เซมินารีและสถาบัน
บทที่ 133: หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84–145, 125–126


บทที่ 133

หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84–145; 125–126

คำนำ

บทนี้เป็นบทสุดท้ายในสามบทที่สนทนา หลักคำสอนและพันธสัญญา 124 ทั้งยังสนทนา หลักคำสอนและพันธสัญญา 125 และ 126ด้วย ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84–145พระเจ้าประทานคำแนะนำแก่สมาชิกแต่ละคนของศาสนจักรและระบุชื่อคนที่จะรับใช้ในตำแหน่งต่างๆ ของผู้นำฐานะปุโรหิต ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1841 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่อยู่ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 125ซึ่งพระเจ้าทรงเปิดเผยพระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวกับการรวบรวมวิสุทธิชนในอาณาเขตไอโอวา วันที่ 9 กรกฎาคม ค.ศ. 1841 ท่านได้รับการเปิดเผยที่อยู่ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 126ซึ่งพระเจ้ารับสั่งกับบริคัม ยังก์ว่าพระองค์จะไม่ทรงเรียกร้องให้เขาจากครอบครัวไปรับใช้งานเผยแผ่อีก

ข้อเสนอแนะสำหรับการสอน

หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84–122

พระเจ้าประทานคำแนะนำเป็นรายตัว

ก่อนชั้นเรียน ให้เขียนหลักธรรมต่อไปนี้ใส่กระดาษ: หากเราสดับฟังคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ จะดีกับเรา นำกระดาษใส่ซอง และเขียนหน้าซองว่า วิธีที่เราจะได้รับพรเวลานี้และตลอดไป

เริ่มบทเรียนโดยให้นักเรียนดูซอง บอกพวกเขาว่าในนี้แนะนำวิธีที่พวกเขาสามารถมีความสุขเวลานี้ หลีกเลี่ยงความท้าทายที่ไม่จำเป็นในชีวิต และได้รับพรอื่นๆ อธิบายว่าคำแนะนำประยุกต์ใช้ได้กับพวกเขาแต่ละคน แม้สภาวการณ์ของพวกเขาไม่เหมือนกัน เชื้อเชิญให้นักเรียนไต่รตรองคำถามต่อไปนี้

  • การได้รับคำแนะนำในซองจะสำคัญต่อท่านเพียงใด

  • หากท่านได้รับคำแนะนำ ท่านจะทำตามอย่างใกล้ชิดเพียงไรเมื่อท่านได้รับแล้ว

ลอก แผนภูมิที่ให้มา ไว้บนกระดานก่อนชั้นเรียนเริ่ม ให้ดูแผนภูมิ และอธิบายว่าใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84–118 พระเจ้าประทานคำแนะนำเป็นรายตัวแก่สมาชิกบางคนของศาสนจักรซึ่งหากพวกเขาทำตามพระองค์ทรงสัญญาจะประทานพรอันสำคัญยิ่ง เชื้อเชิญให้นักเรียนแต่ละคนอ่านพระคัมภีร์อ้างอิงบนกระดานสองข้อหรือมากกว่านั้นในใจ ขอให้พวกเขา มองหา ความคล้ายคลึงระหว่างคำแนะนำที่ประทานให้แต่ละคน

วิลเลียม ลอว์ (คพ. 89–90)

ไฮรัม สมิธ (คพ. 94–96)

เอมอส เดวีส์ (คพ. 111–114)

โรเบิร์ต ฟอสเตอร์ (คพ. 115–118)

หลังจากนักเรียนมีเวลาอ่านพอสมควรแล้ว ให้ถามคำถามต่อไปนี้

  • ท่านสังเกตเห็นความคล้ายคลึงอะไรในคำแนะนำที่ประทานแก่คนเหล่านี้ (แต่ละข้อความมีพระบัญชาให้ทำตามคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ)

เชื้อเชิญให้นักเรียนทบทวนข้อที่พวกเขาอ่านและมองหาพรที่พระเจ้าทรงสัญญาหากคนเหล่านี้ทำตามคำแนะนำที่พระองค์ประทาน ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ เขียนคำตอบของพวกเขาไว้บนกระดาน

  • ท่านจะสรุปสัญญาที่พระเจ้าทรงทำกับคนเหล่านี้ว่าอย่างไรหากพวกเขาสดับฟังท่านศาสดาพยากรณ์

