควรัมอัครสาวกสิบสอง “การป่าวร้องการกลับใจนั้นแค่หมายความว่าช่วยให้ผู้คนกลับไปหาพระผู้เป็นเจ้า” (“Preparing for Your Spiritual Destiny” [CES fireside address, Jan. 10, 2010], 7, speeches.byu.edu)

  • มีวิธีใดบ้างที่เราสามารถช่วยให้ผู้อื่นกลับใจ

เชื้อเชิญให้นักเรียนอ่าน หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:15–16 เพื่อเรียนรู้ว่าแต่ละคนประสบอะไรเมื่อพวกเขาช่วยให้คนบางคนมาหาพระเยซูคริสต์

  • พรอะไรประทานแก่คนที่ช่วยให้ผู้อื่นมาหาพระเยซูคริสต์ (ขณะที่นักเรียนตอบ ท่านอาจต้องการเขียนหลักธรรมต่อไปนี้ไว้บนกระดาน: หากเราช่วยให้ผู้อื่นกลับใจและมาหาพระเจ้า เราจะรู้สึกปีติกับพวกเขาในอาณาจักรของพระผู้เป็นเจ้า)

  • ท่านคิดว่าเหตุใดท่านจะรู้สึกปีติหากท่านนำผู้อื่นมาหาพระเยซูคริสต์

เชื้อเชิญให้นักเรียน แบ่งปันประสบการณ์ ที่พวกเขาหรือคนรู้จักรู้สึกปีติเพราะพวกเขาช่วยให้คนบางคนใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น ท่านอาจต้องการแบ่งปันประสบการณ์ของท่านเอง

เชื้อเชิญให้นักเรียนเขียนสิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำได้เพื่อช่วยงานของการช่วยจิตวิญญาณให้รอด ขอให้พวกเขานึกถึงคนบางคนที่พวกเขาจะช่วยได้

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:5 “ศิลาของเรา”

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:5 กล่าวว่าศาสนจักรของพระเจ้าควรสร้าง “บนรากฐานกิตติคุณของเราและศิลาของเรา” คู่มือพระคัมภีร์นิยาม ศิลา ว่า “ในเชิงเปรียบเทียบ คือพระเยซูคริสต์และพระกิตติคุณของพระองค์ ซึ่งเป็นรากฐานและเสาค้ำที่แข็งแกร่ง (คพ. 11:24; 33:12–13) ศิลา หมายถึงการเปิดเผยด้วย โดยการนี้พระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้พระกิตติคุณเป็นที่รู้แก่มนุษย์ (มธ. 16:15–18)” (คู่มือพระคัมภีร์, “ศิลา,” scriptures.lds.org)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:10 “ค่าของจิตวิญญาณยิ่งใหญ่ในสายพระเนตรของพระผู้เป็นเจ้า”

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟแห่งฝ่ายประธานสูงสุดสอนดังนี้

ประธานดีเทอร์ เอฟ. อุคท์ดอร์ฟ

“ทุกคนที่เราพบคือวีไอพี [บุคคลสำคัญมาก] ของพระบิดาบนสวรรค์ เมื่อเราเข้าใจเช่นนั้นแล้ว เราจะเริ่มเข้าใจว่าเราควรปฏิบัติกับเพื่อนพี่น้องของเราอย่างไร

“สตรีคนหนึ่งที่ผ่านพ้นการทดลองและความโศกเศร้าเป็นเวลานานหลายปีกล่าวพร้อมน้ำตาว่า ‘ดิฉันตระหนักว่าดิฉันเป็นเหมือนธนบัตรใบละ 20 เก่าๆ—ยับเยิน ฉีกขาด สกปรก ถูกย่ำยี และมีตำหนิ แต่ดิฉันก็ยังคงเป็นธนบัตร 20 เหรียญอยู่ ดิฉันมีค่าบางอย่าง ถึงแม้อาจดูเหมือนจะไม่มีค่ามากนัก และแม้ว่าจะยู่ยี่และใช้จนเก่า แต่ดิฉันก็ยังมีค่าเต็ม 20 เหรียญ’” (“เจ้าคือมือของเรา,” เลียโฮนา, พ.ค. 2010, 87)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 18:15–16 “หากเป็นไปว่าเจ้าจะทำงาน”