เชื้อเชิญให้นักเรียนคนหนึ่งเปิดซองและอ่านออกเสียงหลักธรรมที่เขียนใส่กระดาษ

  • พรที่สัญญาไว้แต่ละอย่างบนกระดานเกี่ยวข้องอย่างไรกับวลี “จะดีกับเรา”

ขอให้นักเรียนเขียนคำแนะนำที่ประธานศาสนจักรให้ไว้ในปีหลังๆ ออกมาเป็นข้อๆ และเชิญนักเรียนคนหนึ่งเขียนคำตอบของพวกเขาไว้บนกระดาน

  • ท่านเคยได้รับพรอย่างไรจากการสดับฟังคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ (ท่านอาจจะแบ่งปันประสบการณ์ด้วย)

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้าตรัสว่าสมาชิกศาสนจักรชื่อแอลมัน แบบบิตต์ทำมาตลอดแทนที่จะทำตามคำแนะนำของฝ่ายประธานสูงสุด

  • ตามที่กล่าวไว้ใน ข้อ 84 แอลมัน แบบบิตต์ทำอะไรแทนที่จะทำตามคำแนะนำของฝ่ายประธานสูงสุด (เขามุ่งมาดปรารถนาจะสถาปนาคำแนะนำของเขา ท่านอาจต้องการอธิบายว่าเขาพยายามชักชวนให้บางคน “เลิกกลางคัน” คือไม่ยอมอพยพไปให้ถึงนอวูแต่ไปตั้งรกรากในเคิร์ทแลนด์แทน [ดู History of the Church, 4:476])

  • มีตัวอย่างอะไรบ้างที่แสดงว่าผู้คนอาจจะสถาปนาคำแนะนำของตนในสมัยของเรา

เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาคำตอบของคำถามที่พวกเขาไตร่ตรองตอนต้นบทเรียนเกี่ยวกับความปรารถนาจะได้รับและทำตามคำแนะนำในซอง ขอให้พวกเขาเขียนเป้าหมายบางอย่างเพื่อปรับปรุงความพยายามของตนในการสดับฟังคำแนะนำของศาสดาพยากรณ์ที่มีชีวิตทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะได้รับพรที่สัญญาไว้

สรุป หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:119–122 โดยอธิบายว่าพระเจ้าประทานคำแนะนำเพิ่มเติมแก่ศาสนจักรเกี่ยวกับการก่อสร้างบ้านนอวูซึ่งจะเป็นโรงแรมของศาสนจักร

หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:123–145

พระเจ้าทรงระบุชื่อคนที่จะรับใช้ในตำแหน่งต่างๆ ของผู้นำฐานะปุโรหิต

ขอให้นักเรียนเขียนชื่อตำแหน่งผู้นำฐานะปุโรหิตบางตำแหน่งในศาสนจักร

อธิบายว่าใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:123–145พระเจ้าทรงระบุชื่อบุคคลที่จะรับใช้ในตำแหน่งผู้นำฐานะปุโรหิต ขอให้นักเรียนครึ่งชั้นค้นคว้า ข้อ 123–132 และอีกครึ่งชั้นค้นคว้า ข้อ 133–142โดยมองหาตำแหน่งผู้นำฐานะปุโรหิตที่พระเจ้าตรัสถึง ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ และเขียนตำแหน่งผู้นำฐานะปุโรหิตที่ยังไม่ได้เขียนไว้บนกระดาน

ขอให้นักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:143 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาเหตุผลที่พระเจ้าทรงเรียกผู้นำฐานะปุโรหิตและประทานกุญแจฐานะปุโรหิต

  • เหตุใดพระเจ้าทรงเรียกผู้นำฐานะปุโรหิตและประทานกุญแจฐานะปุโรหิต (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: พระเจ้าทรงเรียกผู้นำฐานะปุโรหิตให้ปกครองงานปฏิบัติศาสนกิจและช่วยทำให้วิสุทธิชนดีพร้อม)

เชื้อเชิญให้นักเรียนพิจารณาด้านต่างๆ ที่ผู้นำฐานะปุโรหิตเคยช่วยพวกเขาขณะพวกเขาพยายามติดตามพระเยซูคริสต์ให้ดีขึ้นและเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้น ท่านอาจต้องการเชิญนักเรียนสองสามคนแบ่งปันประสบการณ์