เรื่องราวต่อไปนี้แสดงให้เห็นความพยายามของประธานโธมัส เอส. มอนสันในการนำจิตวิญญาณมาหาพระผู้ช่วยให้รอด

ประธานโธมัส เอส. มอนสัน

“ความรับผิดชอบของข้าพเจ้าในฐานะอธิการมีมากมายหลากหลาย ข้าพเจ้าพยายามสุดความสามารถเพื่อทำทุกอย่างที่เรียกร้อง เวลานั้นสหรัฐเข้าร่วม … สงคราม เพราะสมาชิกหลายคนของเราอยู่ในกองทัพ งานมอบหมายจึงมาจากสำนักงานใหญ่ของศาสนจักรให้อธิการทุกคนสั่งซื้อ Church News และ Improvement Era ซึ่งเป็นนิตยสารศาสนจักรเวลานั้นให้ทหารทุกนาย ทั้งยังขอให้อธิการแต่ละคนเขียนจดหมายส่วนตัวถึงทหารแต่ละนายจากวอร์ดของตนทุกเดือนด้วย วอร์ดของเรามีทหารในเครื่องแบบ 23 นาย โควรัมฐานะปุโรหิตพยายามหาทุนสั่งซื้อสิ่งพิมพ์เหล่านั้น ส่วนข้าพเจ้ารับหน้าที่เขียนจดหมายส่วนตัว 23 ฉบับทุกเดือน หลังจากช่วงปีเหล่านั้นข้าพเจ้ายังเก็บสำเนาจดหมายของข้าพเจ้าและจดหมายตอบไว้หลายฉบับ น้ำตาไหลโดยง่ายเมื่ออ่านทวนจดหมายเหล่านี้ ปีติเกิดขึ้นเมื่อได้อ่านทวนคำปฏิญาณของทหารนายหนึ่งว่าจะดำเนินชีวิตตามพระกิตติคุณ ทหารนายหนึ่งตัดสินใจว่าเขากับครอบครัวจะยึดมั่นศรัทธา

“เย็นวันหนึ่งข้าพเจ้ายื่นจดหมาย 23 ฉบับของเดือนปัจจุบันให้สตรีคนหนึ่งในวอร์ด งานมอบหมายของเธอคือจัดการส่งไปรษณีย์และเปลี่ยนที่อยู่ให้เป็นปัจจุบันเสมอ เธอเหลือบดูซองหนึ่งและถามยิ้มๆ ว่า ‘อธิการคะคุณไม่เคยท้อบ้างหรือคะ นี่ก็จดหมายอีกฉบับถึงบราเดอร์บรายซัน เป็นฉบับที่ 17 แล้วนะคะแต่เขาไม่เคยตอบ’

“ข้าพเจ้าตอบว่า ‘เขาอาจจะตอบเดือนนี้ก็ได้’ ผลปรากฏว่าเขา ตอบ เดือนนั้นจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาตอบจดหมายของข้าพเจ้า จดหมายตอบของเขาเป็นสิ่งเตือนใจ เป็นสมบัติล้ำค่า เขารับใช้บนฝั่งไกลโพ้น โดดเดี่ยว คิดถึงบ้าน และหงอยเหงา เขาเขียนว่า ‘อธิการที่เคารพ ผมเขียนจดหมายไม่เก่ง’ (ข้าพเจ้าบอกเขาได้ อย่างนั้น เมื่อหลายเดือนก่อน) จดหมายเขียนต่อไปว่า ’ขอบคุณครับสำหรับ Church News และนิตยสาร แต่ขอบคุณมากที่สุดสำหรับจดหมายส่วนตัวครับ ผมกลับตัวกลับใจแล้ว ผมได้รับการวางมือแต่งตั้งเป็นปุโรหิตในฐานะปุโรหิตแห่งอาโรนแล้วครับ ใจผมอิ่มเอิบ ผมมีความสุขครับ’

“บราเดอร์บรายซันไม่ได้มีความสุขมากกว่าอธิการของเขา ข้าพเจ้าเรียนรู้ว่าภาษิตนี้ใช้ได้จริง ‘ทำหน้าที่ [ของท่าน] นั่นดีที่สุด แล้วปล่อยที่เหลือไว้กับพระเจ้า’ (Henry Wadsworth Longfellow, “The Legend Beautiful,” in The Complete Poetical Works of Longfellow [1893], 258)