หลักคำสอนและพันธสัญญา 125

พระเจ้าทรงบัญชาให้วิสุทธิชนไปรวมกันยังสถานที่ซึ่งพระองค์ทรงกำหนด

อธิบายว่าหลังจากวิสุทธิชนถูกขับไล่ออกจากมิสซูรีในฤดูหนาว ค.ศ. 1838–1839 พวกเขาเดินทางเข้าไปในอิลลินอยส์และไอโอวา ซึ่งพวกเขาตั้งรกรากริมแม่น้ำมิสซิสซิปปีทั้งสองฝั่ง สรุปการเปิดเผยที่บันทึกไว้ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 125 โดยอธิบายว่าได้รับในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1841 และเปิดเผยพระประสงค์ของพระเจ้าเกี่ยวกับวิสุทธิชนผู้อาศัยอยู่ในอาณาเขตไอโอวาและผู้วางแผนจะไปที่นั่น ในการเปิดเผยนี้พระเจ้ารับสั่งให้วิสุทธิชนไปรวมกันและเสริมสร้างสถานที่ซึ่งพระเจ้าจะทรงกำหนดผ่านศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธ รวมทั้งเมืองหนึ่งในไอโอวาชื่อว่าเซราเฮ็มลา ศาสนจักรซื้อที่ดินในไอโอวามากกว่าในอิลลินอยส์ มีนัยว่าผู้นำศาสนจักรไม่มีเจตนาจะให้วิสุทธิชนทุกคนตั้งรกรากในนอวู

หลักคำสอนและพันธสัญญา 126

พระเจ้าไม่ทรงเรียกร้องให้บริคัม ยังก์จากครอบครัวไปรับใช้งานเผยแผ่อีก

เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกภาพว่าจะเป็นอย่างไรหากต้องจากครอบครัวไปรับใช้งานเผยแผ่เพื่อพระเจ้าในช่วงฤดูร้อนห้าช่วงติดต่อกันและจากนั้นได้รับเรียกให้ไปรับใช้งานเผยแผ่ในต่างประเทศเกือบสองปี

  • ท่านจะรู้สึกอย่างไรกับการจากครอบครัวหลายครั้งขนาดนั้น

  • ท่านจะรู้สึกอย่างไรหากท่านต้องรับผิดชอบจัดหาสิ่งจำเป็นให้ครอบครัว

บอกนักเรียนว่าหลังจากบริคัม ยังก์เข้าร่วมศาสนจักรในเดือนเมษายน ค.ศ. 1832 ท่านรับใช้งานเผยแผ่หลายครั้งตลอดเก้าปี งานเผยแผ่ครั้งแรกของท่านอยู่ในช่วงฤดูหนาวหลังจากท่านรับบัพติศมา อีกห้าครั้ง รวมทั้งการเข้าร่วมค่ายไซอัน เกิดขึ้นทุกฤดูร้อนตั้งแต่ปี 1833 ถึง 1837 งานเผยแผ่เหล่านี้นานสามถึงห้าเดือน วันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1838 บริคัม ยังก์กับอัครสาวกท่านอื่นได้รับเรียกให้รับใช้งานเผยแผ่ในเกรตบริเตน พวกท่านทำตามคำแนะนำของพระเจ้าให้ออกเดินทางจากฟาร์เวสต์ มิสซูรีไปทำงานเผยแผ่วันที่ 26 เมษายน ค.ศ. 1839 (ดู คพ. 118) บริคัม ยังก์และอัครสาวกท่านอื่นใช้ช่วงไม่กี่เดือนต่อจากนั้นในไอโอวาและอิลลินอยส์เพื่อเตรียมตัวเดินทางไปเกรตบริเตน โรคมาเลเรียระบาดละแวกนั้นในฤดูร้อนปี 1839 และพวกท่านติดโรคด้วย

อ่านออกเสียงคำกล่าวต่อไปนี้ของบริคัม ยังก์ ขอให้ชั้นเรียนฟังเจตคติของบริคัม ยังก์ต่อการรับใช้พระเจ้าทั้งที่ป่วยหนักจนต้องมีคนช่วยท่านขึ้นเกวียนเมื่อท่านออกเดินทาง

ประธานบริคัม ยังก์

“ข้าพเจ้าตั้งใจจะไปอังกฤษหรือไม่ก็จะพยายามจนตาย ความตั้งใจแน่วแน่ของข้าพเจ้าคือข้าพเจ้าจะทำสิ่งที่เรียกร้องให้ทำในพระกิตติคุณแห่งชีวิตและความรอด หรือไม่ก็ยอมตายขณะพยายามทำเช่นนั้น” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: บริคัม ยัง [1997], 6)

อธิบายว่าการรับใช้เป็นผู้สอนศาสนาของบริคัม ยังก์เรียกร้องการเสียสละในส่วนของครอบครัวท่านด้วย เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านใจความสรุปต่อไปนี้เกี่ยวกับสภาวการณ์ของครอบครัวบริคัม ยังก์เมื่อท่านจากไปทำงานเผยแผ่ในเกรตบริเตน

บริคัม ยังก์ออกจากมอนโทรส ไอโอวาไปเกรตบริเตนวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1839 เพียง 10 วันหลังจาก แมรี แอนภรรยาท่านให้กำเนิดลูกคนที่สี่ แมรี แอนกำลังป่วยเป็นมาเลเรียด้วย นี่เป็นครั้งที่ห้าตั้งแต่พวกท่านแต่งงานกันที่เธอส่งบริคัมไปทำงานเผยแผ่ การถูกขับไล่ออกจากบ้านและสูญเสียทรัพย์สินส่วนใหญ่ในมิสซูรีเมื่อปีก่อนทำให้พวกท่านแร้นแค้นอย่างยิ่ง บริคัมฝากเงินไว้ให้แมรี แอนเลี้ยงดูครอบครัวได้เพียง 2.72 ดอลลาร์เท่านั้น บริคัมกับแมรี แอนวางใจว่าพระเจ้าจะทรงจัดหาและมั่นใจในสัญญาจากศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธว่าครอบครัวของอัครสาวกจะได้รับการดูแลตามความจำเป็นของพวกเขาขณะอัครสาวกออกไปทำงานเผยแผ่ (ดู ลีโอนาร์ด เจ. อาร์ริงตัน, Brigham Young: American Moses [1985], 74–75, 413, 420.)

อธิบายว่าหลังจากเป็นหัวหน้างานเผยแผ่ศาสนาของศาสนจักรในเกรตบริเตน บริคัม ยังก์มาถึงนอวู อิลลินอยส์วันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1841 ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธได้รับการเปิดเผยที่อยู่ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 126 แปดวันต่อมา

เชิญนักเรียนคนหนึ่งอ่านออกเสียง หลักคำสอนและพันธสัญญา 126:1–3 ขอให้ชั้นเรียนดูตามโดยมองหาสิ่งที่พระเจ้ารับสั่งกับบริคัมเกี่ยวกับการรับใช้ของเขา ขอให้นักเรียนรายงานสิ่งที่พบ (ท่านอาจต้องการอธิบายว่า ความเหนื่อยยาก หมายถึงทำงานขยันหมั่นเพียรมาเป็นเวลานาน)

อธิบายว่าถึงแม้พระเจ้าไม่ทรงเรียกร้องให้บริคัม ยังก์จากครอบครัวอีก แต่ท่านทำงานเผยแผ่ช่วงสั้นๆ อีกหลายครั้งหลังจากนั้น เชื้อเชิญให้นักเรียนระบุหลักธรรมจาก ข้อ 1–2 ที่สอนว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากเราทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรเพื่อพระเจ้า (นักเรียนอาจใช้คำพูดต่างกัน แต่พวกเขาควรระบุหลักธรรมต่อไปนี้: หากเราทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรเพื่อพระเจ้า พระองค์จะทรงยอมรับเครื่องถวายที่ชอบธรรมของเรา ท่านอาจต้องการเสนอแนะให้นักเรียนเขียนหลักธรรมนี้ไว้ตรงช่องว่างริมหน้าพระคัมภีร์ของพวกเขา)

  • ท่านเคยรู้สึกเมื่อใดว่าพระเจ้าพอพระทัยการรับใช้ของท่าน

เชื้อเชิญให้นักเรียนนึกถึงโอกาสรับใช้พระเจ้าที่พวกเขามี กระตุ้นให้พวกเขาทำตามตัวอย่างของผู้นำเช่นบริคัม ยังก์ที่ได้ทำงานอย่างขยันหมั่นเพียรในโอกาสเหล่านี้ แบ่งปันประจักษ์พยานของท่านว่าพระเจ้าจะทรงยอมรับเครื่องถวายที่ชอบธรรมจากความขยันหมั่นเพียรของเราในงานของพระองค์