“หลายปีต่อมา ขณะเข้าร่วมการประชุมสเตคคอทตอนวูด ซอลท์เลค สมัยเจมส์ อี. เฟาสท์รับใช้เป็นประธานสเตค ข้าพเจ้าเล่าเรื่องนั้นเพื่อพยายามกระตุ้นให้เอาใจใส่ใจทหารของเรา หลังเลิกประชุม ชายหนุ่มหน้าตาดีเดินมาข้างหน้า เขากุมมือข้าพเจ้าและถามว่า ‘อธิการมอนสันครับ ท่านจำผมได้ไหมครับ’

ข้าพเจ้านึกออกทันทีว่าเขาเป็นใคร ‘บราเดอร์บรายซัน!’ ข้าพเจ้าอุทาน ‘เป็นอย่างไรบ้าง คุณทำอะไรในศาสนจักร’

“เขาตอบด้วยความตื่นเต้นและภูมิใจว่า ‘สบายดีครับ ผมรับใช้ในฝ่ายประธานโควรัมเอ็ลเดอร์ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับสำหรับความห่วงใยของท่านและจดหมายส่วนตัวที่ท่านส่งให้ผม ผมเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีครับ’

“พี่น้องทั้งหลาย โลกต้องการความช่วยเหลือของเรา” (“จงเต็มใจและมีค่าควรแก่การรับใช้,” เลียโฮนา, พ.ค. 2012, 68–69)

ประธานโธมัส เอส. มอนสัน

“เมื่อข้าพเจ้ารับใช้เป็นอธิการ เช้าวันอาทิตย์วันหนึ่งข้าพเจ้าสังเกตว่าปุโรหิตคนหนึ่งหายไปจากการประชุมฐานะปุโรหิต ข้าพเจ้าฝากผู้ให้คำปรึกษาดูแลโควรัมแล้วจึงไปเยี่ยมบ้านของริชาร์ด คุณแม่ของเขาบอกว่าเขาทำงานอยู่ที่อู่ซ่อมรถเวสท์เทมเปิล

“ข้าพเจ้าขับรถไปหาริชาร์ดที่อู่และหาจนทั่วแต่ไม่พบ ทันใดนั้น ข้าพเจ้าได้รับการดลใจให้มองลงไปในหลุมถ่ายน้ำมันเครื่องข้างตึก ข้าพเจ้าเห็นตาวาวๆ สองดวงอยู่ในความมืด ข้าพเจ้าได้ยินริชาร์ดพูดว่า ‘ท่านพบผมแล้ว อธิการ! ผมจะขึ้นไป’ หลังจากนั้นเขาไม่เคยขาดการประชุมฐานะปุโรหิตอีกเลย

“ครอบครัวนั้นย้ายไปอยู่สเตคใกล้เคียง เวลาผ่านไป ข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์ส่งข่าวว่าริชาร์ดได้รับเรียกให้รับใช้งานเผยแผ่ในเม็กซิโก และครอบครัวเชิญข้าพเจ้าไปพูดที่การประชุมประจักษ์พยานอำลาของเขา ที่การประชุม เมื่อริชาร์ดพูดตอบ เขาบอกว่าจุดพลิกผันในการตัดสินใจเป็นผู้สอนศาสนาเกิดขึ้นเช้าวันอาทิตย์วันหนึ่ง—ไม่ใช่ในโบสถ์ แต่เมื่อเขาจ้องมองขึ้นจากบ่อที่เต็มไปด้วยน้ำมันที่ทั้งลึกและมืด เขาพบมือที่ประธานโควรัมของเขายื่นให้เขา

“ตลอดเวลาที่ผ่านมาริชาร์ดยังคงติดต่อกับข้าพเจ้าเสมอ เขาเล่าประจักษ์พยานของเขา ครอบครัวของเขา และการรับใช้อย่างซื่อสัตย์ของเขาในศาสนจักร รวมทั้งการเรียกให้เขาเป็นอธิการด้วย” (“พวกเขาจะมา,” เลียโฮนา, ก.ค. 1997, 56)