บทวิจารณ์และข้อมูลภูมิหลัง

หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84–86 แอลมัน แบบบิตต์

แอลมัน แบบบิตต์เป็นสมาชิกคนหนึ่งของค่ายไซอันและได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกโควรัมที่หนึ่งของสาวกเจ็ดสิบเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1835 แอลมันมีประวัติว่าเพิกเฉยคำแนะนำของผู้นำศาสนจักรและชักนำผู้อื่นให้ทำตามการตัดสินใจของตน

ใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 124:84พระเจ้าทรงใช้การเปรียบเทียบเรื่องวัวทองคำ (ดู อพยพ 32) เพื่ออธิบายพฤติกรรมของแอลมัน แบบบิตต์ แอลมันยกคำแนะนำของตนขึ้นมาให้วิสุทธิชนทำตามแทนที่จะทำตามคำแนะนำของพระเจ้าที่ประทานผ่านฝ่ายประธานสูงสุด

หลักคำสอนและพันธสัญญา 126:1 งานเผยแผ่ของโควรัมอัครสาวกสิบสองในเกรตบริเตน

“ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1840 เมื่ออัครสาวกคนอื่นๆ มาถึงบริติชไอลส์ บริคัม ยังก์ผู้รับหน้าที่นำศาสนจักรในคณะเผยแผ่บริติชเรียกพี่น้องชายมาร่วมการประชุมใหญ่สามัญของศาสนจักรในเพรสตัน … กิจธุระอันดับแรกคือการแต่งตั้งวิลลาร์ด ริชาร์ดส์ [ผู้รับใช้ในฝ่ายประธานคณะเผยแผ่] ให้เป็นอัครสาวกตามการเปิดเผยในปี 1838 [ดู คพ. 118:6] … เวลานี้มีอัครสาวกแปดคนในบริติชไอลส์ ได้แก่ บริคัม ยังก์, ฮีเบอร์ ซี. คิมบัลล์, พาร์ลีย์ พี. แพรทท์, ออร์สัน แพรทท์, จอห์น เทย์เลอร์, วิลฟอร์ด วูดรัฟฟ์, จอร์จ เอ. สมิธ และ วิลลาร์ด ริชาร์ดส์ อีกสองคนคือวิลเลียม สมิธกับจอห์น อี. เพจไม่ได้ทำงานเผยแผ่บริเตน ออร์สัน ไฮด์มาถึงทีหลัง เขาทำงานกับพี่น้องชายหลายเดือนในอังกฤษ จากนั้นจึงไปปาเลสไตน์เพื่ออุทิศแผ่นดินนั้นสำหรับการกลับมาของชาวยิว เวลานั้นยังคงมีตำแหน่งว่างหนึ่งตำแหน่งในอัครสาวกสิบสอง” (ประวัติศาสนจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2003], 244)

ขณะที่บริคัม ยังก์กำกับดูแลการขยายงานเผยแผ่ศาสนาทั่วบริติชไอลส์ ท่านแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถมากทางวิญญาณและงานบริหาร ภายใต้การกำกับดูแลของบริคัม ยังก์และอัครสาวกคนอื่นๆ ศาสนจักรเติบโตเป็นประวัติการณ์ในเกรตบริเตน เมื่อถึงเวลาที่อัครสาวกส่วนใหญ่ออกจากอังกฤษราวปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 1841 ราว 7,000 ถึง 8,000 คนเข้าร่วมศาสนจักร และมีประมาณ 1,000 คนในจำนวนนั้นอพยพไปนอวูในอีกไม่กี่เดือนต่อมา

“งานเผยแผ่ครั้งนี้เป็นเวลาสำคัญของการฝึกฝนและทำให้โควรัมอัครสาวกสิบสองเติบโตเต็มที่ บริคัม ยังก์ได้เสริมทักษะการเป็นผู้นำที่ท่านจะต้องใช้อีกไม่นานในนอวู … การทดลองและการเสียสละในบริเตน รวมทั้งการทำงานให้บรรลุเป้าหมายร่วมกัน ส่งผลให้อัครสาวกสิบสองเป็นหนึ่งเดียวกันจนมั่นใจว่าศาสนจักรจะมีผู้นำที่เข้มแข็งแน่นอนในหลายปีข้างหน้า (ประวัติศาสนาจักรในความสมบูรณ์แห่งเวลา, 248)

หลักคำสอนและพันธสัญญา 126:3 ความเอาใจใส่ครอบครัวของบริคัม ยังก์

หลังกลับจากเกรตบริเตน บริคัม ยังก์ทำตามพระบัญชาของพระเจ้าให้ “เอาใจใส่ครอบครัว [ของท่าน] เป็นพิเศษ” (คพ. 126:3) ท่านใช้เวลาทุกวันอบรมสั่งสอนและสวดอ้อนวอนกับลูกๆ ผู้จำได้ว่าท่านเป็นบิดาที่อ่อนโยนและรักพวกเขา

บริคัม ยังก์อายุ 40 ปีเมื่อได้รับการเปิดเผยใน หลักคำสอนและพันธสัญญา 126 แต่เรื่องราวต่อไปนี้แสดงให้เห็นว่าท่านทุ่มเทให้ครอบครัวมายาวนาน

“เมื่ออายุ 23 ปีท่านแต่งงานกับมิเรียม แองเจลีน เวิร์คส์ ทั้งคู่มีลูกสาวสองคน บริคัมจุนเจือครอบครัวด้วยการทำและซ่อมเก้าอี้ โต๊ะ ตู้ และติดตั้งหน้าต่าง ประตู บันได รวมทั้งแท่นเตาผิง …

“เมื่อมิเรียมติดเชื้อวัณโรค บริคัมต้องรับภาระงานส่วนใหญ่ของเธอเพิ่มจากงานประจำของท่าน เมื่อเธอป่วยหนักยิ่งกว่าเดิม ท่านเตรียมอาหารเช้าให้ครอบครัวเป็นประจำ แต่งตัวให้ลูกสาว ทำความสะอาดบ้าน และ ‘อุ้มภรรยาไปนั่งเก้าอี้โยกใกล้เตาผิงและปล่อยเธอไว้ที่นั่นจนกว่าท่านจะกลับบ้านตอนเย็น’ มาทำอาหารค่ำ พาสมาชิกครอบครัวเข้านอน และทำงานบ้านให้เสร็จ [Susa Young Gates and Leah D. Widtsoe, The Life Story of Brigham Young (1930), 5] ประสบการณ์ของท่านในวัยเยาว์และชีวิตแต่งงานช่วงแรกในการดูแลลูกและบริหารจัดการครอบครัวสอนท่านมากเกี่ยวกับการร่วมแรงร่วมใจของครอบครัวและการดูแลบ้าน หลายปีต่อมาท่านแนะนำวิสุทธิชนในเรื่องเหล่านี้และคุยอวดเล่นๆ ว่า ท่านเก่ง ‘การบ้านการเรือนมากกว่าสตรีส่วนใหญ่ในชุมชน’ [Deseret News, Aug. 12, 1857, 4]” (คำสอนของประธานศาสนาจักร: บริคัม ยัง [1997], 2)

“นอกจากจะสามารถใช้เวลากับครอบครัวหลังจากการเปิดเผยนี้ [คพ. 126] ได้มากกว่าที่เคยใช้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว บริคัม ยังก์ได้อยู่ใกล้ศาสดาพยากรณ์โจเซฟ สมิธมากด้วย (ยี่สิบแปดเดือนในช่วงสามสิบหกเดือนสุดท้ายของชีวิตโจเซฟ)

“เห็นชัดว่าพระเจ้าทรงรู้อนาคตของบริคัม ยังก์และอนาคตของศาสนจักร พระองค์จึงทรงให้บริคัมอยู่ใกล้โจเซฟทั้งนี้เพื่อเขาจะได้เรียนรู้สิ่งที่เขาจำเป็นต้องรู้เพื่อนำศาสนจักรหลังจากโจเซฟเสียชีวิต” (คำสอนและพันธสัญญา คู่มือนักเรียน, ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 [คู่มือระบบการศึกษาของศาสนจักร, 2001], 409)

ถึงแม้บริคัมไม่ต้องจากครอบครัวไปรับใช้งานเผยแผ่อีก แต่ท่านยังคงรับใช้งานเผยแผ่ช่วงสั้นอีกหลายครั้งก่อนท่านศาสดาพยากรณ์สิ้นชีวิต